วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2020 สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนตุลาคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 27 พฤษภาคม 2563 03:52
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1194
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 3:2-12
พี่น้อง ท่านคงรู้แล้วถึงพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบพันธกิจเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้ารู้ธรรมล้ำลึกนี้เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผย ดังที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ก่อนหน้านี้โดยสังเขป เมื่ออ่านแล้ว ท่านจะเข้าใจว่าข้าพเจ้ารู้ธรรมล้ำลึกเรื่องพระคริสตเจ้าได้อย่างไร ธรรมล้ำลึกนี้พระองค์มิได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รู้ว่า คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี ข้าพเจ้ามาเป็นผู้รับใช้ข่าวดีนี้เดชะพระหรรษทานที่พระเจ้าทรงพระกรุณาประทานให้ เพื่อสำแดงพระอานุภาพของพระองค์ ข้าพเจ้าผู้ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้รับมอบพระหรรษทานนี้ เพื่อประกาศให้คนต่างชาติรู้ถึงความไพบูลย์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า และอธิบายให้เข้าใจถึงแผนการล้ำลึก ซึ่งซ่อนเร้นอยู่เป็นเวลานานมาแล้วในพระเจ้าพระผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง เพื่อเทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำนาจในสวรรค์ได้รู้พระปรีชาญาณของพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ ณ บัดนี้โดยทางพระศาสนจักร ตามพระประสงค์นิรันดรที่ทรงกระทำให้สำเร็จไปในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระคริสตเจ้าและด้วยความเชื่อในพระองค์ เราจึงกล้าเข้าไปเฝ้าพระเจ้าด้วยความมั่นใจ
อสย 12:2-3,4-5,6
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:39-48
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า“พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย”เปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสอุปมานี้สำหรับพวกเราหรือสำหรับทุกคน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ใครเป็นผู้จัดการที่ซื่อสัตย์และรอบคอบซึ่งนายจะแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้อื่นๆ เพื่อปันส่วนอาหารให้ตามเวลาที่กำหนด ผู้รับใช้คนนั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำลังทำดังนี้ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของตน แต่ถ้าผู้รับใช้คนนั้นคิดว่า ‘นายจะมาช้า’ และเริ่มตบตีผู้รับใช้ทั้งชายและหญิง กินดื่มจนเมามาย นายของผู้รับใช้คนนั้นจะกลับมาในวันที่เขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขาไม่รู้ นายจะแยกเขาออก ให้ไปอยู่กับพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์
ผู้รับใช้ที่รู้ใจนายของตน แต่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ทำตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้รับใช้ที่ไม่รู้ใจนาย แม้ทำสิ่งที่ควรจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย ผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ผู้นั้นก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย”
ข้อคิด
คุณสมบัติของผู้จัดการที่ดีคือ ความซื่อสัตย์และรอบคอบ เขาจะต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพราะตำแหน่งหน้าที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบโดยศีลลงบาปคริสตชนแต่ละคนเป็นดั่ง "ผู้จัดการ" ในพระวรสาร ในฐานะเป็นศิษย์พระคริสต์ ไม่ว่าพระสงฆ์ นักบวช หรือฆราวาส มีตำแหน่งพร้อมความรับผิดชอบ ไม่ใช่ตำแหน่งแห่งเกียรติยศ แต่เป็นผู้รับใช้ด้วยใจสุภาพตามแบบฉบับของพระอาจารย์ คืออุทิศตนอย่างซื่อสัตย์และรอบคอบในการดำเนินชีวิตของตน ทั้งในการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง โดยใช้พระพรและความสามารถต่างๆ ตามบทบาทหน้าที่ของตนในพระศาสนจักรและสังคมพระเยซูเจ้าบอกว่า "ผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ผู้นั้นก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย"
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม 2020 ระลึกถึง น.ยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนตุลาคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 27 พฤษภาคม 2563 03:48
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1127
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 3:14-21
พี่น้อง ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าเฉพาะพระพักตร์พระบิดา ผู้ทรงเป็นที่มาของครอบครัวทั้งหลาย ไม่ว่าบนสวรรค์หรือบนแผ่นดิน ขอพระองค์ประทานพละกำลังแก่ท่านเดชะพระจิตเจ้าตามความไพบูลย์แห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ให้ชีวิตภายในของท่านเข้มแข็งยิ่งขึ้น พระคริสตเจ้าจะได้ทรงพำนักในจิตใจของท่านอาศัยความเชื่อ เมื่อท่านฝังรากและตั้งมั่นอยู่บนความรักแล้ว ท่านและบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก อีกทั้งหยั่งรู้ซึ้งถึงความรักซึ่งเกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ทั้งปวงของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้า ผู้ทรงกระทำทุกอย่างได้ตามพระอานุภาพที่แสดงพลังอยู่ในตัวเรามากกว่าที่เราอาจขอหรือคาดคิด ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ในพระศาสนจักร และในพระคริสตเยซูทุกยุคสมัยตลอดนิรันดร อาเมน
สดด 33:1-2,4-5,11-12,18-19
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:49-53
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า“เรามาเพื่อจุดไฟในโลก เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ เรามีการล้างที่จะต้องรับ และเราเป็นทุกข์กังวลใจอย่างมากจนกว่าการล้างนี้จะสำเร็จ” “ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาสู่โลกหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรานำความแตกแยกมาต่างหาก ตั้งแต่นี้ไป คนห้าคนในบ้านหนึ่งจะแตกแยกกัน คนสามคนจะแตกแยกกับคนสองคน และคนสองคนจะแตกแยกกับคนสามคน บิดาจะแตกแยกกับบุตรชาย และบุตรชายจะแตกแยกกับบิดา มารดาจะแตกแยกกับบุตรหญิง และบุตรหญิงจะแตกแยกกับมารดา มารดาของสามีจะแตกแยกกับบุตรสะใภ้ และบุตรสะใภ้จะแตกแยกกับมารดาของสามี”
ข้อคิด
ชาวยิวรอคอยการเสด็จมาของ "พระเมสสิยาห์" เป็นเวลายาวนาน"พระเมสสิยาห์" ต้องเป็นกษัตริย์นำชาวยิวไปสู่ความยิ่งใหญ่ นี่เป็นความเชื่อและความหวังของพวกเขา พระเยซูเจ้าชี้ให้พวกเขาเข้าใจว่าการเสด็จมาของพระองค์
"พระเมสสิยาห์" (ที่พวกเขารอคอย) จะทำให้พวกเขาผิดหวัง เพราะทุกสิ่งกลับเป็นตรงกันข้ามกับที่พวกเขาคิดและคาดหวังไว้ ในความเป็นจริง "พระเมสสิยาห์" จะมาเพื่อรับทนทุกข์ทรมานและตายเพื่อความรอดพ้น ความเชื่อในความตายบนไม้กางเขนจะทำให้เกิดการแตกแยก เพราะผู้ติดตามพระองค์ยึดกางเขนเป็นหนทางแห่งความรอดพ้น พึงตระหนักว่าติดตามพระเยซูเจ้านั้นต้องการการตัดสินใจที่ชัดเจน พร้อมเผชิญทุกสิ่งแม้ต้องแยกจากสิ่งของ จากบุคคล เพื่อบอกว่าพระ "เมสสิยาห์" ได้เสด็จมาแล้วคือพระเยซูคริสตเจ้า
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2020 น.อันตน มารีย์ คลาเรต์ พระสังฆราช
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนตุลาคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 27 พฤษภาคม 2563 03:43
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1124
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 4:7-16
พี่น้อง เราแต่ละคนได้รับพระหรรษทานตามสัดส่วนที่พระคริสตเจ้าประทานให้ ดังนั้น จึงมีคำกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า“เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำบรรดาเชลยไปด้วย
และทรงแจกจ่ายของประทานแก่บรรดามนุษย์”
คำว่า “พระองค์เสด็จขึ้น” นั้นหมายความว่าอย่างไร ถ้ามิใช่หมายความว่า พระองค์ได้เสด็จลงไปยังแผ่นดินเบื้องล่างก่อนแล้ว และพระองค์ผู้เสด็จลงไปก็เป็นองค์เดียวกับผู้เสด็จขึ้นไปเหนือสวรรค์ทุกชั้น เพื่อจะทรงครอบครองทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ พระองค์ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไว้สำหรับงานรับใช้ เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตามมาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า เราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็ก ถูกคลื่นลมซัดโคลงเคลงล่องลอยไปตามกระแสคำสั่งสอนทุกอย่างที่เกิดจากเล่ห์กลของมนุษย์ด้วยอุบายชาญฉลาดที่คอยหลอกลวงให้หลงผิดอีกต่อไป แต่ให้เราดำเนินชีวิตในความจริงด้วยความรัก เจริญเติบโตขึ้นจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระเศียร พระองค์ทรงทำให้ร่างกายทุกส่วนประสานสัมพันธ์กันอย่างสนิทแน่นแฟ้น ทรงจัดให้ข้อต่อทุกข้อเสริมกำลังให้แต่ละส่วนทำหน้าที่ของตน ร่างกายจึงเจริญเติบโตและเสริมสร้างตนเองอย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วยความรัก
สดด 122:1-2,3-5
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 13:1-9
ในเวลานั้น คนบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าถึงเรื่องชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตสั่งประหารชีวิตในขณะที่เขากำลังถวายเครื่องบูชา พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาวกาลิลีทุกคนหรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นกัน แล้วคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นมีความผิดมากกว่าคนอื่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน”
พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาเรื่องนี้ว่า “ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อเทศต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน เขามามองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดกับคนสวนว่า ‘ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้แต่ไม่พบ จงโค่นมันเถิด เสียที่เปล่าๆ’ แต่คนสวนตอบว่า ‘นายครับ ปล่อยมันไว้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดินรอบต้น ใส่ปุ๋ย ดูซิว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้’”
ข้อคิด
พระเยซูเจ้าทรงใช้สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของชาวยิว ทรงสอนกลุ่มชนที่ติดตามพระองค์ว่า ความพินาศของพวกเขาจะเกิดขึ้นเช่นบุคคลเหล่านั้น หากไม่กลับใจ ปรับปรุงเปลี่ยนชีวิตตนเองให้ดีขึ้น เพราะการดำเนินชีวิตในบาปก็คือการเดินบนทางที่นำไปสู่ความพินาศ เพื่อให้เห็นภาพแห่งความเมตตาของพระเจ้า พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องเปรียบเทียบชีวิตที่ตกในบาปว่าเหมือนกับต้นไม้ที่ไม่ออกผล ซึ่งได้รับโอกาสอีกครั้งหนึ่งให้ปรับปรุงตนเอง ให้พระวาจาของพระเจ้าที่ท้าทายเราในวันนี้เตือนใจเราให้ออกจากตัวเอง เปิดใจเราสู่ความเชื่อในความจริงแห่งความเมตตากรุณาและความรักของพระเจ้า
วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2020 น.ยอห์น แห่งกาปิสตราโน พระสงฆ์
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนตุลาคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 27 พฤษภาคม 2563 03:45
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1166
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 4:1-6
พี่น้อง ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ดำเนินชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียรอดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่งสันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการเดียว มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่งเดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำการผ่านทุกคน และสถิตในทุกคน
สดด 24:1-2,3-4,5-6
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:54-59
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า“เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำไมจึงไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบันนี้เล่า”
“ทำไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้อง ขณะที่ท่านกำลังไปศาลกับคู่ความของท่าน จงพยายามตกลงกันระหว่างทาง เพื่อมิให้คู่ความของท่านลากท่านไปต่อหน้าผู้พิพากษาและผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่ผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนถึงเศษสตางค์สุดท้าย”
ข้อคิด
พระเยซูเจ้าบ่นเหมือนกับน้อยใจ ที่ประชาชนชาวยิวใช้สติปัญญาที่พระเจ้าให้มานั้น วินิฉัยสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตามธรรมชาติได้อย่างถูกต้อง แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาเหมือนกับคนตาบอด พวกเขามองไม่เห็น "เครื่องหมายแห่งกาลเวลา"ไม่ตระหนักว่า ขณะนี้พระผู้ไถ่ที่พวกเขารอคอยได้เสด็จมาแล้วความรอดพ้นมาถึงแล้วพระเยซูเจ้าพยายามสอนให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ถึงเวลาแล้วที่แต่ละคนต้อง "กล้าตัดสินใจด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้อง" หากวินิจฉัยว่าทำผิดต่อพระเจ้าก็คืนดีกับพระเจ้าหากทำผิดต่อเพื่อนมนุษย์ ก็รีบคืนดีกับเพื่อนบ้าน อย่ารอจนถึงวาระสุดท้าย ยืนอยู่
"ต่อหน้าผู้พิพากษา"
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2020 สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนตุลาคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 27 พฤษภาคม 2563 03:41
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1218
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 22:20-26
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ท่านจะต้องไม่ข่มเหงหรือรังแกคนต่างชาติ เพราะท่านทั้งหลายก็เคยเป็นคนต่างชาติในแผ่นดินอียิปต์ ท่านจะต้องไม่ข่มเหงหญิงม่ายหรือลูกกำพร้า ถ้าท่านข่มเหงเขา เขาจะร้องขอความช่วยเหลือจากเรา เราจะฟังเสียงร้องขอของเขาอย่างแน่นอน เราจะโกรธมาก และจะฆ่าท่านในสงคราม ภรรยาของท่านจะต้องเป็นม่าย และลูกของท่านจะเป็นกำพร้า ถ้าท่านให้ประชากรยากจนคนใดคนหนึ่งของเราซึ่งอาศัยอยู่กับท่านขอยืมเงิน ท่านจะต้องไม่ทำเหมือนคนออกเงินกู้ที่เรียกร้องให้เขาเสียดอกเบี้ย
ถ้าท่านยึดเสื้อคลุมของเพื่อนไว้เป็นประกัน ท่านจะต้องคืนให้เขาก่อนตะวันตกดิน เพราะเสื้อคลุมเป็นผ้าห่มกายผืนเดียวที่เขามี เขาจะใช้สิ่งใดป้องกันความหนาวเมื่อนอน ถ้าเขาร้องขอความช่วยเหลือจากเรา เราก็จะฟังคำร้องขอของเขา เพราะเราเป็นผู้มีเมตตากรุณา
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 1:5ค-10
พี่น้อง ท่านทั้งหลายรู้ว่าเราปฏิบัติตนอย่างไรในหมู่ท่านเพื่อท่าน และท่านก็ได้ทำตามอย่างเราและตามแบบฉบับขององค์พระผู้เป็นเจ้า โดยท่านได้รับพระวาจาด้วยความทุกข์ยากหลายประการ แต่ท่านก็ยังมีความปีติยินดีของพระจิตเจ้า ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงเป็นแบบอย่างให้กับผู้มีความเชื่อทุกคนในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายา พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังก้องมาจากท่าน ไม่เพียงแต่ในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายาเท่านั้น ความเชื่อของท่านในพระเจ้ายังเลื่องลือไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จนเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เพราะคนเหล่านั้นพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเราว่า เราได้เริ่มงานในหมู่ท่านอย่างไร และท่านกลับใจละทิ้งรูปเคารพมาสู่พระเจ้าอย่างไร เพื่อรับใช้พระเจ้าแท้จริงผู้ทรงชีวิต และรอคอยให้พระบุตรของพระองค์เสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้พ้นจากพระพิโรธ ที่จะมาถึง พระเยซูเจ้านี้ พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 22:34-40
เมื่อชาวฟาริสีได้ยินว่าพระเยซูเจ้าทรงทำให้ชาวสะดูสีนิ่งอึ้งไป จึงมาชุมนุมพร้อมกัน มีคนหนึ่งเป็นบัณฑิตทางกฎหมายได้ทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติสองประการนี้”
ข้อคิด
บทอ่านที่หนึ่งไม่ได้พูดถึง "ความรัก" แต่ก็บรรยายธรมชาติที่แท้จริงของความรักได้อย่างทรงพลัง "ท่านจะต้องไม่ข่มเหงหรือรังแกคนต่างชาติ...ท่านจะต้องไม่ข่มเหงหญิงม่ายหรือลูกกำพร้า..." หรือ อีกนัยหนึ่งเราต้องปฏิบัติต่อคนต่ำต้อย หรือผู้ถูกทอดทิ้งด้วยความเมตตาและสงสาร นี่คือความหมายของคำว่ารัก และคำตอบสู่คำถาม พระบัญญัติข้อใดสำคัญที่สุด พระเยซูเจ้าทรงสรุปบัญญัติแห่งความรัก "รักองค์พระผู้เป็นเจ้า" และ "รักเพื่อนมนุษย์" ความรักต่อพระเจ้ามาคู่กับความรักต่อเพื่อนมนุษย์ "ถ้าผู้ใดพูดว่า ฉันรักพระเจ้า แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นย่อมป็นคนพูดเท็จ" (1 ยน 4:20) บัญญัติแห่งความรักจึงเป็นหัวใจของชีวิตคริสตชน ศิษย์พระคริสต์