มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2021 สมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเป็นเจ้า

บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี                                        กดว 6:22-27
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกอาโรนและบรรดาบุตรว่า “ท่านทั้งหลายจะต้องอวยพรชาวอิสราเอลดังนี้ ท่านจะต้องกล่าวว่า ‘ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่านและพิทักษ์รักษาท่าน ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระพักตร์แจ่มใสต่อท่านและโปรดปรานท่าน ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงผินพระพักตร์มายังท่านและประทานสันติแก่ท่านด้วยเทอญ’”
สมณะจะต้องเรียกขานนามของเราให้ลงมาเหนือชาวอิสราเอลเช่นนี้ แล้วเราจะอวยพรเขาทั้งหลาย

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย      กท 4:4-7
     พี่น้อง เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม ข้อพิสูจน์ว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรก็คือพระเจ้าทรงส่งพระจิตของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงดังว่า “อับบา พ่อจ๋า” ดังนั้น ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร ถ้าเป็นบุตรก็ย่อมเป็นทายาทตามพระประสงค์ของพระเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 2:16-21
     ขณะนั้น คนเลี้ยงแกะจึงรีบไปและพบพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า เมื่อคนเลี้ยงแกะเห็น ก็เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่องที่คนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง ส่วนพระนางมารีย์ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัยและยังทรงคำนึงถึงอยู่ คนเลี้ยงแกะกลับไปโดยถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้าในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้
     เมื่อครบกำหนดแปดวัน ถึงเวลาที่พระกุมารจะต้องทรงเข้าสุหนัต เขาถวายพระนามพระองค์ว่าเยซู เป็นพระนามที่ทูตสวรรค์ให้ไว้ก่อนที่พระองค์จะทรงปฏิสนธิ์ในพระครรภ์ของพระมารดา

 

ข้อคิด
     ณ ช่วงเวลานั้นจะมีสักกี่คนที่รู้ถึงการบังเกิดของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นของขวัญที่พระบิดาเจ้าได้ประทานของขวัญที่ดีที่สุดให้แก่มนุษยชาติ ในพระวรสารวันนี้เราเห็นเพียงคนเลี้ยงแกะที่เป็นพวกแรกที่ได้พบ และได้เข้ามานมัสการพระองค์ ทำให้เราเห็นได้ว่าพระองค์เสด็จมา เพื่อบุคคลที่สังคมไม่ให้เกียรติ ไม่มีบทบาทอะไรในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนยากไร้ คนที่สังคมลืม และทาสทางสังคม แต่พวกเขากลับได้เข้าถึงข่าวดีก่อนใคร ๆ และได้พบของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่พระบิดาประทานให้มนุษย์

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม 2021 ระลึกถึง น.บาซิลและเกรโกรีแห่งเมืองนาซีอันเซน พระสังฆราช นักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง  1 ยน 2:22-28
     ลูกที่รักทั้งหลาย ใครเป็นคนพูดคำเท็จ ถ้าไม่ใช่คนที่พูดว่า พระเยซูไม่ใช่พระคริสตเจ้า ผู้นี้คือปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า เขาปฏิเสธทั้งพระบิดาและพระบุตร ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตรก็ไม่มีพระบิดา คนที่ยอมรับพระบุตรย่อมมีพระบิดาด้วย ขอให้สิ่งที่ท่านทั้งหลายฟังมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ถ้าสิ่งที่ท่านฟังมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ท่านก็ดำรงอยู่ในพระบุตร และในพระบิดา พระสัญญาที่พระองค์ประทานไว้ก็คือชีวิตนิรันดร ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลายมามากแล้ว เกี่ยวกับบุคคลที่พยายามชักนำให้หลงผิด แต่สำหรับท่าน การได้รับเจิมจากพระองค์ยังคงอยู่ในท่าน และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสอนท่านอีก เพราะการเจิมของพระองค์นั้นสอนทุกสิ่งให้ท่าน และเพราะการเจิมนั้นเป็นจริงและไม่หลอกลวง จงดำรงอยู่ในพระองค์ตามคำสั่งสอนที่ท่านได้รับมา
ลูกที่รักทั้งหลาย บัดนี้จงดำรงอยู่ในพระองค์ เพื่อเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจ ไม่ต้องหลบเลี่ยงไปจากพระองค์ด้วยความอับอาย ในวันที่พระองค์เสด็จมา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 1:19-28
     ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมื่อชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มส่งบรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใคร” เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นประกาศกหรือ” เขาตอบอีกว่า “ไม่ใช่” เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร เราจะได้นำคำตอบไปให้ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึงตนเองอย่างไร” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่าจงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด”ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้
     ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า “ทำไมท่านจึงทำพิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก” ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก ผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งยอห์นกำลังทำพิธีล้างอยู่

 

ข้อคิด
     ยอห์นเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เสียงร้องของท่าน ยังคงดังก้องกังวาลในจิตใจของเราแต่ละคน ด้วยภารกิจที่สุภาพของท่าน ท่านทำหน้าที่เตรียมจิตใจประชาชนในการรับพิธีล้างด้วยน้ำ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ท่าที และทัศนคติที่ดีต่อการต้อนรับองค์พระเยซูเจ้า ทำให้พระเยซูเจ้าเป็นที่รู้จักคนทั้งหลาย จากชีวิตของท่านช่วยเราหันกลับมาดูวิถีชีวิตและบทบาทของเรานั้นได้นำคนให้มารู้จักและมองเห็นภาพลักษณ์ของพระเยซูเจ้ามากน้อยแค่ไหน

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2021 เทศกาลพระคริสตสมภพ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง    1 ยน 3:22-4:6
     ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าเราวอนขอสิ่งใด เราย่อมจะได้รับสิ่งนั้นจากพระองค์ เพราะเราปฏิบัติตามบทบัญญัติ และกระทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัย นี่เป็นบทบัญญัติของพระองค์ คือ ให้เราเชื่อในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ และให้เรารักกัน ดังที่พระองค์ทรงบัญญัติให้เรา ผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ย่อมดำรงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าทรงดำรงอยู่ในผู้นั้น เรารู้ว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ในเรา จากพระจิตเจ้า ซึ่งพระองค์ประทานให้เรา
     ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อการดลใจทุกประการ แต่จงทดสอบการดลใจต่าง ๆ ก่อน ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะมีประกาศกเทียมอยู่ทั่วไปในโลก ท่านทั้งหลายรู้จักการดลใจของพระเจ้าโดยวิธีนี้ คือ การดลใจใดที่ยอมรับว่า พระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมารับธรรมชาติมนุษย์ ก็เป็นการดลใจที่มาจากพระเจ้า และการดลใจใดที่ไม่ยอมรับพระเยซูเจ้า ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่เป็นการดลใจของผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสตเจ้า ซึ่งท่านได้ฟังว่ากำลังมา และบัดนี้อยู่ในโลกแล้ว
     ลูกที่รักทั้งหลาย ท่านมาจากพระเจ้า และชนะประกาศกเทียมเหล่านั้นแล้ว เพราะพระองค์ผู้สถิตในท่าน ทรงยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก คือผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสตเจ้า เขาเหล่านั้นมาจากโลก ดังนั้น จึงพูดตามวิถีโลก และโลกย่อมฟังเขา แต่เรามาจากพระเจ้า ผู้ที่รู้จักพระเจ้าย่อมฟังเรา ส่วนผู้ที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า ย่อมไม่ฟังเรา เราจึงรู้จักการดลใจที่เป็นความจริงและการดลใจที่เป็นความหลงผิด

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 4:12-17,23-25
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบว่ายอห์นถูกจองจำ จึงเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงออกจากเมืองนาซาเร็ธ มาประทับอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม บนฝั่งทะเลสาบ ในดินแดนเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์ เป็นความจริงว่าดินแดนเศบูลุนและนัฟทาลี เส้นทางไปสู่ทะเล ฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดน แคว้นกาลิลีแห่งบรรดาประชาชาติ ประชาชนที่จมอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและในเงาแห่งความตาย แสงได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว
     นับแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประกาศเทศนาว่า “จงกลับใจเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว”
พระองค์เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน
      กิตติศัพท์เกี่ยวกับพระองค์เลื่องลือไปทั่วแคว้นซีเรีย ประชาชนจึงนำผู้เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ผู้ที่ถูกความทุกข์เบียดเบียน ผู้ถูกปีศาจสิง ผู้เป็นลมบ้าหมู และผู้ที่เป็นง่อยมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงรักษาคนเหล่านั้นให้หายจากโรคและความเจ็บไข้ ประชาชนมากมายจากแคว้นกาลิลี จากทศบุรี จากกรุงเยรูซาเล็ม จากแคว้นยูเดีย และจากฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดนต่างติดตามพระองค์

 

ข้อคิด
      สิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านยอห์นนั้น ไม่มีอิทธิพลต่อการประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้าแต่อย่างใด พระองค์ยังทรงเดินหน้าประกาศเทศน์สอน ข่าวดีเรื่อง จงกลับใจ พระอาณาจักรอยู่ใกล้แล้ว เป็นสิ่งที่ประชาชนต่างรอคอยแสงแห่งความหวัง มาสู่ชีวิตของพวกเขา และพวกเขาก็ได้รับการรักษาจากพระองค์ทุกคน ขอให้พระองค์เสด็จเข้ามารักษาจิตใจของเราทุกคน เพื่อดวงตาของเราจะได้เห็นแสงสว่างแห่งความจริงและสัมผัสความรักของพระองค์ในชีวิตแต่ละวันด้วย

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2021 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                            อสย 60:1-6
     เยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด จงฉายแสงเจิดจ้า เพราะความสว่างของเจ้ามาแล้ว พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทอแสงเหนือเจ้า ดูซิ ความมืดปกคลุมแผ่นดิน และความมืดทึบปกคลุมประชาชาติทั้งหลาย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทอแสงเหนือเจ้า ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์เหนือเจ้า
     นานาชาติจะเดินมาหาความสว่างของเจ้า บรรดากษัตริย์จะทรงพระดำเนินมาสู่ความสดใสที่ทอแสงเหนือเจ้า จงเงยหน้าขึ้นมองไปโดยรอบเถิด เขาเหล่านั้นทุกคนมาชุมนุมกันและเดินมาพบเจ้า บุตรชายทั้งหลายของเจ้ามาจากที่ไกล บุตรหญิงของเจ้าก็ถูกอุ้มมาด้วย
     เมื่อเจ้าเห็นดังนี้ก็จะปลาบปลื้ม ใจของเจ้าจะตื่นเต้นและยินดี เพราะความมั่งคั่งของทะเลจะกลับมาหาเจ้า ทรัพย์สมบัติของนานาชาติจะมายังเจ้า ฝูงอูฐจะมาอยู่เต็มถนนของเจ้า รวมทั้งคาราวานอูฐจากมีเดียนและเอฟาห์ ทุกคนจะมาจากเชบา นำทองคำและกำยานมาด้วย และจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าคนทั้งหลาย

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส    อฟ 3:2-3ก, 5-6
     พี่น้อง ท่านคงได้ทราบแล้วถึงพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบพันธกิจเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้าได้ทราบถึงธรรมล้ำลึกนี้เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผย ธรรมล้ำลึกนี้พระองค์มิได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตทราบ แต่บัดนี้พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ว่า คนต่างชาติได้เข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซู อาศัยข่าวดี

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 2:1-12
    ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าทรงประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม เที่ยวสืบถามว่า ‘กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์’ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า ‘ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกได้เขียนไว้ว่า ‘เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะมีผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา’
     ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวได้ปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า ‘จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาแจ้งให้เราทราบ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย’ เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาได้เห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งนั้น เขามีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัติเอาทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายแด่พระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น


ข้อคิด
     วันสมโภชนี้เป็นข่าวดีที่พระคริสตเจ้า ทรงเผยแสดงพระองค์ เพื่อนำความรอดมาสู่มนุษยชาติทุกคน ไม่ใช่เฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือชนชาติใดชนชาติหนึ่ง พระองค์มาในประวัติศาสตร์มนุษย์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่ครอบครองจิตใจเราทุกคนจนกระทั่งทุกวันนี้ และทำให้เราได้กลับมาคืนดีกับพระองค์ ขจัดความเห็นแก่ตัวออกไป นอกจากนี้ช่วยให้เราได้สัมผัสความรักของพระองค์ผ่านทางการบังเกิดของพระองค์ทุก ๆ วัน ในชีวิตเราตลอดไป

วันอังคารที่ 5 มกราคม 2021 เทศกาลพระคริสตสมภพ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง   1 ยน 4:7-10
     ท่านที่รักทั้งหลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีความรัก ย่อมบังเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ไม่มีความรัก ย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้ คือ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวมาในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น ความรักอยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อชดเชยบาปของเรา มิใช่อยู่ที่เรารักพระเจ้า

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                            มก 6:34-44
     เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือ ทรงแลเห็นประชาชนจำนวนมากก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเป็นดังฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยง พระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอนเขาหลายเรื่อง เนื่องจากเป็นเวลาเย็นมากแล้ว บรรดาศิษย์จึงเข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลว่า “สถานที่นี้เป็นที่เปลี่ยวและเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนไปซื้ออาหารกินตามชนบทและตามหมู่บ้านรอบๆ นี้เถิด”
พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด”
     บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “พวกเราจะต้องไปซื้ออาหารสักสองร้อยเหรียญมาให้เขากินหรือ”
พระองค์ตรัสว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน ไปดูซิ” บรรดาศิษย์ไปดูแล้วกลับมารายงานว่า “มีขนมปังอยู่ห้าก้อนกับปลาสองตัว”
พระองค์จึงทรงสั่งให้ทุกคนนั่งลงเป็นกลุ่มๆ ตามพื้นหญ้าสีเขียว เขาก็นั่งลงเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละหนึ่งร้อยคนบ้าง ห้าสิบคนบ้าง พระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึ้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า แล้วทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่ายให้กับประชาชน ทั้งยังทรงแบ่งปลาสองตัวแจกจ่ายให้ทุกคนด้วย ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษขนมปังและปลาที่เหลือได้ถึงสิบสองกระบุงเต็ม จำนวนคนที่กินขนมปังครั้งนั้นมีผู้ชายถึงห้าพันคน

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าไม่ทรงเพียงแค่สงสารและเดินจากไป แต่พระองค์ทรงลงมือกระทำการเลี้ยงอาหารประชาชนห้าพันคน ทำให้เรามั่นใจว่าพระเจ้าทรงเต็มเปี่ยมไปด้วย ความรัก ความเมตตาและเอาพระทัยใส่ พระองค์ไม่ทรงปล่อยให้เราต้องตกทุกข์ยากลำบาก สอนให้เราออกจากตัวเอง ไวต่อความต้องการของเพื่อนพี่น้อง ให้คิดถึงคนอื่นมากขึ้น ไม่เพียงแค่คิดถึงแต่ตัวเอง ด้วยพระวาจาอันทรงชีวิตนี้ ยังคงก้องดังในจิตใจมนุษยชาติจนกระทั่งทุกวันนื้

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown