มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2019 ระลึกถึงพระนางพรหมจารีมารีย์ถวายองค์ในพระวิหาร

บทอ่านจากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่หนึ่ง                          1 มคบ 2:15-29
     ในครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ที่กษัตริย์ทรงส่งมาบังคับประชาชนให้ละทิ้งศาสนาและถวายบูชาแด่รูปเคารพมาถึงเมืองโมดีน ชาวอิสราเอลจำนวนมากเข้าร่วมด้วย แต่มัทธาธีอัสกับบรรดาบุตรอยู่รวมกันอีกกลุ่มหนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่กษัตริย์ทรงส่งมาจึงกล่าวแก่มัทธาธีอัสว่า “ท่านเป็นคนสำคัญ มีเกียรติ และยิ่งใหญ่ในเมืองนี้ ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาบุตรและญาติพี่น้อง ท่านจงออกมาเป็นคนแรก ปฏิบัติตามพระบัญชาของกษัตริย์เถิด ดังที่ชนชาติต่างๆ ชาวยูดาห์และผู้คนที่เหลืออยู่ในกรุงเยรูซาเล็มทำกัน แล้วท่านกับบรรดาบุตรจะได้ชื่อว่าเป็นพระสหายของกษัตริย์ ท่านกับบรรดาบุตรจะมีเกียรติ ได้รับเงินทองและของประทานมากมาย”
     แต่มัทธาธีอัสร้องตอบเสียงดังว่า “แม้ชนชาติทั้งหมดในราชอาณาจักรของกษัตริย์จะปฏิบัติตามพระบัญชา ละทิ้งศาสนาของบรรพบุรุษ ยอมปฏิบัติตามพระบัญชาของกษัตริย์ ข้าพเจ้ากับบรรดาบุตรและญาติพี่น้องจะดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาของบรรพบุรุษ ขอพระเจ้าทรงพระกรุณาอย่าให้เราละทิ้งธรรมบัญญัติและขนบประเพณีเลย เราจะไม่เชื่อฟังพระบัญชาของกษัตริย์ จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากศาสนาของเราแต่ประการใด”
     เมื่อเขาพูดจบ ชาวยิวคนหนึ่งออกมาต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อถวายเครื่องบูชาบนแท่นที่เมืองโมดีนตามพระบัญชาของกษัตริย์ มัทธาธีอัสเห็นเข้าก็โกรธ โทสะพลุ่งขึ้นเพราะความรักต่อธรรมบัญญัติ วิ่งไปฆ่าชายคนนั้นคาแท่นบูชา เขาฆ่าเจ้าหน้าที่ที่กษัตริย์ทรงส่งมาบังคับให้ถวายเครื่องบูชา และเขายังทำลายแท่นบูชาด้วย เขาทำเช่นนี้เพราะความรักต่อธรรมบัญญัติ ดังที่ฟีเนหัสเคยทำกับศิมรี บุตรของสาลู
มัทธาธีอัสไปประกาศเสียงดังทั่วเมืองว่า “ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาต่อธรรมบัญญัติ และยึดมั่นในพันธสัญญา จงตามข้าพเจ้ามาเถิด”
     เขากับบรรดาบุตรหนีไปยังเขตภูเขา ละทิ้งข้าวของทั้งหมดไว้ในเมือง
ชาวยิวจำนวนมากที่ปรารถนาจะดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม และปฏิบัติตามขนบประเพณีทางศาสนา ไปตั้งหลักฐานในถิ่นทุรกันดาร

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                               ลก 19:41-44
     ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนั้นแล้วทรงกันแสง ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำไปสู่สันติ ก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว วันนั้นจะมาถึงเจ้า เมื่อข้าศึกสร้างที่มั่นล้อมเจ้า จะตรึงเจ้าไว้อย่างแน่นหนารอบทุกด้าน จะบุกทำลายเจ้าและลูกหลานที่อาศัยอยู่ในเจ้าจนราบเป็นหน้ากลอง และจะไม่ปล่อยให้มีก้อนหินซ้อนกันอยู่ในเจ้าอีก เพราะเจ้าไม่รู้จักเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า”

 

ข้อคิด

     มัทธาธีอัสเป็นพ่อของลูกๆครอบครัวมัคคาบี ลูกชายคนที่เด่นที่สุดของเขาชื่อยูดาสมัคคาบี ทั้งตระกูลต้องต่อสู้กับกษัตริย์ชาวกรีกที่มายึดอาณาจักรยูดาห์และบังคับให้เปลี่ยนศาสนาโดยสั่งให้กราบไหว้เทพเจ้าของชาวกรีก ความร้อนรนร้อนใจในพระเจ้าของคนโบราณเดือดดาลถึงขั้นประหารชีวิต แต่พระเยซูเจ้าเสด็จมาสอนเราให้รู้จักรักและเมื่อรักก็อาจจำเป็นต้องรู้จักยอมแพ้ เราจึงเห็นรูปพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนบนพระแท่น พระองค์ทรงยอมเพราะรักเรามนุษย์ ถ้าเราคิดแต่จะต้องชนะเพียงอย่างเดียว เราก็ต้องไปแสวงหาอำนาจมาบีบบังคับคนอื่น พอเราแสวงหาอำนาจเราก็เข้าไปในวังวนของการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ขอให้เราหันไปมองดูไม้กางเขนที่พระเยซูเจ้าทรงถูกแขวนตรึงอยู่เพื่อมองดูให้เห็นความรักของพระองค์ที่มีต่อเราและให้เรามีความรักต่อผู้อื่น

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2019 ระลึกถึง น.เซซีลีอา พรหมจารีและมรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่หนึ่ง                             1 มคบ 4:36-37,52-59
      ในครั้งนั้น ยูดาสกับญาติพี่น้องปรึกษากันว่า “ศัตรูของเราถูกบดขยี้แล้ว เราจงไปชำระพระวิหารให้หมดมลทินเถิด จะได้ถวายแด่พระเจ้าอีก” คนทั้งกองทัพมาชุมนุมกัน แล้วขึ้นไปที่เนินเขาศิโยน
     ชาวอิสราเอลลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ยี่สิบห้า เดือนเก้า ซึ่งเป็นเดือนคิสเลฟ ปีหนึ่งร้อยสี่สิบแปดของศักราชกรีก เขาทั้งหลายมาถวายเครื่องบูชาตามธรรมบัญญัติบนพระแท่นเครื่องเผาบูชาที่เพิ่งสร้างใหม่ ในวันครบรอบปีที่ชนต่างชาติทำให้พระแท่นเป็นมลทิน เขาถวายพระแท่นบูชาใหม่แด่พระเจ้าด้วยการขับร้อง ดีดพิณ เป่าขลุ่ยและตีฉาบ ประชากรทุกคนกราบลงหน้าจรดพื้น นมัสการสรรเสริญพระเจ้าผู้ประทานความสำเร็จ
      เขาฉลองการถวายพระแท่นบูชาเป็นเวลาแปดวัน ถวายเครื่องเผาบูชาด้วยความชื่นชม ทั้งยังถวายบูชาขอบพระคุณและสรรเสริญ เขาตกแต่งด้านหน้าพระวิหารด้วยมงกุฎทองคำและโล่เล็กๆ ซ่อมแซมประตูและห้องสมณะ ติดบานประตูใหม่ ประชากรทุกคนมีความยินดียิ่งเพราะความอับอายที่ชนต่างชาตินำมาให้นั้นถูกลบล้างไปแล้ว ยูดาสกับญาติพี่น้องและชาวอิสราเอลที่มาชุมนุมกัน กำหนดให้ทุกคนเฉลิมฉลองการถวายพระวิหารด้วยความยินดีตลอดเวลาแปดวันเป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่วันที่ยี่สิบห้า เดือนคิสเลฟ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 19:45-48
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ทรงเริ่มขับไล่บรรดาพ่อค้า ตรัสกับเขาว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า บ้านของเราจะเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา แต่ท่านทั้งหลายกลับมาทำให้เป็นซ่องโจร”
พระองค์ทรงสั่งสอนในพระวิหารทุกวัน บรรดาหัวหน้าสมณะ ธรรมาจารย์และหัวหน้าประชาชนหาวิธีกำจัดพระองค์ แต่หาวิธีไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร เพราะประชาชนทุกคนกำลังตั้งใจฟังพระองค์


ข้อคิด

     วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของสังคมเหมือนพระวิหารเป็นศูนย์รวมจิตใจคนทั้งชาติอิสราเอลเพราะแปลว่าพระเจ้าทรงประทับอยู่ที่นี่ เมื่อมีวัดผู้คนก็มีที่ทางจะไปในวันที่เขาอับจนหนทาง เขาเข้าไปนั่งตรงไหนก็ได้ ไม่อาจมีใครมาขับไล่เขาออกไปจากวัดได้แม้เขาจะจนที่สุดต่ำต้อยที่สุด เมื่อแม่พระประจักษ์มาให้แก่ใครได้เห็นก็มักจะบอกให้ผู้นั้นไปบอกพระสังฆราชให้สร้างวัดขึ้นที่นั่น มิใช่เพื่อพระนาง แต่เพื่อผู้คนจะมีที่ไป เข้ามาสวดร่วมกับพระนางและพักผ่อนจิตใจหายเหนื่อย เราอย่าทำวัดของเราให้คนเข้าไม่ได้ เข้ายาก มาแล้วรู้สึกอับอายแปลกหน้า อย่าทำวัดให้เป็นที่จัดงานอีเวนท์เพื่อสร้างบรรยากาศทางโลกเอาคะแนนเสียงจากสังคม วัดเป็นบ้านของพระเจ้าสำหรับมนุษย์ทุกคน

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2019 สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่สอง                          2 ซมอ 5:1-3
     ชาวอิสราเอลทุกเผ่ามาเฝ้ากษัตริย์ดาวิดที่เมืองเฮโบรน ทูลว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นสายเลือดเดียวกันกับพระองค์ ในอดีตเมื่อกษัตริย์ซาอูลทรงปกครอง พระองค์ทรงนำชาวอิสราเอลออกรบ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่พระองค์ว่า ‘ท่านจะเลี้ยงดูอิสราเอลประชากรของเรา ท่านจะเป็นเจ้านายเหนืออิสราเอล’” บรรดาผู้อาวุโสชาวอิสราเอลจึงมาเฝ้ากษัตริย์ที่เมืองเฮโบรน และกษัตริย์ดาวิดทรงทำพันธสัญญากับเขาเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าที่เมืองเฮโบรน เขาจึงเจิมดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล

 

เพลงสดุดี                                                             สดด 122:1-2,3-5
     ก) ข้าพเจ้ายินดีเมื่อมีผู้บอกข้าพเจ้าว่า
"เราจงไปยังบ้านขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยกันเถิด"
บัดนี้ เยรูซาเล็มเอ๋ย เท้าของเรามายืนที่ประตูของเจ้าแล้ว
     ข) เยรูซาเล็มสร้างขึ้นเป็นนคร
มีกำแพงล้อมรอบอย่างมั่นคง
เผ่าพันธุ์ต่างๆ ขึ้นไปที่นั่น
เผ่าพันธุ์ทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ตามที่ทรงกำหนดให้อิสราเอล
สรรเสริญพระนามพระองค์
ที่นั่นเป็นที่ตั้งบัลลังก์พิพากษา
บัลลังก์แห่งราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี      คส 1:12-20
     พี่น้อง ขอบพระคุณพระบิดาเจ้าด้วยความยินดี พระองค์โปรดให้ท่านเป็นบุคคลที่เหมาะสมจะเข้าอยู่ในแสงสว่าง มีส่วนได้รับมรดกร่วมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
     พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจความมืดมนและทรงนำเราเข้าไปสู่พระอาณาจักรของพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ เดชะพระบุตรนี้ เราได้รับการไถ่กู้และได้รับการอภัยบาป
    พระองค์ทรงเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่เรามองไม่เห็น ทรงเป็นบุตรคนแรกในบรรดาสิ่งสร้างทั้งปวง เพราะสรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน ทั้งที่แลเห็นได้และไม่อาจแลเห็นได้ เทพนิกรบัลลังก์ เทพนิกรนาย เทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำนาจ ล้วนถูกสร้างโดยพระองค์ทั้งสิ้น ทุกสิ่งถูกเนรมิตขึ้นโดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่ง และสรรพสิ่งดำรงอยู่เป็นระเบียบในพระองค์ พระองค์ทรงเป็นศีรษะของร่างกาย คือพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นปฐมเหตุ ทรงเป็นบุคคลแรกในบรรดาผู้ตายที่กลับคืนชีพ ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในทุกสิ่ง เพราะพระเจ้าพอพระทัยให้ความบริบูรณ์ทั้งปวงอยู่ในพระคริสตเจ้า และให้สรรพสิ่งคืนดีกับพระองค์โดยทางพระคริสตเจ้า ผู้โปรดให้ทุกสิ่งมีสันติ ด้วยพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของพระองค์ ทั้งสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในสวรรค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                               ลก 23:35-43
     เวลานั้น ประชาชนยืนดูอยู่ที่นั่น ส่วนบรรดาผู้นำเยาะเย้ยพระเยซูเจ้าว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ ก็ให้เขาช่วยตนเองซิ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร” แม้แต่บรรดาทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย เขานำเหล้าองุ่นเปรี้ยวเข้ามาถวาย พลางกล่าวว่า “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตนเองให้รอดพ้นซิ” มีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า “ผู้นี้คือกษัตริย์ของชาวยิว”
     ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พูดดูหมิ่นพระองค์ว่า “แกเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ จงช่วยตนเองและช่วยเราให้รอดพ้นด้วยซิ” แต่อีกคนหนึ่งดุเขา กล่าวว่า “แกไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือที่มารับโทษเดียวกันกับท่านผู้นี้ สำหรับพวกเราก็ยุติธรรมแล้ว เพราะเรารับโทษสมกับการกระทำของเรา แต่ท่านผู้นี้มิได้ทำผิดเลย” แล้วเขาทูลว่า “ข้าแต่พระเยซู โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าด้วยเมื่อพระองค์จะเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์”

 

ข้อคิด

     เมื่อโลกนี้จบลงหรือชีวิตเราจบลง ถนนชีวิตของเราและของโลกจะไปจบลงตรงที่ปลายทางซึ่งเราไปต่อไม่ได้ ตรงนั้นเราแหงนหน้าขึ้นมองจะพบพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาลประทับบนบัลลังห์และพิพากษาเรา พระองค์จะไม่ถามว่าตอนเราตายเราได้เงินเดือนเท่าไหร่ เราได้ปริญญาอะไร หรือเราอยู่ในตำแหน่งยศฐาใด คำถามเดียวที่พระองค์จะทรงถามเราก็คือ “ไหน แก้วน้ำเย็นที่ตลอดสองข้างทางชีวิตที่ลูกผ่านมาแล้วลูกหยิบยื่นให้แก่ผู้ลำบากที่ขอจากลูก มีกี่แก้ว”... สรรพสิ่งทั่วจักรวาลจะต้องกลับไปหาพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสากลจักรวาลเพื่อรับรางวัลเข้าอยู่ในสวรรค์ร่วมกับพระองค์ตลอดนิรันดร

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2019 น.เคลเมนต์ที่ 1 พระสันตะปาปา มรณสักขี น.โคลัมบัน เจ้าอธิการ

บทอ่านจากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่หนึ่ง                           1 มคบ 6:1-13
     ในครั้งนั้น ขณะที่กษัตริย์อันทิโอคัสทรงผ่านดินแดนทางเหนือ ทรงทราบว่าในเปอร์เซียมีเมืองชื่อเอลีมาอิส เป็นเมืองมั่งคั่ง มีเงินทองมาก วิหารในเมืองนั้นก็ร่ำรวยมาก มีหมวกเกราะทองคำ เกราะอก และเครื่องอาวุธที่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงทิ้งไว้ กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงเป็นพระโอรสของกษัตริย์ฟีลิปแห่งมาซิโดเนีย ทรงปกครองชาวกรีกเป็นพระองค์แรก กษัตริย์อันทิโอคัสจึงเสด็จไปที่นั่นเพื่อยึดและปล้นเมือง แต่ทรงทำไม่สำเร็จ เพราะชาวเมืองรู้แผนการของพระองค์เสียก่อน จึงจับอาวุธต่อต้านพระองค์จนต้องทรงหนีและถอยทัพมุ่งกลับไปกรุงบาบิโลนด้วยความเศร้าโศกอย่างยิ่ง
     ขณะที่กษัตริย์อันทิโอคัสยังประทับอยู่ที่เปอร์เซีย มีผู้นำข่าวมาทูลพระองค์ว่ากองทัพที่ทรงส่งไปบุกแคว้นยูดาห์ถูกโจมตียับเยิน กองทัพเข้มแข็งที่ลีเซียสยกไปก็ถูกชาวอิสราเอลตีกลับ ชาวอิสราเอลเข้มแข็งมากขึ้นเพราะอาวุธ ผู้คนและข้าวของมากมายที่เป็นของเชลยจากค่ายต่างๆที่ได้ทำลาย ชาวอิสราเอลทำลายรูปเคารพน่าสะอิดสะเอียนที่พระองค์ทรงสร้างไว้บนพระแท่นบูชาที่กรุงเยรูซาเล็ม เขายังสร้างกำแพงสูงล้อมพระวิหารไว้ให้เหมือนเดิม และสร้างกำแพงล้อมเมืองเบธซูร์ เมืองหนึ่งของพระองค์ด้วย
     เมื่อกษัตริย์ทรงทราบข่าวนี้ ก็ตกพระทัยกลัวจนพระกายสั่นเทา ทรงล้มลงบนพระที่ และประชวรเพราะความเศร้าโศกที่เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามพระประสงค์ ทรงมีความทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทรงอยู่ในสภาพเช่นนี้หลายวัน ทรงคิดว่าจะสิ้นพระชนม์ จึงทรงเรียกพระสหายทั้งหลายมา ตรัสว่า “เรานอนไม่หลับเลยเพราะจิตใจเป็นกังวลมาก เราคิดว่า ในการปกครองเราเคยทำดีและเป็นที่รักของประชาชนอย่างมาก เหตุใดเราจึงต้องรับความทุกข์ยากและวุ่นวายใจเช่นนี้ บัดนี้ เราระลึกได้ถึงความชั่วร้ายที่เราได้ทำที่กรุงเยรูซาเล็ม เราขนภาชนะเงินทองทั้งหมดในเมืองนั้น เราส่งคนไปฆ่าชาวยูดาห์อย่างไร้เหตุผล เรายอมรับว่าสิ่งร้ายๆเหล่านี้เกิดขึ้นแก่เราก็เพราะเหตุนี้ บัดนี้เรากำลังจะตายอยู่ในต่างแดน เพราะความทุกข์ใจยิ่งใหญ่”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 20:27-40
     เวลานั้น ชาวสะดูสีบางคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านี้สอนว่าไม่มีการกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งไว้ว่า ถ้าพี่ชายตาย มีภรรยาแต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายของเขารับหญิงนั้นมาเป็นภรรยาเพื่อจะได้สืบสกุลของพี่ชาย มีพี่น้องเจ็ดคน คนแรกมีภรรยา แล้วก็ตายโดยไม่มีบุตร คนที่สอง คนที่สามรับนางเป็นภรรยาและตายโดยไม่มีบุตร เป็นเช่นนี้ทั้งเจ็ดคน ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย ดังนี้ เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพ หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร เพราะทั้งเจ็ดคนต่างได้นางเป็นภรรยา”
     พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนของโลกนี้แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน แต่คนที่จะบรรลุถึงโลกหน้าและจะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายนั้น จะไม่แต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก เพราะเขาจะไม่ตายอีกต่อไป เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะเขาจะกลับคืนชีพ โมเสสยืนยันแล้วว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพในข้อความเรื่องพุ่มไม้ เมื่อพูดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ พระองค์มิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น เพราะทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์” ธรรมาจารย์บางคนพูดว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดดีแล้ว” เขาไม่กล้าทูลถามพระองค์อีกต่อไป

 

ข้อคิด

     การล่วงเกินต่อพระวิหารของพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็มส่งผลร้ายต่อกษัตริย์อันทิโอคัส ทั้งการรบและสุขภาพ ร่างกายของเราคือพระวิหารของพระเจ้า เราจึงไม่อาจล่วงเกิดชีวิตใครได้ ศีลแต่งงานทำให้ชายหญิงเป็นเนื้อเดียวกันใจเดียวกัน สามีภรรยาจึงไม่อาจล่วงเกินคือทำผิดต่อกันและกันได้ มีแต่จะรักและยกย่องให้เกียรติกันและกันจนตลอดชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นในภายภาคหน้าจึงอาจไม่สำคัญเท่ากับว่าในเวลานี้ เราได้รักและเสียสละเพื่อครอบครัวอย่างไร เราเป็นกายเดียวใจเดียวกันแค่ไหน สิ่งนั้นก็จะส่งผลดีสืบเนื่องไปแน่นอน

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2019 น.กาทารีนา แห่งอเล็กซานเดรีย พรหมจารีและมรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือประกาศกดาเนียล                             ดนล 1:1-6,8-20
     ปีที่สามในรัชกาลกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงยกทัพมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ รวมทั้งเครื่องใช้ส่วนหนึ่งของพระวิหารของพระเจ้า ไว้ในมือของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ พระองค์ทรงนำสิ่งของเหล่านี้มายังแผ่นดินชินาร์ และทรงเก็บไว้ในห้องคลังวิหารของเทพเจ้าของพระองค์
     กษัตริย์ทรงบัญชาอัชเปนัส หัวหน้ามหาดเล็ก ให้นำชาวอิสราเอลบางคนที่เป็นเชื้อพระวงศ์หรือมาจากตระกูลขุนนาง เป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายสมบูรณ์ รูปร่างงาม เฉลียวฉลาด มีปรีชา เรียนรู้วิชาการต่างๆ ได้รวดเร็ว และรอบคอบในการตัดสิน ให้มาอยู่ในราชสำนัก เพื่อเรียนเขียนและพูดภาษาของชาวเคลเดีย กษัตริย์ทรงกำหนดให้เขาได้รับส่วนอาหารและเหล้าองุ่นจากโต๊ะเสวยของพระองค์ทุกวัน เขาจะต้องรับการศึกษาเป็นเวลาสามปี เมื่อครบกำหนดแล้ว จะได้เข้ารับราชการ ในบรรดาชายหนุ่มเหล่านี้มีชาวยูดาห์ คือดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ แต่หัวหน้ามหาดเล็กตั้งชื่อให้ใหม่ ดาเนียลได้ชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ ฮานันยาห์ได้ชื่อว่าชัดรัค มิชาเอลได้ชื่อว่าเมชาค และอาซาริยาห์ได้ชื่อว่าอาเบดเนโก
     ดาเนียลตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำตนเป็นมลทิน โดยกินอาหารหรือดื่มเหล้าองุ่นจากโต๊ะเสวยของกษัตริย์ เขาจึงขอหัวหน้ามหาดเล็กอย่าได้บังคับตนให้เป็นมลทิน พระเจ้าทรงบันดาลให้หัวหน้ามหาดเล็กพอใจและเห็นชอบกับดาเนียล แต่หัวหน้ามหาดเล็กก็ทักท้วงดาเนียลว่า “ข้าพเจ้าเกรงกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ผู้ทรงกำหนดอาหารและเครื่องดื่มของท่าน ถ้าพระองค์ทรงเห็นว่าท่านทั้งสี่คนมีใบหน้าซีดกว่าใบหน้าชายหนุ่มคนอื่น ๆ ที่มีอายุเท่ากัน ท่านก็จะทำให้ข้าพเจ้าต้องเสี่ยงชีวิตถูกกษัตริย์ลงโทษ” ดาเนียลจึงบอกผู้ที่หัวหน้ามหาดเล็กกำหนดให้ดูแลดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอลและอาซาริยาห์ว่า “จงทดลองผู้รับใช้ของท่านเป็นเวลาสิบวัน ท่านจงให้พวกเรากินแต่ผักและดื่มน้ำเปล่า แล้วท่านจงเปรียบเทียบใบหน้าของพวกเรากับใบหน้าของบรรดาชายหนุ่มที่กินเครื่องเสวยของกษัตริย์ และจงทำกับผู้รับใช้ของท่านตามที่ท่านเห็นควรเถิด” เขาก็ยอมทำตามข้อเสนอนี้และทดลองเป็นเวลาสิบวัน เมื่อครบสิบวันแล้วก็ปรากฏว่าใบหน้าของชายหนุ่มเหล่านี้ดีกว่า เปล่งปลั่งกว่าใบหน้าของชายหนุ่มอื่นๆ ที่กินเครื่องเสวยของกษัตริย์ ตั้งแต่นั้นมา ผู้ดูแลก็สั่งให้งดนำเครื่องเสวยและเหล้าองุ่นที่เขาทั้งสี่คนควรจะได้รับนั้น นำแต่ผักมาให้เขากิน พระเจ้าประทานความรู้ ความเชี่ยวชาญในการอ่านเขียนและปรีชาญาณแก่ชายหนุ่มทั้งสี่คน และทรงบันดาลให้ดาเนียลอธิบายความหมายของนิมิตและความฝันได้อีกด้วย
     เมื่อครบกำหนดที่กษัตริย์ทรงบัญชาให้นำชายหนุ่มทุกคนเข้าเฝ้า หัวหน้ามหาดเล็กนำเขาเข้าเฝ้ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ทรงสนทนากับเขาทุกคน และทรงเห็นว่าไม่มีใครเฉลียวฉลาดเหมือนดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอลและอาซาริยาห์ เขาทั้งสี่คนจึงได้เข้ารับราชการ เมื่อกษัตริย์ตรัสถามเรื่องราวที่ต้องใช้ปรีชาญาณและความรอบรู้ พระองค์ก็ทรงพบว่าคำตอบของชายหนุ่มเหล่านี้ดีกว่าคำตอบของบรรดาโหราจารย์และผู้วิเศษ ซึ่งอยู่ทั่วอาณาจักรของพระองค์ถึงสิบเท่า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 21:1-4
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีกำลังใส่เงินถวายลงในตู้ทาน ทรงเห็นหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งใส่เหรียญทองแดงสองเหรียญลงในตู้ทานด้วย จึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ทำทานมากกว่าทุกคน เพราะทุกคนนำเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมดสำหรับเลี้ยงชีพมาทำทาน”

 

ข้อคิด

     อาณาจักรบาบิโลเนียมาตีอาณาจักรยูดาห์ในปี 586 ก.ค.ศ. เป็นเหมือนการสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินอิสราเอล เพราะพระวิหารที่ประทับของพระเจ้าอันเป็นศูนย์รวมจิตใจคนทั้งชาติถูกเผาและฉกฉวยปล้นเอาภาชนะศักดิ์สิทธิ์ออกไปด้วย หนังสือดาเนียลจึงเล่าว่าพวกศัตรูเอาแม้กระทั่งผู้คนเก่งๆ รูปร่างหน้าตาดีแข็งแรงไปเป็นเชลยด้วย แต่พระเจ้าประทับอยู่กับชายหนุ่มทั้ง 4 คนนั้น ณ ที่บาบิโลน ประกาศกให้ความหวังแก่ทุกคนว่า จะได้กลับบ้าน อย่าปล่อยตัวและละทิ้งพระเจ้า ตลอดหนังสือดาเนียลจึงเล่าเรื่องของชัดรัก เมชาค อาเบดเนโก และดาเนียลว่าพวกเขายืนหยัดซื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้า และพระเจ้าทรงช่วยเขาให้เป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้าต่อหน้าคนเคลเดียได้สำเร็จ ชีวิตเรามีน้อยแต่เราให้พระเจ้าทั้งหมด สิ่งที่ให้จึงเป็นของถวายที่พระเจ้าพอพระทัยรับชีวิตราไว้ให้รอดพ้น

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown