มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 11 กันยายน 2019 สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโคโลสี       คส 3:1-11
     พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้ เพราะท่านทั้งหลายตายไปแล้วและชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้า องค์ชีวิตของท่านจะทรงสำแดงพระองค์ เมื่อนั้นท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย
     ท่านทั้งหลายจงขจัดโลกียวิสัยในตัวท่าน คือการผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา ความปรารถนาในทางชั่วร้าย และความโลภซึ่งเป็นเหมือนการกราบไหว้รูปเคารพอย่างหนึ่ง โลกียวิสัยเหล่านี้นำการตัดสินลงโทษของพระเจ้าลงมายังผู้ดื้อรั้น ครั้งหนึ่งท่านก็เคยเป็นเช่นนี้ เคยดำเนินชีวิตในกิเลสตัณหาเหล่านี้ แต่บัดนี้ ท่านจงขจัดทุกอย่าง คือความโกรธ ความโมโหร้าย การปองร้าย การสาปแช่ง และการพูดหยาบคาย อย่าพูดเท็จต่อกัน ท่านทั้งหลายได้ปลดเปลื้องวิสัยมนุษย์เก่า และการกระทำตามวิสัยมนุษย์เก่า และสวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้าง ดังนั้น การเป็นชาวกรีก หรือชาวยิว การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต การเป็นอนารยชน เป็นชาวสิเธีย เป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ที่สำคัญก็คือพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 6:20-26
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ตรัสว่า
“ท่านทั้งหลายที่ยากจนย่อมเป็นสุข เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของท่าน
ท่านที่หิวในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะอิ่ม
ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะหัวเราะ
ท่านทั้งหลายเป็นสุข เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังท่าน ผลักไสท่าน ดูหมิ่นท่าน รังเกียจนามของท่านประหนึ่งนามชั่วร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของบุตรแห่งมนุษย์ จงชื่นชมในวันนั้นเถิด จงกระโดดโลดเต้นยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านนั้นยิ่งใหญ่นักในสวรรค์ บรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยทำเช่นนี้กับบรรดาประกาศกมาแล้ว
วิบัติจงเกิดกับท่านที่ร่ำรวย เพราะท่านได้รับความเบิกบานใจแล้ว
วิบัติจงเกิดกับท่านที่อิ่มเวลานี้ เพราะท่านจะหิว
วิบัติจงเกิดกับท่านที่หัวเราะเวลานี้ เพราะท่านจะเป็นทุกข์และร้องไห้
วิบัติจงเกิดกับท่านเมื่อทุกคนกล่าวยกย่องท่าน เพราะบรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยทำเช่นนี้กับบรรดาประกาศกเทียมมาแล้ว”

 

ข้อคิด

     ความสุขแท้กับความสุขเทียม ต่างกันที่การเพ่งมองโลกนี้หรือโลกหน้า ถ้าเราต้องการความสุขเพียงแค่โลกนี้ นั้นก็เท่ากับว่าเรากำลังเลือกแสวงเพียงแค่ความสุขเทียม ซึ่งเป็นแค่ชั่วคราวบนโลกใบนี้ ตรงกันข้าม ถ้าเราเลือกที่จะแสวงหาความสุขแท้ ซึ่งต้องผ่านความทุกข์ การเอาชนะความเห็นแก่ตัว และมุ่งที่จะทำดีช่วยเหลือผู้อื่น นี่คือหนทางสู่ชีวิตนิรันดร์

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2019 พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระนางมารีย์พรหมจารี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโคโลสี        คส 3:12-17
      พี่น้อง ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่รักของพระองค์ จงเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทนเป็นเสมือนเครื่องประดับตน จงผ่อนหนักผ่อนเบากัน หากมีเรื่องผิดใจก็จงยกโทษกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยอย่างนั้นเถิด แต่เหนือสิ่งใดจงมีความรัก ซึ่งรวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ขอให้สันติสุขของพระคริสตเจ้าครอบครองดวงใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านทั้งหลายให้รวมเป็นกายเดียวกันก็เพื่อจะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง จงระลึกถึงพระคุณนี้เถิด
     ขอพระวาจาของพระคริสตเจ้าสถิตในท่านอย่างเต็มเปี่ยม จงสอนและตักเตือนกันด้วยปรีชาญาณ จงขอบพระคุณพระเจ้าโดยการขับร้องบทเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จากใจจริง ท่านจะพูดเรื่องใดหรือทำกิจการใด ก็จงพูดจงทำในพระนามพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดยทางพระองค์เถิด

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 6:27-38
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำดีเฉพาะต่อผู้ที่ทำดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำเช่นนั้นด้วย
    ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ให้คนบาปด้วยกันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำนวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืน แล้วบำเหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยิ่ง ท่านจะเป็นบุตรของพระผู้สูงสุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย
จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”


ข้อคิด

     ทุกวันนี้การล้างแค้นการแก้แค้น ทำไปเพียงเพื่อความพอใจ หรือคิดเพียงว่าเพื่อความยุติธรรม... ตาต่อตา ฟันต่อฟัน... ใครทำชั่วจะต้องชดใช้ให้สาสม ซึ่งประโยคเหล่านี้หรือนิสัยแบบนี้คงจะใช้ไม่ได้กับคำสอนของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงสอนเรื่องความรักละการให้อภัย... ใครตบแก้มขวา จงหันแก้มซ้ายแถมให้จงรักศัตรูที่เข้ามาทำลาย...นี่แหละคือคำสอนสำหรับคริสตชน

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2019 ฉลองเทิดทูนไม้กางเขน

บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี                                      กดว 21:4-9
     ชาวอิสราเอลออกเดินทางจากภูเขาโฮร์มุ่งสู่ทะเลต้นกก เพื่อเลี่ยงแผ่นดินเอโดม แต่ขณะที่อยู่ตามทาง ประชากรเริ่มหมดความอดทน 5จึงพากันบ่นว่าพระเจ้าและโมเสสว่า “ทำไมท่านจึงพาพวกเราออกมาจากอียิปต์ให้มาตายในถิ่นทุรกันดารนี้ ที่นี่ไม่มีทั้งน้ำและอาหาร พวกเราเบื่ออาหารจืดชืดนี้เต็มทีแล้ว”
      องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งงูพิษมากัดประชาชน ทำให้ชาวอิสราเอลตายเป็นจำนวนมาก คนทั้งปวงจึงไปหาโมเสสขอร้องว่า “พวกเราทำบาปเพราะบ่นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าและบ่นว่าท่าน ขอท่านได้ทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทรงขจัดงูพิษเหล่านี้ออกไปเถิด” โมเสสจึงวอนขอพระเจ้าเพื่อประชากร แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า “จงทำงูโลหะติดไว้บนเสา ผู้ที่ถูกงูกัดและมองดูงูโลหะนั้น จะรอดชีวิต” โมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ขึ้นติดไว้ที่เสา ผู้ถูกงูกัด และมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นก็รอดชีวิต

 

สดด 78:1-2,34-35,36-38

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี    ฟป 2:6-11
     พี่น้อง แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นสูงส่ง และประทานพระนามให้แก่พระองค์ พระนามนี้ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้น เพื่อทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดิน รวมทั้งใต้พื้นพิภพ จะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม “เยซู” นี้ และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระบิดา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 3:13-17
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “ไม่มีใครเคยขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจากผู้ที่ลงมาจากสวรรค์ คือบุตรแห่งมนุษย์เท่านั้น โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์ จะมีชีวิตนิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้ มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น

 

ข้อคิด

     รูปงูทองแดงที่ถูกยกขึ้นในสมัยของโมเสสนั้น...แสดงถึงพระเมตตาของพระเจ้าต่อชาวยิวที่สำนึกผิด ทั้งยังสื่อความหมายถึงไม้กางเขนของพระเยซูคริสตเจ้าที่จะตามมา พระองค์ถูกประหารด้วยกางเขนที่ยกขึ้น เพื่อวอนขอพระบิดาโปรดอภัยความผิดของทุกคน เป็นความรักขั้นสูงสุด ด้วยการย่อมสละตนเองทั้งสิ้นเพื่อผู้อื่น เหมือนงูทองแดงที่สามารถช่วยรักษาคนถูกงูพิษกัด

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2019 ระลึกถึง น.ยอห์น ครีโซสตม พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่หนึ่ง      1 ทธ 1:1-2,12-14
จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซูโดยการแต่งตั้งตามพระบัญชาของพระเจ้า พระผู้ไถ่ของเรา และของพระคริสตเยซูผู้ทรงเป็นความหวังของเรา
ถึงทิโมธี ผู้เป็นบุตรแท้จริงในความเชื่อ

     ขอพระหรรษทาน พระเมตตากรุณาและสันติจากพระเจ้า พระบิดาและจากพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราสถิตกับท่านเถิด
     ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น่าเชื่อถือ จึงทรงเรียกให้มารับใช้ แม้ว่าก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพูดดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียนและทำทารุณ แต่ข้าพเจ้าก็ได้รับพระเมตตากรุณาจากพระองค์ เพราะข้าพเจ้าทำไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มีความเชื่อ แต่พระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทำให้ข้าพเจ้ามีความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซูอย่างเหลือล้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 6:39-42
     เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังอีกว่า “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ แต่ทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า ‘พี่น้อง ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะที่ท่านไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง”

 

ข้อคิด

     ในโลกนี้ไม่มีใครที่เป็นคนดีบริบูรณ์...เราทุกคนต่างมีความอ่อนแอและข้อบกพร่องด้วยกันทั้งนั้น แต่เราต่างเป็นพี่น้องกัน และในความเป็นพี่น้องกันนี่เอง ที่ทำให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจึงไม่มีอำนาจที่จะไปตัดสินว่า คนไหนดีคนไหนไม่ดี ซึ่งหลายครั้งพระเจ้าก็มักจะเตือนจะสอนเราเสมอว่า... จงอย่าตัดสินผู้อื่นแล้วท่านจะไม่ถูกตัดสิน... ถึงแม้ว่าเรามีความมั่นใจแล้วว่า ตัวเราเองไม่มีท่อนซุงในตาแล้ว เราก็ทำได้เพียงแต่แนะนำด้วยความรัก ความเมตตา ไม่ใช่การใช้คำพูดที่รุนแรงและซ้ำร้ายไปกว่านั้น ถ้าชีวิตของเรายังไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลย...

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2019 สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                          อพย 32:7-11,13-14
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงรีบลงไปข้างล่างเถิด เพราะประชากรของท่านซึ่งท่านได้นำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ได้ทำผิดอย่างสาหัส เขาเปลี่ยนวิถีทางอย่างรวดเร็วออกจากทางที่เราได้สั่งให้เขาเดิน เขาหล่อรูปลูกโคขึ้น แล้วกราบนมัสการ ทั้งยังถวายบูชาแก่รูปนั้น พร้อมกับกล่าวว่า ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่แหละเป็นพระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสต่อไปว่า “เรารู้จักคนเหล่านี้ดี เขาดื้อดึงเหลือเกิน อย่าห้ามเราเลย ความโกรธของเราจะเผาผลาญเขาทั้งหลาย และเราจะทำลายเขา เราจะทำให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่”
     โมเสสอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของตนว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์ทรงปล่อยให้พระพิโรธเผาผลาญประชากรของพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงนำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ผู้รับใช้พระองค์เถิด พระองค์ทรงสัญญากับเขาโดยทรงสาบานอาศัยพระนามพระองค์ว่า เราจะให้ลูกหลานของท่านมีจำนวนมากมายเหมือนดาวในท้องฟ้า เราจะให้แผ่นดินที่เราสัญญาไว้นี้ทั้งหมดแก่ลูกหลานของท่าน และเขาจะครอบครองเป็นมรดกตลอดไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ทรงลงโทษประชากรของพระองค์

 

เพลงสดุดี                                                              สดด 51:1-2,10-12,15 และ 17
     ก) ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์เถิด
โปรดทรงลบล้างการล่วงละเมิดของข้าพเจ้าเพราะพระกรุณาของพระองค์
โปรดทรงล้างข้าพเจ้าให้สะอาดหมดจดจากความผิดของข้าพเจ้า
โปรดชำระข้าพเจ้าให้บริสุทธิ์จากบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำ
     ข) ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงสร้างใจที่ใสสะอาดไว้ในข้าพเจ้า
โปรดทรงฟื้นฟูดวงจิตของข้าพเจ้าให้มั่นคง
ขออย่าทรงผลักไสข้าพเจ้าไปจากพระพักตร์
ขออย่าทรงยกพระจิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ออกจากข้าพเจ้าเลย
ขอพระองค์ประทานความชื่นชมที่ทรงช่วยให้รอดพ้นคืนให้ข้าพเจ้า
ขอพระองค์ทรงค้ำจุนจิตเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไว้ในข้าพเจ้า
      ค) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงเผยริมฝีปากของข้าพเจ้า
แล้วปากของข้าพเจ้าจะกล่าวสรรเสริญพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า เครื่องบูชาของข้าพเจ้าคือดวงจิตที่เป็นทุกข์
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ทรงรังเกียจใจที่เป็นทุกข์และถ่อมตน

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่หนึ่ง     1 ทธ 1:12-17
      พี่น้อง ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น่าเชื่อถือ จึงทรงเรียกให้มารับใช้ แม้ว่าก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพูดดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียนและทำทารุณ แต่ข้าพเจ้าก็ได้รับพระเมตตากรุณาจากพระองค์ เพราะข้าพเจ้าทำไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มีความเชื่อ แต่พระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทำให้ข้าพเจ้ามีความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซูอย่างเหลือล้น ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำที่น่าเชื่อถือและน่าที่ทุกคนจะยอมรับ คือ “พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้น” ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงแสดงพระเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า เพราะพระเยซู
คริสตเจ้าทรงต้องการแสดงความเพียรอดทนที่ยาวนานต่อข้าพเจ้าเป็นคนแรก เพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ที่เข้ามาเชื่อในพระองค์ให้ได้รับชีวิตนิรันดร ขอพระเกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร จงมีแด่พระเจ้าองค์เดียวที่เราแลเห็นไม่ได้ พระผู้ทรงเป็นอมตะ และพระผู้ทรงเป็นกษัตริย์นิรันดร อาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 15:1-10
     เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟัง
     “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่นทุรกันดาร ออกไปตามหาแกะที่หายไปจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบแกะตัวที่หายไปนั้นแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจ”
     “หญิงคนใดที่มีเงินสิบเหรียญแล้วทำหายไปหนึ่งเหรียญ จะไม่จุดตะเกียง กวาดบ้าน ค้นหาอย่างถี่ถ้วนจนกว่าจะพบหรือ เมื่อพบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกัน เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ”

 

ข้อคิด

     นายชุมพาบาลที่ออกตามหาแกะเพียงตัวเดียวที่หายไป ต้องการอธิบายว่า “คนบาปที่แม้หลงทางไปแล้ว แต่คุณต่าและศักดิ์ศรีของเขายังอยู่คงเดิม เขาเป็นลูกของพระองค์” พระเป็นเจ้าทรงห่วงใยเขามากกว่าคนดีทั่วไป... คอกแกะเปรียบดังชุมชนวัดที่เราอยู่ เราคริสตชนต้องเป็นแกะที่ดีในคอก ที่จะสนใจเพื่อนแกะด้วยกัน เป็นเหมือนพระเยซูที่วางแบบอย่างไว้

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown