มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2019 สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                           บสร 6:5-17
     ปากหวานทวีจำนวนมิตรสหาย วาจาสุภาพส่งเสริมอัธยาศัยไมตรี มีมิตรมากไว้เป็นการดี แต่จงมีที่ปรึกษาเพียงคนเดียวในพันคน ถ้าท่านต้องการมีเพื่อน จงลองใจเขาก่อน อย่าด่วนไว้ใจเขา บางคนเป็นเพื่อนเมื่อได้ประโยชน์ แต่เมื่อท่านลำบาก เขาก็หายหน้าไป มิตรบางคนกลายเป็นศัตรู และนำการวิวาทกับท่านไปโพนทะนาให้ท่านต้องอับอาย บางคนเป็นเพื่อนกิน แต่เมื่อท่านลำบาก เขาก็หายหน้าไป เมื่อทุกอย่างราบรื่น เขาก็เป็นเพื่อนคู่ใจ ทำตนเป็นนาย บังอาจสั่งผู้รับใช้ของท่าน แต่เมื่อท่านตกอับ เขาก็จะลุกขึ้นมาเป็นศัตรูกับท่าน คอยหลีกเลี่ยงไม่พบหน้าท่าน จงอยู่ห่างจากศัตรูของท่าน และจงคอยระวังเพื่อนของท่าน เพื่อนซื่อสัตย์เป็นที่ปกป้องแข็งแรง ใครพบมิตรเช่นนี้ก็เหมือนได้พบสมบัติ เพื่อนซื่อสัตย์หาค่ามิได้ ไม่มีมาตรใดวัดค่าของเขาได้ เพื่อนซื่อสัตย์เป็นเสมือนยาอายุวัฒนะ ผู้ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นจะพบเขาได้ ผู้ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมรักษามิตรภาพอย่างมั่นคง เขาเป็นเช่นใด เพื่อนของเขาก็เป็นเช่นนั้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                               มก 10:1-12
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นเข้าไปในเขตแคว้นยูเดียและอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ประชาชนมาเฝ้าพระองค์อีกครั้งหนึ่ง พระองค์จึงทรงสอนเขาอีกเช่นเคย ชาวฟาริสีบางคนทูลถามหวังจะจับผิดพระองค์ว่า “เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่ชายจะหย่ากับภรรยา” พระองค์ตรัสตอบว่า “โมเสสได้บัญญัติไว้ว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “โมเสสอนุญาตให้ทำหนังสือหย่าร้างและหย่ากันได้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เพราะใจดื้อแข็งกระด้างของท่าน โมเสสจึงได้เขียนบัญญัติข้อนี้ไว้ แต่เมื่อแรกสร้างโลกนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง ดังนั้น ชายจะละบิดามารดา และชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน 9ดังนั้นสิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกเลย” เมื่อกลับเข้าไปในบ้านแล้ว บรรดาศิษย์ทูลถามถึงเรื่องนี้อีก พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ผู้ใดหย่าร้างภรรยา และแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำผิดประเวณีต่อภรรยาคนเดิม และถ้าหญิงคนหนึ่งหย่ากับสามี ไปแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำผิดประเวณีเช่นเดียวกัน”

 

ข้อคิด

     ย้อนกลับไป “เมื่อแรกสร้างโลกนั้น” พระทรงสร้างอาดัมและเอวา ให้มนุษย์ชายหญิงได้อยู่คู่กัน อยู่เพื่อกันและกัน และเจตนาแรกนี้มิได้ถูกยกเลิก และมิได้ขาดซึ่งพระพร แม้มีบาปกำเนิดเข้ามาแทรกในประวัติศาสตร์แห่งจิตใจของมนุษย์ ดังนั้น ชายหญิงที่ศึกษาดูใจ เตรียมตัวอย่างดีและรอบคอบ พร้อมด้วยการภาวนาขอความกระจ่างในพระประสงค์ของพระ เพื่อการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ตามเจตนาแรกเริ่มของพระเจ้านั้น ย่อมมีชีวิตอุดมด้วยพระพร...เชิญชวนเราภาวนาเพื่อบิดามารดาของเราลูกๆหลานๆ ของเราที่แต่งงานแล้ว และบุตรหลานเยาวชนของเราที่กำลังเข้าสู่ชีวิตครอบครัว ให้ดำรงอยู่ในศีลในพรของพระเทอญ

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2019 สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                           บสร 17:1-15
     องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตสร้างมนุษย์จากดิน และทรงบันดาลให้เขากลับเป็นดินอีก พระองค์ทรงกำหนดวันและเวลาไว้แก่มนุษย์ ทรงมอบอำนาจเหนือทุกสิ่งบนแผ่นดินให้เขา ประทานให้มนุษย์มีกำลังเหมือนพระองค์ ทรงเนรมิตเขาตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ทรงบันดาลให้สัตว์ทั้งหลายเกรงกลัวมนุษย์ มนุษย์จะได้เป็นนายปกครองสัตว์ป่าและนกทั้งปวง พระองค์ประทานความคิด ลิ้น ตา หู และใจแก่มนุษย์ เพื่อเขาจะรู้จักคิด พระองค์โปรดให้เขามีความรู้และความเข้าใจอย่างเต็มเปี่ยม ทรงชี้นำให้เขารู้จักความดีและความชั่ว พระองค์ประทานแสงสว่างของพระองค์ในจิตใจของเขา ทรงสำแดงให้เขาเห็นความยิ่งใหญ่แห่งพระราชกิจของพระองค์ มนุษย์จะได้สรรเสริญพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และบอกเล่าความยิ่งใหญ่แห่งพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ประทานความรู้แก่เขา ทรงมอบกฎแห่งชีวิตเป็นมรดกแก่เขา ทรงกระทำพันธสัญญานิรันดรกับเขา ทรงเผยให้เขารู้จักบทบัญญัติของพระองค์ ตาของเขาได้ชมพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ หูของเขาได้ยินพระสุรเสียงดังกังวานของพระองค์ พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “จงละเว้นความอยุติธรรมทั้งปวง” ประทานบทบัญญัติให้แต่ละคนปฏิบัติต่อเพื่อนบ้าน ความประพฤติของมนุษย์อยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเสมอ ไม่ซ่อนพ้นสายพระเนตรไปได้เลย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                               มก 10:13-16
     เวลานั้น มีผู้นำเด็กเล็กๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าเพื่อทรงสัมผัสอวยพร แต่บรรดาศิษย์กลับดุว่าคนเหล่านั้น เมื่อทรงเห็นเช่นนี้ พระองค์กริ้ว ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ปล่อยให้เด็กเล็กๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคนที่เหมือนเด็กเหล่านี้ เราบอกความจริงกับท่านว่า ผู้ใดไม่รับพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างเด็กเล็กๆ เขาจะไม่เข้าสู่พระอาณาจักรนั้นเลย” แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเหล่านั้นไว้ ทรงปกพระหัตถ์ และประทานพระพร

 

ข้อคิด

    บรรดาศิษย์เห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสม ที่จะเอาเรื่องของเด็กๆมายุ่งเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า และกับงานที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงเห็นต่าง พระองค์ทรงแสดงด้วยคำพูดและการปฏิบัติว่า ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่และสมควรแก่การให้ความสำคัญเท่ากับเด็กเล็กๆ และผู้มีจิตใจซื่อๆจริงใจเหมือนเด็กเล็กๆ เป็นที่ปรากฏว่า เกณฑ์และมาตรฐานของพระกับมนุษย์แตกต่างกัน...อยู่กับพระ จงซื่อๆและจริงใจอย่างสุดๆอยู่กับมนุษย์จงจริงใจและรอบคอบ “จงซื่อประดุจนกพิราบ และจงฉลาดประดุจงู”

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม 2019 น.กาสิมีร์

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                           บสร 17:24-29
     พระองค์ทรงให้ผู้สำนึกผิดกลับมา ประทานกำลังใจแก่ผู้ขาดความพากเพียร จงกลับใจมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ละทิ้งบาป จงอธิษฐานภาวนาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ จงเลิกทำขัดเคืองพระทัย จงกลับมาเฝ้าพระผู้สูงสุด จงหันหลังให้ความอธรรม จงเกลียดชังความชั่วร้ายโดยสิ้นเชิง ในแดนมรณะใครเล่าจะสรรเสริญพระผู้สูงสุด ใครจะขอบพระคุณพระองค์แทนผู้มีชีวิตได้ ผู้ตายที่ไม่อยู่แล้วจะสรรเสริญพระองค์ไม่ได้อีก ผู้มีชีวิตและมีสุขภาพดีเท่านั้นจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ พระกรุณาขององค์พระผู้เป็นเจ้าช่างยิ่งใหญ่ พระองค์ประทานอภัยแก่ผู้กลับใจมาเฝ้าพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                             มก 10:17-27
    ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก จึงจากไปด้วยความทุกข์
     พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง”

 

ข้อคิด

     ความปรารถนาจะติดตามพระ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆกับใครก็ได้ แต่การทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อติดตามพระองค์นั้น เป็นการท้าทายและเรียกร้องความจริงใจอย่างมาก ซึ่งมักจะมาเป็นคำถามที่ไม่เป็นตัวอักษรว่า หากขาดเสียซึ่งความปลอดภัย ความมั่นใจ ความภาคภูมิใจ หรือเสียชีวิตของตนเองล่ะ เรายังจะยินดีติดตามพระหรือไม่... แน่นอนว่า เป็นเรื่องปกติที่จากใจจริงของเรา ยอมรับว่ายากมากๆ จนแทบเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ปุถุชนแบบเราๆ... ณ ขณะนั้น ให้เราสารภาพถึงตัวตนจริงของเราที่มีขอบเขต และวอนขอกำลังจากพระผู้ทรงไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระองค์

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2019 สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                           บสร 27:4-7
     เมื่อเขย่าตะแกรง ย่อมเหลือแต่กากฉันใด เมื่อคนหนึ่งพูด ความบกพร่องของเขาก็ย่อมปรากฏออกมาฉันนั้น
เตาเผาย่อมพิสูจน์ภาชนะดินเผาของช่างหม้อฉันใด การสนทนาย่อมพิสูจน์นิสัยของมนุษย์ฉันนั้น
ผลไม้ย่อมแสดงว่าชาวสวนดูแลต้นไม้ดีหรือไม่ดี วาจาย่อมเปิดเผยใจของมนุษย์ว่าดีหรือไม่ดีด้วย
อย่าชมผู้ใดก่อนที่เขาจะพูด เพราะการพูดส่อนิสัยของมนุษย์

 

เพลงสดุดี                                                                     สดด 92:2-3,13-14,15
     ก) เป็นการดีที่จะประกาศความรักมั่นคงของพระองค์ในยามเช้า
และประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ในยามค่ำคืน
โดยบรรเลงเพลงด้วยพิณสิบสายและพิณเล็ก
เคล้าเสียงประสานของพิณใหญ่
     ข) ผู้ชอบธรรมจะเจริญงอกงามดั่งต้นอินทผลัม
ปลูกไว้ในบ้านขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เขาจึงเจริญงอกงามในท้องพระโรงของพระเจ้าของเรา
แม้ในวัยชรา เขาก็จะยังออกผล
เขายังจะแข็งแรงและเขียวสดอยู่
     ค) เพื่อประกาศว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรม
พระองค์ทรงเป็นหลักศิลาของข้าพเจ้า ไม่ทรงมีความอธรรมแต่ประการใด

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง    1 คร 15:54-58
     พี่น้อง เมื่อร่างกายที่เน่าเปื่อยนี้จะสวมใส่ความไม่เน่าเปื่อย และเมื่อร่างกายที่ต้องตายนี้จะสวมใส่ความไม่รู้จักตายแล้ว ก็จะเป็นจริงตามคำที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความตายถูกชัยชนะกลืน ความตายเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ไหน ความตายเอ๋ย พิษของเจ้าอยู่ไหน” พิษของความตายคือบาป ธรรมบัญญัติคือ สิ่งแสดงฤทธิ์อำนาจของบาป ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะให้เราเดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
     พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงมั่นคง อย่าหวั่นไหว จงออกแรงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้มากยิ่งขึ้นเสมอ ท่านรู้อยู่แล้วว่า งานหนักของท่านไม่สูญเปล่าสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 6:39-45
      เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังอีกว่า “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ แต่ทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า ‘พี่น้อง ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะที่ท่านไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง
     ต้นไม้ที่เกิดผลไม่ดีย่อมไม่ใช่ต้นไม้พันธุ์ดี หรือต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมไม่ให้ผลดีเช่นกัน เรารู้จักต้นไม้แต่ละต้นได้จากผลของต้นไม้นั้น เราย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม หรือเก็บผลองุ่นจากกอหนาม คนดีย่อมนำสิ่งที่ดีออกจากขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน ส่วนคนเลวย่อมนำสิ่งที่เลวออกมาจากขุมทรัพย์ที่เลวของตน เพราะปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา”

 

ข้อคิด

     สิ่งที่พูดหรือปฏิบัติภายนอก เป็นการพิสูจน์และสืบเนื่องมาจากสิ่งที่อยู่ภายใน “ใจ” แต่ “ใจ” ย่อมรอคอยการเอากากออกจากของจริง ซึ่งการเขย่าตะแกรงเพื่อร่อนเอาเปลือกข้าวออกจากเมล็ดข้าว เรียกร้องความพากเพียร ความหวัง และความจริงใจ... และที่ “ใจ”นี่แหละ เป็นสถานที่ที่พระทรงคอยจะพบกับเรามนุษย์ใจที่ซื่อๆและแสวงหาพระ แม้เจ้าของ “หัวใจ” นั้นไม่มีความสามารถ ความเก่ง ความมีหน้ามีตา หรือ ความร่ำรวยตามมาตรฐานของโลก ก็หาได้เป็นอุปสรรคหรือข้อขัดขวางไม่ให้พระมาหาเรา พร้อมด้วยความรักของพระองค์ไม่

วันอังคารที่ 5 มีนาคม 2019 สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                            บสร 35:1-12
     การปฏิบัติตามธรรมบัญญัติก็เป็นเสมือนการถวายเครื่องบูชามากมาย การปฏิบัติตามบทบัญญัติก็เป็นเสมือนการถวายศานติบูชา การรู้บุญคุณก็เป็นเสมือนการถวายแป้งสาลีดีเยี่ยม การให้ทานก็เป็นเสมือนการถวายเครื่องบูชาสรรเสริญพระเจ้า สิ่งที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้าก็คือการละทิ้งความชั่วร้าย การละเว้นความอยุติธรรมก็เป็นเสมือนการถวายเครื่องบูชาชดเชยบาป อย่าเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยไม่นำของถวายมาด้วย เพราะบทบัญญัติเรียกร้องให้ถวายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เมื่อผู้ชอบธรรมถวายสัตว์อ้วนพีเป็นเครื่องบูชาบนพระแท่น กลิ่นหอมฟุ้งก็ลอยขึ้นไปเฉพาะพระพักตร์พระผู้สูงสุด เครื่องบูชาของผู้ชอบธรรมเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะไม่ทรงลืมเครื่องบูชานี้เลย จงถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจกว้าง อย่าตระหนี่ผลิตผลแรกจากผลงานที่ท่านทำ ทุกครั้งที่ท่านถวายเครื่องบูชา จงมีหน้าตายิ้มแย้ม จงถวายรายได้หนึ่งในสิบส่วนด้วยความยินดี จงถวายแด่พระผู้สูงสุดให้สมกับพระพรที่ท่านได้รับจากพระองค์ด้วยใจกว้างตามที่ท่านจะทำได้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานบำเหน็จตอบแทนเสมอ พระองค์จะประทานรางวัลให้ท่านถึงเจ็ดเท่า
    อย่าติดสินบนพระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงรับ อย่าไว้ใจเครื่องบูชาที่ไม่ชอบธรรม เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา พระองค์ไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                             มก 10:28-31
     เวลานั้น เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร หลายคนที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย และกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกลุ่มแรก”

 

ข้อคิด

    คงไม่เป็นการยากนัก หากเราจะติดตามพระ เพราะว่าเราได้รับสิ่งตอบแทน แต่หากช่วงเวลาที่เราไม่พบรางวัลเป็นสิ่งตอบแทน แถมยังมีแต่การเบียดเบียนวุ่นวายใจ ไม่พบแม้ความสงบในจิตใจ เรายังจะติดตามพระอีกต่อไปหรือไม่ และนี่จึงเป็นคำถามกลับมาสู่ชีวิตของเราว่า เราติดตามพระ หรือติดตามรางวัลจากพระ เราแสวงหาการอยู่กับพระ หรือเราแสวงหาพระพรของพระ หากเกิดการไม่แจ้งชัดในป้าหมายดังกล่าวนี้ เราผู้ศรัทธาผู้เต็มด้วยการภาวนาวอนขอมากมาย อาจกลับกลายเป็นกลุ่มสุดท้าย ที่จะพบการอยู่กับพระ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown