มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2016 สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                                   ยรม 28:1-17
     ปีเดียวกันนั้น เมื่อเริ่มรัชกาลของกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ในเดือนที่ห้า ปีที่สี่ ประกาศกฮานันยาห์ บุตรของอัสซูร์จากเมืองกิเบโอน พูดกับข้าพเจ้าในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าบรรดาสมณะและประชากรทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ ‘เราได้หักแอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลนแล้ว ภายในสองปี เราจะนำเครื่องใช้ทั้งหมดของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนริบจากที่นี่ขนไปยังกรุงบาบิโลน กลับมาที่นี่อีก เราจะนำเยโคนิยาห์ พระโอรสของกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ และบรรดาผู้ถูกกวาดต้อนจากยูดาห์ไปยังกรุงบาบิโลนกลับมา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เพราะเราจะหักแอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลน’”
     ประกาศกเยเรมีย์จึงตอบประกาศกฮานันยาห์ ต่อหน้าบรรดาสมณะและประชากรทั้งปวงซึ่งอยู่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ประกาศกเยเรมีย์พูดว่า “สาธุ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเช่นนี้เถิด ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ถ้อยคำที่ท่านได้ประกาศนั้นเป็นจริง ทรงนำเครื่องใช้ทั้งหมดของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และผู้ถูกกวาดต้อนทุกคนกลับจากกรุงบาบิโลนมายังสถานที่นี้เถิด แต่จงฟังถ้อยคำนี้ซึ่งข้าพเจ้ากำลังจะพูดให้ท่านและประชากรทั้งปวงได้ยิน บรรดาประกาศกซึ่งอยู่ก่อนข้าพเจ้าและก่อนท่านนานมาแล้ว ได้ประกาศพระวาจาเรื่องสงคราม การขาดแคลนอาหารและโรคระบาด ว่าจะเกิดขึ้นแก่หลายแผ่นดินและอาณาจักรยิ่งใหญ่ ส่วนประกาศกผู้ประกาศว่าจะมีสันติภาพ ถ้าถ้อยคำของประกาศกผู้นั้นเป็นความจริง ก็จะรู้กันว่าเขาเป็นประกาศกที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมาอย่างแท้จริง”
    ประกาศกฮานันยาห์จึงกระชากแอกออกจากบ่าของประกาศกเยเรมีย์และหักแอกนั้น แล้วฮานันยาห์ก็พูดต่อหน้าประชากรทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ เราจะหักแอกของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนออกจากบ่าของชนชาติทั้งหลายเช่นนี้ภายในสองปี” เมื่อได้ยินดังนี้ ประกาศกเยเรมีย์ก็เดินจากไป
     เมื่อประกาศกฮานันยาห์ได้หักแอกจากบ่าของประกาศกเยเรมีย์แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับประกาศกเยเรมีย์ว่า “จงไปบอกฮานันยาห์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘ท่านได้หักแอกไม้ แต่เราจะทำแอกเหล็กมาวางไว้แทน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ เราได้วางแอกเหล็กไว้บนบ่าของชนชาติทั้งหมดนี้ให้เป็นทาสรับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน เขาทั้งหลายจะรับใช้พระองค์ เรายังได้มอบสัตว์ป่าต่างๆ แก่พระองค์ด้วย’”
     ประกาศกเยเรมีย์พูดกับประกาศกฮานันยาห์ว่า “ฮานันยาห์เอ๋ย จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงส่งท่านมา แต่ท่านได้ทำให้ประชากรนี้วางใจในการมุสา ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสดังนี้ว่า ‘ดูซิ เรากำลังจะขับไล่ท่านออกไปจากพื้นแผ่นดิน ในปีนี้เอง ท่านจะต้องตาย เพราะท่านได้ชักชวนประชากรให้เป็นกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า’” ในปีนั้น เดือนที่เจ็ด ประกาศกฮานันยาห์ก็ตาย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 14:13-21
     เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบข่าวนี้ได้เสด็จออกจากที่นั่นลงเรือไปยังที่สงัดตามลำพัง เมื่อประชาชนรู้ต่างก็เดินเท้าจากเมืองต่างๆมาเฝ้าพระองค์เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือทรงเห็นประชาชนจำนวนมากก็ทรงสงสารและทรงรักษาผู้เจ็บป่วยให้หายจากโรค
     เมื่อถึงเวลาเย็นบรรดาศิษย์เข้ามาทูลพระองค์ว่า “สถานที่นี้เป็นที่เปลี่ยวและเป็นเวลาเย็นมากแล้วขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนไปตามหมู่บ้านเพื่อซื้ออาหารเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เขาไม่จำเป็นต้องไปจากที่นี่ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลตอบว่า “ที่นี่เรามีขนมปังเพียงห้าก้อนกับปลาสองตัวเท่านั้น” พระองค์จึงตรัสว่า “เอามาให้เราที่นี่เถิด” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นหญ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึ้นมาทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้าทรงกล่าวถวายพระพรทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกแก่ประชาชนทุกคนได้กินจนอิ่มแล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้ถึงสิบสองกระบุงจำนวนคนที่กินมีผู้ชายประมาณห้าพันคนไม่นับผู้หญิงและเด็ก

 

ข้อคิด
    เรื่องอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงทวีขนมปังเป็นอัศจรรย์เดียวที่ปรากฏอยู่ในพระวรสารครบทั้งสี่ฉบับ เป็นเรื่องที่เตือนใจเราว่า เราเองก็เป็นเหมือนกับบรรดาศิษย์ที่มีไม่พอ และความไม่พอนี้ดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราโดยส่วนใหญ่ แต่เมื่อเรานำมามอบให้พระเจ้าและรำลึกถึงบทภาวนาข้าแต่พระบิดาว่า เป็นพระเจ้าที่ทรงประทานอาหารประจำวันให้แก่เรา และด้วยความวางใจอันแท้จริง เราก็รู้สึกได้ถึงความอิ่มเอม วันนี้เป็นวันฉลองนักบุญอัลฟองโซ เดอ ลิโกวรี พระสังฆราชและนักปราชญ์ที่เป็นอีกคนที่มีจิตใจร้อนรนต่อผู้ที่ถูกทอดทิ้งมากที่สุดในสังคม จากชีวิตที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ท่านสละเพื่อมาใช้ชีวิตเทศน์สอนชาวปศุสัตว์ในถิ่นที่ห่างไกล และด้วยความเข้าใจในความเป็นจริงในสังคม ท่านได้ปรับเปลี่ยนท่าทีของคริสตจริยศาสตร์ให้สอดคล้อง เปิดกว้าง และเชื้อเชิญให้คนกลับมาสู่อ้มพระหัตถ์พระเจ้า

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2016 น.เอวเซบิโอ แวร์แชลลี พระสังฆราช

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                                   ยรม 30:1-2,12-15,18-22
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเยเรมีย์ว่า“องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ จงเขียนถ้อยคำทุกคำที่เราได้บอกท่านไว้ในหนังสือเพื่อจะอ่านในภายหลัง
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ บาดแผลของท่านรักษาไม่หาย รอยฟกช้ำของท่านก็สาหัสไม่มีผู้ใดช่วยแก้คดีของท่าน ไม่มียารักษาบาดแผลของท่าน ท่านจะไม่มีวันหายเจ็บ คนรักทุกคนของท่านได้ลืมท่าน เขาไม่แสวงหาท่านอีกแล้ว เพราะเราเฆี่ยนตีท่านเหมือนศัตรูโบยตี เป็นการลงโทษอย่างที่คนโหดร้ายทำ เพราะความผิดของท่านใหญ่หลวง บาปของท่านมากมายทำไมท่านจึงร้องเพราะบาดแผล รอยฟกช้ำของท่านรักษาไม่ได้ เพราะความชั่วร้ายของท่านใหญ่หลวง บาปของท่านมากมาย เราได้ทำสิ่งเหล่านี้แก่ท่าน
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ เราจะตั้งกระโจมของยาโคบให้กลับดีเหมือนเดิม เราจะสงสารที่อาศัยของเขา เมืองจะถูกสร้างขึ้นอีกบนกองซากปรักหักพัง พระราชวังจะถูกตั้งขึ้นอีกในที่เดิมเพลงขอบพระคุณและเสียงของผู้ฉลองยินดีจะออกมาจากที่เหล่านั้น เราจะทวีจำนวนของเขา เขาจะไม่ลดจำนวนลง เราจะให้เกียรติเขา เขาจะไม่ถูกเหยียดหยาม ลูกหลานของเขาจะเป็นเหมือนเดิม ชุมชนของเขาจะมั่นคงอยู่ต่อหน้าเรา เราจะลงโทษทุกคนที่เบียดเบียนเขาเจ้านายจะเป็นคนหนึ่งจากหมู่ของเขา ผู้ปกครองจะมาจากหมู่ของเขา เราจะทำให้ผู้นั้นเข้ามาใกล้ และเขาจะเข้ามาใกล้เรา เพราะผู้ใดจะกล้าเสี่ยงชีวิตเข้ามาใกล้เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ท่านทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                      มธ 14:22-36
     ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามทะเลสาบล่วงหน้าพระองค์ไปในขณะที่พระองค์ทรงจัดให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนาตามลำพัง ครั้นเวลาค่ำ พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรืออยู่ห่างจากฝั่งหลายร้อยเมตร กำลังแล่นโต้คลื่นอย่างหนักเพราะทวนลม เมื่อถึงยามที่สี่ พระองค์ทรงดำเนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ เมื่อบรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงดำเนินอยู่บนทะเลดังนั้น ต่างตกใจมากกล่าวว่า “ผีมา” และส่งเสียงอื้ออึงด้วยความกลัว ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนน้ำไปหาพระองค์เถิด” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนน้ำไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็กลัวและเริ่มจมลง แล้วร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย” ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง สงสัยทำไมเล่า” เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นมาประทับในเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนที่อยู่ในเรือจึงเข้ามากราบนมัสการพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง”
     พระเยซูเจ้าทรงข้ามฟากพร้อมกับบรรดาศิษย์มาขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเรท ผู้คนที่นั่นจำพระองค์ได้ จึงส่งข่าวต่อๆ กันไปทั่วบริเวณนั้น เขานำผู้เจ็บป่วยทุกคนมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอสัมผัสเพียงฉลองพระองค์เท่านั้น และทุกคนที่สัมผัสแล้ว ก็หายจากโรค

 

ข้อคิด
     สิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับเปโตรคือการที่เขากล้าที่จะออกไปจากเรือเพื่อออกไปเผชิญกับสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ในขณะเดียวกัน เปโตรเองก็มีความไว้ใจและเชื่อในองค์พระเยซูเจ้าเป็นแรงผลักดันให้เขากล้าที่จะก้าวพ้นความกังวลว่าจะทำไม่ได้ในจิตใจของเขา เมื่อเวลาที่เปโตรกำลังจมลงเพราะความกลัวปกคุลมในจิตใจ เขาเองก็กล้าที่จะเรียกหาความช่วยเหลือจากพระเยซูเจ้า และเปิดรับการช่วยเหลือจากพระเยซูเจ้า เพราะฉะนั้น การที่เราร้องเรียกหาพระองค์อยู่เสมอๆ เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นและความไว้ใจว่าพระเยซูเจ้าทรงเดินอยู่ข้างเราตลอดเวลา พระองค์ไม่ทรงทิ้งเราให้เดินเดียวดาย เพียงแต่ขอให้เราเชื่อมั่นและไว้วางใจในพระเยซูเจ้าอยู่เสมอ

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม 2016ระลึกถึง น.ยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ พระสงฆ์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                                    ยรม31:31-34
     “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับพงศ์พันธุ์อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ยูดาห์ จะไม่เหมือนกับพันธสัญญาที่เราทำไว้กับบรรพบุรุษของเขา เมื่อเราจูงมือเขาให้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เขาได้ละเมิดพันธสัญญานั้น แม้ว่าเราเป็นเจ้านายของเขา”องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “นี่จะเป็นพันธสัญญาที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลเมื่อเวลานั้นมาถึง”องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “เราจะใส่ธรรมบัญญัติของเราไว้ภายในเขา เราจะเขียนธรรมบัญญัติไว้ในใจของเขา เราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา ไม่มีผู้ใดจะต้องสอนเพื่อนบ้านของตน หรือบอกพี่น้องของตนอีกต่อไปว่า ‘จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด’ เพราะทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด”องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “เราจะให้อภัยความผิดของเขา และจะไม่ระลึกถึงบาปของเขาอีกต่อไป”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                    มธ16:13-23
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิปและตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้างบ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง”
    พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้าพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนบุตรของยอห์นท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผยเราบอกท่านว่าท่านเป็นศิลา และบนศิลานี้เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วยทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” แล้วพระองค์ทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้บอกใครว่าพระองค์คือพระคริสตเจ้า
     ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มแจ้งแก่บรรดาศิษย์ว่าพระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับการทรมานอย่างมากจากบรรดาผู้อาวุโสหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์จะถูกประหารชีวิตแต่จะทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม
     เปโตรนำพระองค์แยกออกไปทูลทัดทานว่า “ขอเถิดพระเจ้าข้าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์อย่างแน่นอน” แต่พระองค์ทรงหันมาตรัสแก่เปโตรว่า “เจ้าซาตานถอยไปข้างหลังเราเจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเรา เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้าแต่คิดอย่างมนุษย์”

 

ข้อคิด
     ทั้งท่านนักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ และประกาศกเยเรมีย์ในบทอ่านแรก ได้ยินและได้เห็นกระแสดำรัสของพระเจ้า และมองเห็นถึงวิถีทางที่พระเจ้าทรงปรารถนาอย่างแจ่มแจ้ง และไม่ว่าจะยากลำบากขนาดไหน ท่านได้ชี้ให้เห็นความไม่ถูกต้องของสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ทั้งยังชี้ให้เห็นผลแห่งบาปที่ตามมา ทั้งสองได้นำฝูงชนที่ท่านได้ดูแลให้ก้าวหน้าไปสู่อิสรภาพจากภายใน และการตื่นตัวจากความมืดบอดของสังคมที่นำพวกเขาให้ออกห่างไปจากพระเมตตาของพระเจ้า

วันพุธที่ 3 สิงหาคม 2016 สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                                   ยรม 31:1-7
     วันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะเป็นพระเจ้าของทุกเผ่าแห่งอิสราเอล และเขาจะเป็นประชากรของเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ประชากรที่รอดชีวิตจากดาบ ได้พบพระกรุณาในถิ่นทุรกันดาร ขณะที่อิสราเอลเดินไปหาที่พักผ่อน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า เรารักท่านด้วยความรักนิรันดร ดังนั้นเราจึงมีความรักมั่นคงต่อท่านตลอดไป อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย เราจะสร้างท่านอีก และท่านจะถูกสร้างขึ้นใหม่ ท่านจะแต่งตัวงดงามถือรำมะนาอีก ออกไปเต้นรำกับผู้ที่ฉลองยินดี ท่านจะปลูกสวนองุ่นบนภูเขาของสะมาเรียอีก ผู้ปลูกจะปลูก และเก็บผลผลิต วันนั้นจะมาถึง เมื่อคนยามจะร้องเรียกบนภูเขาแห่งเอฟราอิมว่า ‘จงลุกขึ้นเถิด เราจงไปยังศิโยนกันเถิด ไปเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา’”
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “จงร้องเพลงด้วยความยินดีสำหรับยาโคบ และโห่ร้องต้อนรับผู้นำของนานาชาติ จงประกาศสรรเสริญร้องว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้นคือผู้ที่รอดชีวิตของอิสราเอล’”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                   มธ 15:21-28
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่นมุ่งไปเขตเมืองไทระและเมืองไซดอนทันใดนั้นหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งจากเขตแดนนี้ ร้องว่า “โอรสกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้าโปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิดบุตรสาวของข้าพเจ้าถูกปีศาจสิงต้องทรมานมาก” แต่พระองค์มิได้ตรัสตอบประการใดบรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลพระองค์ว่า “โปรดประทานตามที่นางทูลขอเถิด เพราะนางร้องตะโกนตามหลังพวกเรามา” พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่งมาเพื่อแกะที่พลัดหลงของวงศ์วานอิสราเอลเท่านั้นแต่นางเข้ามากราบพระองค์ทูลว่า “พระเจ้าข้าโปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด” พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูกมาโยนให้ลูกสุนัขกิน” นางทูลว่า “ถูกแล้วพระเจ้าข้าแต่แม้แต่ลูกสุนัขก็ยังได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนาย” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ยความเชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด” และบุตรหญิงของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่บัดนั้น

 

ข้อคิด
     หลายๆ ครั้ง พระเยซูเจ้าทรงทดสอบความเชื่อของคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ หญิงชาวคานาอันก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกพระเยซูเจ้าทดสอบความเชื่อ เพราะพระองค์มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนี้ และเพราะเช่นนี้ที่ทำให้ความเชื่อ ความศรัทธาของหญิงชาวคานาอันในองค์พระเยซูเจ้าเพิ่มพูนมากขึ้น
     การดำเนินชีวิตในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องเผชิญความยากลำบากต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวัน หลายๆ ครั้ง เราจึงเข้ามาวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า พระองค์จะประทานให้ตามที่เราวอนขอหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญคือ การที่เราไม่หันหลังเดินหนีจากพระเจ้า เพราะนั่นคือความเชื่อที่จะทำให้เราได้พบกับสัมผัสให้การเยียวยารักษา พระวาจาแห่งการให้อภัย และค้นพบความรักของพระเยซูเจ้าที่มีให้เราในทกๆ วัน

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม 2016 วันคล้ายวันอภิเษกมหาวิหารพระนางมารีย์ ที่กรุงโรม

บทอ่านจากหนังสือประกาศกนาฮูม                                      นฮม2:1,3 และ 3:1-3,6-7
     ดูซิ เท้าของผู้นำข่าวดีอยู่บนภูเขาแล้วเขาประกาศว่า “สันติภาพ” ยูดาห์เอ๋ย จงเฉลิมฉลองเทศกาลของเจ้าเถิด จงแก้บนของเจ้า เพราะคนชั่วร้ายจะไม่มารุกรานเจ้าอีก เขาถูกตัด
     องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟื้นฟูสวนองุ่นของยาโคบให้กลับสู่สภาพเดิม เหมือนสวนองุ่นของอิสราเอล เพราะผู้ปล้นได้ปล้นสวนองุ่นเหล่านี้ และได้ทำลายกิ่งก้านจนหมดสิ้น
     วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่แปดเปื้อนด้วยโลหิต เต็มไปด้วยการมุสาและของเชลย ไม่เคยหยุดปล้น เสียงขวับของแส้ เสียงโครมครามของล้อรถ เสียงม้าควบ และเสียงรถรบกำลังทะยานไปพลม้าเข้าประจัญบาน คมดาบแวบวาบ หอกแวววาว คนจำนวนมากถูกแทง คนตายกองเป็นพะเนิน มีศพนับไม่ถ้วน คนเดินสะดุดศพเหล่านั้น
     เราจะโยนของโสโครกใส่เจ้า ทำให้เจ้าต้องอับอาย เป็นที่เยาะเย้ย แล้วทุกคนที่เห็นเจ้าก็จะหนีไปจากเจ้า พูดว่า ‘กรุงนีนะเวห์ถูกทำลายแล้ว ใครจะสงสารเธอ เราจะไปหาใครที่ไหนมาปลอบโยนเธอได้’”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                    มธ 16:24-28
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวิต มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิต มนุษย์จะต้องให้สิ่งใดเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา
     บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความประพฤติของเขา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์”

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้คนที่เป็นศิษย์ของพระองค์เลิกคิดถึงตนเอง หรือพูดในอีกด้านหนึ่งคือ เลิกเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง แต่ให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิตเรา ทุกสิ่งที่เรามีล้วนมาจากพระเจ้า แม้แต่ตัวตนของเรา ก็เป็นของพระเจ้า เมื่อเรารับรู้ได้อย่างสมบูรณ์ถึงเจ้าของที่แท้จริง เราจะสัมผัสได้ถึง “ชีวิต” หรืออิสรภาพที่พระเยซูเจ้าหมายถึง เมื่อนั้นเราจะเริ่มรู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องแสวงหาความมั่งคั่ง ชื่อเสียง หรือสมบัติต่างๆ เรารู้สึกว่าภาระต่างๆ ในการแสวงหาสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หนักเท่าเมื่อก่อน และเมื่อนั้นเราจะรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ และเราจะรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown