มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2017 ระลึกถึง น.มาร์ติน แห่งตูร์ พระสังฆราช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 16:3-9,16,22-27
     พี่น้อง ขอฝากความคิดถึงปริสสิลลาและอาควิลลา ผู้ร่วมงานกับข้าพเจ้าในพระคริสตเยซู เขาเสี่ยงต่อการถูกตัดคอเพื่อช่วยชีวิตข้าพเจ้ามาแล้ว มิใช่ข้าพเจ้าเท่านั้นที่ขอบคุณเขาทั้งสองคน แต่พระศาสนจักรทั้งหลายของชนต่างชาติก็ขอบคุณเขาทั้งสองคนด้วย ขอฝากความคิดถึงพระศาสนจักรที่ชุมนุมกันในบ้านของเขาด้วย
ขอฝากความคิดถึงเอเปเนทัสที่รักของข้าพเจ้า เขาเป็นคนแรกในแคว้นอาเซียที่มีความเชื่อในพระคริสตเจ้า ขอฝากความคิดถึงมารีย์ ซึ่งเหน็ดเหนื่อยมากเพื่อท่านทั้งหลาย ขอฝากความคิดถึงอันโดรนิคัสและยูนิอัส ผู้เป็นญาติและเคยถูกจองจำร่วมกับข้าพเจ้า ทั้งสองคนนี้เป็นคนเด่นในหมู่อัครสาวกและได้มานับถือพระคริสตเจ้าก่อนข้าพเจ้า ขอฝากความคิดถึงอัมพลีอาทัส ผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอฝากความคิดถึงอูรบานัสผู้ร่วมงานกับพวกเราในพระคริสตเจ้า และขอฝากความคิดถึงสทาคิสที่รักของข้าพเจ้าด้วย
ท่านทั้งหลาย จงทักทายกันด้วยการจุมพิตศักดิ์สิทธิ์ พระศาสนจักรทุกแห่งของพระคริสตเจ้าขอฝากความคิดถึงท่านทั้งหลาย
     ข้าพเจ้า เทอร์ทิอัส ผู้เขียนจดหมายฉบับนี้ ขอฝากความคิดถึงท่านทั้งหลายในองค์พระผู้เป็นเจ้า กายอัสเจ้าบ้านผู้ต้อนรับข้าพเจ้าและพระศาสนจักรทั้งหมดขอฝากความคิดถึงท่าน เอรัสทัส สมุห์บัญชีของเมือง และควารทัส น้องของเรา ขอฝากความคิดถึงท่านทั้งหลายด้วย
     ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระผู้โปรดให้ท่านทั้งหลายมั่นคงตามข่าวดีของข้าพเจ้า และตามการประกาศสอนเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า เป็นการเปิดเผยธรรมล้ำลึก ที่เก็บเป็นความลับตลอดเวลานานมาแล้ว แต่บัดนี้เปิดเผยให้ปรากฏแล้ว ตามข้อเขียนของบรรดาประกาศก ตามพระบัญชาของพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดนิรันดร ให้นานาชาติได้รู้ เพื่อจะได้นำพวกเขามายอมรับความเชื่อ ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าผู้ทรงพระปรีชาญาณแต่เพียงพระองค์เดียว โดยทางพระเยซูคริสตเจ้า ขอพระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร อาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 16:9-15
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงใช้เงินทองของโลกอธรรมนี้ เพื่อสร้างมิตรให้ตนเอง เพื่อว่าเมื่อเงินทองนั้นหมดสิ้นแล้ว ท่านจะได้รับการต้อนรับสู่ที่พำนักนิรันดร ผู้ที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเงินทองของโลกอธรรมแล้ว ผู้ใดจะวางใจมอบสมบัติแท้จริงให้ท่านดูแลเล่า ถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในการดูแลทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ผู้ใดจะให้ทรัพย์สมบัติของท่านแก่ท่าน
     ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะเกลียดชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง เขาจะจงรักภักดีต่อนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้”
ชาวฟาริสีที่รักเงินทอง ได้ยินถ้อยคำทั้งหมดนี้ จึงหัวเราะเยาะพระองค์ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายคิดว่าท่านเป็นผู้ชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ แต่พระเจ้าทรงล่วงรู้ใจของท่าน สิ่งที่มนุษย์ยกย่อง เป็นสิ่งน่ารังเกียจเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า”

 

ข้อคิด
     ประสบการณ์ของเรา ช่างตรงกับที่พระเยซูเจ้าทรงย้ำเตือนจริง ๆ เมื่อไรเราลืมตัว ปล่อยให้เงินทองเป็นนาย เราก็กลายเป็นทาสของมัน ก้มหน้าก้มตาหามรุ่งหามค่ำ เอาแต่ใฝ่หาเงินทอง โดยไร้เป้าหมาย จนกระทั่งลืมพระเจ้า ไม่มีเวลาให้พระองค์ในการภาวนา และไปวัด ตรงกันข้าม เมื่อเราให้พระเจ้าเป็นนายเรา พระองค์จะไม่ทำให้เราเป็นทาส แต่จะประทานความสว่างจากพระจิตของพระองค์ ทำให้รู้จักแยกแยะ แบ่งเวลา และเลือกความสำคัญก่อนหลัง เงินทองจะกลายเป็นทาสเรา เราจะใช้มันเพื่อพระเจ้า เพื่อมนุษย์ และความก้าวหน้าของตนเองในชีวิตทั้งกายและวิญญาณ

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2017 สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ                                     ปชญ 6:12-16
     ปรีชาญาณแจ่มใส ไม่มัวหมอง ผู้รักปรีชาญาณก็จะแลเห็นได้โดยง่าย ผู้แสวงหาปรีชาญาณก็จะพบ ปรีชาญาณแสดงตนให้เป็นที่รู้จักอยู่แล้วก่อนที่ผู้ใดจะปรารถนา ผู้ลุกขึ้นแสวงหาปรีชาญาณตั้งแต่รุ่งอรุณจะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย เขาจะพบปรีชาญาณนั่งอยู่หน้าประตูบ้าน การไตร่ตรองถึงปรีชาญาณเป็นความรอบรู้อย่างสมบูรณ์ ผู้ตั้งตาคอยปรีชาญาณจะพ้นความกังวลโดยเร็ว ปรีชาญาณจะเดินไปแสวงหาผู้สมควรได้รับด้วย แสดงตนอย่างอ่อนโยนแก่เขาตามทางไปพบเขา ไม่ว่าเขากำลังคิดจะทำสิ่งใด

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง       1 ธส 4:13-17
     พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับคือผู้ที่ตายไปแล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง เราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำบรรดาผู้ที่หลับอยู่มากับพระองค์โดยทางพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบอกท่านว่า เราผู้ยังมีชีวิตและรออยู่จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผู้ที่ล่วงหลับไปแล้ว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมื่อมีเสียงหัวหน้าทูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้า เราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 25:1-13
    เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาให้บรรดาอัครสาวกฟังว่าดังนี้
“อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับหญิงสาวสิบคนถือตะเกียงออกไปรอรับเจ้าบ่าว ห้าคนเป็นคนโง่ อีกห้าคนเป็นคนฉลาด
     หญิงโง่นำตะเกียงไป แต่มิได้นำน้ำมันไปด้วย ส่วนหญิงฉลาด นำน้ำมันใส่ขวดไปพร้อมกับตะเกียง ทุกคนต่างง่วงและหลับไปเพราะเจ้าบ่าวมาช้า ครั้นเวลาเที่ยงคืน มีเสียงตะโกนบอกว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกไปรับกันเถิด’
หญิงสาวทุกคนจึงตื่นขึ้นแต่งตะเกียง หญิงโง่พูดกับหญิงฉลาดว่า ‘ขอน้ำมันให้เราบ้าง เพราะตะเกียงของเราจวนจะดับแล้ว’
     หญิงฉลาดจึงตอบว่า ‘ไม่ได้ เพราะน้ำมันอาจไม่พอสำหรับเราและสำหรับพวกเธอด้วย จงไปหาคนขายแล้วซื้อเอาเองดีกว่า’ ขณะที่หญิงเหล่านั้นกำลังไปซื้อน้ำมัน เจ้าบ่าวก็มาถึง หญิงสาวที่เตรียมพร้อมจึงเข้าไปในห้องงานแต่งงานพร้อมกับเจ้าบ่าว แล้วประตูก็ปิด ในที่สุด พวกหญิงโง่ก็มาถึง พูดว่า ‘นายเจ้าขา นายเจ้าขา เปิดรับพวกเราด้วย’ แต่เขาตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน’ ดังนั้น จงตื่นเฝ้าระวังไว้เถิด เพราะท่านไม่รู้วันและเวลา”


ข้อคิด
     พิธีกรรม 2 – 3 อาทิตย์นี้ กำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายของปีพระศาสนจักร พระวาจาพระเจ้า เชิญชวนให้เราคิดถึง การเตรียมตัวพร้อมที่จะต้องจากชีวิตชั่วคราวบนโลกนี้ เข้าสู่ชีวิตนิรันดร ท่าทีที่เราต้องมีคือ การตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อมเสมอ สัญลักษณ์จากพระวรสารวันนี้ คือตะเกียงที่พร้อมได้รับการจุดสว่างเสมอ การที่ไม่รู้วันเวลาที่แน่นอน มักทำให้ผู้คนลืมตัว ขาดความพร้อมที่จะต้อนรับพระองค์ ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวที่แท้จริง ดังเช่นหญิงโง่ และหญิงฉลาด ที่ต่างก็เผลอนอนหลับ แต่สำหรับ หญิงฉลาด แม้หลับไปแต่ก็ยังมีน้ำมันที่ทำให้ตะเกียงของตนสว่าง พร้อมที่จะต้อนรับเจ้าบ่าว และเข้าสู่ห้องงานมงคลสมรส

วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2017 สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ                                     ปชญ 2:23-3:9
     โดยแท้จริงแล้ว พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นอมตะ พระองค์ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์แห่งพระธรรมชาติของพระองค์ แต่เพราะความอิจฉาของปีศาจ ความตายจึงเข้ามาในโลก ผู้ที่อยู่ฝ่ายปีศาจก็จะประสบความตาย
วิญญาณผู้ชอบธรรมอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้า ความทุกข์ทรมานใดๆ จะทำร้ายเขาไม่ได้ ในสายตาของคนโฉดเขลา ความตายของผู้ชอบธรรมดูเหมือนเป็นการสิ้นสุด การจากโลกนี้ไปถูกคิดว่าเป็นหายนะ การที่เขาพรากจากเราไปดูเหมือนเป็นการสูญสิ้น แต่แท้จริงแล้ว เขาอยู่ในสันติสุข แม้ในสายตาของมนุษย์ เขาดูเหมือนว่าถูกพระเจ้าลงโทษ แต่เขาก็มีความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้ชีวิตอมตะ เขาต้องทนทุกข์เพียงเล็กน้อย แต่จะได้รับบำเหน็จใหญ่หลวง เพราะพระเจ้าทรงทดลองเขา และทรงพบว่าเขาเหมาะสมกับพระองค์ พระองค์ทรงทดลองเขาเหมือนทรงหลอมทองในเบ้า พอพระทัยรับเขาเป็นเสมือนเครื่องเผาบูชา ในวาระที่พระองค์เสด็จมาเขาจะส่องแสงรุ่งโรจน์ เขาจะเป็นเหมือนประกายไฟที่ไหม้ไปทั่วกองฟาง เขาจะตัดสินนานาชาติ และมีอำนาจปกครองประชาชาติ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงครองราชย์เหนือเขาตลอดไป บรรดาผู้ที่วางใจในพระองค์จะเข้าใจความจริง บรรดาผู้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์จะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ในความรัก เพราะพระเจ้าทรงความรักมั่นคงและทรงพระเมตตาต่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และเสด็จมาช่วยเหลือผู้ที่ทรงเลือกสรร

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 17:7-10
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “ท่านผู้ใดที่มีผู้รับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อผู้รับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับผู้รับใช้หรือว่า ‘เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด’ แต่จะพูดมิใช่หรือว่า ‘จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม’ นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า ‘ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น’”


ข้อคิด
     ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเยซูเจ้า เป็นความสัมพันธ์ในฐานะอาจารย์กับศิษย์ หรือ นายกับคนใช้ ความสำนึกที่เราควรมีคือ ยินดีรับภารกิจจากพระองค์มาปฏิบัติอย่างรับผิดชอบและอย่างจงรักภักดี เมื่อปฏิบัติเสร็จแล้วก็ไม่ต้องโอ้อวด เรียกร้องความสนใจ หรือต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทน แต่ต้องภูมิใจ และขอบใจพระองค์ ที่ได้ทรงไว้วางใจ และให้เกียรติมอบหน้าที่ให้เรากระทำ

วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2017 สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ                                     ปชญ 1:1-7
     จงรักความชอบธรรมเถิด ท่านทั้งหลายผู้ปกครองแผ่นดิน จงคิดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างเป็นธรรม จงแสวงหาพระองค์ด้วยใจจริง เพราะผู้ที่ไม่ลองดีกับพระองค์ ก็พบพระองค์ได้ พระองค์ทรงสำแดงองค์แก่บรรดาผู้วางใจในพระองค์ ความคิดคดแยกมนุษย์ออกจากพระเจ้า ถ้าผู้ใดลองดีกับพระอานุภาพ พระองค์จะทรงพิสูจน์ว่าเขาโง่เขลา ปรีชาญาณไม่ซึมเข้าไปในจิตใจที่มุ่งทำความชั่วร้าย และไม่อยู่ในร่างกายที่เป็นทาสของบาป พระจิตเจ้าทรงอบรมสั่งสอนมนุษย์ ทรงหลีกหนีความหลอกลวง ทรงอยู่ห่างจากผู้ที่คิดโง่เขลา จะเสด็จจากไป เมื่อความอธรรมเข้ามา ปรีชาญาณเป็นจิตที่เป็นมิตรกับมนุษย์ แต่ไม่ปล่อยให้ผู้ที่กล่าวดูหมิ่นตนพ้นโทษไปได้ เพราะพระเจ้าทรงทราบความรู้สึกในใจของเขา ทรงสำรวจความคิดตามความจริง ทรงฟังคำพูดของเขา พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ทั่วพิภพ ทรงยึดสรรพสิ่งไว้ด้วยกัน มนุษย์พูดสิ่งใด พระองค์ก็ทรงทราบ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 17:1-6
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เหตุที่ชักนำให้ทำบาปจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่เป็นเหตุให้บาปเกิดขึ้น ถ้าจะเอาหินโม่แขวนคอเขาและโยนเขาลงทะเล จะเป็นการดีกว่าปล่อยให้เขาเป็นเหตุชักนำคนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงคนเดียวให้ทำบาป ท่านทั้งหลายจงระวังตนให้ดีเถิด”
“ถ้าพี่น้องของท่านทำผิด จงตักเตือนเขา ถ้าเขากลับใจ จงให้อภัยแก่เขา ถ้าเขาทำผิดต่อท่านวันละเจ็ดครั้ง และกลับมาหาท่านทั้งเจ็ดครั้ง พูดว่า ‘ฉันเสียใจ’ ท่านจงให้อภัยเขาเถิด”
5บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า ‘จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด’ ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน”

 

ข้อคิด
     ในฐานะเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า ให้เราขอพระเยซูเจ้า 3 สิ่งที่สำคัญ ดังเช่นพวกอัครสาวกขอในวันนี้คือ 1. สามารถหลีกเลี่ยงการเป็นเหตุให้ผู้อื่นที่ซื่อ ๆ ต้องตกในบาป หรือทำผิด 2. สามารถตักเตือนเพื่อน ๆ ให้แก้ไขความผิดพลาดที่เขากระทำ 3. สามารถให้อภัยแก่ใครก็ตามที่ทำผิด และขอโทษเรา พระองค์ยังให้กำลังใจอีกว่า หากมีความเชื่อเล็ก ๆ แค่เมล็ดมัสตาร์ด ก็พอที่จะกระทำทั้ง 3 สิ่งนี้ได้

วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2017 น.อัลเบิร์ต ผู้ยิ่งใหญ่ พระสังฆราชและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ                                     ปชญ 6:1-11
     กษัตริย์ทั้งหลาย จงฟังให้เข้าใจเถิด บรรดาผู้ปกครองทั่วแผ่นดิน จงเรียนรู้เถิด ท่านทั้งหลายผู้ทรงอำนาจเหนือประชาชนมากหลาย และภูมิใจที่ปกครองชนชาติจำนวนมาก จงเงี่ยหูฟังเถิด อำนาจปกครองของท่านมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า อานุภาพของท่านมาจากพระเจ้าสูงสุด พระองค์จะทรงทดสอบการกระทำของท่าน และจะทรงพิจารณาเจตจำนงของท่าน แม้ท่านเป็นผู้บริหารพระอาณาจักรของพระองค์ แต่ถ้าท่านมิได้ปกครองอย่างถูกต้อง มิได้ปฏิบัติตามกฎหมาย และมิได้ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า พระองค์ก็จะเสด็จมาเผชิญหน้าท่านอย่างน่ากลัวโดยรวดเร็ว เพราะผู้ทรงอำนาจเหนือผู้อื่นจะถูกพระองค์ทรงพิพากษาอย่างเคร่งครัด ผู้ต่ำต้อยสมควรได้รับพระเมตตา แต่ผู้ทรงอำนาจจะถูกพิจารณาคดีอย่างเคร่งครัด พระองค์ผู้ทรงอำนาจปกครองมวลมนุษย์จะไม่ทรงยำเกรงผู้ใด จะไม่ทรงคำนึงถึงความยิ่งใหญ่ใดๆ เพราะพระองค์ทรงสร้างทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย และทรงเอาพระทัยใส่ดูแลทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ทรงสอบสวนตรวจตราผู้ทรงอำนาจอย่างเคร่งครัด ผู้ทรงอำนาจทั้งหลาย ข้าพเจ้าจึงพูดกับท่าน เพื่อท่านจะได้เรียนรู้ปรีชาญาณและไม่หลงผิด ผู้ปฏิบัติตามบทบัญญัติศักดิ์สิทธิ์อย่างเลื่อมใสศรัทธาก็จะได้รับความศักดิ์สิทธิ์ และผู้ที่เรียนรู้ธรรมบัญญัติจะได้รับการปกป้องจากข้อกล่าวหา ดังนั้น ท่านจงกระตือรือร้นและตั้งใจฟังคำของข้าพเจ้า จงแสวงหา แล้วท่านจะได้รับความรู้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                     ลก 17:11-19
     เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี เมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตนแก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะที่เขากำลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจากโรคแล้ว ก็กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้เป็นชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใด ไม่มีใครกลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้น ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว”


ข้อคิด
     มีผู้คนมากมายที่ได้รับพระพรจากพระเจ้า เช่นพระพรที่ได้รับการรักษา พระพรที่ได้หลุดพ้นจากปัญหา ความทุกข์ลำบาก และความยากจน หลายคนได้รับตามคำวิงวอนขอ แต่น้อยคนที่ตระหนักถึงความรักและเมตตาที่พระเจ้าทรงมีต่อตนเอง บุคคลที่ตระหนักถึง ก็ชื่นชอบและอดไม่ได้ที่จะขอบพระคุณพระองค์ ดังนั้นเราจึงต้องทบทวนตนเองในวันนี้ว่า เราเคยอ่านความรักที่พระเจ้าทรงมี ต่อเราออกหรือไม่ อ่านบ่อยแค่ไหน และเคยขอบพระคุณพระองค์อย่างสม่ำเสมอหรือไม่

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown