มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์

เหมือนกับเมล็ดพืชในดินที่รอจังหวะเวลาโผล่ขึ้นมาจากดินเป็นต้นอ่อน พระเยซูคริสตเจ้าที่พักผ่อนอยู่ในคูหา ก็รอจังหวะเวลาที่จะกลับคืนชีพ

พระศาสนจักรกำลังตื่นเฝ้าอยู่รอบๆ คูหาของพระคริสตเจ้าพลางมีส่วนร่วมในธรรมล้ำลึกเดียวกันของพระองค์ อันที่จริงพระศาสนจักรเองก็รอคอยการกลับคืนชีพในวันสุดท้ายเช่นกัน ซึ่งเป็นวันยิ่งใหญ่ของพระคริสตเจ้า 

ตามธรรมประเพณีทีได้รับสืบทอดกันมา วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เป็นวันที่จะถวายบูชามิสซาไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการตระเตรียมการฉลองคืนวันปัสกา แต่ว่าจะมีวจนะพิธีกรรมอ่านพระวาจาและสวดชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์แทน เนื้อหาอันเป็นสาระสำคัญของบทอ่านดังกล่าวก็คือความหวังในการกลับคืนชีพและการที่พระแมสซียาห์เสด็จเข้าสู่พลับพลาแห่งฟ้าสวรรค์ในฐานผู้มีชัยเหนือความตาย 

การกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้านี้ได้พูดถึงเป็นนัยๆ อยู่แล้วในบทเพลงสดุดีและในคำทำนายของบรรดาประกาศกในพระธรรมเก่า การกลับคืนชีพนี้อยู่เหนือทรรศนะทั้งหลายของการมีชีวิตอยู่ต่อไป และอยู่เหนือการยืดชีวิตบนแผ่นดินนี้ให้ยาวนานต่อไปอีก เพราะการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าเป็นการเฉลิมฉลองการมีชีวิตความเป็นอยู่แบบใหม่ ซึ่งพรธรรมใหม่ได้ชี้แสดงให้เห็นในหลายๆ ทรรศนะที่แตกต่างกันออกไป และทรรศนะประการหนึ่งก็คือ “การเสด็จลงใต้บาดาลของพระคริสตเจ้า” อันเป็นการเสด็จไปสู่แดนผู้ตาย ทรรศนะที่ว่าได้รับการระลึกถึงในสัญลักษณะแห่งความเชื่อของศีลล้างบาปว่าเป็นขณะที่มีความสำคัญยิ่งในประวัติแห่งความรอดของคริสตชนแต่ละคน

พระคริสตเจ้า มนุษย์แท้จริง ได้พิสูจน์พระองค์เองจนถึงขั้นที่ยอมสิ้นพระชนม์เพื่อจะได้มีชัยชนะเหนือความตายและเพื่อผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้มีส่วนร่วมในชัยชนะดังกล่าวด้วย

บรรดาผู้ชอบะรรมของพระธรรมเก่าและมนุษย์ทุกคนที่ได้แสวงหาพระเจ้าด้วยจิตใจที่ซื่อตรงกำลังได้พบความสมบูรณ์ของสิ่งที่พวกเขาได้ตั้งความหวังไว้ในองค์พระคริสตเจ้า อาดัมคนใหม่

พระคริสตเจ้า มนุษย์ผู้สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้แลเห็นความเน่าเปื่อยผุพัง แต่ว่าได้รับการชุบชูให้มีชีวิตจากพระจิต พระองค์ได้เสด็จสู่สวรรค์พลางประกาศพระเกียรติมงคลของพระผู้เป็นเจ้า และได้เผยแสดงพระองค์เองว่าเป็น “เจ้านายของสรรพสิ่ง ทั้งในสวรรค์บนแผ่นดิน และใต้พิภพ” 

โดยนัยนี้ สำหรับคริสตชน ความตายมิใช่จุดจบของชีวิต แต่ว่าเป็นชัยชนะเหนือขอบเขตจำกัดของเงื่อนไขต่างๆ บนแผ่นดินนี้และเป็นการมีส่วนร่วมในชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้า

ศีลล้างบาปเป็นสัญลักษณ์ที่เราคริสตชนจะต้องตรึงตัวเราเองพร้อมๆ กับพระคริสตเจ้าเพื่อจะกลับคืนฟื้นขึ้นมาเป็นไทและได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า

คืนศักดิ์สิทธิ์ - คืนวันปัสกา
 
ธรรมประเพณีที่ได้รับสืบกันมาตั้งแต่โบราณที่คืนนี้เป็นแห่งการตื่นเฝ้าเป็นเกียรติแด่พระคริสตเจ้า (อพย 12:42)

ตามคำแนะนำของพระวรสาร (ลก 12:35…) บรรดาสัตบุรุษจะถือตะเกียงหรือเทียนจุดไว้ในมือเหมือนกับคนใช้ที่กำลังคอยเจ้านายกลับมา เพราะเมื่อเจ้านายกลับมา ก็จะพบพวกเขากำลังเฝ้าอยู่ และจะบอกพวกเขาให้นั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมกับท่าน

คืนวันปัสกาเป็นธรรมล้ำลึกอันยิ่งใหญ่ของชีวิตคริสตชน

ศีลล้างบาปและศีลมหาสนิทซึ่งเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมในวันนี้ ช่วยให้เราได้มีจิตสำนึกว่าเราอยู่ในเหตุการณ์ของการช่วยให้รอดของพระผู้ไถ่จริงๆ 

จากค่ำคืนวันแห่งการกลับคืนชีพนี้ พระคริสตเจ้าได้อยู่ท่ามกลางพวกเรา โดยอาศัยศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เป็นต้นโดยอาศัยศีลมหาสนิท

 การตื่นเฝ้าในคืนปัสกานี้จะประกอบด้วย

พิธีกรรมสั้นๆ แห่งแสงสว่าง

พระศาสนจักรรำพึงถึงสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ที่พระคริสตเจ้าได้กระทำสำเร็จเพื่อ ประชากรของพระองค์

พิธีกรรมแห่งศีลล้างบาป 

สัตบุรุษได้รับการเชื้อเชิญให้ไปรับประทานที่โต๊ะศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพระคริสตเจ้าได้จัดเตรียมไว้ให้โดยอาศัยการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown