มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2023 สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม                       รม 8:18-25

        พี่น้อง ข้าพเจ้าคิดว่า ความทุกข์ทรมานในปัจจุบันเปรียบไม่ได้เลยกับพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะทรงบันดาลให้ปรากฏแก่เรา เพราะสรรพสิ่งต่างกำลังรอคอยอย่างกระวนกระวาย เพื่อพระเจ้าจะได้ทรงบันดาลให้บรรดาบุตรของพระองค์ปรากฏในพระสิริรุ่งโรจน์ สรรพสิ่งต้องอยู่ใต้อำนาจของความไม่เที่ยงแท้ มิใช่โดยสมัครใจ แต่ตามความประสงค์ของผู้ที่บังคับให้สรรพสิ่งต้องอยู่ในสภาพดังกล่าว ถึงกระนั้น สรรพสิ่งยังมีความหวังว่า จะได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของความเสื่อมสลาย เพื่อไปรับอิสรภาพอันรุ่งเรืองของบรรดาบุตรของพระเจ้า เรารู้ดีว่า จนถึงเวลานี้ สรรพสิ่งกำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดราวกับสตรีคลอดบุตร มิใช่เพียงแต่สรรพสิ่งเท่านั้น แม้แต่เราเองซึ่งได้รับผลิตผลครั้งแรกของพระจิตเจ้าแล้ว ก็ยังคร่ำครวญอยู่ภายใน ในเมื่อเรามีความกระตือรือร้นรอคอยให้พระเจ้าทรงรับเราเป็นบุตรบุญธรรม ให้ร่างกายของเราได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ เพราะเราได้รอดพ้นเพียงในความหวัง แต่ความหวังที่มองเห็นได้ก็ไม่ใช่ความหวัง เพราะสิ่งที่มองเห็นแล้ว เขาจะหวังอีกทำไม แต่ถ้าเราหวังสิ่งที่เรามองไม่เห็น เราก็ย่อมมีความมานะพากเพียรรอคอยสิ่งนั้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                  ลก 13:18-21

           เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า

          “พระอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับสิ่งใด เราจะเปรียบพระอาณาจักรกับสิ่งใด พระอาณาจักรก็เหมือนกับเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งชายคนหนึ่งทิ้งไว้ในสวนของตน มันเติบโตขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ จนกระทั่งบรรดานกในอากาศมาทำรังอาศัยบนกิ่งได้”

           พระองค์ยังตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบพระอาณาจักรของพระเจ้ากับสิ่งใด พระอาณาจักรก็เหมือนกับเชื้อแป้งที่หญิงคนหนึ่งนำมาเคล้าผสมกับแป้งสามถังจนแป้งฟูขึ้นทั้งหมด”

 

ข้อคิด

     ความเชื่อก่อให้เกิดความหวัง  แม้มองไม่เห็นผลที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน  ผู้หว่านเมล็ดพืชย่อมหวังผล และแน่นอนไม่มีทางรู้ว่าที่สุดแล้ว  เมล็ดพันธุ์นั้นจะให้ผลหรือจะตาย  ผู้ปลูกจึงต้องหมั่นดูแล  รดน้ำ  พรวนดิน  ใส่ปุ๋ย  ประคบประหงม  ผ่านลม  ผ่านฝน  ร้อนหนาว  โดยมีความหวังว่ามันจะเกิดผลให้เก็บกินหรือเป็นร่มไม้ให้ได้อาศัยความร่วมเย็น  พระอาณาจักรพระเจ้าที่คริสตชนหวังไว้เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิต  ก็คงไม่ได้มาอย่างง่ายๆ  เพราะในแต่ละวันเรากำลังเดินอยู่ในเส้นทางแห่งความเชื่อ  ที่ต้องลงมือปฏิบัติด้วยความมานะพากเพียร  กระตือรือร้น  บางวันดี  บางวันร้าย  แต่เราไม่ท้อแท้หรือย่อท้อ  พร้อมกับความเชื่อและความหวังนี้ที่จะบันดาลให้เกิดผลดีในชีวิตเราและส่งผลดีต่อคนรอบข้าง เพื่อให้เขาได้รักและรู้จักพระเจ้าของเรา  ผู้เป็นความรอดตลอดนิรันดร

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2023 สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม                       รม 8:12-17

       พี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีภารกิจใดๆ ที่จะต้องดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ถ้าท่านดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ท่านก็จะตาย แต่ถ้าท่านกำจัดกิจการตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ด้วยเดชะพระจิตเจ้า ท่านก็จะมีชีวิต

       ทุกคนที่มีพระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ ย่อมเป็นบุตรของพระเจ้า ท่านทั้งหลายไม่ได้รับจิตการเป็นทาสซึ่งมีแต่ความหวาดกลัวอีก แต่ได้รับจิตการเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งทำให้เราร้องออกมาว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า” พระจิตเจ้าทรงเป็นพยานยืนยันร่วมกับจิตของเราว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้า เมื่อเราเป็นบุตร เราก็เป็นทายาทด้วย เป็นทายาทของพระเจ้าและเป็นทายาทร่วมกับพระคริสตเจ้า ถ้าเรารับการทรมานร่วมกับพระองค์ เราก็จะรับพระสิริรุ่งโรจน์ร่วมกับพระองค์ด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                   ลก 13:10-17

        ขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนอยู่ในศาลาธรรมแห่งหนึ่งในวันสับบาโต สตรีคนหนึ่งถูกปีศาจสิง เจ็บป่วยมาสิบแปดปีแล้ว หลังค่อม ยืดตัวตรงไม่ได้เลย เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็น จึงทรงเรียกนางเข้ามาและตรัสว่า “นางเอ๋ย เธอพ้นจากความพิการของเธอแล้ว” พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง ทันใดนั้น นางก็ยืดตัวตรงและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

        แต่หัวหน้าศาลาธรรมรู้สึกขัดเคืองที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคในวันสับบาโต จึงกล่าวแก่ประชาชนว่า “วันที่ทำงานได้มีถึงหกวัน จงมารับการรักษาโรคในวันเหล่านั้นเถิด อย่ามาในวันสับบาโตเลย” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เจ้าคนหน้าซื่อใจคด เจ้าแต่ละคนมิได้แก้โคหรือลาจากรางหญ้า พาไปกินน้ำในวันสับบาโตดอกหรือ หญิงผู้นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่จะถูกแก้จากพันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ” เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้ว ผู้ต่อต้านทุกคนของพระองค์รู้สึกอับอาย ขณะที่ประชาชนต่างชื่นชมยินดีเมื่อเห็นการอัศจรรย์ทั้งหลายที่ทรงกระทำ

 

ข้อคิด

     สังคมสมัยนี้อยู่ยาก  ไม่ใช่เพราะว่ามีคนชั่วมากกว่าคนดี  แต่เป็นเพราะคนดีไม่กล้ายืนหยัดในการทำความดี  ไม่เชื่อมั่นในการทำความดี  และไม่กล้าแสดงตนหรือทำในเรื่องที่ถูกต้อง  เพียงเพราะคนส่วนใหญ่อาจไม่เห็นดีด้วย  ซึ่งหลายครั้งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า  เราแต่ละคนก็อาจเคยละเลยที่จะทำดี  วันนี้พระเยซูเจ้าเป็นต้นแบบให้เห็นว่า การทำดีอยู่เหนือเวลา  อยู่เหนือกฎเกณฑ์ อยู่เหนือความคิดและสายตาของคนอื่น  ไม่เกรงกลัวว่าใครจะตำหนิหรือจับผิดพระองค์  เพราะมั่นใจในความดี  และเหนืออื่นใดคือความรักที่มีต่อคนที่ต่ำต้อย  คนที่ถูกเบียดเบียนและถูดตัดขาดจากสังคม  และพระศาสนจักรเองก็เชิญชวนเราว่า “เราต้องมี ความกล้าหาญ ที่จะให้เสียงแก่ผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติเนื่องจากความพิการของพวกเรา” (FT 98 ) ขอพระเยซูเจ้าเสริมแรงกำลังเราแต่ละคนในการทำความดี  เพื่อเราจะเป็นลูกของพระเจ้าอย่างแท้จริง

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2023 ฉลอง น.ซีโมน และ น.ยูดาห์ อัครสาวก

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส                            อฟ 2:19-22

         พี่น้อง ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้มาขออาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดยมีบรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระคริสตเจ้าทรงทำให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิท เจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันกำลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้นเป็นที่ประทับของพระเจ้า เดชะพระจิตเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                          ลก 6:12-19

          ครั้งนั้น พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัดเลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัครสาวก” คือซีโมน ซึ่งเรียกว่าเปโตร อันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนผู้มีสมญาว่า “ผู้รักชาติ” ยูดาสบุตรของยากอบ และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้จะเป็นผู้ทรยศ

          พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ที่ราบแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีศิษย์กลุ่มใหญ่และประชาชนจำนวนมากจากทั่วแคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และจากเมืองไซดอนซึ่งอยู่ริมทะเล มาฟังพระองค์ และรับการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บของตน บรรดาผู้ที่ถูกปีศาจรบกวนได้รับการรักษาด้วย ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์รักษาทุกคนให้หาย

 

ข้อคิด

     สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากพระเยซูเจ้าในวันนี้  คือพระองค์ทรงอธิฐานภาวนาก่อนเรียกศิษย์เข้ามาและคัดเลือกไว้ 12 คน ให้เป็นอัครสาวก  เพื่อทำภารกิจพิเศษบางอย่างทรงให้ความสำคัญกับผู้ที่จะมาร่วมงานของพระองค์  เพราะแต่ละคนแตกต่างกัน  ไม่ว่าอาชีพ  ความคิด  สติปัญญา  นิสัยใจคอ  แต่สิ่งที่รวมพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวกันก็คือ  พระเยซูเจ้า  ซึ่งเป็นศิลาหัวมุมที่รวมทุกส่วนเข้าสนิทกัน  แม้พระคัมภีร์จะมิได้บันทึกถึงการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างลึกซึ้ง  แต่เราสัมผัสได้ว่าพวกเขาอยู่ได้เห็น  เรียนรู้และก้าวเดินไปพร้อมกับพระเยซูเจ้าและพวกเขาได้กลายเป็นเสาหลักสืบพระศาสนาต่อมา  วอนขอพระจิตของพระเจ้าส่องสว่าง  นำทาง  สำหรับการทำซีนอดของพระศาสนจักร “เพื่อการก้าวเดินไปด้วยกันของพระศาสนจักร  ความเป็นเอกภาพ  การมีส่วนร่วม และพันธกิจ” จะได้สำเร็จไปตามพระประสงค์ของพระองค์

วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2023 สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                อพย 22:20-26

        พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ท่านจะต้องไม่ข่มเหงหรือรังแกคนต่างชาติ เพราะท่านทั้งหลายก็เคยเป็นคนต่างชาติในแผ่นดินอียิปต์ ท่านจะต้องไม่ข่มเหงหญิงม่ายหรือลูกกำพร้า ถ้าท่านข่มเหงเขา เขาจะร้องขอความช่วยเหลือจากเรา เราจะฟังเสียงร้องขอของเขาอย่างแน่นอน เราจะโกรธมาก และจะฆ่าท่านในสงคราม ภรรยาของท่านจะต้องเป็นม่าย และลูกของท่านจะเป็นกำพร้า

         ถ้าท่านให้ประชากรยากจนคนใดคนหนึ่งของเราซึ่งอาศัยอยู่กับท่านขอยืมเงิน ท่านจะต้องไม่ทำเหมือนคนออกเงินกู้ที่เรียกร้องให้เขาเสียดอกเบี้ย

       ถ้าท่านยึดเสื้อคลุมของเพื่อนไว้เป็นประกัน ท่านจะต้องคืนให้เขาก่อนตะวันตกดิน เพราะเสื้อคลุมเป็นผ้าห่มกายผืนเดียวที่เขามี เขาจะใช้สิ่งใดป้องกันความหนาวเมื่อนอน ถ้าเขาร้องขอความช่วยเหลือจากเรา เราก็จะฟังคำร้องขอของเขา เพราะเราเป็นผู้มีเมตตากรุณา

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง     1 ธส 1:5ค-10

       พี่น้อง ท่านทั้งหลายรู้ว่า เราปฏิบัติตนอย่างไรในหมู่ท่านเพราะเห็นแก่ท่าน และท่านก็ได้ทำตามอย่างเราและตามแบบฉบับขององค์พระผู้เป็นเจ้า โดยท่านได้รับพระวาจาด้วยความทุกข์ยากหลายประการ แต่ท่านก็ยังมีความปีติยินดีที่มาจากพระจิตเจ้า ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเป็นแบบอย่างให้กับผู้มีความเชื่อทุกคนในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายา พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังก้องมาจากท่าน ไม่เพียงแต่ในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายาเท่านั้น ความเชื่อของท่านในพระเจ้ายังเลื่องลือไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จนเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เพราะคนเหล่านั้นพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเราว่า เราได้เริ่มงานในหมู่ท่านอย่างไร และท่านกลับใจละทิ้งรูปเคารพมาหาพระเจ้าอย่างไร เพื่อรับใช้พระเจ้าแท้จริงผู้ทรงชีวิต และรอคอยให้พระบุตรของพระองค์เสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้พ้นจากพระพิโรธที่จะมาถึง พระเยซูเจ้านี้ พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย

 

บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว         มธ 22:34-40

      เวลานั้น เมื่อชาวฟาริสีได้ยินว่าพระเยซูเจ้าทรงทำให้ชาวสะดูสีนิ่งอึ้งไป จึงมาชุมนุมพร้อมกัน มีคนหนึ่งเป็นบัณฑิตทางกฎหมาย ได้ทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่านนี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติสองประการนี้”

 

ข้อคิด

     พระวาจาพระเจ้าทั้ง 3 บทในวันนี้  เน้นย้ำเราในเรื่อง “รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์” พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราเห็นคุณค่าแต่ละบุคคล  มองทุกคนด้วยสายตาแห่งความรักของพระเจ้า  ซึ่งใครๆก็พูดได้  แต่ในทางปฏิบัติไม่ง่ายเลย  และการกระทำที่แสดงออกถึงความรักนี้ล่ะ  จะเป็นตัวตัดสินว่าเราทำด้วยความรักหรือไม่ ขอความรักของพระเจ้า  ลบล้างอคติและความเกลียดชังในหัวใจเรา  ไม่จ้องจับผิดเหมือนเช่นฟาริสีในวันนี้  แต่ให้มองส่วนดีของเพื่อนพี่น้อง  ให้อภัย  เริ่มต้นจากคนในครอบครัว  เพื่อนร่วมงาน  ญาติสนิทมิตรสหาย  ก่อนก้าวออกไปสู่คนอื่นที่ไม่รู้จัก  เพื่อให้ชีวิตเราเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงความรักพระเจ้า  ตามจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวเธสะโลนิกาที่ว่า “ท่ารเป็นแบบอย่างให้กับผู้มีความเชื่อทุกคน  และความเชื่อของท่านในพระเจ้ายังเลื่องลือไปทั่วทุกหนทุกแห่ง  จนเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2023 สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม                       รม 7:18-25ก

     พี่น้อง เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าในตัวข้าพเจ้านั้น ธรรมชาติมนุษย์ไม่มีความดีอยู่เลย เพราะความปรารถนานั้นมีอยู่แล้ว แต่ขาดพลังที่จะทำ เพราะข้าพเจ้าไม่ทำความดีที่ปรารถนา กลับทำความชั่วที่ไม่ปรารถนาจะทำ ถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ไม่ปรารถนาจะทำ การกระทำนั้นก็มิใช่การกระทำที่แท้จริงของข้าพเจ้า แต่เป็นการกระทำของบาปซึ่งแฝงอยู่ในตัวข้าพเจ้า

       ข้าพเจ้าจึงพบกฎนี้ว่า เมื่อใดที่อยากทำดี เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้านิยมชมชอบธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจ  และล่ามข้าพเจ้าไว้กับกฎของบาปซึ่งอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า

       ข้าพเจ้าช่างเป็นคนน่าสมเพชจริงๆ ใครจะช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาให้พ้นจากร่างกายที่จะต้องตายนี้ได้ ขอขอบพระคุณพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                  ลก 12:54-59

       เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า

    “เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำไมจึงไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบันนี้เล่า”

   “ทำไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้อง ขณะที่ท่านกำลังไปศาลกับคู่ความของท่าน จงพยายามตกลงกันระหว่างทาง เพื่อมิให้คู่ความของท่านลากท่านไปต่อหน้าผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่ผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนถึงเศษสตางค์สุดท้าย”

 

ข้อคิด

    ถ้อยคำของนักบุญเปาโลชัดเจนมากในวันนี้  ตามธรรมชาติของมนุษย์  หลายครั้งที่เราอยากจะทำความดี  แต่บางทีก็ติดอยู่แค่ความคิด  เดี๋ยวก่อน  เอาไว้ก่อน  จะดีเหรอ  แต่สำหรับเรื่องดี  เรื่องที่เป็นความชั่วกลับทำได้อย่างง่ายๆแม่จะลังเล  ไม่แน่ใจบ้าง สุดท้ายส่วนใหญ่ก็พ่ายแพ้ต่อการประจญล่อลวงจนได้  “เมื่อใดที่อยากทำดี  เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ” บางทีก็น่าคิด  เรารู้ดีไปหมด  รู้เรื่องคนนั้น  เรื่องคนนี้  สนใจ  ติดตาม  แต่กลับไม่รู้ว่า”จิตใจ” เรา ณ ตอนนี้เป็นอย่างไร “สูงขึ้น” หรือ “ตกต่ำ”  หากเป็นไปได้  อย่าชะล่าใจหรือเสียเวลาแม้แต่น้อยหากมีโอกาสทำดี  คืนดี  ให้อภัยกัน  กับเพื่อนพี่น้องรอบข้าง  ผู้ที่เราไม่ชอบ  คนที่เราคิดว่าเขาเป็นศัตรูกับเรา  หรือคนที่เขาไม่ชอบเราก็ตาม  ขอพระเจ้าช่วยเราให้กล้าปฏิเสธความชั่ว  และเป็นพละกำลังแก่เราในการคิดดี  พูดดี  และทำสิ่งดีๆต่อกัน

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown