มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2020 แม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง                    1 พกษ 8:22-23,27-30
     กษัตริย์ซาโลมอนทรงยืนอยู่หน้าพระแท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ต่อหน้าชาวอิสราเอลทุกคนที่มาชุมนุมกัน ทรงชูพระกรขึ้นสู่สวรรค์ อธิษฐานว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเหมือนพระองค์ทั้งในสวรรค์เบื้องบนหรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง พระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อผู้รับใช้ของพระองค์ ที่ดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์อย่างสุดจิตสุดใจ
     แต่พระเจ้าทรงพำนักบนแผ่นดินได้จริงหรือ แม้สวรรค์ชั้นสูงสุดและจักรวาลทั้งหลายยังไม่อาจรองรับพระองค์ได้ แล้วพระวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างนี้จะรองรับพระองค์ได้อย่างไร ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงรับคำภาวนาและคำวอนขอของผู้รับใช้ของพระองค์ โปรดทรงฟังเสียงร้องและคำอธิษฐานภาวนาซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์กราบทูลเฉพาะพระพักตร์ในวันนี้เถิด ขอพระองค์ทอดพระเนตรดูแลพระวิหารนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน พระองค์ตรัสถึงพระวิหารนี้ว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น’ โปรดทรงฟังคำอธิษฐานภาวนาที่ผู้รับใช้ของพระองค์กราบทูลในสถานที่แห่งนี้ด้วยเถิด โปรดทรงฟังคำวอนขอของผู้รับใช้และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาอธิษฐานในสถานที่แห่งนี้ โปรดทรงฟังจากสวรรค์ที่พำนักของพระองค์ โปรดทรงฟังและประทานอภัยด้วยเถิด

 

สดด 84:1-2,3-4,8-10

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                           มก 7:1-13
     เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนจากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระเยซูเจ้าพร้อมกัน เขาสังเกตว่าศิษย์บางคนของพระองค์กินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาด คือไม่ได้ล้างมือก่อน เพราะชาวฟาริสีและชาวยิวโดยทั่วไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ เขาไม่กินอาหารโดยมิได้ล้างมือตามพิธีก่อน เมื่อกลับจากตลาด เขาจะไม่กินอาหารเว้นแต่จะได้ทำพิธีชำระตัวก่อน เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่นๆ อีกมาก เช่น การล้างถ้วย จานชามและภาชนะทองเหลือง ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์จึงทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมศิษย์ของท่านไม่ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ และทำไมเขาจึงกินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาด” พระองค์ตรัสตอบว่า “ประกาศกอิสยาห์ได้พูดอย่างถูกต้องถึงท่าน คนหน้าซื่อใจคด ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
ประชาชนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปาก
แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา
เขานมัสการเราอย่างไร้ความหมาย
เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์เหมือนกับเป็นสัจธรรม
ท่านทั้งหลายละเลยบทบัญญัติของพระเจ้ากลับไปถือขนบธรรมเนียมของมนุษย์” แล้วพระองค์ทรงเสริมว่า “ท่านช่างชำนาญในการละเลยบทบัญญัติของพระเจ้า เพื่อถือขนบธรรมเนียมของท่านเองเสียจริงๆ เช่นโมเสสกล่าวว่า จงนับถือบิดามารดา และใครด่าบิดาหรือมารดา จะต้องรับโทษถึงตาย แต่ท่านกลับสอนว่า ‘ถ้าใครคนหนึ่งพูดกับบิดาหรือมารดาว่า ทรัพย์สินที่ลูกนำมาช่วยเหลือพ่อแม่ได้นั้นเป็นคอร์บัน คือของถวายแด่พระเจ้า’ ท่านก็อนุญาตให้เขาไม่ต้องช่วยเหลือบิดามารดาอีกต่อไป ท่านใช้ขนบธรรมเนียมที่ท่านสอนต่อๆ กันมาทำให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นโมฆะ ท่านยังปฏิบัติเช่นนี้อีกมากมาย”


ข้อคิด
     พระวิหาร แม้พระผู้เป็นเจ้าจะยิ่งใหญ่และพระอานุภาพของพระองค์แผ่ไพศาลทั่วจักรวาลแต่มนุษย์ก็สร้างวัด วิหาร อันเป็นที่นัดพบกับพระองค์ พระเยซูเจ้าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าที่จับต้องได้ ทุกวันนี้เราสัมผัสพระองค์ทางพิธีมิสซาและอ่านพระวาจาในพระคัมภีร์ ทำให้จิตใจของเราเร่าร้อนขึ้น อยากดำเนินชีวิตอย่างพระองค์ "กายของเรามอบแด่ท่าน เลือดเนื้อของเราหลั่งออกเพื่อยกบาปท่าน"

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2020 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง                    1 พกษ 10:1-10
     ในครั้งนั้น พระราชินีแห่งเชบาทรงได้ยินกิตติศัพท์ของกษัตริย์ซาโลมอน จึงเสด็จมาทดสอบพระองค์ด้วยปริศนายากๆ พระนางเสด็จมาถึงกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับข้าราชบริพารจำนวนมาก มีฝูงอูฐบรรทุกเครื่องเทศ ทองคำและเพชรพลอยจำนวนมาก เมื่อทรงพบกษัตริย์ซาโลมอน พระนางทรงทูลถามปริศนาซึ่งอยู่ในพระทัย กษัตริย์ซาโลมอนทรงตอบคำถามทุกข้อของพระนาง ไม่มีคำถามใดที่ไม่ทรงทราบและทรงอธิบายไม่ได้ เมื่อพระราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระปรีชาญาณของกษัตริย์ซาโลมอน ทรงเห็นพระราชวังที่ทรงสร้าง พระกระยาหารที่โต๊ะเสวย ที่พักของบรรดาข้าราชบริพาร การจัดระเบียบและเครื่องแต่งกายของข้าราชการ บรรดามหาดเล็กและเครื่องเผาบูชาที่ทรงถวายในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระนางทรงประหลาดพระทัยอย่างยิ่ง ทูลกษัตริย์ว่า “ที่หม่อมฉันได้ยินในแผ่นดินของหม่อมฉันถึงเรื่องพระองค์ และพระปรีชาญาณของพระองค์นั้นก็เป็นความจริง หม่อมฉันไม่เชื่อจนกระทั่งได้มาเห็นด้วยตาตนเอง ที่ได้ยินมานั้นก็ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของที่เห็นนี้ พระปรีชาญาณและความมั่งคั่งของพระองค์นั้นมากยิ่งกว่าที่เขาเล่าลือกันอีก บรรดามเหสีของพระองค์ช่างมีความสุขเหลือเกิน บรรดาข้าราชบริพารที่อยู่เฉพาะพระพักตร์และฟังพระดำรัสที่ชาญฉลาดของพระองค์อยู่เสมอ ช่างมีความสุขจริงๆ ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานพระองค์ ทรงแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักอิสราเอลตลอดไป จึงทรงแต่งตั้งพระองค์เพื่อทรงปกครองด้วยพระวินิจฉัยและด้วยความเที่ยงธรรม” พระราชินีแห่งเชบาทรงถวายทองคำหนักมากกว่าสี่ตัน กับเครื่องเทศและเพชรพลอยจำนวนมากแด่กษัตริย์ซาโลมอน ไม่เคยมีใครนำเครื่องเทศจำนวนมากเท่าที่พระราชินีแห่งเชบาทรงถวายแด่กษัตริย์ซาโลมอน

 

สดด 37:5-6,30-31,37-40

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                               มก 7:14-23

     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกประชาชนเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ตรัสว่า “ทุกคนจงฟังและเข้าใจเถิด ไม่มีสิ่งใดเลยจากภายนอกของมนุษย์ทำให้เขามีมลทินได้ แต่สิ่งที่ออกมาจากภายในของมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน ใครมีหูสำหรับฟัง ก็จงฟังเถิด”
เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้าน ห่างจากประชาชน บรรดาศิษย์จึงทูลถามพระองค์ถึงข้อความที่เป็นปริศนานั้น พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ท่านก็ไม่มีปัญญาด้วยหรือ ท่านไม่เข้าใจหรือว่าสิ่งต่างๆ จากภายนอกที่เข้าไปในมนุษย์นั้นทำให้เขามีมลทินไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เข้าไปในใจ แต่ลงไปในท้อง แล้วออกไปจากร่างกาย” ดังนี้ ทรงประกาศว่าอาหารทุกชนิดไม่เป็นมลทิน พระองค์ยังตรัสอีกว่า “สิ่งที่ออกจากภายในมนุษย์นั้นแหละทำให้เขามีมลทิน จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย การประพฤติผิดทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน การมีชู้ ความโลภ การทำร้าย การฉ้อโกง การสำส่อน ความอิจฉา การใส่ร้าย ความหยิ่งยโส ความโง่เขลา สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากภายใน และทำให้มนุษย์มีมลทิน”

 

ข้อคิด
     สมัยกษัตริย์ซาโลมอน ประชาชนแสวงหาปรีชาญาณจากภูมิปัญญาของท่าน สมัยนี้คนสนใจความรู้ข้อมูลข่าวสารโดยมีเครื่องมือสื่อสารเป็นตัวกระจายเผยแพร่ข้อมูล พระเยซูเจ้าทรงประทานคำสอนด้านศีลธรรมช่วยหลอมรวมจิตใจคนให้รู้จักรักและให้อภัยกันให้อดทนกันและกัน เนื่องจากพระเจ้าประทานพระพรที่หลากหลายแตกต่างกัน ให้ช่วยกันสร้างความเป็นหนึ่งเดียวที่หลากหลาย

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2020 ระลึกถึง น.ซีริล นักบวช และ น.เมโทดิโอ พระสังฆราช

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง                    1 พกษ 11:29-32 และ 12:19
     วันหนึ่ง เยโรโบอัมเดินทางออกจากกรุงเยรูซาเล็ม ประกาศกคนหนึ่งชื่ออาคิยาห์ชาวชิโลห์มาพบเขากลางทาง มีเพียงเขาสองคนในทุ่งนา อาคิยาห์สวมเสื้อคลุมตัวใหม่ เขาถอดเสื้อคลุมตัวนั้นออกมาฉีกเป็นสิบสองชิ้น แล้วพูดกับเยโรโบอัมว่า “ท่านจงเอาไปสิบชิ้นเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราจะฉีกอาณาจักรไปจากมือของซาโลมอนแล้วมอบให้ท่านสิบเผ่า เขาจะมีเหลือเพียงเผ่าเดียว เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเพราะเห็นแก่กรุงเยรูซาเล็มเมืองที่เราเลือกไว้เป็นของเราจากทุกเผ่าของอิสราเอล ตั้งแต่นั้นมาอิสราเอลเป็นกบฏต่อราชวงศ์ดาวิดจนถึงวันนี้

 

สดด 81:9-10,11-12,13-14

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                          มก 7:31-37
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเขตเมืองไทระผ่านเมืองไซดอน ไปยังทะเลสาบกาลิลีกลางดินแดนทศบุรี มีผู้นำคนใบ้หูหนวกคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอร้องให้พระองค์ทรงปกพระหัตถ์ พระองค์ทรงแยกคนใบ้หูหนวกคนนั้นไปจากกลุ่มชน ทรงใช้นิ้วพระหัตถ์ยอนหูของเขา ทรงใช้พระเขฬะแตะลิ้นของเขา ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ถอนพระทัย แล้วตรัสว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด” ทันใดนั้นหูของเขากลับได้ยิน สิ่งที่ขัดลิ้นอยู่ก็หลุด เขาพูดได้ชัดเจน พระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนเหล่านั้นมิให้พูดเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ยิ่งห้าม ก็ยิ่งเล่าลือกันมากขึ้น ต่างก็ประหลาดใจมาก กล่าวว่า “คนคนนี้ทำสิ่งใดดีทั้งนั้น เขาทำให้คนหูหนวกกลับได้ยิน และคนใบ้กลับพูดได้”

 

ข้อคิด
     สาเหตุที่ทำให้ประเทศแตกแยกเป็นสองอาณาจักร (1) กษัตริย์ซาโลมอนคิดถึงแต่ตัวเอง เก็บภาษีแพงๆ ไม่คิดถึงความทุกข์ของประชาชน ตัวเองก็มีภรรยามากมาย...(2) นำพาประชาชนสู่คำสอนในศาสนาที่ไม่ถูกต้อง...(3) ประชาชนยากจนแต่ผู้นำไม่สนใจ อาณาจักรที่เข้มแข็งคือการสร้างจิตใจคนให้พร้อมรักและรับใช้ผู้ตกทุกข์ รักษาคนใบ้ คนเจ็บป่วย และอุทิศชีวิตทั้งหมดเป็นบูชาตามที่พระบิดาทรงประสงค์ให้เป็นไป

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2020 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง                   1 พกษ 11:4-13
     เมื่อกษัตริย์ซาโลมอนทรงพระชราแล้ว หญิงเหล่านี้ทำให้พระทัยของพระองค์หันเหไปนมัสการเทพเจ้าของชนต่างชาติ พระทัยของพระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของพระองค์ ต่างจากพระทัยของกษัตริย์ดาวิดพระบิดา กษัตริย์ซาโลมอนนมัสการเทพีอาเชราห์ของชาวไซดอน และเทพเจ้ามิลโคมที่น่าสะอิดสะเอียนของชาวอัมโมน กษัตริย์ซาโลมอนทรงกระทำสิ่งชั่วร้ายเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มที่ ต่างจากกษัตริย์ดาวิดพระบิดา บนภูเขาทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม กษัตริย์ซาโลมอนทรงสร้างสักการสถานบนที่สูงถวายแด่เทพเจ้าเคโมชที่น่าสะอิดสะเอียนของชาวโมอับ และทรงสร้างสักการสถานถวายแด่เทพเจ้ามิลโคมที่น่าสะอิดสะเอียนของชาวอัมโมน พระองค์ยังทรงสร้างสักการสถานให้หญิงต่างชาติทุกคนของพระองค์เผากำยานและถวายบูชาแด่เทพเจ้าของตน
     องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธต่อกษัตริย์ซาโลมอน เพราะพระทัยของกษัตริย์หันเหไปจากองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงสำแดงพระองค์สองครั้งแก่กษัตริย์ และทรงบัญชามิให้นมัสการเทพเจ้า แต่กษัตริย์มิได้ทรงปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสแก่กษัตริย์ซาโลมอนว่า “ท่านได้ปฏิบัติเช่นนี้ ไม่ได้รักษาพันธสัญญาและข้อกำหนดซึ่งเราสั่งท่านไว้ เราจึงจะฉีกอาณาจักรไปจากท่านและให้แก่ผู้รับใช้คนหนึ่งของท่าน แต่เพราะเห็นแก่ดาวิดบิดาของท่าน เราจะไม่ทำดังนี้ในชีวิตของท่าน แต่เราจะฉีกอาณาจักรไปจากมือบุตรของท่าน ถึงกระนั้น เราจะไม่ฉีกอาณาจักรทั้งหมดไปจากเขา แต่จะเหลือเผ่าหนึ่งไว้ให้เขา เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเพราะเห็นแก่กรุงเยรูซาเล็มซึ่งเราเลือกไว้

 

สดด 106:3-4,35-36,37 และ 40-41

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                           มก 7:24-30
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระ และเสด็จเข้าในบ้านหลังหนึ่ง ไม่ทรงต้องการให้ผู้ใดรู้ แต่ทรงซ่อนพระองค์ไม่ได้ ทันใดนั้น หญิงคนหนึ่งมีบุตรหญิงถูกปีศาจสิงได้ยินพูดถึงพระองค์ ก็มากราบพระบาท นางไม่ใช่ชาวยิว เป็นชาวซีโรฟีนีเซียโดยกำเนิด นางทูลอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงขับไล่ปีศาจออกจากบุตรหญิง พระองค์ตรัสกับนางว่า “ให้ลูกๆ กินอิ่มเสียก่อน เพราะไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูกมาโยนให้ลูกสุนัขกิน” หญิงนั้นทูลตอบว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่ลูกสุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะก็ยังได้กินเศษอาหารของลูกๆ” พระองค์จึงตรัสกับนางว่า “เพราะถ้อยคำนี้ จงไปเถิด ปีศาจออกจากลูกสาวของเธอแล้ว” เมื่อกลับมาถึงบ้าน นางก็พบลูกนอนอยู่บนเตียง ปีศาจออกไปแล้ว

 

ข้อคิด
     ความโน้มเอียงทางเพศ ทำให้กษัตริย์ซาโลมอนมีภรรยาหลายคน สร้างวิหารส่งเสริมความสำส่อนทางเพศแก่ประชาชน นำความอ่อนแอและการแตกแยกเข้ามาในอาณาจักรของตน ที่สุดประเทศถูกแบ่งออกเป็นเหนือ-ใต้ ไม่ขึ้นต่อกัน...แต่ความรักลูกของสตรี ทำให้หญิงชาวซีโรฟินีเซียสุภาพถ่อมตนและเฉลียวฉลาดในการสนทนากับพระเยซูเจ้า จนลูกของนางได้รับการรักษาให้ปลอดภัย

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2020 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง                     1 พกษ 12:26-32 และ 13:33-34
     กษัตริย์เยโรโบอัมทรงคิดว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้อาณาจักรคงจะต้องกลับไปสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ดาวิด ถ้าประชาชนนี้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายเครื่องบูชาในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะเปลี่ยนใจกลับไปจงรักภักดีต่อเจ้านายของเขา คือเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ แล้วจะฆ่าเรา” กษัตริย์จึงทรงปรึกษากับข้าราชบริพารและทรงสร้างรูปโคทองคำขึ้นสองตัว ทรงประกาศแก่ประชาชนว่า “ท่านทั้งหลายไม่ต้องเดินทางขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มอีกแล้ว ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่คือพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์” กษัตริย์เยโรโบอัมทรงประดิษฐานรูปโคทองคำตัวหนึ่งไว้ที่เมืองเบธเอล และอีกตัวหนึ่งไว้ที่เมืองดาน การกระทำเช่นนี้เป็นเหตุให้ประชาชนทำบาป เขาเดินทางไปนมัสการรูปโคทองคำทั้งที่เมืองเบธเอลและที่เมืองดาน พระองค์ทรงสร้างสักการสถานไว้บนที่สูง และทรงแต่งตั้งสมณะจากตระกูลต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ลูกหลานของเลวี กษัตริย์เยโรโบอัมยังทรงกำหนดวันฉลองในวันที่สิบห้าเดือนแปด เหมือนงานฉลองในเผ่ายูดาห์ เมื่อพระองค์ทรงถวายเครื่องบูชาแก่รูปโคทองคำที่ทรงสร้างขึ้นที่เมืองเบธเอล พระองค์ทรงขึ้นบนพระแท่นถวายด้วยพระองค์เอง และพระองค์ยังทรงแต่งตั้งสมณะจากสักการสถานที่ทรงสร้างในที่สูงมาปฏิบัติหน้าที่ที่เมืองเบธเอลด้วย
     หลังจากเหตุการณ์นี้ กษัตริย์เยโรโบอัมก็มิได้ทรงเลิกจากวิถีทางชั่วร้ายของพระองค์ พระองค์ยังทรงแต่งตั้งสมณะจากตระกูลต่างๆ ประจำสักการสถานบนที่สูง ผู้ใดต้องการเป็นสมณะ พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งผู้นั้นให้เป็นสมณะประจำสักการสถานบนที่สูง การกระทำดังนี้เป็นบาปของราชวงศ์เยโรโบอัม เป็นบาปที่นำหายนะมาทำลายล้างราชวงศ์ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน

 

สดด 106:6-7ก,19-20,21-22

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                           มก 8:1-10
     ครั้งนั้น ประชาชนจำนวนมากชุมนุมกันอีก และไม่มีอะไรกิน พระองค์จึงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสกับเขาว่า “เราสงสารประชาชนเพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน ถ้าเราให้เขากลับบ้านโดยไม่ได้กินอะไร เขาจะหมดเรี่ยวแรงขณะเดินทาง เพราะมีหลายคนเดินทางมาจากที่ไกล” บรรดาศิษย์จึงทูลตอบว่า “ใครจะหาอาหารในที่เปลี่ยวเช่นนี้มาให้คนเหล่านี้กินจนอิ่มได้” พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อน” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นดิน ทรงหยิบขนมปังเจ็ดก้อนนั้น ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงบิขนมปัง ประทานให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่าย เขาก็แจกจ่ายขนมปังให้ประชาชน เขายังมีปลาตัวเล็กๆ อยู่บ้าง พระองค์ทรงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า ทรงสั่งให้แจกจ่ายปลาเช่นเดียวกัน ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า ผู้ที่กินขนมปังและปลามีประมาณสี่พันคน พระองค์ทรงส่งเขากลับไป แล้วพระองค์เสด็จลงเรือพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปยังบริเวณเมืองดาลมานูธาทันที

 

ข้อคิด
     สาเหตุที่ทำให้มวลชนอ่อนแอ...เอาศาสนามาแข่งกัน ทิ้งการนมัสการที่พระวิหารเยรูซาเล็มสร้างความหวังใหม่กับทองคำที่ปั้นเป็นรูปวัว และเฉลิมฉลองกันอยู่รอบวัวทองคำ...ประชาชนยากจนไร้ที่พึ่ง ผู้มีอำนาจข่มเหงเอาเปรียบผู้น้อย ประชาชนขาดการศึกษา จิตใจคับแคบไม่ทราบว่าอะไรถูก อะไรผิด สุขภาพกายทรุดโทรม

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown