มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2020 สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                อสย 25:6-10ก
     องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลทรงจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลอง สำหรับประชากรทุกชาติบนภูเขานี้ เป็นงานเลี้ยงที่มีอาหารนานาชนิด เป็นงานเลี้ยงที่มีเหล้าองุ่นชั้นดี มีอาหารเลิศรสและเหล้าองุ่นที่เลือกสรรแล้ว บนภูเขานี้ พระองค์จะทรงทำลายผ้าคลุม ที่คลุมหน้าประชากรทั้งหลาย และจะทรงทำลายม่านซึ่งกางอยู่เหนือนานาชาติ พระองค์จะทรงทำลายความตายตลอดไป องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาจากใบหน้าของทุกคน จะทรงช่วยประชากรของพระองค์ ให้พ้นจากการถูกลบหลู่ทั่วแผ่นดิน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแล้ว
วันนั้น เขาจะพูดกันว่า “นี่คือพระเจ้าของเรา เราเคยหวังว่าพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอดพ้น นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราเคยมีความหวังในพระองค์ เราจงชื่นชมยินดีที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นเถิด” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะพักอยู่บนภูเขานี้

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟิลิปปี      ฟป 4:12-14,19-20
      พี่น้อง ข้าพเจ้ารู้จักมีชีวิตอยู่อย่างอดออม และรู้จักมีชีวิตอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกกรณี เผชิญกับความอิ่มท้องและความหิวโหย เผชิญกับความมั่งคั่งและความขัดสน ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้ในพระองค์ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า แต่ท่านทำดีแล้วที่มาร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงตอบแทน โดยประทานทุกสิ่งที่ท่านต้องการอย่างสมศักดิ์ศรีกับความมั่งคั่งของพระองค์ในพระคริสตเยซู ดังนั้น ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้า พระบิดาของเรา ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                  มธ 22:1-14
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์หนึ่งซึ่งทรงจัดงานอภิเษกสมรสให้พระโอรส ทรงส่งผู้รับใช้ไปเรียกผู้รับเชิญให้มาในงานวิวาห์ แต่พวกเขาไม่ต้องการมา พระองค์จึงทรงส่งผู้รับใช้อื่นไปอีก รับสั่งว่า ‘จงไปบอกผู้รับเชิญว่า บัดนี้เราได้เตรียมการเลี้ยงไว้พร้อมแล้ว ได้ฆ่าวัวและสัตว์อ้วนพีแล้ว ทุกสิ่งพร้อมสรรพ เชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ แต่ผู้รับเชิญมิได้สนใจ คนหนึ่งไปที่ทุ่งนา อีกคนหนึ่งไปทำธุรกิจ 6คนที่เหลือได้จับผู้รับใช้ของกษัตริย์ ทำร้ายและฆ่าเสีย กษัตริย์กริ้ว จึงทรงส่งกองทหารไปทำลายฆาตกรเหล่านั้นและเผาเมืองของเขาด้วย แล้วพระองค์ตรัสแก่ผู้รับใช้ว่า ‘งานวิวาห์พร้อมแล้ว แต่ผู้รับเชิญไม่เหมาะสมกับงานนี้ จงไปตามทางแยก พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ บรรดาผู้รับใช้จึงออกไปตามถนน เชิญทุกคนที่พบมารวมกัน ทั้งคนเลวและคนดี แขกรับเชิญจึงมาเต็มห้องงานอภิเษกสมรส กษัตริย์เสด็จมาทอดพระเนตรแขกรับเชิญ ทรงเห็นคนหนึ่งไม่สวมเสื้อสำหรับงานวิวาห์ จึงตรัสแก่เขาว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ท่านไม่ได้สวมเสื้อสำหรับงานวิวาห์ แล้วเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร’ คนนั้นก็นิ่ง กษัตริย์จึงตรัสสั่งผู้รับใช้ว่า ‘จงมัดมือมัดเท้าของเขา เอาไปทิ้งในที่มืดข้างนอกเถิด ที่นั่น จะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง เพราะผู้รับเชิญมีมาก แต่ผู้รับเลือกมีน้อย’”

 

ข้อคิด
     พระอาณาจักรพระเจ้าเป็นดั่งงานเลี้ยง ทรงเริ่มต้นเชิญชนชาติที่พระองค์ทรงเลือกสรรให้เข้ามาในงานเลี้ยงดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ แต่ชนชาติของพระองค์ไม่ให้ความสนใจ เพราะพระอาณาจักรพระเจ้าไม่เป็นดังที่พวกเขาคาดหวัง พวกเขาต้องการเห็นพระอาณาจักรทำ นองเดียวกับอาณาจักรต่างๆ ในโลก เพียงแต่ยิ่งใหญ่กว่าหมดในทุกด้าน พระเจ้าจึงทรงเชิญชนชาติต่างๆ ให้เข้ามาในงานเลี้ยงแห่งพระอาณาจักร กระนั้นก็ดี ในเมื่อเข้าสู่งานเลี้ยงก็ต้องสวมใส่ชุดให้เหมาะสม ซึ่งโดยปกติเจ้าภาพจะจัดไว้ให้พร้อมและชุดที่ต้องใส่คือความรัก เนื่องด้วยอาณาจักรพระเจ้าเป็นอาณาจักรแห่งความรัก เมื่อไม่มีความรักก็อยู่ในความมืด ความขัดแย้ง และความเกลียดชัง

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2020 สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย      กท 4:22-24,26-27,31-5:1
      พี่น้อง มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าอับราฮัมมีบุตรสองคน คนหนึ่งเกิดจากหญิงทาส อีกคนหนึ่งเกิดจากหญิงอิสระ เด็กที่เกิดจากหญิงทาสนั้นเกิดตามธรรมชาติ ส่วนเด็กที่เกิดจากหญิงอิสระนั้นเกิดตามพระสัญญา เรื่องนี้กล่าวไว้เป็นอุปมา หญิงสองคนนี้หมายถึงพันธสัญญาทั้งสองฉบับ ฉบับหนึ่งจากภูเขาซีนาย คือนางฮาการ์ ซึ่งให้กำเนิดบุตรมาเป็นทาส แต่กรุงเยรูซาเล็มที่อยู่เบื้องบนนั้นเป็นอิสระ และเป็นมารดาของเรา เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า จงชื่นชมเถิด หญิงหมันผู้ไม่มีบุตร จงเปล่งเสียงโห่ร้องเถิด ท่านที่ไม่เคยเจ็บครรภ์คลอดบุตร เพราะบุตรของหญิงที่ถูกทอดทิ้งมีมากกว่าบุตรของหญิงที่ยังมีสามีอยู่ด้วย
     ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย เรามิใช่บุตรของหญิงทาส แต่เป็นบุตรของหญิงอิสระ
พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย

 

สดด 113:1-3,4-6,7

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 11:29-32
      เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็นคนชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็นนอกจากเครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำหรับชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเป็นเครื่องหมายสำหรับคนยุคนี้ฉันนั้น ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเมื่อได้ฟังคำเทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก”

 

ข้อคิด
     เครื่องหมายหรืออัศจรรย์เป็นตัวช่วยเสริมความเชื่อ ไม่ใช่ตัวก่อให้เกิดความเชื่อ ใครที่คิดว่าถ้าเห็นอัศจรรย์แล้วจะเชื่อ มักจะไม่ได้เห็นทั้งอัศจรรย์ ทั้งไม่พบความเชื่อแท้จริง เพราะความเชื่อเป็นเรื่องกระทบถึงแก่นแห่งชีวิต ก่อให้เกิดความตระหนัก ความเชื่อมั่น และการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง อะไรก็ตามที่ไม่สอดคล้องกับความเชื่อต้องเปลี่ยนให้สอดคล้อง ในขณะที่อัศจรรย์เป็นเรื่องภายนอก ซึ่งแม้จะทำ ให้ต้องทึ่ง ต้องพิศวง แต่ก็อยู่แค่นั้น พระเจ้าทรงยืนยันว่าทรงเป็นอัศจรรย์ ทรงเป็นเครื่องหมาย ชีวิตและคำสอนของพระองค์เจาะลึกเข้าถึงแก่น มนุษย์ช่วยเติมเต็ม ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น อย่างที่โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำ หรับชาวนีนะเวห์

วันพุธที่ 14 ตุลาคม 2020 น.กัลลิสตัสที่ 1 พระสันตะปาปาและมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย      กท 5:18-26
     พี่น้อง ถ้าท่านมีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ ท่านก็ไม่อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติ กิจการของธรรมชาติมนุษย์นั้นปรากฏชัดแจ้ง คือ การผิดประเวณี ความลามกโสมม การปล่อยตัวตามราคตัณหา การกราบไหว้รูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา การเป็นศัตรูกัน การทะเลาะวิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การแตกแยก การแบ่งพรรคแบ่งพวก การเมามาย การสำมะเลเทเมา และอีกหลายประการในทำนองเดียวกันนี้ ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งดังที่เคยเตือนมาแล้วว่า ผู้ที่ประพฤติตนเช่นนี้จะไม่ได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก ส่วนผลของพระจิตเจ้าก็คือความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง เรื่องเหล่านี้ไม่มีธรรมบัญญัติใดห้ามไว้เลย ผู้ที่เป็นของพระคริสตเยซู ก็ตรึงธรรมชาติของตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กับไม้กางเขนแล้ว
ถ้าเรามีชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแล้ว เราจงดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้าด้วย อย่าอวดดียั่วยุผู้อื่น หรืออิจฉาริษยากัน

 

สดด 1:1-6

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                               ลก 11:42-46
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึ่งในสิบของสะระแหน่ สมุนไพรและผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัติเหล่านี้จำเป็นต้องปฏิบัติโดยไม่ละเว้นบทบัญญัติอื่นๆ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านชอบนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม และชอบให้ผู้คนคำนับตามลานสาธารณะ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ท่านเป็นเหมือนหลุมศพที่มองไม่เห็น คนจะเดินเหยียบไปโดยไม่รู้”
     นักกฎหมายคนหนึ่งจึงทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดเช่นนี้ ท่านก็สบประมาทพวกเราด้วย” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านนักกฎหมายทั้งหลาย วิบัติจงเกิดแก่ท่านด้วย ท่านให้ผู้อื่นแบกสัมภาระหนักเกินกำลัง แต่ท่านไม่ยอมแม้แต่จะใช้นิ้วแตะต้องสัมภาระนั้น”

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าทรงรักและเมตตาทุกคน ทั้งที่พยายามเป็นคนดี ทั้งที่รู้สึกว่าตนยังไม่ดีอย่างที่ควร ขอเพียงให้แต่ละคนมีความจริงใจ แม้จะหลงผิดและผิดพลาดแต่รู้ตัวและยอมรับตามความเป็นจริง พระองค์ทรงพร้อมให้ความเมตตา ให้อภัยและช่วยเหลือ เพื่อให้กลับมาสู่ความดี ความถูกต้อง แต่คนที่หลงผิดและผิดพลาดและยังยืนกรานว่าเป็นคนดี สร้างภาพ เสแสร้ง...ก็ยากที่พระองค์จะช่วยได้ เพราะเขายังไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเอง เช่นนี้แล้วใครจะช่วยได้ ดังเช่นกรณีของฟาริสีที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการสร้างภาพ จนแทบไม่มีเรี่ยวแรงเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2020 สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย      กท 5:1-6
     พี่น้อง พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย
จงฟังเถิด ข้าพเจ้า เปาโลขอบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านเข้าสุหนัต พระคริสตเจ้าก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกับท่าน      ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งกับทุกคนที่เข้าสุหนัตว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติทุกข้อด้วย ท่านที่คิดว่าเป็นผู้ชอบธรรมอาศัยธรรมบัญญัติ ก็แยกตัวออกไปจากพระคริสตเจ้า และขาดจากพระหรรษทาน ส่วนเรานั้น พระจิตเจ้าทรงนำเราให้รอคอยความชอบธรรมที่หวังจะได้รับจากความเชื่อ เพราะในพระคริสตเยซูนั้น การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตนั้นไม่สำคัญ เรื่องที่สำคัญก็คือมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำอาศัยความรัก

 

สดด 119:41,43,44-45,47-48

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 11:37-41
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสจบแล้ว ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารที่บ้าน พระองค์จึงเสด็จเข้าไปประทับที่โต๊ะ ชาวฟาริสีคนนั้นประหลาดใจเมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ทรงล้างพระหัตถ์ตามธรรมเนียมก่อนเสวยพระกระยาหาร องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ชาวฟาริสีเอ๋ย ท่านล้างถ้วยชามด้านนอก แต่ใจของท่านเต็มไปด้วยของที่ขโมยมาและความชั่วร้าย คนโง่เอ๋ย พระเจ้าผู้ทรงสร้างภายนอก มิได้ทรงสร้างภายในด้วยหรือ ถ้าจะให้ดีแล้ว จงให้สิ่งที่อยู่ภายในเป็นทานเถิด แล้วทุกสิ่งก็จะสะอาดสำหรับท่าน”

 

ข้อคิด
      ชาวฟาริสีเชิญพระเยซูเจ้าไปเสวยพระกระยาหารที่บ้าน แต่ยังไม่พร้อมจะเชิญพระองค์เข้าสู่ชีวิตและจิตใจ การต้อนรับจึงเน้นแค่ประเด็นภายนอก สถานที่อาหาร... เมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ทรงล้างพระหัตถ์ตามธรรมเนียมก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โตทั้งๆ ที่การล้างมือช่วยให้มือสะอาดสำ หรับหยิบอาหารเข้าปาก แต่พวกเขาใช้การล้างมือ ล้างถ้วยชามเป็นการหมายถึงการชำ ระล้างจิตใจไปด้วย พอจิตใจสกปรกมากๆ แทนที่จะชำ ระจิตใจ กลับไม่พร้อม ไม่อยาก ก็เลยหันมาพิถีพิถันล้างมือ ล้างถ้วยชามแทน เพื่อให้รู้สึกว่าจิตใจพลอยสะอาดไปด้วย พระเยซูเจ้าจึงทรงชี้ให้เห็นว่าเป็นคนละเรื่องกัน เป็นใจต่างหากที่ชี้บอกภายนอก ไม่ใช่ภายนอกไปแทนใจ

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม 2020 ระลึกถึง น.เทเรซาแห่งอาวีลา พรหมจารีและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส     อฟ 1:1-10
     จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซู ตามพระประสงค์ของพระเจ้า
ถึงบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีความเชื่อในพระคริสตเยซู
     ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้า พระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับท่านทั้งหลายเถิด
      ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า
พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความรัก พระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามพระประสงค์ที่พอพระทัย เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์ ซึ่งโปรดประทานให้เราเดชะพระบุตรผู้ทรงเป็นที่รัก ในองค์พระคริสตเจ้าเราได้รับการไถ่กู้เดชะพระโลหิต คือได้รับการอภัยบาป นี่คือพระหรรษทานอันอุดม ซึ่งพระเจ้าประทานแก่เราอย่างล้นเหลือ ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง พระองค์ทรงเผยให้เรารู้ถึงพระประสงค์เร้นลับของพระองค์ ซึ่งพอพระทัยดำริไว้ล่วงหน้าในพระคริสตเจ้า พระองค์จะทรงกระทำตามแผนการนี้เมื่อถึงเวลากำหนด โดยทรงนำทุกสิ่งทั้งที่อยู่บนสวรรค์และบนแผ่นดิน ให้มารวมกันอยู่ใต้ปกครองของพระคริสตเจ้าพระประมุขแต่เพียงพระองค์เดียว

 

สดด 98:1-2,3-4,5-6

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 11:47-54
     เวลานั้น พระคริสตเจ้าตรัสว่า“วิบัติจงเกิดแก่ท่านทั้งหลาย ท่านสร้างหลุมฝังศพของบรรดาประกาศกที่บรรพบุรุษของท่านฆ่า จึงแสดงว่าท่านเห็นด้วยกับการกระทำของบรรพบุรุษ บรรพบุรุษของท่านฆ่าบรรดาประกาศกและท่านก็สร้างหลุมฝังศพให้”
     “พระปรีชาญาณของพระเจ้าตรัสว่า ‘เราจะส่งประกาศกและทูตไปพบเขา เขาจะฆ่าประกาศกและทูตบางคนและเบียดเบียนบางคน คนรุ่นนี้ต้องรับผิดชอบต่อโลหิตของบรรดาประกาศกทุกคน โลหิตที่ได้หลั่งตั้งแต่สร้างโลกเป็นต้นมา นับตั้งแต่โลหิตของอาแบลจนถึงโลหิตของเศคาริยาห์ซึ่งถูกประหารชีวิตระหว่างแท่นบูชากับพระวิหาร’ ถูกแล้ว เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่าคนรุ่นนี้จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำนี้
วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดานักกฎหมาย ท่านนำกุญแจไขความรู้ไป ท่านไม่เข้าไปแล้วยังขัดขวางคนที่ต้องการจะเข้าไปด้วย”
      ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จออกจากที่นั่น บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีเริ่มแสดงตนเป็นศัตรู ซักถามพระองค์ถึงเรื่องต่างๆ วางกับดักพระองค์เพื่อจับผิดพระวาจา

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อนำ ทุกคนเข้าสู่อาณาจักรพระเจ้า พระองค์ทรงเชิญชวนให้ทุกคนเตรียมจิตใจ ดังที่ยอห์นผู้ทำ พิธีล้างเตรียมจิตใจคนให้พร้อมสำ หรับการต้อนรับพระองค์ในฐานะพระเมสสิยาห์ เป็นแนวทางเดียวกันคือการเข้าถึงแก่นแห่งจิตใจ เปลี่ยนแปลงจิตใจ สิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยนแปลงในจิตใจคือทำ ให้จิตใจโปร่งใส เป็นอย่างไรยอมรับว่าเป็นอย่างนั้น แล้วจึงจะเป็นอย่างที่ควรจะเป็นได้ อันเป็นกระบวนการแห่งการกลับใจ พระองค์ทรงเผชิญหน้ากับหัวหน้าประชาชน ธรรมาจารย์ ฟาริสี... เพราะพวกเขาเอาแต่สอนคนให้อยู่ในความจอมปลอมภายนอกอย่างที่พวกเขาเป็นกัน ซึ่งเป็นการสกัดกั้นไม่ให้ผู้คนเปิดใจเข้าสู่พระอาณาจักร

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown