มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน 2018 ระลึกถึง น.หลุยส์ คอนซากา นักบวช

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                            บสร 48:1-14
      ต่อจากนั้นก็มีเรื่องราวของประกาศกเอลียาห์ซึ่งเป็นเหมือนไฟ วาจาของเขาเผาผลาญเหมือนคบไฟ เขาทำให้เกิดขาดแคลนอาหารในหมู่ประชากร ความกระตือรือร้นของเขาทำให้ประชากรลดจำนวนลง เขาปิดท้องฟ้าตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทำให้ไฟลงมาจากท้องฟ้าถึงสามครั้ง ข้าแต่เอลียาห์ ท่านช่างมีชื่อเสียงรุ่งเรืองเพราะการอัศจรรย์ที่ได้ทำ ใครบ้างจะอวดตัวได้ว่าตนเท่าเทียมกับท่าน ท่านปลุกผู้ตายคนหนึ่งให้กลับคืนชีพ และพ้นจากแดนมรณะตามพระบัญชาของพระผู้สูงสุด ท่านผลักกษัตริย์หลายพระองค์ให้พินาศ และผลักบรรดาผู้ทรงเกียรติลงจากที่นอน ท่านได้ยินพระวาจาติเตียนที่ภูเขาซีนาย ได้ยินพระวินิจฉัยลงโทษบนภูเขาโฮเรบ ท่านเจิมกษัตริย์หลายพระองค์ให้ลงโทษผู้ทำผิด และเจิมบรรดาประกาศกให้สืบตำแหน่งต่อจากท่าน ท่านถูกยกขึ้นไปในพายุหมุนที่เป็นไฟ บนรถเทียมม้าเพลิง ท่านถูกกำหนดไว้ให้มาตำหนิประชากรในอนาคต เพื่อจะได้ระงับพระพิโรธก่อนที่จะลุกเป็นไฟ เพื่อนำจิตใจของบิดามาคืนดีกับบุตร และแต่งตั้งบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้นใหม่ บรรดาผู้ที่เคยเห็นท่านย่อมเป็นสุข เขาตายในความรัก เพราะเราทั้งหลายจะได้มีชีวิตอย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน เมื่อเอลียาห์ถูกยกขึ้นไปในพายุหมุน เอลีชาก็ได้รับจิตของเขาอย่างเต็มเปี่ยม เขาไม่เคยหวาดกลัวผู้ทรงอำนาจใดๆตลอดชีวิต ไม่มีผู้ใดบังคับเขาได้ ไม่มีสิ่งใดยากเกินไปสำหรับเขา แม้ในหลุมศพ ร่างกายของเขาก็ยังประกาศพระวาจา ขณะที่มีชีวิตอยู่ เขาทำปาฏิหาริย์ต่างๆ แม้เมื่อเขาตายแล้ว กิจการของเขาก็ยังน่าพิศวง

 

สดด 97:1-2,3-5,6-7

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                    มธ 6:7-15
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าพูดซ้ำเหมือนคนต่างศาสนา เขาคิดว่าถ้าเขาพูดมากพระเจ้าจะทรงสดับฟัง อย่าทำเหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการอะไร ก่อนที่ท่านจะขอเสียอีก ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานภาวนาดังนี้ ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์ โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ’
     เพราะถ้าท่านให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะประทานอภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน”

 

ข้อคิด
     ภาพของเด็กน้อยที่วิ่งเข้าไปกอดพ่อแม่เพื่อวอนขอบางสิ่งบางอย่างด้วยความจริงใจ เป็นภาพเดียวกับบทอธิษฐานภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนแก่บรรดาศิษย์ การภาวนามิใช่การโอ้อวดยกยอตนเองแต่เป็นความถ่อมตนเหมือนประกาศกเอลียาห์และเอลีชาผู้ยิ่งใหญ่แต่ไร้ความเย่อหยิ่งจองหอง การภาวนามิใช่การประชาสัมพันธ์สิ่งที่ตนปรารถนาแต่เป็นความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง การภาวนามิใช่การให้ยืมและส่งคืนแต่เป็นความรักและความวางใจในพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง คริสตชนจึงจำเป็นจะต้องภาวนาตามแบบอย่างพระคริสตเจ้า อาศัยการภาวนาเราจึงเติบโตในความเป็นคริสตชนที่แท้จริง

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 2018 น.เปาลิน แห่งโนลา พระสังฆราช น.ยอห์น ฟิชเชอร์ น.โทมัส โมร์ มรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง                       2 พกษ 11:1-4,9-18,20
      เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ พระชนนีของกษัตริย์อาคัสยาห์ทรงทราบว่าพระโอรสถูกปลงพระชนม์ ก็ทรงฆ่าเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ทันที แต่เยโฮเชบาพระธิดาของกษัตริย์เยโฮรัมและพระขนิษฐาของกษัตริย์อาคัสยาห์ ทรงนำเยโฮอาช พระโอรสของกษัตริย์อาคัสยาห์ออกจากกลุ่มพระโอรสที่จะต้องถูกฆ่าไปซ่อนไว้พร้อมกับแม่นมในห้องนอนบริเวณพระวิหาร ให้พ้นจากพระนางอาธาลิยาห์ และหลบซ่อนอยู่กับแม่นมในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลาหกปี ขณะที่พระนางอาธาลิยาห์ขึ้นครองแผ่นดิน
    ปีที่เจ็ด สมณะเยโฮยาดาส่งคนไปตามผู้บังคับบัญชาทหารชาวคารี และนายทหารองครักษ์มาพบตนในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทำสัญญากับเขา ให้ทุกคนสาบานในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วนำพระโอรสของกษัตริย์ออกมาให้เขาเห็น
บรรดานายทหารก็ปฏิบัติตามคำสั่งของสมณะเยโฮยาดา ต่างนำกำลังพลของตนมาด้วย ทั้งพวกที่เข้าประจำการในวันสับบาโต และพวกที่ออกจากประจำการในวันสับบาโต มาพบสมณะเยโฮยาดา สมณะนำหอกและโล่ของกษัตริย์ดาวิดที่เก็บไว้ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาแจกให้ผู้บังคับบัญชา ทหารองครักษ์จึงถืออาวุธครบมือเข้าประจำที่ ตั้งแต่ด้านใต้ของพระวิหารไปจนถึงด้านเหนือของพระวิหาร รอบพระแท่นบูชาและอาคารพระวิหารเพื่อปกป้องกษัตริย์ แล้วสมณะเยโฮยาดานำพระโอรสของกษัตริย์ออกมาสวมมงกุฎและมอบม้วนพันธสัญญาให้ เขาทั้งหลายประกาศแต่งตั้งและเจิมพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ทุกคนปรบมือโห่ร้องว่า “ขอพระราชาทรงพระเจริญ”
     พระนางอาธาลิยาห์ทรงได้ยินเสียงทหารองครักษ์และประชาชนโห่ร้องเสียงดัง ก็รีบเสด็จมาพบประชาชนในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อทอดพระเนตรเห็นกษัตริย์ทรงยืนอยู่ข้างเสาตามประเพณี นายทหารและพนักงานเป่าแตรยืนอยู่ข้างกษัตริย์ ประชาชนของแผ่นดินทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดีและเป่าแตร พระนางอาธาลิยาห์ทรงฉีกฉลองพระองค์ด้วยความขุ่นเคือง ทรงร้องตะโกนว่า “กบฏ กบฏ”
     สมณะเยโฮยาดาจึงสั่งผู้บัญชาการกำลังพลว่า “จงนำพระนางออกไประหว่างแถวทหาร ผู้ใดพยายามจะช่วยเหลือ ก็จงฆ่าผู้นั้น” เพราะสมณะได้บอกไว้แล้วว่า “อย่าฆ่าพระนางในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า” บรรดาทหารจึงจับกุมพระนาง คุมตัวผ่านประตูม้าของพระราชวัง แล้วปลงพระชนม์ที่นั่น
สมณะเยโฮยาดากระทำพันธสัญญา ระหว่างองค์พระผู้เป็นเจ้ากับกษัตริย์และประชาชน ว่า เขาจะเป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า และทำพันธสัญญาอีกระหว่างกษัตริย์กับประชากร ประชาชนของแผ่นดินทุกคนเข้าไปในวิหารของพระบาอัลและรื้อวิหารนั้น ทุบแท่นบูชาและรูปเคารพจนแหลกละเอียด และฆ่ามัทธานสมณะของพระบาอัลที่หน้าแท่นบูชานั้น สมณะจัดยามรักษาการณ์เฝ้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ประชาชนของแผ่นดินทุกคนต่างปลื้มปีติ ตั้งแต่พระนางอาธาลิยาห์ถูกปลงพระชนม์ในพระราชวัง บ้านเมืองก็สงบ

 

สดด 132:11,12-14,17-18

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                  มธ 6:19-23
    เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงอย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนแผ่นดินนี้เลย ที่นี่ทรัพย์สมบัติทั้งหลายถูกสนิมและตัวขมวนทำลาย ถูกขโมยเจาะช่องเข้ามาขโมยไปได้ แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด ที่นั่นไม่มีสนิมและตัวขมวนทำลาย ขโมยก็เจาะช่องเข้ามาขโมยไปไม่ได้ เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย”
“ประทีปของร่างกายคือดวงตา ดังนั้น ถ้าดวงตาของท่านเป็นปกติดี ร่างกายของท่านก็จะสว่างไปด้วย แต่ถ้าดวงตาของท่านไม่ดี ร่างกายของท่านก็จะมืดไปด้วย ฉะนั้น ถ้าความสว่างในท่านมืดไปแล้ว ความมืดจะยิ่งมืดมิดสักเพียงใด”

 

ข้อคิด
     ทรัพย์สมบัติบนแผ่นดินนี้จำเป็นสำหรับดูแลชีวิตและมีไว้เพื่อแบ่งปันแสดงความรักแก่เพื่อนพี่น้อง พระเยซูเจ้ามิทรงปฏิเสธแต่ทรงเตือนว่าอย่าหลงกับการสะสมทรัพย์สมบัตินั้นเพราะสิ่งที่เป็นนิรันดร์คือพระอาณาจักรสวรรค์ คริสตชนจะต้องมีใจที่ไม่หันเหไปจากความรักขององค์พระเจ้า คริสตชนจะต้องมีตาที่ไม่ละจากแสงสว่างแท้จริงคือองค์พระคริสตเจ้า ผู้ที่เลือกและดำเนินชีวิตเช่นนี้ พระเจ้าจะทรงปกป้องคุ้มครอง นำทาง และเลี้ยงดูเช่นเดียวกับที่ทรงปกป้องกษัตริย์เยโฮอาชจากเงื้อมมือของพระนางอาธาลิยาห์ ทรงดูแลและทรงยกขึ้นให้มีเกียรติต่อหน้าประชากร

วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน 2018 สมโภชนักบุญยอห์น บัปติสต์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                               อสย 49:1-6
     ดินแดนชายทะเลและเกาะทั้งหลายเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้าเถิด ประชาชนที่อยู่สุดแดนไกล จงตั้งใจฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าก่อนที่ข้าพเจ้าเกิด ทรงขานชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา พระองค์ทรงทำให้ปากข้าพเจ้าเป็นเสมือนดาบคม ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาพระหัตถ์พระองค์ ทรงทำให้ข้าพเจ้าเป็นเสมือนลูกศรแหลมคม และทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งเก็บลูกศรของพระองค์ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลเอ๋ย ท่านเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะแสดงสิริรุ่งโรจน์ของเราโดยทางท่าน” แต่ข้าพเจ้ากลับคิดว่า “ข้าพเจ้าได้ทำงานเหนื่อยเปล่า ข้าพเจ้าเสียแรงไปเปล่าๆ ไร้ประโยชน์” ถึงกระนั้น รางวัลของข้าพเจ้าอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน และค่าตอบแทนของข้าพเจ้าก็อยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างข้าพเจ้ามาในครรภ์มารดาให้เป็นผู้รับใช้พระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และรวบรวมอิสราเอลมาอยู่กับพระองค์ บัดนี้ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับเกียรติเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า 6พระองค์ตรัสว่า “เป็นการน้อยไปที่ท่านจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อสถาปนาเผ่าพันธุ์ยาโคบขึ้นใหม่ และรวบรวมอิสราเอลที่เหลืออยู่อีกครั้งหนึ่ง เราจะให้ท่านเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อความรอดพ้นที่เรานำมาให้จะได้แผ่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน”

 

สดด 139:1-3,13-14,15-16

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 13:22-26
      เมื่อทรงปลดกษัตริย์ซาอูลจากตำแหน่งแล้ว ก็ทรงแต่งตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองประชากรอิสราเอล ดังที่มีคำยืนยันในพระคัมภีร์ว่า ‘เราพบดาวิดบุตรของเจสซี เขาเป็นคนที่เราพอใจ เขาจะทำตามความประสงค์ของเราทุกประการ’ จากเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดนี้ พระเจ้าประทานพระเยซูเจ้าเป็นผู้ช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นตามพระสัญญา ยอห์นเตรียมรับเสด็จพระองค์ ประกาศพิธีล้างให้ประชาชนอิสราเอลทั้งปวงกลับใจ ขณะที่ยอห์นกำลังทำภารกิจของตนให้สำเร็จไป เขากล่าวว่า ‘ข้าพเจ้ามิได้เป็นอย่างที่ท่านทั้งหลายคิด แต่บัดนี้ มีผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา’
พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นบุตรจากเชื้อสายของอับราฮัมและท่านที่เคารพยำเกรงพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งข่าวเรื่องความรอดพ้นนี้แก่เรา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                    ลก 1:57-66,80
    เมื่อครบกำหนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนาง
     เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำพิธีสุหนัตให้ เขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มีญาติคนใดมีชื่อนี้” เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า 65เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา
    เด็กนั้นเจริญเติบโตขึ้น จิตใจของเขาเข้มแข็งขึ้นด้วย เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่เขาแสดงตนแก่ประชากรอิสราเอล

 

ข้อคิด
    ความยินดีของนักบุญยอห์นบัปติสต์อยู่ที่การได้รับเกียรติเป็นผู้เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า วันนี้เราสมโภชท่านนักบุญ ขอเชิญเราร่วมยินดีในพระเยซูคริสตเจ้าผู้ที่ท่านนักบุญเทิดทูนเถิด เพิ่มพูนความเชื่อในพระองค์เพราะทรงเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้ ทรงสืบเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดตามที่หนังสือกิจการอัครสาวกได้ยืนยัน ทรงเป็นพระผู้ไถ่ชาวเราอย่างแท้จริง พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับนักบุญยอห์นฉันใด ผู้ที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสตเจ้าก็จะได้รับพระพรอันอุดมฉันนั้น

วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2018 สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือพงศาวดาร ฉบับที่สอง                       2 พศด 24:17-25
     เมื่อสมณะเยโฮยาดาสิ้นชีวิตแล้ว บรรดาเจ้านายแห่งยูดาห์เข้ามาถวายบังคมเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์ พระองค์ทรงฟังคำทูลของเขา เขาทั้งหลายได้ละทิ้งพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษ ไปนมัสการเสาไม้ศักดิ์สิทธิ์และรูปเคารพ ความผิดนี้ทำให้พระเจ้าทรงลงโทษอาณาจักรยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งบรรดาประกาศกมาเตือนเขาให้กลับมาหาพระองค์ ประกาศกเหล่านี้กล่าวประณามความผิดของเขา แต่เขาไม่ยอมฟัง พระจิตของพระเจ้าเข้าประทับในเศคาริยาห์ บุตรของเยโฮยาดาสมณะ เขายืนอยู่ต่อหน้าประชาชน พูดว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้ ‘ทำไมท่านทั้งหลายจึงละเมิดบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะไม่ประสบความเจริญรุ่งเรือง ท่านได้ละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงทรงละทิ้งท่าน’” เขาทั้งหลายร่วมกันคิดร้ายต่อเศคาริยาห์ ขว้างหินใส่เขาจนตายในลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์โยอาชไม่ทรงระลึกถึงความกรุณาซึ่งสมณะเยโฮยาดา บิดาของเศคาริยาห์เคยทำต่อพระองค์ แต่ทรงประหารชีวิตบุตรของเขา เมื่อเศคาริยาห์ใกล้จะตายได้พูดว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเห็นและทรงลงโทษเถิด”
     เมื่อขึ้นปีใหม่กองทัพชาวอารัมก็ยกมาโจมตีกษัตริย์โยอาช เขาบุกรุกเข้ามาในอาณาจักรยูดาห์จนถึงกรุงเยรูซาเล็ม ทำลายล้างบรรดาเจ้านายของประชาชน และส่งของเชลยทั้งหมดไปถวายกษัตริย์แห่งกรุงดามัสกัส กองทัพชาวอารัมยกมาเป็นจำนวนน้อย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบกองทัพใหญ่ไว้ในมือของเขา เพราะชาวยูดาห์ได้ละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษ กษัตริย์โยอาชจึงทรงถูกลงโทษอย่างสาสม
     เมื่อชาวอารัมยกทัพกลับไปแล้ว กษัตริย์โยอาชทรงบาดเจ็บสาหัส บรรดาข้าราชบริพารคบคิดกันปลงพระชนม์พระองค์ เพื่อแก้แค้นที่ทรงประหารชีวิตบุตรของเยโฮยาดาสมณะ เขาปลงพระชนม์กษัตริย์โยอาชบนพระแท่นบรรทม พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ เขาฝังพระศพไว้ในนครของกษัตริย์ดาวิด แต่ไม่ได้ฝังไว้ในที่ฝังพระศพของบรรดากษัตริย์

 

สดด 89:3-4,28-29,30-32,33-35

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 6:24-34
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง เขาจะจงรักภักดีต่อนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้” “ฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากังวลถึงชีวิตของท่านว่าจะกินอะไร อย่ากังวลถึงร่างกายของท่านว่าจะนุ่งห่มอะไร ชีวิตย่อมสำคัญกว่าอาหาร และร่างกายย่อมสำคัญกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ จงมองดูนกในอากาศเถิด มันมิได้หว่าน มิได้เก็บเกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงมัน ท่านทั้งหลายมิได้มีค่ามากกว่านกหรือ ท่านใดบ้างที่กังวลแล้วต่ออายุของตนให้ยาวออกไปอีกสักหนึ่งวันได้ ท่านจะกังวลถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงสังเกตดูดอกไม้ในทุ่งนาเถิด มันเจริญงอกงามขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงเครื่องอย่างหรูหรา ก็ยังไม่งดงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง แม้แต่หญ้าในทุ่งนา ซึ่งมีชีวิตอยู่วันนี้ รุ่งขึ้นจะถูกโยนทิ้งในเตาไฟ พระเจ้ายังทรงตกแต่งให้งดงามเช่นนี้ พระองค์จะไม่สนพระทัยท่านมากกว่านั้นหรือ ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง ดังนั้น อย่ากังวลและกล่าวว่า ‘เราจะกินอะไร หรือจะดื่มอะไร หรือเราจะนุ่งห่มอะไร’ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้คนต่างศาสนาแสวงหา พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการทุกสิ่งเหล่านี้ จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” “ดังนั้น ท่านทั้งหลายอย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะวันพรุ่งนี้จะกังวลสำหรับตนเอง แต่ละวันมีทุกข์พออยู่แล้ว”

 

ข้อคิด
    พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ให้เชื่อในพระเจ้าด้วยใจที่ไม่แบ่งแยก เชื่อด้วยสิ้นสุดจิตใจ และดำรงชีวิตด้วยความหวัง วางใจในของพระองค์ผู้ทรงดูแลเราทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จากบทอ่านแรก กล่าวถึงแบบอย่างความผิดร้ายกาจของประชากรของพระเจ้าที่ปันใจไปหาพระอื่นนำมาซึ่งความพินาศอันเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับคริสตชนในปัจจุบัน ดังนั้นเราจะต้องมุ่งปฏิบัติความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องด้วยสุดกำลัง พระองค์จะทรงเพิ่มเติมทุกสิ่งที่จำเป็นให้แก่เรา

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน 2018 สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง                     2 พกษ 17:5-8,13-15ก,18
     กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงยกทัพมารุกรานแผ่นดินทั้งหมด เสด็จมาถึงกรุงสะมาเรียและทรงล้อมเมืองเป็นเวลาสามปี ปีที่เก้าในรัชกาลกษัตริย์โฮเชยา กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงยึดกรุงสะมาเรียได้ ทรงกวาดต้อนชาวอิสราเอลไปเป็นเชลยที่อัสซีเรีย ให้ตั้งหลักแหล่ง บางส่วนอยู่ที่เมืองคาลาห์ บางส่วนอยู่ที่แม่น้ำคาโบร์ในแคว้นโกซาน บางส่วนอยู่ตามเมืองต่างๆ ของชาวมีเดีย
     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะชาวอิสราเอลทำบาปผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของตน พระองค์ทรงนำเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ พ้นจากมือของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ แต่เขากลับไปนมัสการเทพเจ้าอื่น ปฏิบัติตามประเพณีของชนชาติที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปเมื่อชาวอิสราเอลเข้ามาอาศัยอยู่ และปฏิบัติตามประเพณีต่างๆ ที่กษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงนำเข้ามา
     องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้บรรดาประกาศกและผู้ทำนาย มาเตือนชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์ว่า “จงละทิ้งหนทางชั่วร้ายของท่าน จงปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อกำหนด ดังที่มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติที่เรามอบให้แก่บรรพบุรุษของท่าน และตกทอดมาถึงท่านทางบรรดาประกาศกผู้รับใช้ของเรา” แต่เขาไม่ยอมเชื่อฟัง มีจิตใจดื้อรั้นเหมือนบรรพบุรุษซึ่งไม่ยอมเชื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของตน ดูหมิ่นข้อกำหนดและพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงทำกับบรรพบุรุษของเขา ดูหมิ่นคำตักเตือนที่ทรงให้ไว้
     องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธชาวอิสราเอลอย่างยิ่ง และทรงผลักไสเขาให้พ้นจากพระพักตร์ เหลือไว้แต่เผ่ายูดาห์เท่านั้น

 

สดด 60:1,2-3,10-11

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 7:1-5
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน ท่านตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น ท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าจะทรงใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่าน ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะที่มีท่อนซุงอยู่ในดวงตาของท่าน ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด แล้วจะได้เห็นชัดก่อนไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง”

 

ข้อคิด
     มาตรการของคริสตจริยธรรมเริ่มต้นที่ความเชื่อว่า “พระเจ้าเป็นความรัก” (1 ยน 4:8) ทรงรักเราก่อน เราทุกคนจึงมีหน้าที่ตอบแทนความรักนี้ด้วยการรักพระองค์และเพื่อนพี่น้อง วันนี้พระเยซูเจ้าเตือนว่าอย่าทำในสิ่งที่เกินขอบเขตของเราที่จะทำได้ และอย่าวางตนเองเป็นมาตรการตัดสินผู้อื่น อย่ายกตนเป็นพระเจ้า ในบทอ่านที่หนึ่ง กล่าวถึงความรักของพระเจ้าที่ทำงานผ่านทางการตักเตือนของประกาศก แต่เป็นใจของพวกเขาที่ดื้อรั้นไม่เปิดรับความรักนี้จึงนำมาซึ่งความพินาศ ขอให้เราดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระเยซูเจ้า ยึดความรักเป็นหลักในการดำเนินชีวิตทั้งต่อตัวเราและต่อผู้อื่น

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown