มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2021 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                  ฮบ 1:1-6
     ในอดีต พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและหลายวิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวาระสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเราโดยทางพระบุตร พระเจ้าทรงสถาปนาพระบุตรให้เป็นทายาทครอบครองทุกสิ่ง พระองค์ทรงสร้างจักรวาล เดชะพระบุตรนี้ พระบุตรทรงเป็นรังสีแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ทรงเป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์ขององค์พระเจ้า พระบุตรทรงผดุงจักรวาลไว้ด้วยพระวาจาทรงฤทธิ์ บัดนี้ พระบุตรทรงลบล้างมลทินแห่งบาปเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จขึ้นสวรรค์ประทับ ณ เบื้องขวาแห่งพระมหิทธานุภาพ ดังนั้น พระบุตรทรงอยู่เหนือบรรดาทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับพระนามที่ทรงได้รับนั้นประเสริฐกว่านามของบรรดาทูตสวรรค์
พระเจ้าเคยตรัสแก่ทูตสวรรค์องค์ใดบ้างว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำเนิดท่านในวันนี้” หรือว่า “เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา” หรืออีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระเจ้าทรงส่งพระโอรสองค์แรกจุติสู่โลกมนุษย์ พระองค์ตรัสว่า “ให้ทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระเจ้ากราบนมัสการพระองค์ เถิด”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                          มก 1:14-20
    หลังจากที่ยอห์นถูกจองจำ พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงประกาศเทศนาข่าวดีของพระเจ้า ตรัสว่า “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจ และเชื่อข่าวดีเถิด”
     ขณะที่ทรงพระดำเนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นซีโมนกับอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระเยซูเจ้าตรัสสั่งว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” ซีโมนกับอันดรูว์ก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที
     เมื่อทรงพระดำเนินไปอีกเล็กน้อย พระองค์ทอดพระเนตรเห็นยากอบบุตรของเศเบดี และยอห์นน้องชายกำลังซ่อมแหอยู่ในเรือ พระองค์ทรงเรียกเขาทั้งสองคนก็ละทิ้งเศเบดีบิดาของตนไว้ในเรือกับลูกจ้าง แล้วตามพระองค์ไปทันที

 

ข้อคิด
     พระเจ้าผู้ทรงสื่อสารกับเรามนุษย์ตลอดเวลา จนมาถึงยุคสมัยของพระเยซูเจ้า พระแมสสิยาห์องค์พระผู้ไถ่ของชาวเรา พระองค์ผู้ทรงนำข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรสวรรค์ เป็นภารกิจที่พระบิดาทรงมอบให้กับพระบุตร และพระบุตรได้คัดสรรบุคคลที่จะมาสานต่อข่าวดีนี้ โดยการเรียกและเลือกสาวกในมาติดตาม เรียนรู้ และคลุกคลีอยู่กับพระองค์อย่างใกล้ชิด ในฐานะศิษย์ของพระองค์ ดังนั้นเราทุกคนที่ได้ชื่อว่าคริสตชน จะต้องมีจิตสำนึกกับบทบาท หน้าที่ของการเป็นศิษย์ในการประกาศข่าวดีด้วยชีวิตและส่งต่อประสบการณ์แห่งความรัก ความเมตตาของพระองค์ไปสู่มวลมนุษยชาติ

วันอังคารที่ 12 มกราคม 2021 ระลึกถึง บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง พระสงฆ์และมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโทธี ฉบับที่สอง     2 ทธ 2:1-13

     ลูกรัก ท่านจงรับพละกำลังจากพระหรรษทานซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู จงถ่ายทอดสิ่งที่ท่านได้ยินจากข้าพเจ้าโดยมีหลายคนเป็นพยานแก่คนที่น่าเชื่อถือซึ่งจะสอนคนอื่นต่อไปได้
     จงร่วมทนทุกข์กับผู้อื่น เหมือนทหารที่ดีของพระคริสตเยซู ทหารทุกคนจะไม่เข้าไปเกี่ยวกับกิจการของพลเรือน เขามุ่งทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ นักกีฬาก็เช่นเดียวกัน ไม่มีใครได้ชัยชนะนอกจากจะได้แข่งขันตามกติกา ชาวนาที่ตรากตรำทำงานควรเป็นผู้ที่จะได้รับผลก่อนผู้อื่น จงพิจารณาสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดนี้ และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานให้ท่านเข้าใจทุกๆ เรื่อง
     จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดีนี้เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำเหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไม่ได้ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวกเขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวิตในสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย
     ต่อไปนี้คือถ้อยคำที่เชื่อถือได้ ถ้าเราตายพร้อมกับพระองค์ เราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ ถ้าเราอดทนมั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์ ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป เพราะจะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                           ยน 15:9-17
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า  “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน”

 

ข้อคิด
     พระวรสารวันนี้ของท่านยอห์นได้นำเสนอความรักในรูปแบบของพระเจ้า ไม่ใช่รูปแบบของมนุษย์ ความรักของพระองค์สอนให้เราออกจากตนเอง ตายต่อตนเอง ให้มองเห็นถึงความต้องการของผู้อื่นมากกว่าของตัวเราเอง พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้ได้สัมผัสรูปแบบความรักของพระเจ้า โดยปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งความรัก ชีวิตของเราก็จะดำรงอยู่ในความรักของพระเจ้า เราก็จะออกดอกออกผลและผลนั้นก็จะดำรงอยู่ตลอดไป เพราะพระองค์ได้ทรงเลือกเรา และมอบภารกิจให้กับเราไปเกิดผลสุดแต่พระประสงค์ของพระองค์

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม 2021 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                  ฮบ 3:7-14
     พี่น้อง ตามที่พระจิตเจ้าตรัสไว้ในพระคัมภีร์ว่า “วันนี้ ถ้าท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ จงอย่าทำใจแข็งกระด้างเหมือนคราวกบฏเมื่อเขาทดลองพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร ครั้งนั้นบรรพบุรุษของท่านทดลองเรา พิสูจน์เรา ทั้ง ๆ ที่เห็นกิจการของเรามาแล้วตลอดเวลาสี่สิบปี เราจึงเอือมระอาชนรุ่นนั้นและกล่าวว่า ‘พวกนี้มีใจหลงผิดอยู่เสมอ ไม่เคยรู้จักวิถีทางของเราเลย’ และเราปฏิญาณขณะที่กำลังโกรธว่า เขาทั้งหลายจะไม่ได้เข้าสู่ที่พักผ่อนของเรา
      พี่น้องทั้งหลาย จงระวังอย่าให้ผู้ใดมีจิตใจเลวร้ายไร้ความเชื่อจนถึงกับแยกตัวออกจากพระเจ้าผู้ทรงชีวิต แต่จงตักเตือนกันทุกวันตลอดเวลาที่ยังเรียกได้ว่า “วันนี้” เพื่อมิให้ท่านคนใดคนหนึ่งมีใจแข็งกระด้างไปเพราะเล่ห์กลของบาป เราร่วมเป็นร่วมตายกับพระคริสตเจ้าอยู่แล้ว หากเราจะยึดความไว้วางใจที่เรามีอยู่ตั้งแต่ต้นให้มั่นคงจนถึงที่สุด

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                            มก 1:40-45
     เวลานั้น ผู้เป็นโรคเรื้อนคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ คุกเข่าอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อมทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” พระเยซูเจ้าทรงสงสาร ตื้นตันพระทัย จึงทรงยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขา ตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด ทันใดนั้น โรคเรื้อนก็หาย เขากลับเป็นปกติ พระเยซูเจ้าทรงให้เขาไปทันที ทรงกำชับอย่างแข็งขันว่า “ระวัง อย่าบอกอะไรให้ใครรู้เลย แต่จงไปแสดงตนแก่สมณะ และถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสกำหนด เพื่อเป็นหลักฐานแก่คนทั้งหลายว่าท่านหายจากโรคแล้ว” แต่เมื่อชายผู้นั้นจากไป เขาก็ป่าวประกาศกระจายข่าวไปทั่ว จนพระองค์ไม่อาจเสด็จเข้าไปในเมืองได้อย่างเปิดเผยอีกต่อไป พระองค์จึงประทับอยู่นอกเมืองในที่เปลี่ยว แม้กระนั้น ประชาชนจากทุกทิศก็ยังมาเฝ้าพระองค์

 

ข้อคิด
      สายตาของชาวยิวในยุคสมัยนั้น คนที่เป็นโรคเรื้อนนี้เป็นคนบาป เป็นคนมีมลทิน พวกเขาจะต้องแยกตัวเองออกจากสังคม ถ้าจะไปไหนต้องประกาศให้คนรู้ได้ยินว่าเขาเป็นคนมีมลทิน น่ารังเกียจ แต่ในสายพระเนตรของพระเยซูเจ้าเขาเป็นลูกของพระองค์ พระองค์ทรงตอนรับพวกเขาเสมอและพร้อมที่จะยื่นพระหัตถ์จับต้องและรักษาพวกเขาให้หายจากความทุกข์ ด้วยอำนาจแห่งความรักและความเมตตาของพระบิดาเจ้าผ่านทางพระหัตถ์ของพระองค์ ขอให้เราวอนขอพระองค์ให้ได้พบกับประสบการณ์นี้เช่นกันในชีวิตความเชื่อ

วันพุธที่ 13 มกราคม 2021 น.ฮีลารี พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                  ฮบ 2:14-18
     บุตรทุกคนมีเลือดเนื้อร่วมกันฉันใด พระองค์ก็ทรงมีเลือดเนื้อร่วมกับมนุษย์ทุกคนด้วยฉันนั้น เพื่อว่าโดยการสิ้นพระชนม์ พระองค์จะทรงทำลายมารผู้มีอำนาจเหนือความตายลงได้ เพื่อทรงปลดปล่อยผู้ตกเป็นทาสอยู่ตลอดชีวิตเพราะความกลัวตายให้เป็นอิสระได้ โดยแท้จริงแล้ว พระองค์มิได้เอาพระทัยใส่ต่อบรรดาทูตสวรรค์ แต่เอาพระทัยใส่ต่อเชื้อสายของอับราฮัม จึงจำเป็นที่พระองค์จะต้องทรงเป็นเหมือนกับบรรดาพี่น้องทุกประการ เพื่อพระองค์จะทรงเป็นมหาสมณะที่เพียบพร้อมด้วยพระกรุณาและทรงซื่อสัตย์ในการติดต่อกับพระเจ้า ไถ่โทษชดเชยบาปของประชากรได้ ในฐานะที่พระองค์ทรงรับการทรมานและทรงผ่านการทดลองมาแล้ว พระองค์จึงทรงช่วยเหลือผู้ที่ถูกทดลองได้ด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                              มก 1:29-39
     ทันทีที่ออกจากศาลาธรรม พระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านของซีโมนและอันดรูว์พร้อมกับ ยากอบและยอห์น มารดาของภรรยาซีโมนกำลังนอนป่วยเป็นไข้อยู่ เขาจึงทูลพระองค์ให้ทรงทราบทันที พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น นางก็หายไข้ นางจึงรับใช้ทุกคน
     เย็นวันนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว มีผู้นำคนป่วยและคนถูกปีศาจสิงมาเฝ้าพระองค์ คนทั้งเมืองมารวมกันที่ประตู พระองค์ทรงรักษาหลายคนที่เป็นโรคต่าง ๆ ให้หาย ทรงขับไล่ปีศาจออกไป แต่ไม่ทรงอนุญาตให้มันพูด เพราะมันรู้จักพระองค์
พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเมืองคาเปอรนาอุม และทรงพระดำเนินทั่วแคว้นกาลิลี
     วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น ซีโมนและผู้ที่อยู่กับเขาตามหาพระองค์ เมื่อพบแล้ว จึงทูลพระองค์ว่า “ทุกคนกำลังแสวงหาพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไปที่อื่นกันเถิด ไปตามตำบลใกล้เคียง เพื่อจะได้เทศน์สอนที่นั่นด้วย เพราะเรามาด้วยจุดประสงค์นี้” พระองค์จึงเสด็จไปเทศน์สอนตามศาลาธรรมทั่วแคว้นกาลิลี ทรงขับไล่ปีศาจด้วย

 

ข้อคิด
    พระวรสารวันนี้เราได้เห็นภาพภารกิจของพระเยซูเจ้าได้อย่างน่าประทับใจ สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้น มองเห็นว่าพระองค์ทรงใส่ใจมนุษย์ทุก ๆ คน ไม่ว่าพระองค์จะทรงเหน็ดเหนื่อยเท่าไรก็ตาม พระองค์ไม่ทรงบิปากบ่นถึงความเหนื่อยล้า ตรงกันข้ามพร้อมที่จะยื่นมือช่วยเหลือทุกคนทุกเวลา พระองค์ทรงเห็นถึงความต้องการของเราและปรารถนาจะได้รับความช่วยเหลือให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทางกายและทางใจ นอกจากภารกิจที่ทรงกระทำแล้ว พระองค์ยังทรงมีเวลาปรีกตัวไปอธิฐานกับพระบิดาเจ้า ซึ่งพระองค์ก็ให้ความสำคัญเช่นกัน น่าจะเป็นโอกาสที่เราต้องกลับหันมามองดูชีวิตของเราอย่างจิงจัง ถึงแม้เราจะทำงานหนักมากแค่ไหน ลำบากยากเย็นเพียงไร เราจะต้องไม่ลืมที่จะสวดภาวนาอย่างสม่ำเสมอ

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2021 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                   ฮบ 4:1-5,11
     พี่น้อง ทั้ง ๆ ที่มีพระสัญญาว่าจะให้เข้าไปในที่พักผ่อนกับพระองค์ แต่เราก็ต้องกลัวว่า อาจมีบางคนที่ไปไม่ถึง ความจริง เราได้รับข่าวดีเช่นเดียวกับเขาเหล่านั้น แต่พระวาจาที่ได้ยินนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา เพราะเขาไม่มีความเชื่อเหมือนกับผู้ที่ฟัง แต่เราผู้มีความเชื่อเข้าไปในที่พักผ่อนได้ดังที่พระองค์ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เราปฏิญาณขณะที่กำลังโกรธว่า เขาเหล่านั้นจะไม่มีวันเข้าไปในที่พักผ่อนของเรา และงานของพระเจ้าก็สำเร็จไปแล้วตั้งแต่ทรงเนรมิตสร้างโลก เพราะพระองค์ตรัสไว้ในพระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งเกี่ยวกับวันที่เจ็ดว่า “พระเจ้าทรงพักผ่อนจากการงานทุกอย่างในวันที่เจ็ด เรื่องนี้พระองค์ยังตรัสอีกว่า เขาเหล่านั้นจะมิได้เข้าไปในที่พักผ่อนของเรา” ดังนั้น เราจงรีบเข้าสู่ที่พักผ่อนนั้นเถิด เพื่อจะได้ไม่มีใครพลาดพลั้งตามแบบอย่างความดื้อรั้นในครั้งกระโน้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                             มก 2:1-12
     ต่อมาอีกสองสามวัน พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาที่เมืองคาเปอรนาอุม เมื่อเป็นที่รู้กันว่าพระองค์ประทับอยู่ในบ้าน ประชาชนจำนวนมากจึงมาชุมนุมกันจนไม่มีที่ว่างแม้กระทั่งที่ประตู พระองค์ประทานพระโอวาทสอนประชาชนเหล่านั้น ชายสี่คนหามคนอัมพาตคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ แต่เขานำคนอัมพาตนั้นฝ่าฝูงชนเข้าไปถึงพระองค์ไม่ได้ เขาจึงเปิดหลังคาบ้านตรงที่พระองค์ประทับอยู่ แล้วหย่อนแคร่ที่คนอัมพาตนอนอยู่ลงมาทางช่องนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชื่อของคนเหล่านี้จึงตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” ที่นั่นมีธรรมาจารย์บางคนนั่งอยู่ด้วย เขาคิดในใจว่า “ทำไมคนนี้จึงพูดเช่นนี้เล่า เขากล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัยบาปได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น” ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขาด้วยพระจิตของพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกคนอัมพาตว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้น แบกแคร่เดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้” พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า “เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับไปบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้นแบกแคร่ออกเดินไปทันทีต่อหน้าคนทั้งปวง ทุกคนต่างประหลาดใจ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและพูดว่า “พวกเรายังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย”

 

ข้อคิด
     ความเชื่อทำให้เราสามารถมองข้ามอุปสรรคทั้งหลายในชีวิต เหมือนชายสี่คนที่หามคนอัมพาตมาให้พระเยซูเจ้าทรงรักษา มองดูแล้วพวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสเขาถึงตัวพระองค์ได้ แต่เพราะพวกเขามีความเชื่อมั่นในพระองค์ พวกเขาจึงสามารถข้ามผ่านอุปสรรคนั้นไปได้ ที่สุดชายอัมพาตก็ได้พบกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงมองเห็นถึงความเชื่อของเขา จึงตรัสว่า”บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” เป็นข่าวดีที่ชายอัมพาตนี้ได้รับในวันนั้น ดังนั้นอย่าให้อุปสรรคมาเป็นสิ่งกีดขวางระหว่างเรากับพระเยซูเจ้า เหมือนกับเหตุการณ์ในพระวรสารนี้ เราต้องยืนหยัดมั่นคงในการแสวงหาพระองค์สม่ำเสมอ เพื่อเราจะได้รับการชำระมลทินจากบาป เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์ความดี ความศักดิ์สิทธิ์

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown