วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ 2019 น.เปโตร ดามีอานี พระสังฆราชและนักปราชญ์
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนกุมภาพันธ์ 2019
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 16 มกราคม 2562 03:35
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 959
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 9:1-15
พระเจ้าทรงอวยพรโนอาห์และบรรดาบุตรของเขา ตรัสว่า “จงมีลูกมาก ทวีจำนวนขึ้นจนเต็มแผ่นดิน บรรดาสัตว์ทั้งปวงบนแผ่นดิน บรรดานกในท้องฟ้า บรรดาสิ่งที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน และปลาทั้งสิ้นในทะเลจะกลัวท่าน เรามอบสัตว์ทั้งปวงไว้ในอำนาจของท่าน” สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวทั้งหมดจะเป็นอาหารของท่าน ดังที่เราให้พืชเขียวเป็นอาหารแก่ท่านแล้ว แต่ท่านอย่ากินเนื้อที่มีเลือดติดอยู่ เพราะเลือดนั้นคือชีวิต เราจะทวงเลือดซึ่งเป็นชีวิตของท่าน เราจะทวงจากสัตว์ทั้งปวงและจากมนุษย์ด้วย เราจะทวงชีวิตมนุษย์จากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ผู้ใดหลั่งเลือดของเพื่อนมนุษย์ เลือดของเขาจะต้องถูกหลั่งโดยมนุษย์เช่นเดียวกัน เพราะพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ จงมีลูกมากและทวีจำนวนขึ้น จงออกไปทั่วแผ่นดิน และปกครองแผ่นดินเถิด
พระเจ้าตรัสกับโนอาห์และบรรดาบุตรของเขาว่า “ดูซิ บัดนี้เราจะทำพันธสัญญาของเรากับท่านและกับลูกหลานของท่านในภายหน้า และกับบรรดาสิ่งมีชีวิตที่อยู่กับท่านด้วย คือ นก สัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าทุกชนิดที่อยู่กับท่าน สัตว์ทุกชนิดที่ออกมาจากเรือ และที่จะมีชีวิตบนแผ่นดิน เราจะทำพันธสัญญาของเราไว้กับท่านว่า เราจะไม่ให้น้ำวินาศมาทำลายสรรพสิ่งที่มีชีวิตอีก และน้ำวินาศจะไม่ท่วมทำลายแผ่นดินอีกเลย”
พระเจ้าตรัสว่า “นี่คือเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาซึ่งเวลานี้เรากำลังทำระหว่างเรากับท่าน และกับบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่กับท่านสืบไปทุกชั่วอายุ เราจะตั้งรุ้งของเราไว้บนเมฆ รุ้งนี้จะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับแผ่นดิน เมื่อเราจะให้เมฆอยู่เหนือแผ่นดิน และรุ้งจะปรากฏขึ้นบนเมฆ เราจะระลึกถึงพันธสัญญาระหว่างเรากับท่านและกับสรรพสิ่งที่มีชีวิต และน้ำวินาศจะไม่ท่วมทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดอีก
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 8:27-33
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในบริเวณเมืองซีซารียาแห่งฟีลิป ขณะทรงพระดำเนิน พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างก็ว่าเป็นประกาศกองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสถามอีกว่า “ท่านล่ะ ว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” พระองค์ทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้กล่าวเรื่องเกี่ยวกับพระองค์แก่ผู้ใด
พระเยซูเจ้าทรงเริ่มสอนบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานอย่างมาก จะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่สามวันต่อมา จะกลับคืนชีพ” พระองค์ทรงประกาศพระวาจานี้อย่างเปิดเผย เปโตรนำพระองค์แยกออกไป ทูลทัดทาน แต่พระเยซูเจ้าทรงหันไปทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ทรงตำหนิเปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลังเรา อย่าขัดขวาง เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์”
ข้อคิด
ในอดีต รุ้งเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญา ที่พระเจ้าทรงกระทำกับโนอาห์ว่าจะไม่มีน้ำวินาศท่วมทำลายชีวิตอีก แต่พระเยซูเจ้าทรงกระทำพันธสัญญาใหม่กับเราโดยมีกางเขนเป็นเครื่องหมาย ซึ่งไม่เพียงช่วยเราให้รอดพ้นจากน้ำวินาศเท่านั้น แต่ยังช่วยเราให้รอดพ้นจากความตายชั่วนิรันดรอีกด้วย
หากคิดอย่างมนุษย์ เราก็คงคัดค้านหนทางของพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกับเปโตรและคงไม่เต็มใจที่จะแบกกางเขนติดตามพระองค์ เว้นเสียแต่ว่าเราจะหันกลับมาคิดอย่างพระเจ้าเท่านั้น
วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2019 ฉลองธรรมาสน์นักบุญเปโตร อัครสาวก
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนกุมภาพันธ์ 2019
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 16 มกราคม 2562 03:29
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 985
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง 1 ปต 5:1-4
พี่น้องที่รัก โดยเหตุที่ข้าพเจ้าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง เป็นพยานถึงพระทรมานของพระคริสตเจ้า และมีส่วนจะรับพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะปรากฏในอนาคตด้วย ข้าพเจ้าขอร้องบรรดาผู้อาวุโส ในกลุ่มของท่านทั้งหลาย จงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ในความดูแลของท่าน จงดูแลด้วยความเต็มใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า มิใช่ดูแลด้วยความจำใจ จงดูแลด้วยความสมัครใจ มิใช่ดูแลเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง จงเป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะ มิใช่เป็นเหมือนเจ้านายเหนือผู้ที่อยู่ใต้ปกครอง เมื่อพระคริสตเจ้าพระผู้เลี้ยงสูงสุดจะทรงสำแดงพระองค์ ท่านจะได้รับสิริรุ่งโรจน์เป็นมงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย
สดด 23:1-3,4,5,6
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 16:13-19
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิปและตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง”
พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านเป็นศิลา และบนศิลานี้ เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย”
ข้อคิด
เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านคือศิลา และบนศิลานี้เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา...เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้” พระองค์กำลังแต่งตั้งเปโตรให้เป็นหัวหน้าของพระศาสนจักร และทรงมอบอำนาจหน้าที่ในการแนะนำและดูแลวิญญาณของบรรดาผู้มีความเชื่อไว้ในมือของท่าน
การฉลองธรรมาสน์นักบุญเปโตร มิได้เป็นการฉลองบัลลังก์อันเป็นผลงานสร้างสรรค์ของเบอร์นินี (Bernini) แต่เป็นการฉลองเอกภาพของพระศาสนจักรซึ่งตั้งมั่นอยู่บนความเชื่อของนักบุญเปโตรผู้เป็นหัวหน้าบรรดาอัครสาวก และในเวลาเดียวกันก็เป็นการรื้อฟื้นการยอมรับในอำนาจสั่งสอนของพระสันตะปาปา ซึ่งเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจากท่าน
วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2019 สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนกุมภาพันธ์ 2019
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 16 มกราคม 2562 03:10
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1161
บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่หนึ่ง 1 ซมอ 26:2,7-9,12-13,22-23
กษัตริย์ซาอูลทรงตั้งค่ายอยู่ที่ภูเขาฮาคีลาห์ ริมถนนชายถิ่นทุรกันดาร ส่วนดาวิดยังอยู่ในถิ่นทุรกันดาร เมื่อรู้ว่ากษัตริย์ซาอูลเสด็จมาค้นหาตนในถิ่นทุรกันดาร
คืนนั้น ดาวิดกับอาบิชัยลอบเข้าไปในค่ายพบว่า กษัตริย์ซาอูลกำลังบรรทมหลับอยู่ในค่าย มีหอกปักอยู่กับพื้นดินใกล้พระเศียร ส่วนอับเนอร์กับบรรดาทหารนอนหลับอยู่โดยรอบ
อาบิชัยกล่าวกับดาวิดว่า “วันนี้พระเจ้าทรงมอบศัตรูของท่านไว้ในมือของท่านแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าเอาหอกแทงเขาปักติดดินเถิด ครั้งเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องแทงซ้ำอีก” แต่ดาวิดห้ามอาบิชัยว่า “อย่าฆ่าเขาเลย เพราะใครที่ทำร้ายผู้รับเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วจะไม่มีผิด”
ดาวิดจึงเอาหอกกับเหยือกน้ำที่อยู่ใกล้พระเศียรของกษัตริย์ซาอูลและออกไปพร้อมกับอาบีชัย ไม่มีผู้ใดเห็น หรือรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีผู้ใดตื่นขึ้นเลย ทุกคนหลับเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้เขาหลับสนิท
ดาวิดข้ามไปอีกฟากหนึ่งของหุบเขา ไปยืนบนยอดเนินห่างไกลพอสมควรจากค่ายของกษัตริย์ซาอูล ดาวิดทูลตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ หอกของพระองค์อยู่ที่นี่ ให้คนหนึ่งข้ามมารับเอาคืนไปเถิด ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนแต่ละคนตามความชอบธรรมและความซื่อสัตย์ของเขา วันนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบเจ้านายไว้ในมือของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าไม่ต้องการทำร้ายผู้รับเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
เพลงสดุดี สดด 103:1-2,3-4,8-10,12-13
ก) จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
ส่วนลึกของข้าพเจ้า จงถวายพระพรแด่พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงอย่าลืมพระคุณต่างๆ ที่พระองค์ประทานให้
ข) พระองค์ประทานอภัยความผิดทั้งหลายของท่าน
ทรงรักษาโรคภัยทั้งหมดของท่าน
ทรงช่วยชีวิตท่านให้พ้นจากเหวลึก
ประทานความรักมั่นคงและพระเมตตาเป็นดังมงกุฎแก่ท่าน
ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระกรุณาและทรงเมตตาสงสาร
กริ้วช้า ทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม
พระองค์ไม่ทรงกล่าวโทษเราตลอดไป
ไม่ทรงเคืองแค้นเป็นเวลานาน
พระองค์ไม่ทรงปฏิบัติต่อเราตามที่บาปของเราสมควรจะได้รับ
ไม่ทรงตอบแทนเราให้สาสมกับความผิดของเรา
ง) ตะวันออกห่างไกลจากตะวันตกเท่าใด
พระองค์ก็ทรงกันความผิดของเราออกไปห่างไกลจากเราเท่านั้น
บิดาเมตตาสงสารบุตรของตนฉันใด
องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงเมตตาสงสารผู้ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:45-49
พี่น้อง ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า อาดัมมนุษย์คนแรกถูกสร้างขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิต อาดัมคนสุดท้ายเป็นจิตซึ่งประทานชีวิต สิ่งที่มาก่อนมิใช่กายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต แต่เป็นกายตามธรรมชาติ ภายหลังจึงเป็นกายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต มนุษย์คนแรกมาจากดิน เป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์ มนุษย์ดินคนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินคนอื่นๆ ก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์คนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์คนอื่นๆ ก็เป็นอย่างนั้น เราเกิดมามีลักษณะเหมือนมนุษย์ดินฉันใด เราก็จะมีลักษณะเหมือนมนุษย์สวรรค์ฉันนั้น
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 6:27-38
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำดีเฉพาะต่อผู้ที่ทำดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำเช่นนั้นด้วย
ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ให้คนบาปด้วยกันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำนวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืน แล้วบำเหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยิ่ง ท่านจะเป็นบุตรของพระผู้สูงสุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย
จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”
ข้อคิด
เราเกิดมามีลักษณะเหมือนอาดัมผู้เป็นมนุษย์ดินซึ่งทำบาปและต้องตายฉันใด โดยอาศัยพระเยซูคริสตเจ้า เราก็จะกลับคืนชีพและมีลักษณะเหมือนพระองค์ผู้ทรงเป็นมนุษย์สวรรค์ฉันนั้น
นี่คือความหวังในอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเรา และในเวลาเดียวกันก็เป็นการเผยให้เห็นสภาพในปัจจุบันของเราด้วย หากแต่ละวันเรารู้จักคิดดีและปรารถนาดีต่อผู้ที่เกลียดชังเรา รู้จักให้อภัย มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเมตตาผู้อื่นดังที่พระบิดาเจ้าทรงเมตตาเรา พระองค์ก็จะไม่ทรงทำให้เราต้องผิดหวังเลย
วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2019 ระลึกถึง น.โปลีการ์ป พระสังฆราชและมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนกุมภาพันธ์ 2019
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 16 มกราคม 2562 03:12
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 975
บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 11:1-7
พี่น้อง ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นข้อพิสูจน์ถึงสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะความเชื่อนี้ คนในสมัยก่อนจึงได้รับการยกย่องในพระคัมภีร์ เพราะความเชื่อ เราจึงเข้าใจว่าพระวาจาของพระเจ้าเนรมิตสร้างโลก ดังนั้น สิ่งที่มนุษย์มองเห็นได้จึงเกิดขึ้นจากสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น
เพราะความเชื่อ อาแบลจึงถวายเครื่องบูชาที่ดีกว่าเครื่องบูชาของคาอินแด่พระเจ้า ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ชอบธรรม โดยพระเจ้าทรงรับรองบรรณาการของเขา เพราะความเชื่อนี้ แม้ว่าอาแบลล่วงลับไปแล้ว เขาก็ยังพูดอยู่ทั้งๆ ที่ตายแล้ว
เพราะความเชื่อ พระเจ้าทรงรับตัวเอโนคไปโดยเขาไม่ต้องประสบความตาย ไม่มีใครพบเขาเพราะพระเจ้าทรงรับเขาไปแล้ว ก่อนที่เขาจะถูกยกไปก็มีคำยกย่องว่า เขาเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าไม่ได้เลย เพราะผู้ที่มาเฝ้าพระเจ้า จำเป็นต้องเชื่อว่า พระองค์ทรงดำรงอยู่และประทานบำเหน็จแก่ผู้แสวงหาพระองค์
เพราะความเชื่อ เมื่อโนอาห์ได้รับคำเตือนของพระเจ้าเกี่ยวกับเรื่องที่ยังไม่เห็น เขาจึงมีความยำเกรงพระองค์และสร้างเรือใหญ่เพื่อช่วยให้ครอบครัวของตนรอดตาย และเพราะความเชื่อนี้เอง เขาตัดสินลงโทษโลก และได้เป็นทายาทแห่งความชอบธรรมซึ่งมาจากความเชื่อ
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 9:2-13
ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นไปบนภูเขาสูงตามลำพัง แล้วพระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวเจิดจ้า ขาวผ่องอย่างที่ไม่มีช่างซักฟอกคนใดในโลกทำให้ขาวเช่นนั้นได้ แล้วประกาศกเอลียาห์กับโมเสสแสดงตนสนทนาอยู่กับพระเยซูเจ้า เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริงๆ เราจงสร้างเพิงขึ้นสามหลังเถิด หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำหรับประกาศกเอลียาห์” เขาไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรเพราะศิษย์ทั้งสามคนต่างตกใจกลัว ครั้นแล้วเมฆก้อนหนึ่งลอยมาปกคลุมเขาไว้ มีเสียงหนึ่งออกมาจากเมฆก้อนนั้นว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” ทันใดนั้น ศิษย์ทั้งสามคนเหลียวมองรอบๆ ไม่เห็นผู้ใดอยู่กับตนนอกจากพระเยซูเจ้าเท่านั้น
ขณะที่กำลังลงจากภูเขา พระองค์ตรัสสั่งเขามิให้เล่าเหตุการณ์ที่เห็นให้ผู้ใดฟัง จนกว่าบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ศิษย์ทั้งสามคนเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกใครแต่ยังปรึกษากันว่า “จนกว่าจะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย” นี้ หมายความว่าอย่างไร เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์กล่าวว่า ประกาศกเอลียาห์จะต้องมาก่อน” พระองค์ตรัสตอบว่า “ใช่แล้ว เอลียาห์มาก่อนเพื่อจัดทุกสิ่งให้เข้าสภาพเดิม พระคัมภีร์เขียนไว้อย่างไรเกี่ยวกับบุตรแห่งมนุษย์ พระคัมภีร์เขียนว่าบุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทุกข์ทรมานอย่างมาก และถูกเหยียดหยาม ดังนั้น เราบอกท่านว่า ‘ประกาศกเอลียาห์ได้มาแล้ว และประชาชนได้ทำกับเขาตามความพอใจ ดังที่มีเขียนถึงเขาไว้ในพระคัมภีร์’”
ข้อคิด
ทั้งๆที่ยังมองไม่เห็นเค้าลางของน้ำวินาศ โนอาห์ก็เชื่อฟังพระเจ้าและสร้างเรือใหญ่เพื่อช่วยให้ครอบครัวรอดตาย
ทั้งๆที่มองเห็นเค้าลางของความทรมานและความตายรออยู่เบื้องหน้า ก็มิได้ทำให้ความมั่นใจในการกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายของพระเยซูเจ้าลดน้อยถอยลงเลย เพราะพระองค์ทรงนบนอบเชื่อฟังพระบิดาเจ้า
ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ และความหวังนี้ไม่ทำให้ทั้งโนอาห์และพระเยซูเจ้าต้องผิดหวังเลย (เทียบ รม 5:5)
วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2019 สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนกุมภาพันธ์ 2019
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 16 มกราคม 2562 03:07
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 947
บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา บสร 1:1-10
ปรีชาญาณทั้งมวลมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า และอยู่กับพระองค์ตลอดไป เม็ดทรายในทะเล หยาดน้ำฝน วันที่โลกคงอยู่ ใครเล่าจะนับได้ ความสูงของท้องฟ้า ความกว้างของแผ่นดิน ความลึกแห่งห้วงสมุทร ใครเล่าจะสำรวจได้ ปรีชาญาณถูกเนรมิตขึ้นมาก่อนสิ่งใด ความรู้รอบคอบมีมาแต่นิรันดร ใครเล่าได้รับการเปิดเผยถึงที่มาของปรีชาญาณ ใครเล่ารู้ความคิดลึกล้ำของปรีชาญาณ มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีปรีชาและน่าเกรงขาม คือพระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตปรีชาญาณ ทอดพระเนตรเห็นและทรงวัดขนาด แล้วทรงหลั่งปรีชาญาณลงมายังพระราชกิจทั้งปวงของพระองค์ พระองค์ประทานปรีชาญาณแก่มนุษย์ตามพระทัยกว้างขวางของพระองค์ ทรงแจกจ่ายแก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 9:14-29
เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงจากภูเขาพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคนมาพบศิษย์คนอื่น ทรงเห็นประชาชนจำนวนมากห้อมล้อมบรรดาศิษย์ ธรรมาจารย์บางคนกำลังถกเถียงกับเขาเหล่านั้น ทันทีที่เห็นพระองค์ ประชาชนทั้งหลายต่างประหลาดใจและและวิ่งเข้ามาทักทายพระองค์ พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “ท่านกำลังถกเถียงเรื่องอะไรหรือ” คนหนึ่งในกลุ่มชนตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าพาบุตรชายที่ปีศาจสิงให้เป็นใบ้มาเฝ้าพระองค์ เมื่อปีศาจสิง มันผลักเขาให้ล้มลง น้ำลายฟูมปาก กัดฟัน และตัวแข็งทื่อ ข้าพเจ้าได้ขอให้ศิษย์ของพระองค์ขับไล่มัน แต่เขาทำไม่สำเร็จ” พระองค์ตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก เราจะต้องอยู่กับท่านอีกนานเท่าใด จะต้องทนท่านอีกนานเท่าใด จงพาเด็กมาพบเราเถิด” เขาจึงพาเด็กนั้นมาเฝ้าพระองค์ เมื่อเห็นพระองค์ ปีศาจก็ทำให้เด็กชักล้มลงกับพื้นดิน กลิ้งไปมา น้ำลายฟูมปาก พระเยซูเจ้าทรงถามบิดาของเด็กว่า “เป็นดังนี้นานเท่าไรแล้ว” เขาทูลตอบว่า “ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ปีศาจได้ผลักเด็กลงในกองไฟหลายครั้ง บางครั้งผลักลงในน้ำเพื่อให้ตาย ถ้าพระองค์ทรงทำสิ่งใดได้ ก็ทรงกรุณาช่วยเราด้วยเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าทำได้น่ะหรือ ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับผู้มีความเชื่อ” ทันใดนั้นบิดาของเด็กก็ร้องว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ โปรดช่วยความเชื่อเล็กน้อยของข้าพเจ้าด้วยเถิด” เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนเข้ามามากยิ่งขึ้น พระองค์จึงตรัสสำทับปีศาจว่า “เจ้าปีศาจหนวกใบ้ เราสั่งเจ้าให้ออกจากเด็กคนนี้ และอย่ากลับเข้ามาอีกเลย” ปีศาจจึงร้องเสียงดังและทำให้เด็กมีอาการชักอย่างรุนแรง แล้วปีศาจก็ออกไป เด็กนอนนิ่งเหมือนคนตาย จนคนส่วนมากพูดกันว่า “เขาตายแล้ว” แต่พระเยซูเจ้าทรงจับมือเด็ก ทรงช่วยพยุงให้ลุกขึ้น เขาก็ยืนขึ้น เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ทำไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้” พระองค์ตรัสตอบว่า “ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลย นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น”
ข้อคิด
“เราจะต้องทนอยู่กับท่านอีกนานเท่าใด” น้ำเสียงนี้บ่งบอกถึงความผิดหวังในบรรดาศิษย์ แต่แทนที่พระเยซูเจ้าจะจมอยู่กับความผิดหวังและกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย อะไรที่ทำได้ พระองค์ลงมือทำทันที “จงพาเด็กมาพบเราเถิด”
ทั้งๆที่ได้รับมอบอำนาจขับไล่ปีศาจแล้ว (มก 3:15) แต่บรรดาศิษย์กลับขับไล่ปีศาจที่สิงอยู่ในเด็กไม่สำเร็จ นั่นเป็นเพราะอำนาจที่เคยได้รับมาลดน้อยถอยลง อันเนื่องมาจากขาดการอธิษฐานภาวนาติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้า ผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งพระพรและปรีชาญาณทั้งมวล