วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2016 สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤษภาคม 2016
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 07 มกราคม 2559 04:20
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1306
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ20:28-38
เวลานั้น เปาโลกล่าวกับบรรดาผู้อาวุโสของพระศาสนจักรที่แห่งเมืองเอเฟซัสว่า “ท่านทั้งหลายจงดูแลตนเองและฝูงแกะที่พระจิตเจ้าทรงแต่งตั้งท่านให้เป็นผู้ดูแล เพื่อเลี้ยงดูพระศาสนจักรของพระเจ้าที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตรข้าพเจ้ารู้ว่าเมื่อข้าพเจ้าจากไปแล้ว สุนัขป่าดุร้ายจะเข้ามาในกลุ่มของท่านและจะทำร้ายฝูงแกะ แม้ในกลุ่มของท่านก็จะมีบางคนลุกขึ้นกล่าวบิดเบือนความจริงเพื่อโน้มน้าวบรรดาศิษย์ให้ติดตามตน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังไว้เถิด จงระลึกว่าข้าพเจ้าไม่เคยหยุดเตือนท่านแต่ละคนด้วยน้ำตานองหน้าทั้งกลางวันกลางคืนตลอดเวลาสามปี
บัดนี้ ข้าพเจ้าฝากท่านทั้งหลายไว้กับพระเจ้าและกับพระวาจาแห่งพระหรรษทานของพระองค์ พระวาจานี้สร้างพระศาสนจักรและประทานมรดกให้ท่านรับร่วมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้ ข้าพเจ้าไม่เคยอยากได้เงินทองหรือเสื้อผ้าของผู้ใด ท่านก็รู้แล้วว่าข้าพเจ้าทำงานด้วยมือทั้งสองนี้เพื่อสนองความต้องการของข้าพเจ้าและของผู้ที่อยู่ด้วย ข้าพเจ้าแสดงให้ท่านเห็นเสมอมาว่า เราต้องทำงานเช่นนี้เพื่อช่วยเหลือผู้อ่อนแอโดยระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ว่า ‘การให้ย่อมเป็นสุขมากกว่าการรับ’”
เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว เปาโลคุกเข่าลงพร้อมกับทุกคนและอธิษฐานภาวนา ต่างร้องไห้ฟูมฟายเข้าสวมกอดและจูบลาเปาโล ทุกคนรู้สึกโศกเศร้า เพราะเปาโลพูดว่า เขาเหล่านั้นจะไม่ได้เห็นหน้าของเปาโลอีก แล้วทุกคนก็ไปส่งเปาโลถึงเรือ
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน17:11ข-19
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ โปรดเฝ้ารักษาบรรดาผู้ที่ทรงมอบให้ข้าพเจ้าไว้ในพระนามพระองค์เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนกับพระองค์และข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้าข้าพเจ้าเฝ้ารักษาเขาเหล่านั้นไว้ในพระนามของพระองค์ ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาไว้ และไม่มีผู้ใดพินาศเว้นแต่ผู้ที่ต้องพินาศเพื่อให้เป็นจริงตามพระคัมภีร์แต่บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังกลับไปเฝ้าพระองค์ข้าพเจ้ากล่าววาจานี้ขณะที่ยังอยู่ในโลกเพื่อบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้าจะมีความยินดีของข้าพเจ้าอย่างเต็มเปี่ยมข้าพเจ้ามอบพระวาจาของพระองค์ให้เขาเหล่านั้นแล้วและโลกเกลียดชังเขาเพราะเขาไม่เป็นของโลกเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลกข้าพเจ้าไม่ได้วอนขอพระองค์ให้ทรงยกเขาออกจากโลกแต่วอนขอให้ทรงรักษาเขาให้พ้นจากมารร้ายเขาไม่เป็นของโลกเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลกโปรดบันดาลให้เขาศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยความจริงพระวาจาของพระองค์คือ ความจริงพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามาในโลกฉันใดข้าพเจ้าก็ส่งเขาเข้าไปในโลกฉันนั้นข้าพเจ้าถวายตนเป็นบูชาสำหรับเขาเพื่อเขาจะได้รับความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงด้วย”
ข้อคิด
ความรัก เป็นดวงตะวันที่ฉายส่อง...ฟากฟ้าเบื้องบน และผืนดินเบื้องล่าง ความรักยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะถูกกักขังอยู่ในขอบรั้วแห่งปราสาทราชวังของผู้สูงศักดิ์ ความรัก สร้างสะพานแห่งความห่วงหาอาทรสู่บรรดาศิษย์ ผู้ต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้าย ในวันนั้น..ความรัก ทำให้ทรงยอมเดินเส้นทางกางเขนตามพระประสงค์ของพระบิดา ในวันนี้..ความรักทำให้เอื้อมมือโอบอุ้มเขาเหล่านั้นที่พระบิดาส่งมอบให้ ข้าแต่พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์โปรดเฝ้ารักษาบรรดาผู้ที่ทรงมอบไว้ให้ข้าพเจ้าไว้ในพระนามของพระองค์เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน... รักษาเขาให้พ้นจากมารร้าย...โปรดบันดาลให้เขาศักดิ์สิทธิ์ไปโดยอาศัยความจริงแห่งพระวาจาของพระองค์นี่คือถ้อยคำอำลาที่อบอุ่นและอบอวลด้วยความรัก..เข้มข้นเกินกว่าที่พวกเขาจะหลงลืมได้ในกาลเวลา
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2016 น.เนเรโอ อาคิลเล และเพื่อนมรณสักขี น.ปันกราส มรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤษภาคม 2016
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 07 มกราคม 2559 04:19
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1409
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ22:30,23:6-11
เวลานั้น ผู้บัญชาการกองพันต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าเหตุใดชาวยิวจึงกล่าวหาเปาโล วันรุ่งขึ้นเขาจึงสั่งให้แก้โซ่ที่ล่ามเปาโล เรียกบรรดาหัวหน้าสมณะและสมาชิกสภาซันเฮดรินทุกคนมาประชุม แล้วนำเปาโลไปยืนต่อหน้าเขา
เปาโลรู้ว่า สมาชิกส่วนหนึ่งของที่ประชุมเป็นชาวสะดูสีและอีกส่วนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี จึงตะโกนขึ้นในสภาว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นชาวฟาริสี เป็นบุตรของชาวฟาริสี ข้าพเจ้าถูกสอบสวนก็เพราะเรื่องความหวังในการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตาย” เมื่อเปาโลกล่าวเช่นนั้น ก็เกิดการถกเถียงกันระหว่างชาวฟาริสีกับชาวสะดูสี ที่ประชุมจึงแตกแยก เพราะชาวสะดูสียืนยันว่าไม่มีการกลับคืนชีพและไม่มีทั้งทูตสวรรค์และจิต แต่ชาวฟาริสีเชื่อว่ามี
เกิดความโกลาหลอย่างรุนแรงในที่ประชุม ธรรมาจารย์บางคนที่เป็นชาวฟาริสีลุกขึ้นโต้แย้งว่า “เราไม่พบว่าชายผู้นี้มีความผิดอันใด เป็นไปได้มิใช่หรือ ที่จิตหรือทูตสวรรค์ได้พูดกับเขา” ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ผู้บัญชาการกองพันกลัวเปาโลจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จึงสั่งทหารให้ลงไปนำเปาโลออกจากที่ประชุมเข้าไปในค่ายทหาร
คืนต่อมา องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาทรงยืนใกล้เปาโล ตรัสว่า “ทำใจดีๆ ไว้ เจ้าได้เป็นพยานยืนยันถึงเราที่กรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เจ้าจะต้องเป็นพยานที่กรุงโรมอย่างนั้นด้วย”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน17:20-26
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนามิใช่สำหรับคนเหล่านี้เท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่จะเชื่อในข้าพเจ้าผ่านทางวาจาของเขาด้วย ข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงอยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้าโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา พระสิริรุ่งโรจน์ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าได้ให้แก่เขาเพื่อให้เขาเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์และข้าพเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกันข้าพเจ้าอยู่ในเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพเจ้าเพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ โลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา และพระองค์ทรงรักเขาเช่นเดียวกับที่ทรงรักข้าพเจ้าข้าแต่พระบิดา ผู้ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าทุกแห่งที่ข้าพเจ้าอยู่ เพื่อเขาจะได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ซึ่งพระองค์ประทานแก่ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ตั้งแต่ก่อนสร้างโลกข้าแต่พระบิดาผู้ทรงเที่ยงธรรมโลกไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ และคนเหล่านี้รู้ว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าบอกให้เขารู้จักพระนามของพระองค์ และจะบอกให้รู้ต่อไป เพื่อความรักที่พระองค์ทรงรักข้าพเจ้าจะได้อยู่ในเขา และข้าพเจ้าจะได้อยู่ในเขาด้วยเช่นเดียวกัน”
ข้อคิด
สะพานแห่งความรักห่วงใย ทอดยาวข้ามกาลเวลาและสถานที่ ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนามิใช่สำหรับคนเหล่านี้เท่านั้นแต่สำหรับผู้ที่เชื่อในข้าพเจ้าผ่านทางวาจาของเขาด้วย... ให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน...ให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้าแม้กาลเวลาและสถานที่ก็มิอาจคุมขังความห่วงหาอาทรของพระองค์ให้หยุดนิ่งอยู่ในประวัติศาสตร์ความรักนิรันดร์กาลของพระองค์ผู้ไร้ขอบเขตจำกัดยังคงเป็นความรักที่จับต้องได้สำหรับมนุษย์ผู้อยู่ภายใต้ขอบเขตจำกัดไม่เคยมีความล้มเหลว...ความบาดเจ็บ... แม้กระทั่งความบาปผิดประการใดของมนุษย์ก็ยังมิอาจถอดถอนความรักของพระองค์ไปจากเขาได้เขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะหวั่นไหวหรือเกรงกลัวสิ่งใด...เพียงแค่มอบวางชีวิตไว้ในพระหัตถ์อันอบอุ่นห่วงใยของพระองค์
วันเสาร์ที่ 14พฤษภาคม 2016 ฉลองนักบุญมัทธีอัส อัครสาวก
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤษภาคม 2016
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 07 มกราคม 2559 04:13
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1309
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ1:15-17,20-26
ในระหว่างนั้น เปโตรยืนขึ้นในหมู่พี่น้องที่ชุมนุมกันอยู่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบคน กล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย จำเป็นที่พระคัมภีร์จะต้องเป็นจริงตามที่พระจิตเจ้าทรงใช้พระโอษฐ์ของกษัตริย์ดาวิดตรัสล่วงหน้าถึงยูดาส ผู้นำคนมาจับกุมพระเยซูเจ้า ยูดาสผู้นี้เคยเป็นคนหนึ่งในคณะของเราและร่วมภารกิจกับเรา
เพราะมีเขียนไว้ในหนังสือเพลงสดุดีว่า “ขอให้ที่อยู่ของเขาถูกทิ้งร้าง อย่าให้มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย” และอีกตอนหนึ่งว่า “ขอให้ผู้อื่นรับหน้าที่แทนเขา”
ดังนั้น ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่กับเรา เริ่มตั้งแต่พิธีล้างของยอห์นจนถึงวันที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์นั้น จำเป็นที่คนหนึ่งจะต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์”
ผู้ที่มาชุมนุมกันเสนอชื่อชายสองคน คือโยเซฟที่เรียกว่าบารซับบัสหรือยุสทัส และอีกคนหนึ่งชื่อมัทธีอัส เขาทั้งหลายอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงแสดงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พระองค์ทรงเลือกคนใดในสองคนนี้ ให้รับหน้าที่รับใช้เป็นอัครสาวกแทนยูดาสที่ละทิ้งหน้าที่นี้เพื่อไปยังที่ของตน” เขาจึงจับสลาก ระหว่างสองคนนี้ และจับสลากได้มัทธีอัสมัทธีอัสจึงได้เข้าร่วมคณะกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน15:9-17
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์เมื่อท่านเกิดผลมาก และกลายเป็นศิษย์ของเราพระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิดถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเราและดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้วเพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์
นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่านเราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไรเราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่านเราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน”
ข้อคิด
เส้นทางชีวิตศิษย์พระเยซูเริ่มต้นที่ความรัก ดำเนินไปในความรัก และมุ่งสู่ปลายทางคือความรัก พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไรเราก็รักท่านอย่างนั้นจงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด...นี่คือบทบัญญัติของเราให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่านเส้นทางสายนี้แม้สวยงามแต่ไม่เคยสำเร็จรูป...ยังคงโค้งตอนแห่งความยากลำบาก...ความบาดหมางและแม้กระทั่งความขัดแย้งความรักอาจแห้งแล้งในบางเวลาจึงจำเป็นต้องเฝ้ามองและเติมเต็ม....มัทธีอัสได้ถูกเลือกให้เข้าร่วมคณะกับอัครสาวกสิบเอ็ดคนเพื่อเติมเต็มความรักที่ขาดหายแล้วก้าวเดินใหม่อีกครั้งในความสุขยินดีจนกระทั่งถึงวันนั้นที่ความยินดีจะเต็มเปี่ยมบริบูรณ์
วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2016 สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤษภาคม 2016
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 07 มกราคม 2559 04:17
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1397
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ25:13-21
สองสามวันต่อมา กษัตริย์อากริปปาและพระนางเบอร์นิสเสด็จมาถึงเมืองซีซารียา เพื่อเยี่ยมเยียนแสดงความยินดีต่อเฟสตัส ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่นั่นหลายวัน เฟสตัสทูลกษัตริย์เรื่องคดีของเปาโลว่า “เฟลิกส์ทิ้งชายคนหนึ่งให้ถูกจองจำไว้ที่นี่ เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม บรรดาหัวหน้ามหาสมณะและผู้อาวุโสของชาวยิวได้ฟ้องกล่าวโทษเขาและขอให้ลงโทษด้วย
ข้าพเจ้าตอบว่า “ธรรมเนียมของชาวโรมันจะไม่ตัดสินลงโทษผู้ใดก่อนที่เขาจะมีโอกาสเผชิญหน้ากับผู้กล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหานั้น” บรรดาผู้กล่าวหามาพบข้าพเจ้าที่นี่ ข้าพเจ้าไม่รีรอ วันรุ่งขึ้นก็นั่งบัลลังก์ สั่งให้นำชายคนนั้นเข้ามา บรรดาผู้กล่าวหามารุมล้อมเขา แต่ไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาเรื่องความผิดดังที่ข้าพเจ้าคาดไว้ เขาเพียงแต่ถกเถียงปัญหาเรื่องศาสนาของเขาและเรื่องชายคนหนึ่งชื่อเยซูที่ตายไปแล้ว แต่เปาโลยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าลังเลใจที่จะตัดสินเรื่องทำนองนี้ จึงถามว่า เขาอยากไปกรุงเยรูซาเล็มและรับการพิจารณาคดีที่นั่นไหม แต่เปาโลอุทธรณ์ขอสงวนคดีไว้ให้พระจักรพรรดิเป็นผู้ตัดสิน ข้าพเจ้าจึงสั่งให้จองจำเขาไว้จนกว่าข้าพเจ้าจะส่งเขาไปเฝ้าพระจักรพรรดิได้
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน21:15-19
เมื่อบรรดาศิษย์กินเสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านรักเรามากกว่าคนเหล่านี้รักเราไหม” เปโตรทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เปโตรรู้สึกเป็นทุกข์ที่พระองค์ตรัสถามตนถึงสามครั้งว่า “ท่านรักเราไหม”เขาทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิดเราบอกความจริงกับท่านว่าเมื่อท่านยังหนุ่ม ท่านคาดสะเอวด้วยตนเอง และเดินไปไหนตามใจชอบแต่เมื่อท่านชรา ท่านจะยื่นมือ แล้วคนอื่นจะคาดสะเอวให้ท่าน พาท่านไปในที่ที่ท่านไม่อยากไป”
พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพื่อแสดงว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าโดยตายอย่างไรเมื่อตรัสดังนี้แล้ว ทรงเสริมว่า “จงตามเรามาเถิด”
ข้อคิด
ในวันนั้น..ที่ริมฝั่งทะเลเปโตรได้ยินพระองค์ตรัสเรียกจงตามเรามาเถิดและเขาก็ทิ้งแหทิ้งอวนและติดตามพระองค์ไปในวันนี้..ที่ริมฝั่งทะเลเดิมเปโตรได้ยินพระองค์ทรงตรัสเรียกด้วยถ้อยคำเดิมอีกครั้งจงตามเรามาเถิด
ในวันนั้นทุกอย่างได้เกิดขึ้นรวดเร็ว แต่ก็จบลง ด้วยคำสาบาน ยืนยันว่าไม่รู้จักพระองค์ ในวันนี้..ทุกอย่างดูแตกต่างการเรียก และการตอบรับ ดำเนินไปอย่างสุขุม ทรงถามเปโตรสามครั้งว่าท่านรักเราไหม?ทรงรอคอยคำตอบ..และบอกย้ำถึงพันธกิจในทุกครั้งจงเลี้ยงดูแกะของเราเถิดในคำตอบสุดท้ายความมั่นใจในตนเองลดลง..ความมั่นใจในพระเจ้าขยับเพิ่มพระเจ้าข้าพระองค์ทรงทราบทุกสิ่งพระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์
ชีวิตแห่งการเป็นศิษย์ มิใช่เป็นเพียงผลของความสามารถ หรืออุดมการณ์สูงส่งของตนเอง แต่..เป็นของประทานจากความรักของพระเจ้า...เป็นของขวัญ และมิใช่รางวัล เขาจึงจำเป็นต้องก้าวเดินติดตามพระองค์ไป ด้วยความรักรู้คุณ และเชื่อมั่นในพระองค์อยู่ทุกวัน
วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2016 วันสมโภชพระจิตเจ้า
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤษภาคม 2016
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 07 มกราคม 2559 04:10
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1460
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 2:1-11
เมื่อวันเปนเตกอสเตมาถึง บรรดาศิษย์ทุกคน มาชุมนุมในสถานที่เดียวกัน ทันใดนั้นมีเสียงจากฟ้าเหมือนเสียงลมพัดแรงกล้า ทุกคนที่อยู่ในบ้านได้ยิน เขาเห็นเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้น แยกไปอยู่เหนือศีรษะของเขาแต่ละคน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม และเริ่มพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระจิตเจ้าประทานให้พูด
ขณะนั้นที่กรุงเยรูซาเล็มมีชาวยิวผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระเจ้ามาจากทุกชาติทั่วโลก เมื่อประชาชนได้ยินเสียงนี้ จึงมาชุมนุมกันจำนวนมาก รู้สึกฉงนสนเท่ห์เพราะแต่ละคนได้ยินคนเหล่านี้พูดภาษาของตน และประหลาดใจอย่างยิ่ง กล่าวว่า “ทุกคนที่กำลังพูดอยู่นี้เป็นชาวกาลิลีมิใช่หรือ แล้วทำไมเราแต่ละคนจึงได้ยินเขาพูดภาษาท้องถิ่นของเรา เราชาวปารเธีย ชาวมีเดีย และชาวเอลาม บางคนอาศัยอยู่ในเขตเมโสโปเตเมีย แคว้นยูเดีย แคว้นคัปปาโดเซีย แคว้นปอนทัสและแคว้นอาเซีย แคว้นฟรีเจียและแคว้นปัมฟีเลีย บางคนมาจากอียิปต์และเขตของประเทศลิเบียรอบๆ เมืองไซรีน บางคนมาจากกรุงโรม ทั้งชาวยิวและผู้กลับใจเข้านับถือลัทธิยิวบางคนเป็นชาวเกาะครีตและชาวอาหรับ พวกเราได้ยินคนเหล่านี้ประกาศกิจการยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเป็นภาษาของเรา”
เพลงสดุดี สดด 104:1-2,28-30,31 และ 33
ก) จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงยิ่งใหญ่เหลือล้น
พระองค์ทรงความรุ่งเรืองและพระเกียรติยศเป็นเสมือนอาภรณ์
ทรงคลุมพระองค์ด้วยแสงสว่างต่างพระภูษา
พระองค์ทรงคลี่ท้องฟ้าให้กางออกดุจกางกระโจม
ข) เมื่อพระองค์ประทานอาหาร สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็เก็บไว้
เมื่อพระองค์ยื่นพระหัตถ์ สิ่งมีชีวิตก็มีของดีๆ กินจนอิ่ม
ถ้าพระองค์เบือนพระพักตร์ไปทางทิศอื่น สิ่งมีชีวิตก็ตื่นตระหนก
ถ้าพระองค์ทรงเรียกลมปราณกลับคืน สิ่งมีชีวิตก็ตายและกลับเป็นฝุ่นดิน
เมื่อพระองค์ทรงส่งพระจิตของพระองค์ลงมา สิ่งมีชีวิตก็ถูกสร้างขึ้น
พระองค์ทรงเปลี่ยนโฉมหน้าของแผ่นดิน
ค) พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชื่นชมในพระราชกิจของพระองค์
ข้าพเจ้าจะขับร้องเพลงถวายพระองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดชีวิต
จะร้องเพลงสดุดีถวายพรพระเจ้าของข้าพเจ้า ตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโครินทร์ฉบับที่หนึ่ง 1คร 12:3ข-7,12-13
พี่น้องทั้งหลาย ไม่มีผู้ใดพูดโดยพระจิตเจ้าทรงดลใจว่า “พระเยซูจงถูกสาปแช่ง” และหากพระจิตเจ้ามิได้ทรงดลใจก็ไม่มีผู้ใดพูดได้ว่า “พระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า”
พระพรพิเศษมีหลายประการแต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียวมีหน้าที่หลายอย่างต่างกันแต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวกิจการมีหลายอย่างแต่มีพระเจ้าพระองค์เดียวผู้ทรงกระทำทุกอย่างในทุกคนพระจิตเจ้าทรงแสดงพระองค์ในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียวแต่ก็มีอวัยวะหลายส่วนอวัยวะต่างๆเหล่านี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกายเดียวกันฉันใดพระคริสตเจ้าก็ฉันนั้นเดชะพระจิตเจ้าพระองค์เดียวเราทุกคนจึงได้รับการล้างมารวมเข้าเป็นร่างกายเดียวกันไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีกไม่ว่าจะเป็นทาสหรือเป็นไทยก็ตามเราทุกคนต่างได้รับพระจิตเจ้าพระองค์เดียวกัน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 20:19-23
ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี 21พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิดพระบิดาทรงส่งเรามาฉันใดเราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า“จงรับพระจิตเจ้าเถิดท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใดบาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัยท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใดบาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”
ข้อคิด
ศิษย์ผู้ตื่นตระหนกรวมตัวในห้องชั้นบน...ประตูปิดแน่นสนิทห้องนี้เคยอบอุ่นใกล้ชิดในอาหารค่ำครั้งสุดท้าย บัดนี้..อบอ้าวอึดอัดด้วยแรงกดดัน..เต็มด้วยความหวาดกลัวและหวาดระแวง เสียงก้าวเท้าของผู้ประหารเมื่อวันก่อนยังคงดังก้องในโสตประสาทเป็นที่หวาดผวาพวกเขาภาวนา...เพื่อจะได้รอดปลอดภัยและไม่ต้องพบกับชะตากรรมเดียวกันกับพระอาจารย์
ในห้องแห่งความหวาดกลัวที่ประตูลั่นดาล...มีเสียงลมพัดแรงกล้า ลมแห่งพระจิต..พัดผ่านประตูหัวใจที่ปิดแน่น ครั้งหนึ่ง..เคยเป็นสายลมอ่อน..พัดแผ่วเบา บัดนี้ ทรงเป็นพายุแรงกล้า ให้พลังใหม่...แรงบันดาลใจใหม่ และทิศทางใหม่ ทรงเปิดขอบฟ้าแห่งชีวิตสาวก ให้กว้างไกลถึงทุกผู้คน พวกเขาก้าวออกจากห้องแห่งความหวาดกลัว มุ่งสู่ลานสาธารณะ พบปะผู้คน..ประกาศการอัศจรรย์ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำ