มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2021 ระลึกถึง น.อักแนส พรหมจารีและมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                  ฮบ 7:25-8:6
     ด้วยเหตุนี้ พระเยซูเจ้าจึงทรงช่วยคนทั้งปวงซึ่งเข้ามาหาพระเจ้าโดยทางพระองค์ให้ได้รับความรอดพ้นได้อย่างดียิ่ง เพราะพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิจเพื่อทูลขอพระกรุณาให้คนเหล่านั้น
      มหาสมณะเช่นนี้เหมาะสมกับเรา คือเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไร้ความผิด ไร้มลทิน แยกจากคนบาปทั้งปวง ประทับอยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่จำเป็นที่พระองค์จะต้องทรงนำเครื่องบูชามาถวายพระเจ้าทุกวัน ดังเช่นมหาสมณะองค์อื่น ๆ เพื่อถวายชดเชยบาปของตนก่อน แล้วจึงถวายชดเชยบาปของประชากร ส่วนพระเยซูเจ้าเมื่อทรงถวายพระองค์ได้ทรงกระทำเช่นนี้เพียงครั้งเดียวโดยมีผลตลอดไป ความจริง ธรรมบัญญัติได้แต่งตั้งมนุษย์ที่มีความอ่อนแอให้เป็นมหาสมณะ แต่คำปฏิญาณของพระเจ้าซึ่งมาภายหลังธรรมบัญญัตินั้น แต่งตั้งพระบุตรผู้ทรงบรรลุถึงความสมบูรณ์แล้วตลอดไปให้เป็นมหาสมณะ
     ประเด็นสำคัญของเรื่องที่เรากำลังพูดถึงคือ เรามีมหาสมณะที่ประทับอยู่เบื้องขวาพระบัลลังก์ของพระผู้ทรงศักดานุภาพในสวรรค์ เป็นผู้ปฏิบัติศาสนกิจในสถานศักดิ์สิทธิ์ในกระโจมแท้จริงที่พระเจ้าทรงตั้งขึ้น มิใช่กระโจมที่มนุษย์ตั้งขึ้น มหาสมณะทุกองค์ย่อมรับการแต่งตั้งเพื่อถวายบรรณาการและเครื่องบูชา ดังนั้น จำเป็นที่พระคริสตเจ้าจะต้องทรงมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งถวายด้วย ถ้าพระองค์ประทับในโลกนี้ พระองค์ก็คงไม่ทรงเป็นสมณะแต่อย่างใด เพราะมีผู้อื่นถวายบรรณาการตามธรรมบัญญัติอยู่แล้ว เขาเหล่านี้ปฏิบัติศาสนกิจที่เป็นรูปแบบและเงาแห่งของจริงในสวรรค์ ตามที่โมเสสได้รับพระบัญชาเมื่อกำลังจะตั้งกระโจมขึ้น พระเจ้าตรัสว่า “จงระวัง ทำทุกอย่างตามแบบที่เราแสดงให้ท่านเห็นบนภูเขา”
     บัดนี้ พระคริสตเจ้าทรงได้รับศาสนบริการที่ยิ่งใหญ่กว่าศาสนบริการของสมณะตระกูลเลวี เช่นเดียวกับที่พันธสัญญาซึ่งมีพระองค์ทรงเป็นคนกลางนั้น ดีกว่าพันธสัญญาเดิมเพราะตั้งอยู่บนพระสัญญาที่ดีกว่า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                             มก 3:7-12
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปยังทะเลสาบกับบรรดาศิษย์ ผู้คนหมู่ใหญ่จากแคว้นกาลิลีติดตามพระองค์ ผู้คนจากแคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากแคว้นอิดูเมอา จากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน และจากบริเวณเมืองไทระและไซดอนเป็นหมู่ใหญ่ ได้ยินสิ่งที่ทรงทำก็มาเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสสั่งบรรดาศิษย์ให้จัดเรือไว้ลำหนึ่ง เพื่อประชาชนจะได้ไม่เบียดเสียดพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก จนบรรดาผู้ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เบียดเสียดกันเข้ามาเพื่อสัมผัสพระองค์ เมื่อปีศาจทั้งหลายเห็นพระองค์ ก็กราบลง พลางตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงกำชับอย่างแข็งขันมิให้มันแพร่งพรายว่าพระองค์เป็นใคร

 

ข้อคิด
     ผู้คนจำนวนเสาะแสวงหาและติดตามพระเยซูเจ้าเพื่อรับฟังคำสั่งสอนของพระองค์ หลายคนมีความเชื่อในพลังอำนาจของพระองค์เพื่อได้รับการรักษา อีกหลายคนกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งหลังจากพระองค์ได้ขับไล่ปีศาจออกไป
     เราทุกคนล้วนแสวงหาเข้ามาพบองค์พระเยซูเจ้า เพื่อจะเจริญชีวิตในความเชื่อ ความไว้วางใจ และความรัก คำสอนและพลังอำนาจของพระองค์ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ละม้ายคล้ายกับพระองค์ในความศักดิ์สิทธิ์และในความชิดสนิทสัมพันธ์พระบิดาเจ้านั่นเอง

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2021 น.วินเซนต์ สังฆานุกรและมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                  ฮบ 8:6-13
     พี่น้อง พระคริสตเจ้าทรงได้รับศาสนบริการที่ยิ่งใหญ่กว่าศาสนบริการของสมณะตระกูลเลวี เช่นเดียวกับที่พันธสัญญาซึ่งมีพระองค์ทรงเป็นคนกลางนั้น ดีกว่าพันธสัญญาเดิมเพราะตั้งอยู่บนพระสัญญาที่ดีกว่า ถ้าพันธสัญญาแรกไม่มีข้อบกพร่อง ก็คงไม่จำเป็นต้องมีพันธสัญญาที่สอง แต่พระเจ้าทรงพบข้อบกพร่องของประชากร จึงตรัสว่า “ดูเถิด วันนั้นจะมาถึง พระเจ้าตรัส เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับตระกูลอิสราเอลและตระกูลยูดาห์ ไม่เหมือนกับพันธสัญญาที่เราทำไว้กับบรรพบุรุษของเขา ในวันที่เราจูงมือพาเขาออกจากประเทศอียิปต์ เนื่องจากเขาไม่ได้รักษาพันธสัญญาของเรา เราจึงไม่สนใจเขาอีกต่อไป พระเจ้าตรัส นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับตระกูลอิสราเอล ภายหลังวันเหล่านั้น พระเจ้าตรัส เราจะใส่บทบัญญัติของเราในจิตใจของเขา เราจะจารึกไว้ในดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา แต่ละคนจะไม่สอนเพื่อนบ้าน และพี่น้องของตนโดยพูดว่า “จงรู้จักพระเจ้าเถิด” อีกแล้ว เนื่องจาก ทุกคนตั้งแต่ผู้น้อยจนถึงผู้ใหญ่จะรู้จักเรา เพราะเราจะกรุณาต่อความอธรรมของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาอีกต่อไป”
เมื่อพระเจ้าตรัสถึงพันธสัญญาใหม่ พระองค์ทรงหมายความว่าพันธสัญญาแรกนั้นเก่าไปแล้ว ของที่เก่าและล้าสมัยแล้ว ย่อมใกล้จะสูญสิ้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                            มก 3:13-19
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปบนภูเขา ทรงเรียกผู้ที่พระองค์ทรงต้องการให้มาพบ เขาเหล่านั้นก็มาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคนให้อยู่กับพระองค์ และเพื่อจะทรงส่งเขาออกไปเทศน์สอน โดยให้มีอำนาจขับไล่ปีศาจด้วย อัครสาวกสิบสองคนที่ทรงแต่งตั้ง คือ ซีโมน พระองค์ทรงตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า “เปโตร” ยากอบบุตรของเศเบดี และยอห์น น้องชายของยากอบ พระองค์ทรงตั้งชื่อให้สองพี่น้องนี้ว่า “โบอาแนรเกส” ซึ่งแปลว่า “ลูกฟ้าร้อง” อันดรูว์ ฟิลิป บารโธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ธัดเดอัส ซีโมนจากกลุ่มชาตินิยม และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้ได้ทรยศต่อพระองค์

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าเรียกบรรดาผู้ติดตามพระองค์ให้เป็นศิษย์ของพระองค์ และทรงแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นอัครสาวกออกไปทำงานประกาศข่าวดีร่วมกับพระองค์ แต่ละคนมีนิสัยไม่เหมือนกัน มีความแตกต่างกัน มีชื่อต่างกัน มีความเข้มแข็งและอ่อนแอตามประสามนุษย์ แต่ทุกคนล้วนแล้วเป็น “ศิษย์พระคริสต์”
     คริสตชนทุกคนในฐานะเป็น “ศิษย์พระคริสต์” จะต้องออกไปดำเนินชีวิตประกาศข่าวดีของพระองค์ทั้งการกรทำและพูด เป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิต โดยเข้าใจถึงความสามารถแลพระพรพิเศษในตัวเราแต่ละคน

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2021 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกโยนาห์                             ยนา 3:1-5:10
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยนาห์อีกครั้งหนึ่งว่า “จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศเรื่องที่เราจะบอกท่านแก่เขา” โยนาห์ก็ลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า กรุงนีนะเวห์เป็นนครใหญ่มาก ถ้าจะเดินข้ามเมืองก็กินเวลาสามวัน โยนาห์เริ่มเดินเข้าไปในเมืองเป็นระยะทางเดินหนึ่งวัน ร้องประกาศว่า “อีกสี่สิบวันกรุงนีนะเวห์จะถูกทำลาย” ชาวกรุงนีนะเวห์เชื่อฟังพระเจ้า และประกาศให้อดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบทุกคน ตั้งแต่คนใหญ่ที่สุดจนถึงคนเล็กที่สุด
พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นความพยายามของเขา ที่จะกลับใจไม่ประพฤติชั่วอีกต่อไป พระเจ้าทรงพระเมตตาไม่ลงโทษตามที่ตรัสไว้ว่าจะทรงลงโทษเขา

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 7:29-31
     พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า เวลานั้นสั้นนัก ตั้งแต่นี้ไปให้ผู้ที่มีภรรยาเป็นเสมือนผู้ที่ไม่มีภรรยา ให้ผู้ที่ร้องไห้เป็นเสมือนผู้ที่ไม่ร้องไห้ ให้ผู้ที่ชื่นชมยินดีเป็นเสมือนผู้ที่มิได้ชื่นชมยินดี ให้ผู้ที่ซื้อเป็นเสมือนผู้ที่ไม่มีอะไรเป็นกรรมสิทธิ์ และให้ผู้ที่ใช้ของของโลกนี้เป็นเสมือนกับผู้ที่มิได้ใช้ เพราะโลกดังที่เป็นอยู่กำลังจะผ่านไป

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                            มก 1:14-20
     หลังจากที่ยอห์นถูกจองจำ พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงประกาศเทศนาข่าวดีของพระเจ้า ตรัสว่า ‘เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจ และเชื่อข่าวดีเถิด’
     ขณะที่ทรงดำเนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นซีโมนกับอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแหอยู่ในทะเลสาบ เพราะเขาเป็นชาวประมง พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า ‘จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์’ ทันใดนั้น เขาก็ละแหไว้ แล้วตามพระองค์ไป
     เมื่อทรงดำเนินไปอีกเล็กน้อย พระองค์ทอดพระเนตรเห็นยากอบ บุตรของเศเบดี และยอห์นน้องชายกำลังซ่อมแหอยู่ในเรือ ทันใดนั้น พระองค์ทรงเรียกเขา เขาก็ละเศเบดี บิดาของเขาไว้ในเรือกับลูกจ้าง แล้วตามพระองค์ไป

 

ข้อคิด
     เมื่อพระเยซูเจ้าทรงดำเนินอยู่ที่ชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทรงรู้จักสานุศิษย์ทั้งสี่คนอยู่แล้ว และทรงเรียกพวกเขาเหล่านั้นให้ติดตามพระองค์ เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงรู้จักพวกเราเป็นอย่างดี ทรงทราบถึงความอ่อนแอของเรา ทรงเห็นถึงพระพรพิเศษในตัวเรา และทรงรู้ถึงขีดความสามารถของเรา ในพระองค์แม้ว่าเราจะขาดสิ่งใดพระองค์ก็เติบเต็มให้เรา
     เป็นเราเองที่มีความพร้อมหรือไม่ในการตอบรับเสียงเรียกของพระองค์ เราพร้อมที่จะ “ละแหไว้แล้วตามพระองค์ไป” ในการปฏิบัติพันธกิจร่วมกับพระองค์ได้หรือไม่ ซึ่งเรียกร้องการเสียสละน้ำใจตนเอง และความสุขส่วนตัว เป็นสิ่งที่ท้ายเราทุกคนอยู่ทุกวัน

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2021 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                     ฮบ 9:2-3,11-14
     พี่น้อง กระโจมถูกสร้างขึ้นดังนี้ ห้องแรกมีคันประทีป โต๊ะและปังถวาย ห้องนี้เรียกว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” เบื้องหลังม่านมีห้องที่สองซึ่งเรียกว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง พระคริสตเจ้าเสด็จมาเป็นมหาสมณะผู้นำพระพรต่าง ๆ ที่พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานมาให้ พระองค์เสด็จผ่านกระโจมที่ยิ่งใหญ่กว่าและสมบูรณ์กว่า ทั้งมิใช่กระโจมที่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ คือมิใช่กระโจมของโลกนี้ พระองค์เสด็จเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งเพียงครั้งเดียวตลอดไป สิ่งที่พระองค์ทรงนำไปด้วยมิใช่เลือดแพะและเลือดลูกโค แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เข้าไป และทรงกระทำให้การไถ่กู้นิรันดรสำเร็จ ถ้าการประพรมบุคคลที่มีมลทินด้วยเลือดแพะ เลือดลูกโค รวมกับเถ้าของโคเพศเมีย ยังทำให้บุคคลนั้นบริสุทธิ์ร่วมศาสนพิธีได้ พระโลหิตของพระคริสตเจ้า ย่อมทำได้มากกว่านั้น พระคริสตเจ้าทรงถวายพระองค์โดยปราศจากตำหนิมลทินแด่พระเจ้าเดชะพระจิตเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดนิรันดร พระโลหิตชำระจิตใจของเราให้บริสุทธิ์จากกิจการที่ตายแล้วเพื่อจะได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงชีวิต

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                          มก 3:20-21
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ประชาชนมาชุมนุมกันอีกจนพระองค์ไม่อาจเสวยและบรรดาศิษย์ก็ไม่อาจกินอาหารได้ เมื่อพระญาติของพระองค์ได้ยินเช่นนี้ ก็ออกไปคุมพระองค์ไว้ เพราะคิดว่าทรงเสียพระสติ

 

ข้อคิด
     การให้อภัย การปลดปล่อยให้เป็นอิสระ และการคืนดี เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากหากไม่เกิดมีพิธีกรรมในพระวิหารตามความเชื่อของชาวยิว แต่สำหรับพระเยซูเจ้าแล้ว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้โดยทางพระองค์และจากผู้ที่มีความเชื่อในพระองค์ และนั่นจนทำให้ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาหาองค์พระเยซูเจ้า
ในช่วงชีวิตของเราก็จะพบผู้คนมากมายที่แสดงปฏิกริยากับเรามากขึ้น เมื่อเรายิ่งใกล้ชิดกับพระองค์ ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ ทั้งสนับสนุนและต่อต้าน หากเพียงเรายืนหยัดเชื่อมั่นในพระองค์

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2021 ฉลองการกลับใจของนักบุญเปาโล อัครสาวก

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                             กจ 22:3-16
    เปาโลจึงกล่าวกับประชาชนว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิว เกิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซิลีเซีย แต่เติบโตในเมืองนี้ กามาลิเอลเป็นอาจารย์สอนข้าพเจ้าให้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้าด้วยความกระตือรือร้นอยู่เสมอเช่นเดียวกับที่ท่านทั้งหลายปฏิบัติอยู่ในวันนี้ ผู้ที่ดำเนินตามวิถีทางนี้ เคยถูกข้าพเจ้าเบียดเบียนถึงตาย ข้าพเจ้าจับกุมทั้งชายและหญิงจองจำไว้ในคุก ดังที่มหาสมณะและสภาผู้อาวุโสทุกคนเป็นพยานยืนยันได้ เพราะเขามอบจดหมายให้ข้าพเจ้านำไปให้แก่บรรดาพี่น้องชาวยิวที่เมืองดามัสกัส ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางเพื่อไปจับกุมบรรดาคริสตชนซึ่งอยู่ที่นั่น นำกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อลงโทษ
     เวลาประมาณเที่ยงวัน ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงพูดกับข้าพเจ้าว่า “เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม”
ข้าพเจ้าจึงถามว่า “พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร”
     พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธ ซึ่งเจ้ากำลังเบียดเบียนอยู่” คนที่อยู่กับข้าพเจ้าเห็นแสงสว่าง แต่ไม่ได้ยินเสียงคนที่พูดกับข้าพเจ้า
แล้วข้าพเจ้าถามอีกว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไร”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงลุกขึ้น เข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นจะมีคนบอกทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดให้เจ้าทำ” แสงนั้นสว่างจ้าจนข้าพเจ้ามองไม่เห็นสิ่งใด ผู้ร่วมเดินทางกับข้าพเจ้าจึงจูงมือข้าพเจ้าเข้าไปในเมืองดามัสกัส
ชายคนหนึ่งชื่ออานาเนีย เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ เป็นที่เคารพนับถือของชาวยิวทุกคนซึ่งอยู่ที่นั่น เขามาพบข้าพเจ้า ยืนใกล้ ๆ พูดกับข้าพเจ้าว่า “เซาโล น้องเอ๋ย จงกลับมองเห็นเถิด” และในเวลานั้นเองข้าพเจ้าก็มองเห็นเขา
      อานาเนียบอกข้าพเจ้าว่า “พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงเลือกสรรท่านให้รู้พระประสงค์ของพระองค์ ให้เห็นพระคริสตเจ้าผู้ทรงชอบธรรม และได้ยินพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพราะท่านจะเป็นพยานของพระองค์ยืนยันสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน แก่มนุษย์ทุกคน บัดนี้ท่านรออะไรอยู่อีกเล่า จงลุกขึ้น รับศีลล้างบาปและเรียกขานพระนามของพระองค์ชำระล้างบาปของท่านเถิด

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                           มก 16:15-18
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง 16ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย”

 

ข้อคิด
      คำสั่งสอนของพระเจ้าให้ประกาศข่าวดีให้แก่มนุษย์ทั้งปวง เป็นการให้เราทุกคนเข้าไปมีส่วนร่วมในการออกไปประกาศข่าวดีให้กับคนต่างศาสนาหรือผู้ที่ไม่รู้จักพระเจ้าเท่านั้น แต่เป็นการดำเนินชีวิตตามแนวทางพระวรสาร เป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิตโดยให้ประกาศข่าวดีนั้นสะท้อนออกมาให้เห็น
กากรกลับใจของนักบุญเปาโลและของเราทุกคน คือผลของเมล็ดพันธุ์ของผู้ที่ประกาศข่าวดีได้หว่านลงในจิตใจแล้วเกิดผลด้วยวาจาและการกระทำ ซึ่งเราไม่สามารถคาดเดาถึงผลลัพธ์อันน่ามหัศจรรย์ของการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อนั้นได้เลย แต่เป็นพระเจ้าทรงทรงมีพระประสงค์ให้เกิดผลนั้นขึ้นมา

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown