มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2023 ฉลอง น.อันดรูว์ อัครสาวก

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโรม                             รม 10:9-18

      พี่น้อง ถ้าท่านประกาศด้วยปากว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และมีความเชื่อในใจว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ท่านก็จะรอดพ้น การเชื่อด้วยใจจะบันดาลความชอบธรรม การประกาศด้วยปากจะบันดาลความรอดพ้น เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย” เพราะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างชาวยิวกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว พระองค์เท่านั้นทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับมนุษย์ทุกคน ประทานพระพรมากมายให้ทุกคนที่เรียกขานพระองค์ เพราะทุกคนที่เรียกขานพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะรอดพ้น

        ฉะนั้น ชาวอิสราเอลจะเรียกขานพระองค์ได้อย่างไร ถ้าพวกเขาไม่เชื่อ จะเชื่อได้อย่างไร ถ้าไม่เคยได้ยิน จะได้ยินได้อย่างไร ถ้าไม่มีใครประกาศสอน จะมีผู้ประกาศสอนได้อย่างไร ถ้าไม่มีใครส่งไป ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เท้าของผู้ประกาศข่าวดีช่างงดงามจริงหนอ”

        บางคนเท่านั้นได้เชื่อฟังข่าวดี ดังที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า ใครเล่าได้เชื่อคำประกาศของเรา” ดังนั้น ความเชื่อจึงมาจากการฟัง สิ่งที่ได้ฟังก็มาจากพระวาจาของพระคริสตเจ้า

        ข้าพเจ้าขอถามว่า เป็นไปได้หรือที่เขาไม่ได้ยิน เขาได้ยินแน่นอน เพราะเสียงของผู้ประกาศข่าวดีกระจายไปทั่วแผ่นดิน และวาจาของเขาแพร่ไปจนสุดปลายพิภพ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                                     มธ 4:18-22

       ขณะที่ทรงดำเนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นพี่น้องสองคนคือซีโมนที่เรียกว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” เขาทั้งสองคนก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที

        เมื่อทรงดำเนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดี และยอห์นน้องชายกำลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาทั้งสองคนก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป

 

ข้อคิด

     อันดรูว์ แปลว่า กล้าหาญ นักบุญอันดรูว์และนักบุญยอห์นเคยเป็นศิษย์ของท่านยอห์นผู้ทำพิธีล้าง  ทั้งสองได้ติดตามและพักอยู่กับพระองค์  ต่อมา  นักบุญอันดรูว์ได้บอกพี่ชาย  นักบุญเปโตรว่าได้พบพระเมสสิยาห์และพา นักบุญเปโตรไปพบเยซูเจ้า (ยน 1:41-42) ท่านได้ละทิ้งอาชืพประมงและติดตามพระเยซูเจ้าอย่างซื่อสัตย์ ดำเนินชีวิตตามข่าวดี มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มอัครสาวก แม้จะไม่มีบทบาทเป็นผู้นำในกลุ่มอัครสาวก  แต่ท่านมีความสุขที่ได้เป็นศิษย์ของพระองค์  ท่านทูลพระเยซูเจ้าว่า “เด็กคนหนึ่งที่มีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนและปลาสองตัว” (ยน 6: 8 -9) เปิดทางให้พระองค์ทำอัศจรรย์  พร้อมกับ นักบุญฟิลิปท่านได้การนำชาวกรีกที่นับถือพระเจ้ามาพบพระเยซูเจ้า (ยน 12: 22) ท่านได้ถามพระเยซูเจ้าเรื่องวาระสุดท้ายของโลก (มก 13:3 – 37) ท่านเป็นคนร้อนรนกล้าหาญและมีความสุข ได้เป็นมรณสักขีที่เมืองปาตราส แคว้นอาร์เคเดีย ประเทศกรีก

 

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2023 สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกดาเนียล                                      ดนล 5:1-6,13-14,16-17,23-28

          ในครั้งนั้น กษัตริย์เบลชัสซาร์ทรงจัดงานเลี้ยงฉลองแก่เจ้านายหนึ่งพันคน และเสวยน้ำจัณฑ์พร้อมกับเจ้านายเหล่านั้น เมื่อกษัตริย์เบลชัสซาร์เสวยน้ำจัณฑ์มากแล้ว มีพระบัญชาให้นำภาชนะทองคำและเงิน ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์พระบิดาทรงนำมาจากพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็มออกมา เพื่อพระองค์จะทรงใช้เสวยพร้อมกับบรรดาเจ้านาย พระสนมและนางห้ามของพระองค์ บรรดาผู้รับใช้จึงนำภาชนะทองคำและเงินซึ่งถูกนำมาจากพระวิหารของพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม กษัตริย์ทรงใช้ภาชนะเหล่านี้เสวยพร้อมกับบรรดาเจ้านาย พระสนมและนางห้ามของพระองค์ ขณะที่ทุกคนกำลังดื่มเหล้าองุ่นและสรรเสริญเทพเจ้าที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้และหิน ทันใดนั้น นิ้วมือมนุษย์ปรากฏขึ้นและเขียนบนผนังของท้องพระโรงตรงหน้าเชิงประทีป เมื่อกษัตริย์ทรงเห็นนิ้วมือที่กำลังเขียนอยู่ พระพักตร์ของพระองค์ก็ซีดเผือด พระดำริทำให้พระองค์ตกพระทัย พระวรกายก็อ่อนเปลี้ย พระชานุก็กระทบกัน

          มีผู้นำดาเนียลเข้ามาเฝ้ากษัตริย์ พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านคือดาเนียล ชาวยิวคนหนึ่งในบรรดาผู้ที่พระบิดาของเราทรงจับเป็นเชลยจากแคว้นยูดาห์มาอยู่ที่นี่ใช่ไหม เราได้ยินว่าท่านมีจิตของบรรดาเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ และทุกคนรู้ว่าท่านมีความสว่าง มีปัญญาและปรีชาญาณพิเศษกว่าผู้อื่น เราได้ยินว่าท่านอธิบายและแก้ปริศนาได้ ถ้าท่านอ่านข้อเขียนนี้และอธิบายความหมายให้เราได้ เราจะให้ท่านสวมเสื้อสีม่วงแดง สวมสร้อยคอทองคำ และจะแต่งตั้งท่านให้มีอำนาจปกครองเป็นลำดับที่สามในราชอาณาจักร”

          ดาเนียลทูลตอบว่า “ขอพระองค์ทรงเก็บของพระราชทานไว้กับพระองค์ และประทานเป็นรางวัลแก่ผู้อื่นเถิด ข้าพเจ้าจะอ่านข้อเขียนนี้ถวาย และจะอธิบายความหมายให้ทรงทราบ ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังทรงยกพระองค์ขึ้นดูหมิ่นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ ทรงให้นำภาชนะแห่งพระวิหารของพระเจ้ามาเฉพาะพระพักตร์ แล้วพระองค์ก็เสวยเหล้าองุ่นจากภาชนะเหล่านั้น พร้อมกับบรรดาเจ้านาย พระสนมและนางห้ามของพระองค์ พระองค์ทรงสรรเสริญบรรดาเทพเจ้าที่ทำด้วยเงิน ทองคำ ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้และหิน เทพเจ้าเหล่านี้มองไม่เห็น ไม่ได้ยินและไม่เข้าใจอะไรเลย พระองค์มิได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ทั้งๆ ที่พระชนมชีพของพระองค์อยู่ในพระหัตถ์พระเจ้า และวิถีชีวิตทั้งหมดของพระองค์ก็เป็นของพระเจ้าด้วย พระเจ้าจึงทรงส่งมือมาเขียนข้อความนี้ไว้ ซึ่งอ่านได้ว่า ‘เมเน เทเคล เปเรส’ นี่คือความหมายของข้อเขียน ‘เมเน’ มีความหมายว่า ‘นับแล้ว’ พระเจ้าทรงนับวันพระอาณาจักรของพระองค์แล้ว และทรงนำพระอาณาจักรมาถึงจุดจบ ‘เทเคล’ มีความหมายว่า ‘ชั่งแล้ว’ พระองค์ทรงถูกชั่งบนตราชูและปรากฏว่าทรงมีน้ำหนักไม่พอ ‘เปเรส’ มีความหมายว่า ‘แบ่งแล้ว’ พระอาณาจักรของพระองค์ถูกแบ่งแล้วและถูกมอบแก่ชาวมีเดียและชาวเปอร์เซีย”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                             ลก 21:12-19

           เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า

         “แต่ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เขาจะจับกุมท่าน จะเบียดเบียนท่าน จะนำท่านไปไต่สวนในศาลาธรรม และจะจองจำท่านในคุก เขาจะนำท่านไปยืนต่อหน้ากษัตริย์และผู้ว่าราชการเพราะนามของเรา และนี่จะเป็นโอกาสให้ท่านเป็นพยานถึงเรา จงตัดสินใจว่าท่านจะไม่หาคำแก้ตัวไว้ก่อน เราจะให้คำพูดและปรีชาญาณแก่ท่าน ซึ่งศัตรูของท่านจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้ บิดามารดา พี่น้อง ญาติและมิตรสหายจะทรยศต่อท่าน บางท่านจะต้องถูกประหารชีวิตด้วย ท่านทั้งหลายจะเป็นที่เกลียดชังของทุกคนเพราะนามของเรา แต่เส้นผมบนศีรษะของท่านจะไม่เสียไปแม้แต่เส้นเดียว ด้วยการยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้”

 

ข้อคิด

     กษัตริย์เบลซัสซาร์ทรงจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่แก่ข้าราชบริพาร  พระองค์มีพระบัญชาให้นำภาชนะ จากพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็มมาใช้ กษัตริย์ทรงเห็นนิ้วมนุษย์ที่กำลังเขียนอยู่บนผนัง เป็นเครื่องหมายที่บอกพระองค์ว่า พระองค์มิได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า  และดูหมิ่นพระเจ้าโดยนำภาชนะของพระวิหารมาใช้อย่างไม่เหมาะสม  อาณาจักรของพระองค์จะต้องสิ้นสุดลง พระเยซูเจ้าตรัสถึงเครื่องหมายต่างๆของการเบียดเบียนก่อนจะถึงเวลาสิ้นพิภพ  พระองค์ขอให้บรรดาศิษย์ของพระองค์อดทนยืนหยัดมั่นคง  ไม่กลัวความยากลำบาก  การเบียดเบียนที่จะนำไปสู่การเป็นพยานถึงพระองค์ มีการตื่นเฝ้าภาวนาเสมอ และมีความวางใจในพระเจ้าว่าจะทรงดูแลผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์“ด้วยการยืนหยัดมั่นคง ท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้”(ลก21: 19)

 

วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2023 สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกดาเนียล                                      ดนล 1:1-6,8-20

      ปีที่สามในรัชกาลกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงยกทัพมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ รวมทั้งเครื่องใช้ส่วนหนึ่งของพระวิหารของพระเจ้า ไว้ในมือของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ พระองค์ทรงนำสิ่งของเหล่านี้มายังแผ่นดินชินาร์ และทรงเก็บไว้ในห้องคลังวิหารของเทพเจ้าของพระองค์

     กษัตริย์ทรงบัญชาอัชเปนัส หัวหน้ามหาดเล็ก ให้นำชาวอิสราเอลบางคนที่เป็นเชื้อพระวงศ์หรือมาจากตระกูลขุนนาง เป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายสมบูรณ์ รูปร่างงาม เฉลียวฉลาด มีปรีชา เรียนรู้วิชาการต่างๆ ได้รวดเร็ว และรอบคอบในการตัดสิน ให้มาอยู่ในราชสำนัก เพื่อเรียนเขียนและพูดภาษาของชาวเคลเดีย กษัตริย์ทรงกำหนดให้เขาได้รับส่วนอาหารและเหล้าองุ่นจากโต๊ะเสวยของพระองค์ทุกวัน เขาจะต้องรับการศึกษาเป็นเวลาสามปี เมื่อครบกำหนดแล้ว จะได้เข้ารับราชการ ในบรรดาชายหนุ่มเหล่านี้มีชาวยูดาห์ คือดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์

     ดาเนียลตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำตนเป็นมลทิน โดยกินอาหารหรือดื่มเหล้าองุ่นจากโต๊ะเสวยของกษัตริย์ เขาจึงขอหัวหน้ามหาดเล็กอย่าได้บังคับตนให้เป็นมลทิน พระเจ้าทรงบันดาลให้หัวหน้ามหาดเล็กพอใจและเห็นชอบกับดาเนียล แต่หัวหน้ามหาดเล็กก็ทักท้วงดาเนียลว่า “ข้าพเจ้าเกรงกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ผู้ทรงกำหนดอาหารและเครื่องดื่มของท่าน ถ้าพระองค์ทรงเห็นว่าท่านทั้งสี่คนมีใบหน้าซีดกว่าใบหน้าชายหนุ่มคนอื่นๆ ที่มีอายุเท่ากัน ท่านก็จะทำให้ข้าพเจ้าต้องเสี่ยงชีวิตถูกกษัตริย์ลงโทษ” ดาเนียลจึงบอกผู้ที่หัวหน้ามหาดเล็กกำหนดให้ดูแลดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอลและอาซาริยาห์ว่า “จงทดลองผู้รับใช้ของท่านเป็นเวลาสิบวัน ท่านจงให้พวกเรากินแต่ผักและดื่มน้ำเปล่า แล้วท่านจงเปรียบเทียบใบหน้าของพวกเรากับใบหน้าของบรรดาชายหนุ่มที่กินเครื่องเสวยของกษัตริย์ และจงทำกับผู้รับใช้ของท่านตามที่ท่านเห็นควรเถิด” เขาก็ยอมทำตามข้อเสนอนี้และทดลองเป็นเวลาสิบวัน เมื่อครบสิบวันแล้วก็ปรากฏว่าใบหน้าของชายหนุ่มเหล่านี้ดีกว่า เปล่งปลั่งกว่าใบหน้าของชายหนุ่มอื่นๆ ที่กินเครื่องเสวยของกษัตริย์ ตั้งแต่นั้นมา ผู้ดูแลก็สั่งให้งดนำเครื่องเสวยและเหล้าองุ่นที่เขาทั้งสี่คนควรจะได้รับนั้น นำแต่ผักมาให้เขากิน พระเจ้าประทานความรู้ ความเชี่ยวชาญในการอ่านเขียนและปรีชาญาณแก่ชายหนุ่มทั้งสี่คน และทรงบันดาลให้ดาเนียลอธิบายความหมายของนิมิตและความฝันได้อีกด้วย

       เมื่อครบกำหนดที่กษัตริย์ทรงบัญชาให้นำชายหนุ่มทุกคนเข้าเฝ้า หัวหน้ามหาดเล็กนำเขาเข้าเฝ้ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ทรงสนทนากับเขาทุกคน และทรงเห็นว่าไม่มีใครเฉลียวฉลาดเหมือนดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอลและอาซาริยาห์ เขาทั้งสี่คนจึงได้เข้ารับราชการ เมื่อกษัตริย์ตรัสถามเรื่องราวที่ต้องใช้ปรีชาญาณและความรอบรู้ พระองค์ก็ทรงพบว่าคำตอบของชายหนุ่มเหล่านี้ดีกว่าคำตอบของบรรดาโหราจารย์และผู้วิเศษ ซึ่งอยู่ทั่วอาณาจักรของพระองค์ถึงสิบเท่า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                            ลก 21:1-4

     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีกำลังใส่เงินถวายลงในตู้ทาน ทรงเห็นหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งใส่เหรียญทองแดงสองเหรียญลงในตู้ทานด้วย จึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ทำทานมากกว่าทุกคน เพราะทุกคนนำเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมดสำหรับเลี้ยงชีพมาทำทาน”

 

ข้อคิด

     ในยุคสมัยที่บ้านเมืองของชาวอิสราเอลถูกปกครองโดยกษัตริย์ต่างชาติ  ดาเนียลและเพื่อนเป็นคนธรรมดาสามัญ  แต่รักและซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าแม้ในเรื่องเล็กน้อย  ดาเนียลและเพื่อนได้รับโอกาสเตรียมเข้ารับราชการ  พวกเขาตั้งใจไม่ทำตนเป็นมลทิน โดยกินอาหารที่เป็นผักและน้ำเปล่า พระเจ้าทรงดูแลพวกเขาให้มีสุขภาพดี  สติปัญญาดี  จนสามารถเข้ารับราชการได้  พระเยซูเจ้ามองที่จิตใจ  ไม่ได้ดูที่ปริมาณ  พระองค์ตรัสว่า “หญิงม่ายยากจนคนนี้ทำทานมากกว่าทุกคน เพราะทุกคนนำเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่ผู้หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมดสำหรับเลี้ยงชืพมาทำทาน” แม้นางให้เงินจำนวนน้อย  แต่ให้ด้วยใจกว้าง  ไม่ยึดติดกับวัตถุสิ่งของ  และวางใจพระเจ้า

 

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2023 สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกดาเนียล                                      ดนล 2:31-45

          ในครั้งนั้น ดาเนียลทูลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่พระราชา ในนิมิตพระองค์ทอดพระเนตรเห็นรูปปั้นขนาดใหญ่มากตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ รูปนั้นส่องแสงแรงกล้าดูน่ากลัว เศียรของรูปทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ อกและแขนทำด้วยเงิน ท้องและโคนขาทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ขาทำด้วยเหล็ก ส่วนเท้าทำด้วยเหล็กปนดินเผา ขณะที่กำลังทอดพระเนตรอยู่นั้น หินก้อนหนึ่งหลุดจากภูเขา มิใช่ด้วยมือของมนุษย์ มาปะทะรูปปั้นนั้นที่เท้าซึ่งทำด้วยเหล็กปนดินเผา ทำให้เท้านั้นแตกเป็นชิ้นๆ แล้วทั้งเหล็กปนกับดินเผา ทองสัมฤทธิ์ เงิน และทองคำ ต่างก็แหลกละเอียดเหมือนแกลบบนลานนวดข้าวในฤดูร้อน ลมก็พัดมันไป ไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย ส่วนหินก้อนที่ปะทะรูปนั้นก็กลายเป็นภูเขาใหญ่ ขยายไปทั่วแผ่นดิน นี่คือพระสุบิน บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายจะทำนายพระสุบินให้พระราชาทรงทราบ”

           “ข้าแต่พระราชา พระองค์ทรงเป็นจอมกษัตริย์ พระเจ้าแห่งสวรรค์ประทานราชอาณาจักร อานุภาพ พลังและพระเกียรติยศแด่พระองค์ และทรงมอบมนุษย์ สัตว์ในทุ่งนาและนกในอากาศ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดไว้ในพระหัตถ์ของพระราชา ให้ทรงปกครองทุกสิ่ง พระองค์คือเศียรทำด้วยทองคำ ต่อจากพระองค์จะมีอีกราชอาณาจักรหนึ่ง ด้อยกว่าราชอาณาจักรของพระองค์ขึ้นมาแทน แล้วจะมีราชอาณาจักรที่สามทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ซึ่งจะปกครองทั่วแผ่นดิน ต่อจากนั้นจะมีราชอาณาจักรที่สี่ซึ่งแข็งเหมือนเหล็ก เหล็กทุบทุกสิ่งให้แตกเป็นชิ้นๆ ฉันใด ราชอาณาจักรนั้นก็จะทำลายอาณาจักรอื่นๆ ให้แหลกฉันนั้น ดังที่พระองค์ทรงเห็น เท้าและนิ้วเท้าของรูปนั้นเป็นดินเผาปนเหล็ก หมายความว่าราชอาณาจักรนั้นจะไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จะมีความแข็งของเหล็กอยู่บ้าง เพราะมีเหล็กปนกับดินเผา ดังที่ทรงเห็น นิ้วเท้าเป็นเหล็กปนดินเผาฉันใด ราชอาณาจักรนั้นก็จะแข็งบ้าง เปราะบางบ้างฉันนั้น ที่พระองค์ทรงเห็นเหล็กปนดินเผา หมายความว่ากษัตริย์จะมีความสัมพันธ์กันด้วยการสมรส แต่จะไม่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว เหมือนกับเหล็กที่ไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับดินเผา ในรัชสมัยของกษัตริย์เหล่านี้ พระเจ้าแห่งสวรรค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรหนึ่งขึ้น ซึ่งจะไม่มีวันถูกทำลาย และจะไม่ตกไปอยู่ในมือของชนชาติอื่น ราชอาณาจักรนี้จะทำลายราชอาณาจักรอื่นๆ ทั้งหมดให้แหลกละเอียดจนสิ้นเชิง และจะคงอยู่ตลอดไป นี่คือความหมายของหินที่พระองค์ทรงเห็นหลุดออกมาจากภูเขามิใช่ด้วยมือมนุษย์ ซึ่งทำให้เหล็ก ทองสัมฤทธิ์ ดินเผา เงิน และทองคำแตกเป็นชิ้นๆ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทรงเปิดเผยให้พระราชาทรงทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พระสุบินนี้เป็นความจริง และคำทำนายพระสุบินก็เชื่อถือได้”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                               ลก 21:5-11

         ขณะนั้น บางคนให้ข้อสังเกตว่า พระวิหารมีหินและของถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “สักวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย” เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และมีเครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้น”

       พระองค์ตรัสตอบว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านได้ หลายคนจะอ้างนามของเรา พูดว่า ‘ฉันเป็นพระคริสต์’ และ ‘เวลากำหนดมาถึงแล้ว’ อย่าตามเขาไป เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินข่าวลือเรื่องสงครามและการปฏิวัติ จงอย่าตกใจ เหตุการณ์เหล่านี้จำเป็นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ยังไม่ถึงวาระสุดท้าย” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชาติหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกชาติหนึ่ง อาณาจักรหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกอาณาจักรหนึ่ง แผ่นดินไหวใหญ่หลวง ความอดอยาก และโรคระบาดจะเกิดขึ้นหลายแห่ง จะมีเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว และเครื่องหมายยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในท้องฟ้า”

 

ข้อคิด

     พระเจ้าตรัสกับกษัตริย์เนบูคัสเนสชาร์ผ่านทางดาเนียลว่า อาณาจักรที่มีอำนาจมีคุณค่ามากสำหรับพระองค์จะถูกทำลาย อาณาจักรที่มีอำนาจในประวัติศาสตร์ ได้แก่ อาราจักรบาบิโลน มีเดีย เปอร์เซีย และกรีก ฯลฯ
ต่อมาอาณาจักรเหล่านั้นก็จะเสื่อมสลายไป แต่อาฅณาจักรที่พระเจ้าทรงตั้งขึ้นจะไม่ถูกทำลาย จะคงอยู่ตลอดไป อาณาจักรพระเจ้านี้สำเร็จในองค์พระเยซูคริสตเจ้าผู้สิ้นพระชนม์บนกางเขนและทรงกลับคืนพระชนมชืพ และพระอาณาจักรพระเจ้านี้ยังดำเนินต่อไปในพระอาณาจักร ซึ่งจะสำเร็จสมบูรณ์ในสวรรค์ เราคริสตชนเป็นสมาชิก และมีส่วนร่วมในการสืบสานพันธกิจของพระเยซูคริสต์ คือ การก้าวเดินไปด้วยกัน การทำให้พระศาสนจักรเป็นเครื่องหมายและเครื่องมือในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียว การเสริมสร้างวัฒนธรรมใหม่แห่งความรักในโลกปัจจุบัน

 

 

 

 

 

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2023 สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล                                   อสค 34:11-12,15-17

     องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ “ดูซิ เราจะเอาใจใส่และจะแสวงหาฝูงแกะของเราเอง ผู้เลี้ยงแกะอยู่กับฝูงแกะและรวบรวมแกะที่กระจัดกระจายไปฉันใด เราก็จะรวบรวมแกะของเราฉันนั้น เราจะช่วยแกะให้พ้นจากสถานที่ที่แกะได้กระจัดกระจายไปอยู่ในวันที่มีเมฆและมีความมืดทึบ

       เราเองจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา เราจะให้เขานอนพัก องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เราจะตามหาแกะที่สูญหายไป เราจะนำแกะที่หลงทางกลับมา เราจะพันแผลแกะที่บาดเจ็บ เราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย เราจะดูแลแกะที่อ้วนและแข็งแรง เราจะเลี้ยงเขาอย่างยุติธรรม”

          องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ “ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นฝูงแพะแกะของเราเอ๋ย ดูซิ เราจะพิพากษาระหว่างแกะกับแกะ ระหว่างแกะเพศผู้กับแพะเพศผู้”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง            1 คร 15:20-26,28

       พี่น้อง ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผลแรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว ความตายมาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันใด การกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น แต่จะเป็นไปตามลำดับของแต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานั้นพระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระบิดา หลังจากทรงทำลายการปกครอง อำนาจและอานุภาพทั้งหลาย เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ เมื่อทุกสิ่งถูกปราบอยู่ใต้อำนาจของพระคริสตเจ้าแล้ว พระบุตรก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้า ผู้ทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะได้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน

 

บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว          มธ 25:31-46

        เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์รุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา’

       บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา’

        แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า ‘ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่ง จงไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดรที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและบริวารของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและอยู่ในคุก ท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ช่วยเหลือ’ พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำสิ่งใดต่อผู้ต่ำต้อยของเราคนหนึ่ง ท่านก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร”

 

ข้อคิด

     วันอาทิตย์สุดท้ายของปีพิธีกรรม ทุกวันอาทิตย์คริสตชนฉลองธรรมล้ำลึกชีวิตของพระเยซูคริสต์ กษัตริย์ของสิ่งสร้างทั้งมวล  ผู้เลี้ยงแกะที่เอาใจใส่ดูแลและยอมสละชีวิตเพื่อฝูงแกะของตน  กษัตริย์ผู้ปราบศัตรู คือ บาปและความตาย  ผลขอบาป  คือ สงคราม ความรุนแรง  ความเอาเปรียบ  ความอยุติธรรม  การบั่นทอนศักดิ์ศรีของมนุษย์ในทุกรูปแบบพระองค์เสด็จมาเพื่อเสริมสร้างอาณาจักรของพระเจ้าแห่งความจรองและชีวิต  ความศักดิ์สิทธิ์และพระหรรษทาน  ความยุติธรรม  ความรัก  และสันติ  พระเยซูเจ้าทรงพูดถึงเงื่อนไขที่จะทำให้พระอาราจักรพระเจ้าเป็นจริงคือ  ความรักที่เป็นรูปธรรม  เช่น  การต้อนรับ  การเยี่ยมเยียน  การให้อาหาร ฯลฯ ขอพระคริสตเจ้ากษัตริย์ในใจของเรา ช่วยตัวเรา เด็ก  เยาวชน และผู้ใหญ่ ให้สนใจและตอบสนองกระแสเรียกของแต่ละคน เพื่อสืบสานพันธกิจของพระคริสต์ในโลกปัจจุบัน

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown