มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2016 สัปดาห์ที่ 6เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                    กจ 15:1-2,22-29
     ในครั้งนั้น คริสตชนชาวยิวบางคนลงมาจากแคว้นยูเดียและสอนบรรดาพี่น้องว่า “ถ้าท่านทั้งหลายมิได้เข้าสุหนัตตามธรรมประเพณีของโมเสส ท่านจะรอดพ้นไม่ได้” เปาโลและบารนาบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขาเหล่านั้นอย่างรุนแรง มีการตกลงกันให้เปาโลและ บารนาบัสพร้อมกับพี่น้องบางคนขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อปรึกษาปัญหานี้กับบรรดา อัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส
     บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสพร้อมกับคริสตชนทุกคนที่ชุมนุมกันตกลงใจเลือกสมาชิกบางคน เพื่อส่งไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส คือยูดาส ที่เรียกกันว่า บารซับบัสกับสิลาสทั้งสองคนนี้เป็นคนเด่นในบรรดาพี่น้อง ที่ประชุมเขียนจดหมายมอบให้คนเหล่านี้ถือไปใจความว่า
“จาก บรรดาอัครสาวก ผู้อาวุโส และบรรดาพี่น้อง
ถึง บรรดาพี่น้องซึ่งเคยเป็นคนต่างศาสนาอยู่ที่เมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และแคว้น ซีลีเซีย ขอให้ท่านมีความสุขเถิด
     เนื่องจากเรารู้ว่า พวกเราบางคนกล่าวถ้อยคำที่ทำให้ท่านสับสนและวุ่นวายใจ โดยไม่ได้รับคำสั่งจากเราเลย เราจึงตกลงกันเป็นเอกฉันท์เลือกบุรุษบางคนส่งมาพบท่านพร้อมกับบารนาบัสและเปาโลที่รักยิ่งของเรา ผู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น เราจึงส่งยูดาสและสิลาสมาเล่าเรื่องที่เขียนนี้ให้ท่านฟังโดยตรง พระจิตเจ้าและพวกเราตกลงที่จะไม่บังคับให้ท่านแบกภาระอื่นอีก นอกจากสิ่งที่จำเป็นต่อไปนี้ คืองดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายให้รูปเคารพแล้ว งดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และงดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าท่านทั้งหลายงดเว้นการกระทำเหล่านี้ก็จะเป็นการดี จงเจริญสุขเถิด”

 

เพลงสดุดี                                                                          สดด 67:1-2,3-7
     ก) ขอพระเจ้าทรงสำแดงพระเมตตาและประทานพระพรแก่เรา
ขอพระองค์โปรดให้พระพักตร์ฉายแสงมาเหนือเรา
แล้วแผ่นดินจะรู้จักทางของพระองค์
นานาชาติจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงช่วยให้รอดพ้น
     ข) ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ประชาชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์
ขอให้ทุกชาติทุกภาษาสรรเสริญพระองค์
ชนชาติทั้งหลายจงเปรมปรีดิ์และโห่ร้องด้วยความยินดี
เพราะพระองค์ทรงปกครองประชาชาติด้วยความเที่ยงธรรม
และทรงนำชนชาติทั้งหลายบนแผ่นดิน
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ประชาชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์
ขอให้ทุกชาติทุกภาษาสรรเสริญพระองค์
แผ่นดินผลิตพืชผล
ขอพระเจ้า พระเจ้าของเราทรงอวยพระพรเรา
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรเรา
เพื่อทุกคนทั่วแผ่นดินจะได้ยำเกรงพระองค์

 

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์                                                    วว 21:10-14,22-23
     ทูตสวรรค์นำข้าพเจ้าเดชะพระจิตเจ้าไปบนภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ชี้ให้ข้าพเจ้าเห็นกรุง เยรูซาเล็ม นครศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกำลังลงมาจากสวรรค์ มาจากพระเจ้า นครนี้มีพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า มีความสุกใสเหมือนเพชรพลอยล้ำค่า คล้ายแก้วมณีโชติช่วงเป็นผลึกสดใส มีกำแพงสูงใหญ่ ประตูสิบสองประตู แต่ละประตูมีทูตสวรรค์ประจำอยู่และมีชื่อจารึกไว้ คือชื่อตระกูลอิสราเอลสิบสองตระกูลทางทิศตะวันออกมีสามประตู ทางทิศเหนือมีสามประตู ทางทิศใต้มีสามประตูและทางทิศตะวันตกมีสามประตู กำแพงเมืองตั้งอยู่บนฐานศิลาสิบสองฐาน บนฐานศิลานั้นมีชื่อของบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสององค์ของลูกแกะ
ข้าพเจ้าไม่เห็นพระวิหารใดในนครนี้เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพและลูกแกะทรงเป็นพระวิหารของนครนี้ นครนี้ไม่ต้องการดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์เพื่อส่องสว่าง เพราะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าส่องแสงเหนือนคร และลูกแกะทรงเป็นตะเกียงของนคร

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                     ยน 14:23-29
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเราพระบิดาของเราจะทรงรักเขาพระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขาจะทรงพำนักอยู่กับเขาผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ปฏิบัติตามวาจาของเราวาจาที่ท่านได้ยินนี้ ไม่ใช่วาจาของเราแต่เป็นของพระบิดา ผู้ทรงส่งเรามาเราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟังขณะที่เรายังอยู่กับท่านแต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้าที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้นจะทรงสอนท่านทุกสิ่งและจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่านเรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลายเราให้สันติสุขของเราแก่ท่านเราให้สันติสุขแก่ท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลยท่านได้ยินที่เราบอกกับท่านแล้วว่าเรากำลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลายถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำลังไปเฝ้าพระบิดาเพราะพระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเราและบัดนี้เราได้บอกท่านทั้งหลายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเชื่อ”

 

ข้อคิด
     การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซู ประกาศความจริงที่ว่า พระองค์ไม่ได้ตายจาก...แต่ยังคงอยู่กับบรรดาศิษย์ของพระองค์ แม้วันเวลาจะผ่านไปยาวนานเท่าไร...มืดมิดเพียงไรก็ไม่เคยยาวนานและมืดมิดเกินกว่าที่พระองค์จะเสด็จมาและประทับอยู่กับเขาความรักห่วงใยของพระเจ้าไม่เคยจางหายจากหัวใจของพระองค์...แม้ในวันนั้นที่ความรักภักดีจะขาดหายไปจากหัวใจของบรรดาศิษย์
     ในวันนั้นที่เขาบาดเจ็บมากที่สุด พระองค์ตรัสกับเขาว่าเราให้สันติสุขของเราแก่ท่านสันติสุขของเราเรามอบให้แก่ท่านในวันนั้นที่เขาว่าหวาดกลัวมากที่สุดพระองค์ตรัสกับเขาว่าอย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวเลยอย่ากลัวเลยพระบิดากับเราพำนักอยู่กับท่าน
     สิ่งนี้เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ศิษย์ของพระองค์สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงปลอดภัย และมีความสุขแม้ในท่ามกลางมรสุมร้ายของชีวิต

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2016 สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                    กจ16:11-15
     ในครั้งนั้น พวกเราแล่นเรือออกจากเมืองโตรอัส มุ่งไปยังเกาะซาโมธรัส วันรุ่งขึ้นก็เดินทางต่อไปถึงเมืองเนอาบุรี จากเมืองนี้เราเดินทางไปถึงเมืองฟีลิปปี อาณานิคมของชาวโรมัน เป็นเมืองเอกของแคว้นมาซิโดเนียเราพักอยู่ที่เมืองนี้หลายวัน
     วันสับบาโตวันหนึ่ง เราออกนอกประตูเมืองไปยังริมลำธาร เพราะคิดว่าที่นั่นเป็นสถานที่สำหรับอธิษฐานภาวนาเรานั่งพูดคุยกับบรรดาสตรีที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่น สตรีคนหนึ่งชื่อ ลิเดีย มาจากเมืองธิอาทิรา เป็นคนขายผ้ากำมะหยี่สีม่วงแดง เป็นคนเลื่อมใสในพระเจ้าฟังเราอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดใจนางให้ยอมรับถ้อยคำของเปาโล นางและทุกคนในครอบครัวรับศีลล้างบาปแล้วจึงเชิญเรา พูดว่า “ถ้าท่านคิดว่าดิฉันเป็นผู้มีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว จงมาพักที่บ้านของดิฉันเถิด” นางเชิญชวนจนเราปฏิเสธไม่ได้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                     ยน15:26-16:4
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมื่อพระผู้ช่วยเหลือซึ่งเราจะส่งมาจากพระบิดา จะเสด็จมา คือพระจิตแห่งความจริง ผู้ทรงเนื่องมาจากพระบิดาพระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา ท่านทั้งหลายก็จะเป็นพยานให้เราด้วยเพราะท่านอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว
     เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านจะไม่แคลงใจเขาจะขับไล่ท่านออกจากศาลาธรรมเวลานั้นกำลังมาถึง เมื่อผู้ที่ฆ่าท่านจะคิดว่าตนกำลังถวายคารวกิจแด่พระเจ้า เขาจะทำเช่นนี้เพราะเขาไม่รู้จักทั้งพระบิดาและเรา แต่เราบอกเรื่องนี้กับท่าน เพื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงท่านจะระลึกได้ว่าเราบอกท่านแล้ว”

 

ข้อคิด
     ศิษย์ได้ละทิ้งพระองค์ไปในค่ำคืนที่มืดมิดในสวนเกทเสมนีในคืนนั้นที่เขาได้ก้าวเดินไปอย่างผิดพลาดและมองไม่เห็นคุณค่าของตนเองพระองค์ยังคงเห็นคุณค่าของเขาพระจิตแห่งความจริงจะทรงเป็นพยานให้เราท่านทั้งหลายก็จะเป็นพยานให้เราด้วยเพราะท่านอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว
     พระองค์ยังคงรักและห่วงใยเขา ราวกับว่า เขาไม่เคยทิ้งหนีพระองค์ไปไหน พระเจ้าผู้สัตย์ซื่อ ยังคงสัตย์ซื่อ แม้มนุษย์จะไม่สัตย์ซื่อ ในวันนั้นที่เขาจะต้องเผชิญกับการถูกปฏิเสธ และถูกขับไล่...ความรักห่วงใยของพระองค์ยังคงเข้มข้นไม่เคยขาดหาย เราบอกเรื่องนี้กับท่านเพื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงท่านจะระลึกได้ว่าเราได้บอกท่านแล้วพระองค์ทรงเตรียมศิษย์ของพระองค์ให้พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งและทรงก้าวเดินไปกับเขาในทุกสถานการณ์

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2016 สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                    กจ17:15,22-18:1
     ในครั้งนั้น เพื่อนร่วมทางพาเปาโลไปถึงกรุงเอเธนส์ แล้วเดินทางกลับพร้อมกับคำสั่งของเปาโลให้สิลาสและทิโมธีรีบเดินทางไปสมทบโดยเร็วที่สุด
     เปาโลยืนอยู่ตรงกลางที่ประชุมอภิรัฐสภา พูดว่า “ชาวเอเธนส์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าพบว่าท่านมีความเลื่อมใสในศาสนามากจริงๆ เมื่อข้าพเจ้าเดินชมเมืองสังเกตเห็นปูชนียวัตถุต่างๆ ของท่าน พบแท่นบูชาแท่นหนึ่งมีคำจารึกว่า “แด่พระเจ้าที่เราไม่รู้จัก” ข้าพเจ้ามาประกาศให้ท่านรู้จักพระเจ้าองค์นี้ที่ท่านเคารพทั้งๆ ที่ท่านไม่รู้จัก
     พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกและทรงสร้างทุกสิ่งที่อยู่ในโลก พระองค์ทรงเป็นเจ้านายของสวรรค์และแผ่นดิน พระองค์ไม่สถิตในวิหารที่มือมนุษย์สร้างขึ้น พระองค์ไม่ทรงต้องการการปรนนิบัติจากมือมนุษย์ประหนึ่งว่าทรงขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิต ลมหายใจและทุกสิ่งให้แก่มนุษย์ทุกคน พระองค์ทรงทำให้มนุษย์ทุกชาติสืบเชื้อสายมาจากมนุษย์คนเดียวและทรงทำให้เขาทั้งหลายอยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโดยทรงกำหนดช่วงเวลาและขอบเขตให้เขาอยู่ พระเจ้าทรงกระทำดังนี้เพื่อให้มนุษย์แสวงหาพระเจ้า เขาพบพระองค์ได้ แม้จะต้องคลำหา เพราะพระองค์ทรงอยู่ไม่ห่างจากเราแต่ละคน เรามีชีวิต เคลื่อนไหวและมีความเป็นอยู่ในพระองค์ ดังที่กวีบางคนของท่านกล่าวไว้ว่า “พวกเราเป็นบุตรของพระองค์”
     เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจึงไม่ควรคิดว่า พระเจ้าทรงเป็นเหมือนรูปทองคำ เงินหรือหิน ซึ่งแกะสลักอย่างมีศิลปะตามจินตนาการของมนุษย์ บัดนี้ พระเจ้าทรงมองข้ามเวลาในอดีตเมื่อมนุษย์ยังไม่มีความรู้ พระองค์ทรงบัญชาให้มนุษย์ทุกคนทั่วทุกแห่งกลับใจ เพราะพระองค์ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้เมื่อจะทรงพิพากษาโลกด้วยความยุติธรรม โดยผ่านมนุษย์ผู้หนึ่งที่พระองค์ทรงแต่งตั้งและทรงรับรองต่อมนุษย์ทุกคนโดยทรงทำให้ผู้นี้กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตาย”
     เมื่อเขาเหล่านั้นฟังคำพูดเรื่องการกลับคืนชีวิตของบรรดาผู้ตาย บางคนหัวเราะเยาะ บางคนพูดว่า “รอไว้ฟังเรื่องนี้จากท่านในคราวหน้าก็แล้วกัน” เปาโลจึงออกไปจากที่ประชุมสภา แม้กระนั้น บางคนก็ยังติดตามเปาโลและมีความเชื่อ คือ ดีโอนีซีอัสสมาชิกอภิรัฐสภา และสตรีคนหนึ่งชื่อดามาริส รวมทั้งคนอื่นอีกจำนวนหนึ่งด้วย
หลังจากนั้น เปาโลออกจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                    ยน16:12-15
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรายังมีอีกหลายเรื่องที่จะบอกท่านแต่บัดนี้ท่านยังรับไว้ไม่ได้ เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมาพระองค์จะทรงนำท่านไปสู่ความจริงทั้งมวลพระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เองแต่จะตรัสทุกสิ่งที่ทรงได้ฟังมาและจะทรงแจ้งให้ท่านรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นพระองค์จะทรงให้เราได้รับพระสิริรุ่งโรจน์เพราะพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำสอนที่ทรงได้รับจากเราทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นก็เป็นของเราด้วยดังนั้น เราจึงบอกว่าพระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำสอนที่ทรงรับจากเรา”

 

ข้อคิด
     พระองค์มิเป็นเพียงพระผู้สร้าง แต่เป็นพระเจ้าผู้เฝ้าดูแลสิ่งสร้างของพระองค์ ด้วยความรักห่วงใย..ไม่เคยมีสิ่งใดตกหล่น หรือขาดหาย..ไม่เคยมีวันเวลาใด ที่พลาดสาย ทรงนำพาเขาในทุกย่างก้าว...เป็นมารดาที่อบอุ่น ในวันนั้นที่เขาอ่อนเยาว์...เป็นเพื่อนที่เดินเคียงข้างในวันนั้นที่เขาเปลี่ยวเหงาทรงเป็นดวงตะวันในวันเมฆหมอกหนาทึบและในวันเวลาของพระองค์...ทรงเป็นพระจิตแห่งความจริง..นำพาเขาเข้าสู่ความจริงที่กว้างไกลเกินปัญญามนุษย์จะไขว่คว้า...มิเคยหลงลืมและปล่อยเขาให้กำพร้า

วันอังคารที่ 3พฤษภาคม 2016 ฉลองนักบุญฟีลิป และ นักบุญยากอบ อัครสาวก

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร15:1-8
     พี่น้องทั้งหลายข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำนึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่านท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ท่านกำลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศแต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่นความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำคัญที่สุดให้ท่านเป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีกทอดหนึ่งคือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเราตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์และทรงถูกฝังไว้พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาสแล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบสองคนหลังจากนั้นทรงแสดงพระองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียวคนส่วนมากในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้วต่อมาพระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบแล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคนในที่สุดทรงแสดงพระองค์แก่ข้าพเจ้าผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                      ยน14:6-14
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสตอบโทมัสว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิตไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเราถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเรา ท่านก็รู้จักพระบิดาของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว”
     ฟีลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราอยู่กับท่านมานานเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วยท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด’ท่านไม่เชื่อหรือ ว่าเราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงดำรงอยู่ในเรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเราแต่พระบิดา ผู้สถิตในเรา ทรงกระทำกิจการของพระองค์
     ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่าเราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ทรงดำรงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะกิจการเหล่านี้เถิดเราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำกิจการที่เรากำลังทำอยู่ด้วยและจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเรากำลังจะไปเฝ้าพระบิดาสิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระบุตรถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะทำให้”

 

ข้อคิด
     ปลายทางชีวิตพระเยซูเป็นความพ่ายแพ้..กางเขนและความตาย..ห่างไกลจากความสำเร็จ...ความร่ำรวย...และเกียรติอำนาจ พระองค์ ผู้ทรงเป็น หนทางความจริงและชีวิตผู้นี้เฝ้าประกาศว่าความรักเป็นอานุภาพสูงสุดที่บันดาลก่อเกิดให้ชีวิตและจักรวาลและเป็นความรักนี่เองที่ค้ำจุนโลกให้คงอยู่และอบอุ่นทรงประกาศทั้งด้วยชีวิตและความตายของพระองค์...ทรงก้าวเดินทุกย่างก้าวในสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นกับพระบิดาเราดำรงอยู่ในพระบิดาพระบิดาทรงดำรงอยู่ในเราผู้ที่เห็นเราก็เห็นพระบิดาด้วยแรงบันดาลใจประการเดียวที่นำพระองค์ไปสู่กางเขนและความตายคือความรักและภักดีต่อพระบิดาอย่าให้เป็นไปตามน้ำใจข้าพเจ้าแต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2016 สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                   กจ18:1-8
     หลังจากนั้น เปาโลออกจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์เขาพบชาวยิวคนหนึ่ง ชื่ออาควิลา ชาวแคว้นปอนทัส เพิ่งมาจากอิตาลีพร้อมกับภรรยาชื่อปริสซิลลาเพราะพระจักรพรรดิคลาวดิอัสทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ชาวยิวทุกคนออกจากกรุงโรมเปาโลไปพบเขาทั้งสองคน พักอยู่และทำงานร่วมกันเพราะมีอาชีพเดียวกันคือเป็นช่างทำกระโจม ทุกวันสับบาโตเปาโลถกเถียงในศาลาธรรม พยายามชักชวนชาวยิวและชาวกรีกให้มีความเชื่อ
เมื่อสิลาสและทิโมธีกลับมาจากแคว้นมาซิโดเนียแล้ว เปาโลอุทิศตนเต็มที่ในการประกาศพระวาจาเป็นพยานยืนยันแก่ชาวยิวว่า พระเยซูเป็นพระคริสตเจ้า แต่เมื่อชาวยิวเหล่านั้นต่อต้านและพูดดูหมิ่นพระเจ้าเปาโลก็สะบัดฝุ่นจากเสื้อผ้าเป็นการตอบโต้พูดกับเขาว่า “ถ้าท่านไม่รอดพ้น ก็เป็นเรื่องของท่าน ข้าพเจ้าไม่รับผิดชอบแล้ว ตั้งแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะไปหาคนต่างศาสนา”
     เปาโลออกจากศาลาธรรมไปยังบ้านของทิธีอัสยุสตัสผู้เลื่อมใสในพระเจ้า บ้านของเขาอยู่ติดกับศาลาธรรม คริสปัสหัวหน้าศาลาธรรมและทุกคนในครอบครัวมีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ชาวโครินธ์หลายคนที่ฟังเปาโล ก็มีความเชื่อและรับศีลล้างบาปด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                    ยน16:16-20
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “อีกไม่นาน ท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเราและต่อไปไม่นาน ท่านจะเห็นเราอีก” ศิษย์บางคนจึงถามกันว่า “ที่พระองค์ตรัสกับเราว่า ‘อีกไม่นาน ท่านจะไม่เห็นเรา แล้วต่อไปไม่นาน ท่านจะเห็นเราอีก’ หมายความว่าอย่างไร และที่พระองค์ตรัสว่า ‘เรากำลังไปเฝ้าพระบิดา’ หมายความว่าอย่างไร” เขาพูดกันอีกว่า “ที่พระองค์ตรัสว่า ‘อีกไม่นาน’ นั้นหมายความว่าอย่างไรเราไม่เข้าใจว่าพระองค์กำลังตรัสอะไร” พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าบรรดาศิษย์ต้องการทูลถามพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านกำลังถามกันใช่ไหมถึงเรื่องที่เราบอกว่า อีกไม่นานท่านจะไม่เห็นเรา แล้วต่อไปไม่นานท่านจะเห็นเราอีก
เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่าท่านจะร้องไห้ คร่ำครวญแต่โลกจะยินดีท่านจะเศร้าโศกแต่ความเศร้าโศกของท่านจะเปลี่ยนเป็นความยินดี”

 

ข้อคิด
     ในวันที่เมฆหมอกหนาทึบ ดวงตะวันดูขาดหายไปจากสายตา... แต่ไม่เคยห่างหายไปจากท้องฟ้าดวงตะวันผู้สัตย์ซื่อยังคงฉายส่องเพื่อให้ชีวิตและความอบอุ่นแก่ผืนแผ่นดินแม้ในวันนั้นที่ไม่มีใครมองเห็นคุณค่า
ในค่ำคืนเดือนมืด รัตติกาลดูไร้เงาจันทร์ แต่ก็ไม่เคยไร้สิ้นแสงดาว และเมื่อหันมองดูการเดินทางที่เหนื่อยยากและยาวไกล...รอยเท้าคู่เดียวคู่นั้น ที่หลงเหลืออยู่ กระซิบบอกถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้าง แต่วันเวลาก็พิสูจน์ว่า เป็นรอยเท้าของพระเจ้าที่ก้าวเดิน...อุ้มลูกของพระองค์อย่างอบอุ่น..เดินผ่านมรสุมและความตาย ดวงตาจึงเปิดออก...มองเห็นความเศร้า ที่แปรเปลี่ยนเป็นความสุขยินดี

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown