มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2019 สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 4:20-25

      พี่น้อง อับราฮัมไม่สงสัยเพราะความไม่เชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า แต่กลับได้รับพละกำลังจากความเชื่อ และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ โดยเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า สิ่งใดที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ พระองค์ย่อมมีพระอำนาจที่จะทำสิ่งนั้นให้เป็นจริงตามพระสัญญาได้ นี่คือความเชื่อซึ่งนับได้ว่าเป็นความชอบธรรมสำหรับเขา ประโยคนี้มิได้เขียนขึ้นโดยหมายถึงอับราฮัมเท่านั้น แต่หมายถึงเราทุกคนด้วย ความเชื่อจะนับได้ว่าเป็นความชอบธรรมสำหรับเราเช่นกัน เพราะเราเชื่อในพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระเยซูคริสตเจ้าทรงยอมสละพระชนมชีพเพราะบาปของเรา และทรงกลับคืนพระชนมชีพเพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 12:13-21
     เวลานั้น ประชาชนคนหนึ่งทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ โปรดบอกพี่ชายข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ข้าพเจ้าเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของท่าน” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า “จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม”
     พระองค์ยังตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังอีกว่า “เศรษฐีคนหนึ่งมีที่ดินที่เกิดผลดีอย่างมาก เขาจึงคิดว่า ‘ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน’ เขาคิดอีกว่า ‘ฉันจะทำอย่างนี้ จะรื้อยุ้งฉางเก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด’ แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเอง แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้’”


ข้อคิด

     หัวใจมนุษย์ที่เปราะบางและขลาดกลัว... เกาะยึดกับบางสิ่งที่ก่อเกิดเป็นความมั่นคงปลอดภัย ในความมืดบอด มีเสียงกระซิบให้... รื้อยุ้งฉางเก่า และสร้างใหม่ใหญ่ขึ้น เพื่อเก็บสมบัติให้คงอยู่...เพื่อพักผ่อน กินดื่ม และสนุกสนาน เขาไขว่คว้าหาทรัพย์สมบัติ หวังใช้เป็นสรณะพึ่งพิง
     เขามองหาพระเจ้า...แต่ไม่เคยมองเห็นพระองค์ เขาเห็นเพียงแค่ผู้พิพากษาแบ่งมรดก ดวงตาเขาจะมืดบอดอย่างไร ดวงใจของพระเจ้ายังคงฉายส่องแสงแห่งความรักห่วงใยของพระองค์อย่างไม่จบสิ้น เสี้ยวแห่งความสว่างของพระองค์ เฝ้าบอกให้ออกห่างจากความโลภ และลุ่มหลง ... กลับคืนสู่พระองค์ผู้ทรงเป็นต้นธารความมั่นคงปลอดภัย เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องดิ้นรน...ไม่ต้องต่อสู้...ไม่ต้องบาดเจ็บ แต่จะอยู่บ้านที่ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับเขาตั้งแต่นิรันดร์กาล

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2019 น.ยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 5:12,15ข,17-19,20ข-21
     พี่น้อง บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และความตายเข้ามาเพราะบาปฉันใด ความตายก็แพร่กระจายไปถึงมนุษย์ทุกคนเพราะทุกคนทำบาปฉันนั้น
      ถ้ามวลมนุษย์ต้องตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียว พระหรรษทานของพระเจ้าและของประทานโดยทางพระหรรษทานจากมนุษย์คนเดียว คือพระเยซูคริสตเจ้า ก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นสำหรับมวลมนุษย์ ถ้ามนุษย์คนเดียวล่วงละเมิด ทำให้ความตายมีอำนาจปกครองเหนือมนุษยชาติเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวนั้น เดชะพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เดียว ทุกคนที่ได้รับพระหรรษทานอย่างสมบูรณ์และความชอบธรรมเป็นของประทาน ก็ยิ่งจะมีชีวิตและมีอำนาจปกครองมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ การล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษย์ทุกคนถูกลงโทษฉันใด กิจการชอบธรรมของมนุษย์คนเดียวก็นำความชอบธรรมที่บันดาลชีวิตมาให้มนุษย์ทุกคนฉันนั้น มวลมนุษย์กลายเป็นคนบาปเพราะความไม่เชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันใด มวลมนุษย์ก็จะเป็นผู้ชอบธรรมเพราะความเชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันนั้น
     ที่ใดบาปทวีขึ้น ที่นั่นพระหรรษทานก็ยิ่งทวีขึ้นมากกว่า ดังนี้ บาปเข้ามามีอำนาจปกครองนำความตายมาให้ฉันใด พระหรรษทานก็จะมีอำนาจปกครองโดยอาศัยความชอบธรรมนำไปสู่ชีวิตนิรันดร เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 12:35-38
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอว และจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้ จงเป็นเสมือนผู้รับใช้ที่กำลังคอยนายกลับจากงานมงคลสมรส เมื่อนายมาและเคาะประตูจะได้เปิดรับ ผู้รับใช้เหล่านั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำลังตื่นเฝ้าอยู่ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะคาดสะเอวพาผู้รับใช้เหล่านั้นไปนั่งโต๊ะและจะรับใช้เขาด้วย ไม่ว่านายจะมาเวลาสองยามหรือสามยาม ถ้าพบผู้รับใช้กำลังทำเช่นนี้ ผู้รับใช้เหล่านั้นก็เป็นสุข”


ข้อคิด

      พระสัญญาระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เจ้าจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า ยังคงเป็นอยู่และจะเป็นอยู่ไปถึงนิรันดร์กาล แม้กระทั่งวันนั้นที่มนุษย์จะลืมพระองค์...ไม่สัตย์ซื่อ...หรือแม้ทรยศ พระเจ้ายังคงรัก ห่วงใย และสัตย์ซื่อต่อพระสัญญาของพระองค์... ทรงรอคอยวันเวลาที่จะเสด็จมา....ทรงเป็นอิมมานูเอล..พระเจ้าอยู่กับเรา
การรอคอยเป็นสัญญาณแห่งความรัก สัตย์ซื่อ และภักดี ท่านทั้งหลายที่คาดสะเอว...จุดตะเกียงพร้อมไว้... ตื่นเฝ้า รอนายกลับ จึงเป็นเขาคนนั้นที่รัก สัตย์ซื่อ...และภักดี

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม 2019 น.อันตน มารีย์ คลาเรต์ พระสังฆราช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 6:19-23
     พี่น้อง ข้าพเจ้าขอพูดตามวิสัยมนุษย์เพราะท่านยังเป็นคนอ่อนแอ แต่เมื่อก่อนนี้ ท่านได้มอบร่างกายเป็นทาสของความโสมมและความอธรรมซ้ำแล้วซ้ำอีกฉันใด บัดนี้ ท่านจงมอบร่างกายให้เป็นทาสของความชอบธรรม เพื่อจะได้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ฉันนั้นเถิด
     เมื่อท่านยังเป็นทาสของบาปอยู่ ท่านมิได้อยู่ในอำนาจของความชอบธรรมเลย และเวลานั้น ท่านได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการทำความชั่วเช่นนั้น ซึ่งบัดนี้ทำให้ท่านต้องอับอาย จุดจบของกิจการเหล่านั้นคือความตาย แต่บัดนี้ท่านได้รับอิสระจากบาปมาเป็นทาสรับใช้พระเจ้าแล้ว ท่านได้รับประโยชน์อันนำไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ผลสุดท้ายก็คือชีวิตนิรันดร เพราะค่าตอบแทนที่ได้จากบาปคือความตาย ส่วนของประทานที่พระเจ้าประทานให้เปล่า คือชีวิตนิรันดรในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 12:49-53

      เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เรามาเพื่อจุดไฟในโลก เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ เรามีการล้างที่จะต้องรับ และเราเป็นทุกข์กังวลใจอย่างมากจนกว่าการล้างนี้จะสำเร็จ”
     “ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาสู่โลกหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรานำความแตกแยกมาต่างหาก ตั้งแต่นี้ไป คนห้าคนในบ้านหนึ่งจะแตกแยกกัน คนสามคนจะแตกแยกกับคนสองคน และคนสองคนจะแตกแยกกับคนสามคน บิดาจะแตกแยกกับบุตรชาย และบุตรชายจะแตกแยกกับบิดา มารดาจะแตกแยกกับบุตรหญิง และบุตรหญิงจะแตกแยกกับมารดา มารดาของสามีจะแตกแยกกับบุตรสะใภ้ และบุตรสะใภ้จะแตกแยกกับมารดาของสามี”

 

ข้อคิด

     บนเส้นทางสู่กัลป์วารีโอ...ความทุกข์กังวลคืบคลานเข้ามาในหัวใจอย่างหลีกดลี่ยงไม่ได้ ความตาย...อันเป็นการล้างที่จะต้องรับ มิเป็นเพียงความบาดเจ็บฝ่ายกาย แต่ยังเป็นการพลัดพรากฝ่ายจิตที่พระองค์จะต้องเผชิญ วันเวลาที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับพระองค์ เป็นวันเวลาแห่งการพลัดพรากจากพระบิดา อันเป็นผลของบาปของมนุษยชาติที่พระองค์ทรงรับแบกไว้
เส้นทางสายนี้ ร้องหาการตัดสินใจที่หาญกล้าเด็ดเดี่ยว มิใช่เฉพาะสำหรับพระองค์เท่านั้น...แต่สำหรับทุกคนที่เป็นศิษย์ของพระองค์ด้วย ในอันที่เขาจะเผชิญการพลัดพรากแห่งกางเขนและความตาย ... ก้าวข้ามไปสู่สัมพันธภาพนิรันดร์กาลในการกลับคืนชีพของพระองค์

วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2019 น.ยอห์น แห่งกาปิสตราโน พระสงฆ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 6:12-18
     พี่น้อง อย่าให้บาปครอบงำร่างกายที่ตายได้ของท่าน จนท่านต้องยอมตามราคตัณหาของร่างกาย อย่ามอบร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใดให้แก่บาปเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการทำความชั่ว แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้าดุจดังคนที่กลับคืนชีพจากความตายมามีชีวิตใหม่ จงถวายทุกส่วนของร่างกายแด่พระเจ้าเป็นเครื่องมือในการประกอบความชอบธรรม บาปจะไม่เป็นนายเหนือท่านอีก เพราะท่านไม่อยู่ใต้อำนาจธรรมบัญญัติอีกแล้ว แต่อยู่ใต้อำนาจพระหรรษทาน
     จะเป็นอย่างไรต่อไป เราจะทำบาปได้เพราะเราไม่อยู่ใต้อำนาจบทบัญญัติ แต่อยู่ใต้อำนาจพระหรรษทานกระนั้นหรือ หามิได้ ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า เมื่อท่านมอบตัวเป็นทาสเชื่อฟังนายคนหนึ่ง ท่านก็เป็นทาสของนายคนที่ท่านเชื่อฟังนั้น ไม่ว่านายคนนั้นจะเป็นบาปซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือจะเป็นความเชื่อฟังซึ่งนำไปสู่ความชอบธรรมก็ตาม ขอบพระคุณพระเจ้าที่ท่านเคยเป็นทาสของบาป แต่ท่านเต็มใจเชื่อฟังพระธรรมคำสอนที่ท่านได้รับมา และเมื่อเป็นอิสระจากบาปแล้ว ท่านก็มาเป็นทาสรับใช้ความชอบธรรม

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 12:39-48
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย”
เปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสอุปมานี้สำหรับพวกเราหรือสำหรับทุกคน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ใครเป็นผู้จัดการที่ซื่อสัตย์และรอบคอบซึ่งนายจะแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้อื่นๆ เพื่อปันส่วนอาหารให้ตามเวลาที่กำหนด ผู้รับใช้คนนั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำลังทำดังนี้ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของตน แต่ถ้าผู้รับใช้คนนั้นคิดว่า ‘นายจะมาช้า’ และเริ่มตบตีผู้รับใช้ทั้งชายและหญิง กินดื่มจนเมามาย นายของผู้รับใช้คนนั้นจะกลับมาในวันที่เขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขาไม่รู้ นายจะแยกเขาออก ให้ไปอยู่กับพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์
ผู้รับใช้ที่รู้ใจนายของตน แต่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ทำตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้รับใช้ที่ไม่รู้ใจนาย แม้ทำสิ่งที่ควรจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย ผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ผู้นั้นก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย”


ข้อคิด

     การตื่นเฝ้าแห่งความรัก สัตย์ซื่อ และภักดี มิเคยเป็นวันเวลาแห่งการรอคอยที่ว่างเปล่า ... ไร้แก่นสาร แต่อุดมด้วยการรักรับใช้และแบ่งปัน เขาเป็นผู้มีความรักในหัวใจมิอาจนั่งนิ่งเฉย ความรักและภักดีผลักดันให้เขายื่นมือออก... เลี้ยงดูผู้หิวโหย...เยียวยาผู้ป่วยไข้... รับใช้ผู้คนที่พบเจอ
      คริสตชน ... คนของพระคริสตเจ้าก้าวเดินไป มิใช่ด้วยคำพูดว่า รัก แต่...ด้วยกิจการแห่งความรัก อันเป็นดรรชนีบ่งชี้ว่า เขาเป็นผู้รับใช้ที่รู้ใจนาย...รัก สัตย์ซื่อและภักดี

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2019 สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 7:18-25ข
     พี่น้อง เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าในตัวข้าพเจ้านั้น ธรรมชาติมนุษย์ไม่มีความดีอยู่เลย เพราะความปรารถนานั้นมีอยู่แล้ว แต่ขาดพลังที่จะทำ เพราะข้าพเจ้าไม่ทำความดีที่ปรารถนา กลับทำความชั่วที่ไม่ปรารถนาจะทำ ถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ไม่ปรารถนาจะทำ การกระทำนั้นก็มิใช่การกระทำที่แท้จริงของข้าพเจ้า แต่เป็นการกระทำของบาปซึ่งแฝงอยู่ในตัวข้าพเจ้า
      ข้าพเจ้าจึงพบกฎนี้ว่า เมื่อใดที่อยากทำดี เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้านิยมชมชอบธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจ และล่ามข้าพเจ้าไว้กับกฎของบาปซึ่งอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า
     ข้าพเจ้าช่างเป็นคนน่าสมเพชจริงๆ ใครจะช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาให้พ้นจากร่างกายที่จะต้องตายนี้ได้ ขอขอบพระคุณพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 12:54-59
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำไมจึงไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบันนี้เล่า”
     “ทำไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้อง ขณะที่ท่านกำลังไปศาลกับคู่ความของท่าน จงพยายามตกลงกันระหว่างทาง เพื่อมิให้คู่ความของท่านลากท่านไปต่อหน้าผู้พิพากษาและผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่ผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนถึงเศษสตางค์สุดท้าย”


ข้อคิด

     ปัญญามนุษย์ทรงพลังเพียงพอ ที่จะอ่านดินฟ้าอากาศ เขารอบรู้ในโลกรอบด้าน แต่...อนิจจา.. จะมีสักกี่ดวงปัญญาที่ละเอียดเพียงพอที่จะอ่านเครื่องหมายแห่งกาลเวลา และพบเจอการเสด็จมาของพระเจ้า...จะมีสักกี่ดวงตาที่มองเห็นความรักเมตตาของพระเจ้า ที่เสด็จมาเยี่ยมประชากรของพระองค์... และจะมีสักกี่ดวงใจ ที่ได้เปิดรับและลิ้มรสความสุขที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ตั้งแต่นิรันดร์กาล

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown