มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2017 สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                    ฮบ12:4-7,11-15
     พี่น้องในการต่อสู้กับบาปท่านยังมิได้ต้านทานจนถึงกับต้องหลั่งเลือดเลยท่านลืมคำเตือนที่พระเจ้าตรัสกับท่านในฐานะที่เป็นบุตรแล้วหรือลูกเอ๋ยอย่าดูถูกการเฆี่ยนตีสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าท้อถอยเมื่อพระองค์ทรงตำหนิเจ้าเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฆี่ยนตีสั่งสอนผู้ที่พระองค์ทรงรักและทรงเฆี่ยนตีทุกคนที่ทรงรับไว้เป็นบุตร
  ท่านจงอดทนรับการเฆี่ยนตีสั่งสอนเถิดพระเจ้าทรงกระทำต่อท่านเยี่ยงกระทำต่อบุตรมีบุตรคนใดบ้างที่บิดาไม่เฆี่ยนตีสั่งสอนเลยเป็นความจริงที่ว่าขณะที่ถูกเฆี่ยนตีสั่งสอนไม่มีความน่ายินดีมีแต่ความทุกข์แต่ให้ผลเป็นสันติและเป็นความชอบธรรมแก่ผู้ที่ยอมรับการเฆี่ยนตีสั่งสอนเป็นการฝึกฝนตนเองดังนั้นท่านทั้งหลายจงทำให้มือที่อ่อนเปลี้ยและหัวเข่าที่สั่นเทามีกำลังมั่นคงขึ้นจงเดินให้ตรงทางเพื่อว่าขากะเผลกจะได้ไม่ต้องพิการแต่จะหายเป็นปกติ
     จงพยายามอยู่อย่างสันติกับทุกคนจงมีความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจำเป็นเพื่อจะได้เห็นพระเจ้าจงระวังอย่าให้มีผู้ใดขาดพระหรรษทานของพระเจ้าและอย่าให้มีรากแห่งความขมขื่นใดๆงอกขึ้นมาก่อความวุ่นวายซึ่งอาจจะเป็นพิษแก่คนจำนวนมาก

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                              มก 6:1-6
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นกลับไปยังถิ่นกำเนิดของพระองค์บรรดาศิษย์ติดตามไปด้วยครั้นถึงวันสับบาโตพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในศาลาธรรมผู้ฟังจำนวนมากต่างประหลาดใจและพูดว่า “เขาเอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหนปรีชาญาณที่เขาได้รับมานี้คืออะไรอะไรคืออัศจรรย์ที่สำเร็จด้วยมือของเขาคนนี้เป็นช่างไม้ลูกนางมารีย์เป็นพี่น้องของยากอบโยเสทยูดาและซีโมนไม่ใช่หรือพี่สาวน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเรามิใช่หรือ” คนเหล่านั้นรู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิดท่ามกลางวงศ์ญาติและในบ้านของตน” พระองค์ทรงทำอัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้นอกจากทรงปกพระหัตถ์รักษาผู้เจ็บป่วยบางคนให้หายจากโรคภัยพระองค์ทรงแปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ

 

ข้อคิด
    พระเยซูเจ้าทรงต้องการความร่วมมือจากมนุษย์ด้วยแต่ถ้าเราปิดกั้นและสงสัยต่อกิจการหรือการกระทำของพระองค์ เราก็ไม่สามารถเข้าถึงข่าวดีของพระองค์ แน่นอนเหมือนพระวรสารวันนี้ ที่ผู้คนต่างประหลาดใจกับคำพูดและปรีชาญาณ พวกเขาสะดุดและไม่เปิดใจยอมรับพระองค์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พระองค์ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจของพระองค์ได้มากกว่านี้ ที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้สัมผัสถึงข่าวดีของพระองค์เลย ส่วนเรามีอะไรบ้างที่มาปิดกั้นระหว่างพระเป็นเจ้ากับเราบ้างไหม

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ 2017 ฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                     ฮบ2:14-18
    พี่น้อง บุตรทุกคนมีเลือดเนื้อร่วมกันฉันใดพระองค์ก็ทรงมีเลือดเนื้อร่วมกับมนุษย์ทุกคนด้วยฉันนั้นเพื่อว่าโดยการสิ้นพระชนม์พระองค์จะทรงทำลายมารผู้มีอำนาจเหนือความตายลงได้เพื่อทรงปลดปล่อยผู้ตกเป็นทาสอยู่ตลอดชีวิตเพราะความกลัวตายให้เป็นอิสระได้โดยแท้จริงแล้วพระองค์มิได้เอาพระทัยใส่บรรดาทูตสวรรค์แต่เอาพระทัยใส่ต่อเชื้อสายของอับราฮัมจึงจำเป็นที่พระองค์จะต้องทรงเป็นเหมือนกับบรรดาพี่น้องทุกประการเพื่อพระองค์จะทรงเป็นมหาสมณะที่เพียบพร้อมด้วยพระกรุณาและทรงน่าเชื่อถือในการติดต่อกับพระเจ้าไถ่โทษชดเชยบาปของประชากรได้ในฐานะที่พระองค์ทรงรับการทรมานและทรงผ่านการผจญมาแล้วพระองค์จึงทรงช่วยเหลือผู้ที่ถูกผจญได้ด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 2:22-32
       เมื่อครบกำหนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำพิธีชำระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำพระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบสองตัวตามที่มีกำหนดไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำเกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระจิตเจ้าทรงนำสิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำพระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า
     “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าบัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำรัสของพระองค์เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับนานาประชาชาติเป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์”

 

ข้อคิด
       ในวันนี้พระวรสารช่วยให้เราเข้าใจตัวตนของพระเยซูเจ้ามากขึ้น ที่พระองค์ทรงมีพระธรรมชาติเหมือนกับเรามนุษย์ และได้ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ดั่งเช่นเรามนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย จึงกลายเป็นหนทางที่พระองค์วางไว้เพื่อให้เรามนุษย์เจริญรอยตาม เพื่อจะได้มีชีวิตนิรันดร ทำให้เราเชื่อมั่นและไม่หวาดกลัวต่อความตายอีก ดั่งที่เราเห็นสิเมโอนวันนี้ได้ประกาศเสียงดงว่า “ข้าพเจ้าพร้อมที่จะตายอย่างเป็นสุข เพราะว่าได้พบองค์พระผู้ช่วยให้รอดแล้ว” ขอให้เรามีประสบการณ์ในการพบพระองค์เช่นเดียวกันในชีวิตประจำวัน

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2017 สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                        ฮบ13:15-17,20-21
          พี่น้องเดชะพระคริสตเจ้าเราจงถวายคำสรรเสริญเป็นบูชาแด่พระเจ้าเสมอไปเป็นถ้อยคำจากปากถวายพระเกียรติแด่พระนามพระองค์อย่าละเลยที่จะทำกิจการที่ดีและจงรู้จักแบ่งปันเกื้อกูลกันเพราะนี่คือเครื่องบูชาที่พระเจ้าพอพระทัย
          จงเชื่อฟังและอยู่ใต้อำนาจผู้นำของท่านเพราะเขาเหล่านั้นคอยเอาใจใส่ดูแลวิญญาณของท่านเสมือนผู้ที่ต้องเสนอรายงานเพื่อให้เขาทำงานนี้ด้วยความยินดีมิใช่ด้วยความเศร้าซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์อะไรสำหรับท่านเลย
      พระเจ้าแห่งสันติทรงนำพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราผู้เลี้ยงแกะผู้ยิ่งใหญ่ให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายเพราะทรงหลั่งพระโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดรขอพระองค์โปรดให้ท่านพร้อมสรรพที่จะทำตามพระประสงค์ในกิจการที่ดีทุกชนิดและขอพระองค์ทรงทำสิ่งที่พอพระทัยในเราเดชะพระเยซูคริสตเจ้าขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดรอาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                                 มก 6:30-34
        เวลานั้น บรรดาอัครสาวกกลับมาเฝ้าพระเยซูเจ้าและทูลรายงานให้ทรงทราบถึงทุกสิ่งที่เขาได้ทำและได้สอนพระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำพังในที่สงัดระยะหนึ่งเถิด” เพราะมีคนไปมาจนเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะกินอาหารพระเยซูเจ้าจึงทรงลงเรือไปยังที่สงัดตามลำพังพร้อมกับบรรดาอัครสาวกประชาชนหลายคนเห็นพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวกแล่นเรือออกไปก็คาดคะเนได้ว่าพระองค์จะทรงไปที่ใดจึงรีบเดินเท้าออกจากเมืองต่างๆไปที่นั่นและไปถึงก่อนเมื่อเสด็จขึ้นจากเรือทรงแลเห็นประชาชนจำนวนมากก็ทรงสงสารเพราะเขาเหล่านั้นเป็นดังฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยงพระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอนเขาหลายเรื่อง

 

ข้อคิด
          ทุกวันนี้เราแต่ละคนได้บริหารเวลาของเราอย่างไร กับสังคมที่มีการแข่งขันทางด้านความคิด ด้านวัตถุ จึงเป็นเหตุให้เรามนุษย์ต้องทำงานหนักมากขึ้น ทำจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลาในการพบพระเจ้า แม้กระทั้งเวลาให้กับตัวเอง ในการพิจารณาไตร่ตรองชีวิตบ้าง จึงทำให้ชีวิตของเราขาดมิติชีวิตภายในไป มีแต่วัตถุอย่างเดียวที่แสวงหา ดังนั้นเราจะต้องหาเวลาพักผ่อนเพื่อหยุดคิดถึงพระ ดูจากชีวิตของพระเยซูเจ้าพระองค์มีเวลาทำงาน และมีเวลาสวดภาวนากับพระบิดา อย่างปล่อยให้ชีวิตเราเป็นเสมือนหุ่นยนต์หรือเครื่องจักร พระองค์เชิญชวนเราให้มีเวลาอยู่กับพระองค์และกับตัวเองบ้าง เพื่อจะได้มีสันติสุขในการดำเนินชีวิตติดตามพระองค์ในสังคมทุกวันนี้

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2017 น.บลาซีโอ พระสังฆราชและมรณสักขี น.อันสการ์ พระสังฆราช

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                     ฮบ13:1-8
         พี่น้องท่านทั้งหลายจงรักกันฉันพี่น้องต่อไปอย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลกหน้าเพราะเมื่อต้อนรับแขกแปลกหน้าบางคนได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัวจงระลึกถึงผู้ที่ถูกจองจำประหนึ่งว่าท่านกำลังถูกจองจำร่วมกับเขาด้วยจงระลึกถึงผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะท่านก็มีร่างกายเช่นเดียวกันจงให้การสมรสเป็นที่นับถือจากทุกคนสามีภรรยาจงซื่อสัตย์ต่อกันเพราะพระเจ้าจะทรงตัดสินลงโทษผู้ผิดประเวณีและผู้เป็นชู้อย่าให้ความโลภทรัพย์สินเงินทองครอบงำชีวิตของท่านจงพอใจในสิ่งที่ท่านมีพระเจ้าตรัสว่า “เราจะไม่ละเลยหรือทอดทิ้งเจ้า” โดยเหตุนี้เราจึงพูดด้วยความมั่นใจได้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้าข้าพเจ้าจะไม่กลัวมนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้”
          จงระลึกถึงผู้นำของท่านซึ่งประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ท่านจงพิจารณาว่าเขาเหล่านั้นดำเนินชีวิตและตายอย่างไรจงประพฤติตามอย่างความเชื่อของเขาพระเยซูคริสตเจ้าทรงเหมือนเดิมเสมอทั้งอดีตปัจจุบันและตลอดไป

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                                มก 6:14-29
          เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าเพราะพระนามของพระเยซูเจ้าเลื่องลือไปบางคนพูดว่า “ยอห์นผู้ทำพิธีล้างได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายแล้วดังนั้นเขาจึงมีอำนาจทำอัศจรรย์ได้” บางคนพูดว่า “เขาคือเอลียาห์” บางคนก็พูดว่า “เขาเป็นประกาศกคนหนึ่งเหมือนกับประกาศกคนอื่น” แต่เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเช่นนี้ก็ตรัสว่า “ยอห์นคนที่เราให้ตัดศีรษะได้กลับคืนชีพมาอีก”
        กษัตริย์เฮโรดองค์นี้เคยทรงสั่งให้จับกุมยอห์นและล่ามโซ่ขังคุกไว้เพราะเรื่องของนางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลิปพระอนุชาซึ่งกษัตริย์เฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสียอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็นมเหสี” นางเฮโรเดียสจึงโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์นเสียแต่ฆ่าไม่ได้20เพราะกษัตริย์เฮโรดยังทรงเกรงยอห์นอยู่ทรงทราบว่ายอห์นเป็นคนชอบธรรมและศักดิ์สิทธิ์จึงทรงป้องกันไว้เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงฟังคำพูดของยอห์นทรงรู้สึกสับสนแต่ก็ทรงยินดีที่จะฟัง
        นางเฮโรเดียสได้โอกาสเมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงจัดให้มีงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่และคนสำคัญในแคว้นกาลิลีในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นรำเป็นที่พอพระทัยของกษัตริย์เฮโรดและเป็นที่พอใจของผู้รับเชิญกษัตริย์จึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “ท่านอยากได้อะไรก็ขอมาเถิดเราจะให้” และยังทรงสาบานอีกว่า “ท่านขออะไรเราก็จะให้แม้จะเป็นครึ่งหนึ่งของอาณาจักรของเราก็ตาม” หญิงสาวจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี” มารดาตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง” หญิงสาวจึงรีบกลับมาทูลกษัตริย์ทันทีว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้างใส่ถาดมาให้เดี๋ยวนี้” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่งแต่เพราะได้ทรงสาบานไว้และเพราะทรงเห็นแก่ผู้รับเชิญไม่ทรงปรารถนาจะขัดใจหญิงสาวจึงทรงสั่งเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันทีเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นในคุกใส่ถาดนำมาให้หญิงสาวหญิงสาวจึงนำไปให้มารดาเมื่อบรรดาศิษย์ของยอห์นรู้เรื่องจึงมารับศพของยอห์นนำไปฝังไว้ในคูหา

 

ข้อคิด
         ในชีวิตของคนเราแต่ละวันจะต้องมีการเลือกและตัดสินใจเสมอๆ การเลือกและการตัดสินใจนั้นก็จะมีผลต่อตัวเราและผู้อื่น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้อะไรเป็นบรรทัดฐาน ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจในแต่ละครั้ง พระวรสารวันนี้ เราเห็นกษัตริย์เฮโรดได้เลือกระหว่างการรักษาหน้าตาของตนเองกับการที่ปล่อยให้ผู้ชอบธรรมต้องตายไป เพราะท่านต้องการรักษาอำนาจและบทบาทของตนเองไว้ ถึงแม้จะต้องเลือกและตัดสินใจในสิ่งที่ผิดก็ตาม โดยไม่สนใจความดี ความชอบธรรม ความยุติธรรมและความถูกต้อง

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2017 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                               อสย58:7-10
            พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “แบ่งปันอาหารกับผู้หิวโหยนำคนยากจนไร้ที่อยู่อาศัยเข้ามาในบ้าน ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ท่านเห็นว่าไม่มีเสื้อผ้าสวม และไม่หันหน้าหนีจากญาติพี่น้อง แล้วความสว่างของท่านจะขึ้นมาเหมือนรุ่งอรุณ แผลของท่านจะหายอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมจะเดินนำหน้าท่าน และพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเดินตามท่าน ท่านจะทูลขอ และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบ ท่านจะร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่า “เราอยู่ที่นี่” ถ้าท่านจะเลิกข่มเหงผู้อื่น เลิกชี้หน้ากล่าวหาและพูดร้ายต่อเขา ถ้าท่านแบ่งอาหารให้แก่คนหิว และตอบสนองความต้องการของผู้มีทุกข์ความสว่างของท่านจะปรากฏขึ้นในความมืด และความมืดของท่านจะเป็นเหมือนเวลาเที่ยงวัน”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง             1 คร2:1-5
      พี่น้องทั้งหลายเมื่อข้าพเจ้ามาพบท่านข้าพเจ้ามิได้มาประกาศธรรมล้ำลึก เรื่องพระเจ้าโดยใช้สำนวนโวหารหรือโดยใช้หลักเหตุผลอันฉลาดปราดเปรื่องข้าพเจ้าตัดสินใจว่าจะไม่สอนเรื่องใดแก่ท่านนอกจากเรื่องพระเยซูคริสตเจ้าคือพระองค์ผู้ทรงถูกตรึงกางเขนข้าพเจ้ายังอยู่กับท่านด้วยความอ่อนแอมีความกลัวและหวาดหวั่นมากวาจาและคำเทศน์ของข้าพเจ้ามิใช่คำพูดชวนเชื่ออย่างชาญฉลาดแต่เป็นถ้อยคำแสดงพระอานุภาพของพระจิตเจ้าเพื่อมิให้ความเชื่อของท่านเป็นผลจากปรีชาญาณของมนุษย์แต่เป็นผลจากพระอานุภาพของพระเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ5:13-16
            เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า
           “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือดองแผ่นดินถ้าเกลือจืดไปแล้วจะเอาอะไรมาทำให้เค็มอีกเล่าเกลือนั้นย่อมไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจะถูกทิ้งให้คนเหยียบย่ำ
        ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างส่องโลกเมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะไม่ถูกปิดบังไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอามาวางไว้ใต้ถัง แต่ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียงจะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้านในทำนองเดียวกันแสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่านและสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์”

 

ข้อคิด
           พระเยซูเจ้าต้องการตักเตือนเรื่องเอกลักษณ์ของความเป็นศิษย์ของพระองค์ จะต้องมีลักษณะและตัวตนอย่างไร โดยใช้คำเปรียบเทียบ เพื่อให้พวกเขาเข้าใจว่า ผู้ที่จะเป็นศิษย์ติดตามพระองค์นั้น จะต้องมีจิตตารมณ์และวิถีความคิดแบบอย่างของพระองค์ คือ ต้องเป็นผู้มีใจเมตตากรุณา มีความรักและการให้อภัยเสมอ เมื่อพวกเขาดำเนินชีวิตแบบนี้ เขาจะเป็นดั่งความสว่างที่ฉายแสงอยู่ในความมืด ทำให้คนทั้งหลายได้เห็นองค์พระคริสตเจ้า ในโลกนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown