มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน 2017 สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 8:26-30
     พี่น้อง ในทำนองเดียวกัน พระจิตเจ้าเสด็จมาช่วยเหลือเราผู้อ่อนแอ เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องอธิษฐานภาวนาขอสิ่งใดที่เหมาะสม แต่พระจิตเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาวอนขอแทนเราด้วยคำที่ไม่อาจบรรยาย และพระผู้ทรงสำรวจจิตใจ ทรงทราบความปรารถนาของพระจิตเจ้า เพราะว่าพระจิตเจ้าทรงอธิษฐานเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า
     เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผู้ที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้านั้น พระองค์ทรงกำหนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วย เพื่อพระบุตรจะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพี่น้องจำนวนมาก ผู้ที่ทรงกำหนดไว้แล้วนั้นพระองค์ทรงเรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 13:22-30
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุงเยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า มีน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้
เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า ‘นายเจ้าข้า เปิดประตูให้พวกเราด้วย’ แต่เขาจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด’ แล้วท่านก็จะพูดว่า ‘พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา’ แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด ไปให้พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่ทำการอยุติธรรม’
     เวลานั้น ท่านทั้งหลายจะร่ำไห้คร่ำครวญและขบฟันด้วยความขุ่นเคืองเมื่อแลเห็นอับราฮัม อิสอัคและยาโคบกับบรรดาประกาศกในพระอาณาจักรของพระเจ้า แต่ท่านทั้งหลายกลับถูกไล่ออกไปข้างนอก จะมีคนจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศใต้ มานั่งร่วมโต๊ะในพระอาณาจักรของพระเจ้า
ดังนั้น พวกที่เป็นกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกลุ่มแรก และพวกที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับกลายเป็นกลุ่มสุดท้าย”

 

ข้อคิด
      คริสตชนไทยส่วนใหญ่ เป็นคริสตังยืน คือได้รับศีลล้างบาปแต่เล็ก เป็นคริสตชนตามพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าตนได้รับเลือกเป็นพิเศษ และจะได้รับความรอดโดยอัตโนมัติ วันนี้พระเยซูเจ้าเตือนใจว่าอย่าทะนงตน แต่ต้องตระหนักว่า ทุกคนต้องนำความเชื่อไปปฏิบัติในชีวิตอย่างจริงจังและอุทิศตน “ประตูแคบ” ที่พระองค์กล่าวถึงคือ แต่ละคนต้องมีการพบปะส่วนบุคคล (แบบตัวต่อตัว) กับพระองค์ในชีวิตประจำวัน พระองค์ยังเตือนสติเราอีกว่า มีหลายคนที่ดูเหมือนใกล้ชิดกับ พระเจ้า แต่อาจพลาดไม่ได้พบพระองค์ในอันดับสุดท้ายก็เป็นได้

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน 2017 วันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโรม                   รม 5:5-11
     พี่น้อง ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปตามเวลาที่กำหนด ยากที่จะหาคนที่ยอมตายเพื่อคนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริงๆ ได้ แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป บัดนี้ เมื่อเราได้รับความชอบธรรมโดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์แล้ว เดชะพระองค์ เราก็ยิ่งจะได้รับความรอดพ้นจากการถูกพระเจ้าลงโทษ ถ้าเรากลับคืนดีกับพระเจ้าเดชะการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรขณะที่เรายังเป็นศัตรูอยู่ ยิ่งกว่านั้นเมื่อกลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดพ้นเดชะพระชนมชีพของพระองค์ด้วย มิใช่เพียงเท่านั้น เรายังภูมิใจในพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำให้เราคืนดีกับพระเจ้าแล้ว

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                ยน 6:37-40
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนที่ติดตามพระองค์ว่า “ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย เพราะเราลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำตามใจของเรา แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใด ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย”

 

ข้อคิด
     อ่านและฟังพระวาจาของพระเยซูเจ้าวันนี้แล้ว รู้สึกโล่งใจและอุ่นใจ เพราะพระองค์ยืนยันว่าพระองค์เสด็จมาเพื่อทำให้แผนการของพระบิดาสำเร็จไป โดยไม่ให้ใครสูญเสียไปแม้สักคนเดียว
     วันนี้เป็นวันระลึกถึงผู้ล่วงลับ ให้เรายืนยันความเชื่อว่า พระเจ้ามีพระประสงค์ให้ทุกคน มีชีวิตนิรันดร พระองค์ไม่ปรารถนาให้มนุษย์ประสบกับความตาย ดังนั้นยังไม่ช้าจนเกินไปที่เราจะวอนขอพระเยซูเจ้า โดยอาศัยบูชามิสซาโปรดให้บรรดาผู้ล่วงลับ และเราซึ่งยังมีชีวิตอยู่ ได้รับชีวิตนิรันดรตั้งแต่บัดนี้ และขอให้ทั้งกายและวิญญาณของเรา พร้อมกับผู้ล่วงลับได้รับความรอดในวันสุดท้าย เมื่อโลกนี้จะสิ้นสุดลงด้วย

วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2017 ระลึกถึง น.ชาร์ลส์ โบโรเมโอ พระสังฆราช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 11:1-2ก,11-12,25-29
     พี่น้อง ข้าพเจ้าขอถามว่า “จริงหรือที่ว่าพระเจ้าทรงทอดทิ้งประชากรของพระองค์” เป็นไปไม่ได้ ข้าพเจ้าเป็นชาวอิสราเอลเชื้อสายของอับราฮัมจากตระกูลเบนยามิน พระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งประชากรที่ทรงเลือกสรรไว้ก่อนแล้ว พวกท่านไม่รู้หรือ
     ข้าพเจ้าจึงถามต่อไปว่า “จริงหรือที่ชาวอิสราเอลสะดุดล้มอยู่เช่นนั้นตลอดไป ไม่ใช่เลย แต่เพราะพวกเขาสะดุดล้ม ความรอดพ้นจึงมาถึงชนต่างชาติ เพื่อให้ชาวอิสราเอลเกิดความอิจฉา ถ้าการสะดุดล้มของพวกเขาทำให้โลกได้รับความไพบูลย์ และความเสียหายของพวกเขาเป็นความไพบูลย์ของชนต่างชาติแล้ว ความไพบูลย์จะมีมากเพียงใด ถ้าชาวอิสราเอลทุกคนมีความเชื่อ
     พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านรู้ธรรมล้ำลึกประการนี้ เพื่อมิให้ท่านทะนงว่าตนฉลาด นั่นคือ การที่ชาวอิสราเอลส่วนหนึ่งมีจิตใจกระด้าง จนกระทั่งคนต่างชาติเข้ามามีความเชื่อครบจำนวนเสียก่อน ต่อจากนั้นชาวอิสราเอลทั้งหมดก็จะรอดพ้น ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“พระผู้ไถ่จะเสด็จมาจากศิโยน
จะทรงขจัดความอธรรมออกไปจากยาโคบ
และนี่จะเป็นพันธสัญญาของเรากับพวกเขา
เมื่อเราจะขจัดบาปของเขาให้สิ้นไป”
ชาวอิสราเอลยังคงเป็นปฏิปักษ์ต่อข่าวดี ซึ่งเป็นผลดีต่อท่านทั้งหลาย แต่พวกเขาได้รับการเลือกสรร จึงยังคงเป็นที่รักของพระเจ้าตามพระสัญญาที่ทรงให้ไว้แก่บรรพบุรุษ ทั้งนี้ เพราะพระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัยเพิกถอนทั้งของประทานที่ทรงให้เปล่าและพระกระแสเรียกของพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 14:1,7-11
    วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่บ้านของหัวหน้าชาวฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่นั่นต่างจ้องมองพระองค์
     พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นผู้รับเชิญต่างเลือกที่นั่งที่มีเกียรติ จึงตรัสเป็นอุปมากับเขาว่า “เมื่อมีใครเชิญท่านไปในงานมงคลสมรส อย่าไปนั่งในที่ที่มีเกียรติ เพราะถ้ามีคนสำคัญกว่าท่านได้รับเชิญมาด้วย เจ้าภาพที่เชิญท่านและเชิญเขาจะมาบอกท่านว่า ‘จงให้ที่นั่งแก่ผู้นี้เถิด’ แล้วท่านจะต้องอับอายไปนั่งที่สุดท้าย แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ จงไปนั่งในที่สุดท้ายเถิด เพื่อเจ้าภาพที่เชิญท่านจะมาบอกท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย จงไปนั่งในที่ที่ดีกว่านี้เถิด’ แล้วท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าผู้ร่วมโต๊ะทั้งหลาย เพราะทุกคนที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น”

 

ข้อคิด
     เราทุกคนเอ็นดู และชื่นชอบคนสุภาพ อ่อนน้อม เจียมตัว และถ่อมตน แต่ในเวลาเดียวกัน เราก็มีประสบการณ์ว่า ผู้คนมักอวดดี ทะนงตน ชิงดีชิงเด่น แสวงหาเกียรติยศ และตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นความขัดแย้งในการดำเนินชีวิต วันนี้พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่า พระเจ้าทรงพอพระทัยเช่นเดียวกัน พระองค์ทรงยกย่องผู้ที่ถ่อมตนลงให้สูงขึ้น เราจึงต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนจนเป็นนิสัย และพระเจ้าจะเอ็นดู ชื่นชอบ และยกย่องเรา

วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2017 น.มาร์ติน เด ปอเรส นักบวช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 9:1-5
     พี่น้อง ข้าพเจ้าพูดความจริงในพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าไม่มุสา มโนธรรมของข้าพเจ้าและพระจิตเจ้าร่วมเป็นพยานได้ว่า ข้าพเจ้ามีความเศร้าโศกใหญ่หลวง และมีความทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลา ข้าพเจ้ายินดีถูกสาปแช่ง ถูกตัดขาดจากพระคริสตเจ้า ถ้าหากจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องของข้าพเจ้าซึ่งมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน พี่น้องเหล่านี้คือชาวอิสราเอล ที่ได้เป็นบุตรบุญธรรม ได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ ได้รับพันธสัญญา ธรรมบัญญัติ รวมทั้งศาสนพิธีและพระสัญญาต่างๆ พวกเขามีบรรพบุรุษเป็นต้นตระกูลของพระคริสตเจ้าตามธรรมชาติมนุษย์ พระองค์ทรงอยู่เหนือสรรพสิ่ง เป็นพระเจ้าและทรงได้รับการถวายสดุดีตลอดนิรันดร อาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 14:1-6
     วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่บ้านของหัวหน้าชาวฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่นั่นต่างจ้องมองพระองค์ ขณะนั้นชายคนหนึ่งเป็นโรคบวมกำลังอยู่เฉพาะพระพักตร์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสถามบรรดานักกฎหมายและชาวฟาริสีว่า “อนุญาตให้รักษาโรคในวันสับบาโตหรือไม่” แต่คนเหล่านั้นนิ่งเงียบ พระองค์จึงทรงพยุงผู้ป่วยขึ้น ทรงรักษาเขา แล้วให้กลับไป พระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นอีกว่า “ถ้าผู้ใดมีบุตร หรือมีโคตกลงไปในบ่อ จะไม่รีบฉุดขึ้นมาทันทีแม้เป็นวันสับบาโตหรือ” แต่คนเหล่านั้นตอบคำถามนี้ไม่ได้

 

ข้อคิด
     วันสับบาโตของชาวยิว ปัจจุบันนี้คือ วันอาทิตย์ของเราคริสตชน เมื่อก่อนเราถือเป็นวันพระเจ้า ต้องหยุดทำงาน แต่ทว่า พระเยซูเจ้าท้าทายเราด้วยมุมมองใหม่ เพราะวันอาทิตย์เป็นวันที่พระเจ้า ทรงช่วยให้มนุษย์รอดพ้น ทรงรักษาเยียวยา ทรงกระทำความดี ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ ในวันอาทิตย์เราควรหยุดงานประจำ และหันมากระทำงานช่วยให้รอด ด้วยการเยี่ยมเยียน เยียวยา และแสดงความรักเมตตาต่อผู้คน ที่กำลังรอคอยพระเมตตารักจากพระเจ้า โดยมีเราเป็นเครื่องมือ อย่าลืมนะครับ พระสันตะปาปา ฟรังซิสได้ประทานพระแบบฉบับแก่เรามากมายที่เราต้องเลียนแบบอย่างพระองค์ท่าน

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2017 สมโภชนักบุญทั้งหลาย

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์                                            วว 7:2-4,9-14
     ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก ถือตราของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ทูตสวรรค์องค์นั้นร้องเสียงดังบอกทูตสวรรค์ทั้งสี่องค์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำลายแผ่นดินและทะเลว่า “อย่าทำลายแผ่นดินหรือทะเลหรือต้นไม้ จนกว่าเราจะได้ประทับตราไว้ที่หน้าผากของบรรดาผู้รับใช้พระเจ้าของเรา” และข้าพเจ้าได้ยินว่าผู้ที่ได้รับการประทับตรามีจำนวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน ผู้รับการประทับตราเหล่านี้มาจากทุกเผ่าของชาวอิสราเอล
     หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นนิมิต ประชาชนมากมายเหลือคณานับจากทุกชาติ ทุกเผ่า ทุกประเทศและทุกภาษา กำลังยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ ทุกคนสวมเสื้อขาว ถือใบปาล์ม ร้องสรรเสริญเสียงดังว่า “ความรอดพ้นเป็นของพระเจ้าของเรา ผู้ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ และเป็นของลูกแกะ” ทูตสวรรค์ทั้งหลายที่ยืนอยู่รอบพระบัลลังก์ รอบผู้อาวุโส และรอบผู้มีชีวิตทั้งสี่ตน ต่างกราบลงหน้าพระบัลลังก์ ศีรษะจรดพื้น นมัสการพระเจ้าว่า “อาเมน คำถวายพระพร พระสิริรุ่งโรจน์ พระปรีชาญาณ
คำขอบพระคุณ พระเกียรติยศ พระอานุภาพและพระพลานุภาพ
เป็นของพระเจ้าของเราตลอดนิรันดร อาเมน”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า “คนที่สวมเสื้อขาวเหล่านี้เป็นใคร และมาจากไหน” ข้าพเจ้าตอบว่า “นายขอรับ ท่านก็รู้อยู่แล้ว” เขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้คือผู้ที่มาจากการเบียดเบียนครั้งใหญ่ เขาซักเสื้อของเขาจนขาวในพระโลหิตของลูกแกะ

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง      1 ยน 3:1-3
     พี่น้องที่รักยิ่ง จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดาประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำให้เราได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จักพระองค์
ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นยังไม่ปรากฏชัดแจ้ง เราตระหนักดีว่า เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะได้เห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำระใจของตนให้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 5:1-12ก
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำนวนมาก จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า
“ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก”

 

ข้อคิด
     ความสุขแท้ 8 ประการ ที่พระเยซูเจ้าตรัสในวันนี้ บรรดานักบุญทั้งหลายเคยมีประสบการณ์มาแล้ว เมื่อครั้งที่ท่านมีชีวิตในโลกนี้ และกำลังมีอยู่ขณะนี้ในเมืองสวรรค์ พระองค์ทรงทราบดีว่า เป็นเรื่องที่ทวนกระแสสังคม ที่ต้องเป็นคนมีใจยากจน ทุกข์โศกเศร้า ใจอ่อนโยน ใจเมตตา และ ถูกเบียดเบียน เพราะเห็นแก่พระองค์ พระองค์จึงทรงสัญญาที่จะให้ความสุขแก่เขา ทั้งในปัจจุบัน และโดยเฉพาะในสวรรค์ บุคคลทั้งแปดประเภทยอมมีชีวิตเช่นนั้น โดยเลือกอยู่ฝ่ายพระองค์ พระองค์ จึงทรงเลือกอยู่กับเขา และประทานความสุขแท้จริงแก่เขา ขอให้เราอ่านพระวรสาร นักบุญมัทธิว บทที่ 25 : 31 - 46 ควบคู่กันไปด้วย และเราจะรู้สึกชัดเจนขึ้น

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown