มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2021 สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม       รม 11:29-36
      พี่น้อง เพราะพระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัยเพิกถอนของประทานที่ส่งให้เปล่าและพระกระแสเรียกของพระองค์ ท่านทั้งหลายเคยไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่บัดนี้ได้รับพระกรุณาเพราะชาว อิสราเอลมิได้เชื่อฟังฉันใด บัดนี้ชาวอิสราเอลไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่ในที่สุดพวกเขาก็จะได้รับพระกรุณา ดังที่ได้ทรงแสดงพระกรุณาต่อท่านฉันนั้น เพราะพระเจ้าทรงปล่อยให้มนุษย์ทุกคนไม่เชื่อฟังพระองค์ เพื่อจะได้แสดงพระกรุณา
     พระเจ้าทรงพระปรีชาและทรงรอบรู้ลึกล้ำเพียงใด คำตัดสินของพระองค์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ และมรรคาของพระองค์สุดที่จะเข้าใจได้ ใครเล่าจะล่วงรู้พระดำริของพระเจ้า ใครเล่าเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ ใครเล่าเคยถวายสิ่งใดแด่พระองค์ พระองค์จึงจะต้องประทานตอบแทนเขา เพราะทุกสิ่งล้วนมาจากพระองค์ โดยทางพระองค์และเพื่อพระองค์ ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 14:12-14
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับผู้ที่เชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจัดเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารค่ำ อย่าเชิญมิตรสหาย พี่น้องหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี เพราะเขาจะเชิญท่านและท่านจะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อผู้ชอบธรรมกลับคืนชีวิต”

 

ข้อคิด
     การต้อนรับขับสู้ การเลี้ยงดูปูเสื่อ เป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกวัฒนธรรม พระเยซูเจ้าทรงแนะนำเราว่า ถ้าเราจะจัดงานเลี้ยง ให้เชิญคนที่อาภัพ ไม่ว่าจะเป็นคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด ฯลฯ เพราะคนเหล่านี้ไม่สามารถตอบแทนเราได้ มันเป็นการให้ที่บริสุทธิ์ การให้เช่นนี้แหละที่จะทำให้เราเติบโต เพราะเป็นการเสียสละตนเอง การให้เช่นนี้ไม่ได้ทำให้เราจนลง แต่ทำให้ร่ำรวยขึ้นในความรัก พระเป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญเราร่วมงานเลี้ยงของพระองค์ เราก็เป็นเหมือนคนยากจนเหล่านี้แหละ เพราะเราไม่สามารถเลี้ยงตอบแทนพระองค์ได้ นอกจากโมทนาคุณพระองค์ “คำภาวนาโมทนาคุณพระเป็นเจ้า ไม่ได้ทำให้พระองค์ยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ทำให้เราเติบโตขึ้น”

วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2021 วันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโรม                  รม 5:5-11
      พี่น้อง ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปตามเวลาที่กำหนด ยากที่จะหาคนที่ยอมตายเพื่อคนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริงๆ ได้ แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป บัดนี้ เมื่อเราได้รับความชอบธรรมโดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์แล้ว เดชะพระองค์ เราก็ยิ่งจะได้รับความรอดพ้นจากการถูกพระเจ้าลงโทษ ถ้าเรากลับคืนดีกับพระเจ้าเดชะการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรขณะที่เรายังเป็นศัตรูอยู่ ยิ่งกว่านั้นเมื่อกลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดพ้นเดชะพระชนมชีพของพระองค์ด้วย มิใช่เพียงเท่านั้น เรายังภูมิใจในพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำให้เราคืนดีกับพระเจ้าแล้ว

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 6:37-40
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนที่ติดตามพระองค์ว่า “ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย เพราะเราลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำตามใจของเรา แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใดที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย”

 

ข้อคิด
      นักบุญเอากุสตินกล่าวไว้ว่า “ถ้าเราไม่สนใจผู้ล่วงลับ เราก็จะไม่ภาวนาให้พวกเขาเป็นประจำ” วันนี้เป็นวันภาวนาสำหรับผู้ล่วงลับ พระศาสนจักรตั้งแต่ยุคแรกเริ่มได้ส่งเสริมให้ภาวนาสำหรับผู้ล่วงลับ พระศาสนจักรสอนว่า บรรดาผู้ชอบธรรมที่จากโลกนี้ไป อาจยังมีบาปอยู่บ้าง จึงจำเป็นต้องมีระยะเวลาหนึ่งไปอยู่ในที่ที่เรียกว่า “ไฟชำระ” เพื่อให้หลุดพ้นจากบาป ข้อเชื่อประการหนึ่งคือ วิญญาณที่ทนทุกข์ทรทานในไฟชำระจะได้รับความบรรเทาจากคำอ้อนวอนของบรรดานักบุญบนสวรรค์และจากคำภาวนาของผู้ที่มีความเชื่อที่ยังอยู่ในโลกนี้ การภาวนาให้แก่ผู้ล่วงลับจึงเป็นกิจเมตตาและกิจศรัทธาอย่างหนึ่ง “เป็นความคิดที่ดีและศักดิ์สิทธิ์ในการภาวนาสำหรับผู้ล่วงลับ เพื่อเขาจะได้หลุดพ้นจากบาป” (2มคบ 12:46)

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน 2021 ระลึกถึง น.ชาร์ลส์ โบโรเมโอ พระสังฆราช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 14:7-12
     พี่น้อง เพราะไม่มีพวกเราคนใดที่มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองเช่นเดียวกัน ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้เอง พระคริสตเจ้าจึงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อจะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของผู้ตายและของผู้เป็น แล้วท่านเล่า ทำไมจึงตัดสินพี่น้องของท่าน หรือท่านเล่า ทำไมท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน ในเมื่อเราทุกคนจะต้องไปยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า
     เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนฉันใด ก็เป็นที่แน่นอนฉันนั้นว่า ทุกคนจะคุกเข่าลงกราบเรา และทุกคนจะกล่าวสรรเสริญพระเจ้า” ดังนั้น เราแต่ละคนต่างจะต้องทูลรายงานเกี่ยวกับตนเองต่อพระเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 15:1-10
     เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึงตรัสเรื่องอุปมานี้ให้เขาฟัง
     “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งพลัดหลง จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่นทุรกันดาร ออกไปตามหาแกะที่พลัดหลงจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบแกะตัวที่พลัดหลงนั้นแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจใหม่”
     “หญิงคนใดที่มีเงินสิบเหรียญแล้วทำหายไปหนึ่งเหรียญ จะไม่จุดตะเกียง กวาดบ้าน ค้นหาอย่างถี่ถ้วนจนกว่าจะพบหรือ เมื่อพบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกัน เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ”

 

ข้อคิด
      ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าไม่ได้พูดถึงแกะ ไม่ได้พูดถึงเหรียญ แต่พูดถึงคน คนซึ่งมีค่ามากกว่าแกะที่หายไปของคนเลี้ยงแกะหรือเหรียญที่หายไปของหญิงแม่บ้าน พวกเราคือคนเหล่านั้น พระเยซูเจ้าออกตามหาเราที่พลัดหลงไปในบาปและนำเรากลับมาหาพระบิดา เราทุกคนเป็นของพระเจ้าใน 2 ฐานะ ฐานะแรกคือพระเจ้าทรงสร้างเรามา ฐานะที่สองคือพระองค์ทรงไถ่บาปเรา เราจึงเป็นของพระองค์อย่างสมบูรณ์ เราจึงไม่อาจอ้างว่าเราเป็นของตนเอง ทุกอย่างมาจากพระเจ้า ด้วยเหตุนี้นักบุญเปาโลจึงบอกเราในวันนี้ว่า “ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2021 น.มาร์ติน เดอ ปอเรส นักบวช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม     รม 13:8-10
     พี่น้อง อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว พระบัญญัติกล่าวว่า อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่าคน อย่าลักขโมย อย่าโลภ และถ้ามีบทบัญญัติอื่นอีกก็สรุปได้ในข้อความนี้ว่า จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ความรักไม่ทำความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรักเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 14:25-33
     เวลานั้น ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้เช่นเดียวกัน
     ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้เสร็จหรือไม่ มิฉะนั้นเมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำเร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะเยาะเขา พูดว่า ‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้’ หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำนวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำลังพลหนึ่งหมื่นคน จะเผชิญกับศัตรูที่มีกำลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยังอยู่ห่างไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ
ดังนั้น ทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

 

ข้อคิด
     เบื้องต้น ดูเหมือนว่าคำสอนของพระเยซูเจ้าจะขัดแย้งกับคำพูดของนักบุญเปาโลในบทอ่านแรก “ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว” พระเยซูเจ้าบอกให้เราหันหลังให้กับบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง พระองค์ใช้วิธีพูดแบบเซมิทิคโดยพูดให้เกินจริงเพื่อเน้นสิ่งที่พระองค์ต้องการสอน พระองค์ต้องการสอนว่า ไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดที่จะสำคัญกว่าหน้าที่คริสตชนที่ให้รักกันและกัน อุปสรรคสำคัญต่อหน้าที่คริสตชนไม่ใช่สิ่งที่อยู่ภายนอก แต่อยู่ภายในตัวเราเอง เช่น ความเห็นแก่ตัว ค่านิยมผิด ๆ คิดถึงความสุขส่วนตัวมากกว่าความต้องการของผู้อื่น เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2021 สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 15:14-21
     พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าแน่ใจว่า ท่านมีความดีและมีความรู้อย่างเต็มเปี่ยม สั่งสอนตักเตือนกันได้ แต่บางตอนของจดหมายนี้ข้าพเจ้าใช้ถ้อยคำรุนแรงไปบ้างเพื่อเตือนความจำของท่านอีกครั้ง เพราะพระหรรษทานที่พระเจ้าประทานให้กับข้าพเจ้า เพื่อให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเยซูไปยังคนต่างศาสนา โดยทำหน้าที่สมณะในการประกาศข่าวดีของพระเจ้า เพื่อให้คนต่างศาสนาได้เป็นเสมือนเครื่องบูชาที่พอพระทัยซึ่งพระจิตเจ้าทรงบันดาลความศักดิ์สิทธิ์ให้
     ข้าพเจ้าจึงมีความภูมิใจในพระคริสตเยซูถึงงานที่ข้าพเจ้ากระทำเพื่อพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าไม่กล้ากล่าวถึงสิ่งใดนอกจากสิ่งที่พระคริสตเจ้าทรงกระทำโดยผ่านข้าพเจ้า เพื่อให้คนต่างศาสนาเชื่อฟังพระเจ้า ข้าพเจ้ากระทำเช่นนี้โดยอาศัยคำพูดและกิจการ อาศัยฤทธิ์อำนาจของเครื่องหมายอัศจรรย์ต่าง ๆ เดชะพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้าอย่างครบถ้วนตั้งแต่กรุงเยรูซาเล็มและเขตปริมณฑลไปจนถึงแคว้นอิลลีริคุม ข้าพเจ้าตั้งเป็นกฎไว้ว่าจะประกาศข่าวดีในที่ที่ยังไม่มีผู้รู้จักพระนามของพระคริสตเจ้ามาก่อน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ก่อสร้างบนรากฐานที่คนอื่นวางไว้แล้ว ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ผู้ที่ไม่เคยฟังคำประกาศเรื่องพระองค์จะแลเห็น และผู้ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องพระองค์จะเข้าใจพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 16:1-8
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เศรษฐีผู้หนึ่งมีผู้จัดการดูแลผลประโยชน์คนหนึ่ง มีผู้มาฟ้องว่าผู้จัดการคนนี้ผลาญทรัพย์สินของนาย เศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการมาถามว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเป็นอย่างไร จงทำบัญชีรายงานการจัดการของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้จัดการอีกต่อไป’
    ผู้จัดการจึงคิดว่า “ฉันจะทำอย่างไร นายจะไล่ฉันออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะไปขุดดินก็ทำไม่ไหว จะไปขอทานก็อายเขา ฉันรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรเพื่อว่าเมื่อฉันถูกไล่ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะมีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา”
    เขาจึงเรียกลูกหนี้ของนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า “ท่านเป็นหนี้นายข้าพเจ้าเท่าไร” ลูกหนี้ตอบว่า “เป็นหนี้น้ำมันมะกอกหนึ่งร้อยถัง” ผู้จัดการจึงบอกว่า “นำใบสัญญาของท่านมา นั่งลงเร็ว ๆ เขียนแก้เป็นห้าสิบถัง” แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า “แล้วท่านล่ะ เป็นหนี้อยู่เท่าไร” เขาตอบว่า “เป็นหนี้ข้าวสาลีหนึ่งร้อยกระสอบ” ผู้จัดการจึงบอกว่า “เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ”
    นายนึกชมผู้จัดการทุจริตคนนั้นว่าเขาทำอย่างเฉลียวฉลาด ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียวฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง”

 

ข้อคิด
     เวลาเราอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์เกี่ยวกับการโจรกรรม เราจะเห็นโจรนั้นวางแผนไว้อย่างแยบยลจนเราเชื่อว่าเขาจะทำสำเร็จและไม่ถูกจับ เรารู้ว่าการโจรกรรมเป็นสิ่งผิด แต่เราก็อดชื่นชมการวางแผนอย่างดีของเขาไม่ได้ สิ่งที่พระวรสารพูดถึงวันนี้ก็เป็นเรื่องเดียวกัน พระเยซูเจ้าไม่ได้เห็นด้วยกับผู้จัดการที่ไม่ซื่อสัตย์และอยากให้เราเลียนแบบ แต่พระองค์ต้องการบอกว่าเขาฉลาดเพื่อเอาตัวรอด เพื่อจะไม่ต้องเป็นขอทาน ถ้าเราใช้ความรู้และทุ่มเทเพื่อชีวิตนิรันดร เหมือนผู้จัดการคนนี้ทำ เราจะได้ชีวิตนิรันดรอย่างแน่นอน นักบุญเปาโลได้ทุ่มเทตลอดชีวิตของท่านเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดรเช่นเดียวกัน

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown