มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2019 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                           บสร 3:17-19,27-29
     ลูกเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด จงทำด้วยความอ่อนโยนเถิด แล้วท่านจะเป็นที่รักมากกว่าคนให้ของกำนัล ท่านยิ่งเป็นใหญ่มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งต้องถ่อมตนลงมากเท่านั้น แล้วพระเจ้าจะโปรดปรานท่าน เพราะพระอานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงได้รับเกียรติจากผู้ต่ำต้อย
     ผู้มีใจดื้อดึงจะรับทุกข์ทรมานอย่างหนัก คนบาปยิ่งจะสะสมบาปมากขึ้น ผลร้ายของความเย่อหยิ่งยากอย่างยิ่งที่จะบำบัดได้ เพราะความชั่วร้ายฝังรากลึกในตัวเขา จิตใจของคนฉลาดย่อมไตร่ตรองเรื่องอุปมา ผู้มีปัญญาย่อมใฝ่หาคนที่ตั้งใจฟัง

 

เพลงสดุดี                                                                สดด 68:3-4ก,5-6ก,9-10
     ก) ผู้ชอบธรรมจะยินดีร่าเริงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
และจะร้องเพลงด้วยความปรีดา
จงร้องเพลงถวายพระพระเจ้าเถิด จงร้องเพลงสดุดีสรรเสริญพระนามพระองค์
จงเตรียมทางแด่พระองค์ผู้เสด็จมาโดยมีเมฆเป็นพาหนะ
     ข) พระเจ้าในที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ทรงเป็นบิดาของลูกกำพร้า ทรงปกป้องหญิงม่าย
พระองค์ประทานบ้านเรือนให้คนเดียวดายพำนักอยู่
ทรงนำผู้ต้องขังออกมารับความรุ่งเรือง
      ค) ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ประทานฝนมากมายลงมา
พระองค์ทรงบันดาลให้แผ่นดินที่แห้งแล้งกลับชุ่มชื่น
ประชากรของพระองค์เข้าพำนักในแผ่นดินนั้น
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงพระทัยดี เตรียมแผ่นดินนี้ไว้สำหรับคนขัดสน

 

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                      ฮบ 12:18-19,22-24ก
      พี่น้อง ท่านทั้งหลายมิได้เข้าใกล้สิ่งที่ประสาทสัมผัสได้ หรือสิ่งที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วง หรือสิ่งที่มีความมืดมัวและมืดมิดหรือพายุ หรือเสียงแตรหรือพระสุรเสียง ซึ่งทำให้ทุกคนที่ได้ยินพากันร้องขอให้ยุติ แต่ท่านเข้ามาถึงภูเขาศิโยนและนครแห่งพระเจ้าผู้ทรงชีวิต คือ นครเยรูซาเล็มในสวรรค์ ซึ่งมีทูตสวรรค์เหลือคณานับ ท่านเข้ามาถึงที่ชุมนุมฉลองชัยและมาถึงชุมนุมของบุตรคนแรกที่ได้รับการลงชื่อไว้ในสวรรค์แล้ว มาถึงพระเจ้า พระตุลาการของมนุษย์ทุกคน ร่วมกับบรรดาจิตของผู้ชอบธรรมที่บรรลุถึงความสมบูรณ์แล้ว และยังเข้ามาถึงพระเยซูเจ้าผู้เป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 14:1,7-14
     วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่บ้านของหัวหน้าชาวฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่นั่นต่างจ้องมองพระองค์
     พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นผู้รับเชิญต่างเลือกที่นั่งที่มีเกียรติ จึงตรัสเป็นอุปมากับเขาว่า “เมื่อมีใครเชิญท่านไปในงานมงคลสมรส อย่าไปนั่งในที่ที่มีเกียรติ เพราะถ้ามีคนสำคัญกว่าท่านได้รับเชิญมาด้วย เจ้าภาพที่เชิญท่านและเชิญเขาจะมาบอกท่านว่า ‘จงให้ที่นั่งแก่ผู้นี้เถิด’ แล้วท่านจะต้องอับอายไปนั่งที่สุดท้าย แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ จงไปนั่งในที่สุดท้ายเถิด เพื่อเจ้าภาพที่เชิญท่านจะมาบอกท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย จงไปนั่งในที่ที่ดีกว่านี้เถิด’ แล้วท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าผู้ร่วมโต๊ะทั้งหลาย เพราะทุกคนที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น”
     พระองค์ตรัสกับผู้ที่เชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจัดเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารค่ำ อย่าเชิญมิตรสหาย พี่น้องหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี เพราะเขาจะเชิญท่านและท่านจะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อผู้ชอบธรรมกลับคืนชีวิต”

 

ข้อคิด

     เกียรติยศมักดูดีในสายตาของมนุษย์ด้วยกัน...แต่ในสายตาของพระเจ้านั้นกลับไม่มีค่าอะไรเลย ตรงข้ามถ้าอยากจะมีเกียรติในสายตาของพระเจ้านั้น เราต้องกระทำตัวให้เป็นผู้ต่ำต้อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประพฤติตนให้เป็นที่พอพระทัย เช่น ให้เกียรติแก่ผู้ต่ำต้อย ผู้ตกทุกข์ในสังคม รัก เมตตา ต่อคนชายขอบ นี่แหละ! คือสิ่งที่พอพระทัย

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2019 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง     1 ธส 4:13-18
     พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับคือผู้ที่ตายไปแล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง เราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำบรรดาผู้ที่หลับอยู่มากับพระองค์โดยทางพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบอกท่านว่า เราผู้ยังมีชีวิตและรออยู่จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผู้ที่ล่วงหลับไปแล้ว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมื่อมีเสียงหัวหน้าทูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้า เราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป จงใช้ถ้อยคำเช่นนี้ปลอบใจกันเถิด

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 4:16-30
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงเจริญวัย ในวันสับบาโต พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมเช่นเคย ทรงยืนขึ้นเพื่อทรงอ่านพระคัมภีร์ มีผู้ส่งม้วนหนังสือประกาศกอิสยาห์ให้พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงคลี่ม้วนหนังสือออก ทรงพบข้อความที่เขียนไว้ว่า
พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้
ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน
ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ
คืนสายตาให้แก่คนตาบอด
ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ
ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
     แล้วพระเยซูเจ้าทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้เจ้าหน้าที่และประทับนั่งลง สายตาของทุกคนที่อยู่ในศาลาธรรมต่างจ้องมองพระองค์ พระองค์จึงทรงเริ่มตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว” ทุกคนสรรเสริญพระองค์และต่างประหลาดใจในถ้อยคำน่าฟังที่พระองค์ตรัส
     เขากล่าวกันว่า “นี่เป็นลูกของโยเซฟมิใช่หรือ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านคงจะกล่าวคำพังเพยนี้แก่เราเป็นแน่ว่า ‘หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด สิ่งที่พวกเราได้ยินว่าเกิดขึ้นที่เมืองคาเปอรนาอุมนั้น ท่านจงทำที่นี่ในบ้านเมืองของท่านด้วยเถิด’ แล้วพระองค์ยังทรงเสริมอีกว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน
      เราบอกความจริงอีกว่าในสมัยประกาศกเอลียาห์ เมื่อฝนไม่ตกเป็นเวลาสามปีหกเดือน และเกิดความอดอยากครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอล แต่พระเจ้ามิได้ทรงส่งประกาศกเอลียาห์ไปหาหญิงม่ายเหล่านี้ นอกจากหญิงม่ายที่เมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน ในสมัยประกาศกเอลีชา มีคนโรคเรื้อนหลายคนในอิสราเอล แต่ไม่มีใครได้รับการรักษาให้หายจากโรค นอกจากนาอามานชาวซีเรียเท่านั้น’”
เมื่อคนที่อยู่ในศาลาธรรมได้ยินเช่นนี้ ทุกคนโกรธเคืองยิ่งนัก จึงลุกขึ้นขับไล่พระองค์ออกไปจากเมือง นำไปที่หน้าผาของเนินเขาที่เมืองตั้งอยู่ ตั้งใจจะผลักพระองค์ลงไป แต่พระองค์ทรงดำเนินฝ่ากลุ่มคนเหล่านั้น แล้วเสด็จจากไป

 

ข้อคิด

     ชาวยิวในพระวรสารแสดงให้เห็นถึงความดื้อดึง ไม่ยอมรับว่าพระองค์คือพระเจ้า... มนุษย์มักจะมีเหตุผลต่างๆนานาและรวมถึงการปฏิเสธไม่ยอมรับพระเยซูเจ้า... เราอาจกำลังเริ่มปฏิเสธพระองค์แบบกลายๆ แม้ว่าม่ได้ขับไล่พระองค์เหมือนในพระวรสาร...ทุกวันนี้เราได้สวดภาวนา...ไปวัดสม่ำเสมอหรือไม่ หรือว่าเราชอบหาเหตุผลเพื่อปฏิเสธหน้าที่ของตน

วันพุธที่ 4 กันยายน 2019 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโคโลสี      คส 1:1-8
จากเปาโล ผู้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระประสงค์ของพระเจ้า และจากทิโมธีน้องชาย
ถึงพี่น้องชาวโคโลสีผู้ศักดิ์สิทธิ์และมีความเชื่อในพระคริสตเจ้า

     ขอพระหรรษทานและสันติจากพระเจ้าพระบิดาของเราสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด
เมื่อเราอธิษฐานภาวนาเพื่อท่านทั้งหลาย เราขอบพระคุณพระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอยู่เสมอ เพราะเราได้ยินกิตติศัพท์ความเชื่อของท่านในพระคริสตเยซู และได้ยินกิตติศัพท์ความรักที่ท่านมีต่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง โดยมีความหวังคอยท่านอยู่ในสวรรค์แล้ว ความหวังนี้ท่านรู้มาก่อนจากการประกาศพระวาจาแห่งความจริงคือข่าวดี ข่าวดีนี้มาถึงท่าน กำลังบังเกิดผลและเจริญในท่านเช่นเดียวกับที่กำลังบังเกิดผลและเจริญอยู่ทั่วไปในโลก นับตั้งแต่วันที่ท่านได้ฟังและรู้ถึงพระหรรษทานของพระเจ้าในความจริง ดังที่ท่านเรียนรู้จากเอปาฟรัส เพื่อนร่วมงานที่รักยิ่งของเรา เขาเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า ทำงานอย่างซื่อสัตย์แทนเรา เขาแจ้งให้เรารู้ถึงความรักในพระจิตเจ้าที่ท่านทั้งหลายมีต่อเรา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 4:38-44
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากศาลาธรรมเข้าไปในบ้านของซีโมน มารดาของภรรยาซีโมนกำลังป่วยเป็นไข้หนัก คนที่อยู่ที่นั่นอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงช่วยนาง พระองค์จึงทรงก้มลงเหนือนางและทรงสั่งไข้ให้ออกไป นางก็หายไข้ ลุกขึ้นมารับใช้ทุกคนทันที
     เมื่อดวงอาทิตย์ตก ผู้ที่มีคนเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ นำผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือผู้ป่วยแต่ละคนและทรงรักษาเขาให้หายจากโรค ปีศาจออกจากคนจำนวนมาก พลางร้องตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงสั่งไม่ให้ปีศาจพูด เพราะมันรู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า
     เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จออกไปยังที่สงัด ประชาชนต่างเสาะหาพระองค์จนพบ แล้วหน่วงเหนี่ยวพระองค์ไม่ยอมให้จากพวกเขาไป แต่พระองค์ตรัสว่า “เราต้องประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าให้แก่เมืองอื่นด้วย เพราะเราถูกส่งมาก็เพื่อการนี้” พระองค์จึงทรงเทศน์สอนตามศาลาธรรมแห่งแคว้นยูเดีย

 

ข้อคิด

     การรักษาโรคของพระเยซูเจ้า ทำให้มีคนเชื่อศรัทธาและกลับใจจำนวนมาก แบบอย่างของพระองค์เร้าใจเราให้เลียนแบบชีวิตของพระองค์...กล่าวคือยึดมั่นที่จะกระทำความดี เพื่อเป็นพลังดึงดูดผู้คนให้กลับใจและเชื่อพระวรสาร

วันอังคารที่ 3 กันยายน 2019 ระลึกถึง น.เกรโกรี่ พระสันตะปาปาและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง     1 ธส 5:1-6,9-11
      พี่น้องทั้งหลาย ไม่จำเป็นที่จะเขียนบอกท่านเรื่องวันเวลาที่กำหนด ท่านรู้อยู่แล้วว่า วันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเหมือนขโมยที่มาตอนกลางคืน เมื่อใดที่กล่าวกันว่า “มีสันติและความปลอดภัยแล้ว” เมื่อนั้นความพินาศจะอุบัติแก่เขาโดยฉับพลันเหมือนความเจ็บปวดของหญิงมีครรภ์ แล้วเขาจะหนีไม่พ้น
      ส่วนท่าน พี่น้องทั้งหลาย อย่าดำรงชีวิตในความมืด เพราะวันนั้นจะมาถึงโดยไม่รู้ตัวเหมือนขโมย ทุกท่านเป็นบุตรแห่งความสว่างและบุตรแห่งทิวากาล เรามิได้อยู่ฝ่ายราตรีกาลหรือความมืด ดังนั้น เราอย่าหลับใหลเหมือนคนอื่น จงตื่นอยู่เสมอและจงรู้จักประมาณตน เพราะพระเจ้ามิได้ทรงกำหนดให้เราต้องรับโทษ แต่ทรงกำหนดให้เราได้รับความรอดพ้นเดชะพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เราจะได้มีชีวิตอยู่ร่วมกับพระองค์ ไม่ว่าเราจะตื่นหรือหลับ ดังนั้น จงให้กำลังใจกัน และจงช่วยเสริมสร้างกันและกัน ดังที่ท่านกำลังทำอยู่แล้วนี้เถิด

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 4:31-37
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงไปยังเมืองคาเปอรนาอุม เมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนประชาชนในวันสับบาโต คำสั่งสอนของพระองค์ทำให้ผู้ฟังประทับใจอย่างมาก เพราะพระวาจาของพระองค์ทรงไว้ซึ่งอำนาจ
      ในศาลาธรรม ชายคนหนึ่งถูกจิตของปีศาจร้ายสิง ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ท่านมายุ่งกับพวกเราทำไม เยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมาทำลายพวกเราใช่ไหม ฉันรู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและทรงสั่งว่า “จงเงียบ ออกไปจากผู้นี้” ปีศาจผลักชายนั้นล้มลงต่อหน้าทุกคน แล้วออกไปจากเขาโดยมิได้ทำร้ายแต่ประการใด ทุกคนต่างประหลาดใจมากและถามกันว่า “วาจานี้คือสิ่งใด จึงมีอำนาจและอานุภาพบังคับปีศาจร้าย และมันก็ออกไป” กิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปทั่วทุกแห่งในบริเวณนั้น

 

ข้อคิด

      กระแสโลกทุกวันนี้เต็มด้วยแสง สี เสียง พร้อมกับความวุ่นวาย จนบางครั้งเราเองก็เริ่มจะหลงเดินตามกระแสโลก ลืมที่จะฟังเสียงพระเจ้า เราอาจกำลังเปิดหัวใจให้ปีศาจได้เข้ามาครอบครองไปแล้ว... จงอย่าปล่อยใจของเราหลงไปมากกว่านี้ คุยกับพระบ้าง (สวดภาวนา) หาเวลาเงียบๆ ฟังพระพูดในใจของเรา

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2019 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโคโลสี      คส 1:9-14
     พี่น้อง ดังนั้น นับแต่วันที่เราได้ยินเรื่องของท่าน เราอธิษฐานภาวนาสำหรับท่านอยู่เสมอ วอนขอให้ท่านมีความรู้อย่างสมบูรณ์ถึงพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยสรรพปรีชาญาณและความเข้าใจฝ่ายจิต เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมกับองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นที่สบพระทัยพระองค์ในทุกสิ่ง บังเกิดผลเป็นกิจการดีทุกประการ และมีความรู้เรื่องพระเจ้ามากขึ้น ให้ท่านทั้งหลายได้รับพละกำลังมากขึ้นจากพระฤทธานุภาพอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ จะได้มีความพากเพียร เข้มแข็งและอดทนทุกสิ่ง ขอบพระคุณพระบิดาเจ้าด้วยความยินดี พระองค์โปรดให้ท่านเป็นบุคคลที่เหมาะสมจะเข้าอยู่ในแสงสว่าง มีส่วนได้รับมรดกร่วมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
     พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจความมืดมนและทรงนำเราเข้าไปสู่พระอาณาจักรของพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ เดชะพระบุตรนี้ เราได้รับการไถ่กู้และได้รับการอภัยบาป

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 5:1-11
     วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะที่ประชาชนเบียดเสียดรอบพระองค์เพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำจอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมงกำลังซักอวนอยู่นอกเรือ พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝั่งเล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอนประชาชนจากเรือนั้น
เมื่อตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซีโมนว่า “จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและลงอวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มีพระดำรัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อทำดังนี้แล้ว พวกเขาจับปลาได้จำนวนมากจนอวนเกือบขาด เขาจึงส่งสัญญาณเรียกเพื่อนในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย พวกนั้นก็มาและนำปลาใส่เรือเต็มทั้งสองลำ จนเรือเกือบจม
     เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลาได้มากเช่นนั้น ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมนก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขานำเรือกลับถึงฝั่งแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป

 

ข้อคิด

     “โปรดไปเสียจากข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” พระเยซูเจ้ามาบนโลกใบนี้ไม่ได้มาเพื่อแสวงหาคนดี แต่มาเพื่อแสวงหาคนบาป... เรามนุษย์เต็มไปด้วยความอ่อนแอ ทั้งร่างกายและจิตใจ แม้ว่าจะถูกผจญล่อลวง จนหลงมัวเมา แต่ถึงอย่างไรพระองค์ก็ยังจะไม่ทรงทอดทิ้ง พระองค์ยังคงอยู่กับเราเสมอๆ ขอเพียงแต่เราต้องเป็นทุกข์กลับใจใหม่ทุกวัน

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown