มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ระลึกถึง น.เลโอ ผู้ยิ่งใหญ่ พระสันตะปาปาและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม                       รม 15:14-21

         พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าแน่ใจว่า ท่านมีความดีและมีความรู้อย่างเต็มเปี่ยม สั่งสอน ตักเตือนกันได้ แต่บางตอนของจดหมายนี้ข้าพเจ้าใช้ถ้อยคำรุนแรงไปบ้าง เพื่อเตือนความจำของท่านอีกครั้งหนึ่ง เพราะพระหรรษทานที่พระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้า เพื่อให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเยซูไปยังคนต่างศาสนา โดยทำหน้าที่สมณะในการประกาศข่าวดีของพระเจ้า เพื่อให้คนต่างศาสนาได้เป็นเสมือนเครื่องบูชาที่พอพระทัย ซึ่งพระจิตเจ้าทรงบันดาลความศักดิ์สิทธิ์ให้

       ข้าพเจ้าจึงมีความภูมิใจในงานที่ข้าพเจ้าทำเพื่อพระเจ้าในพระคริสตเยซู เพราะข้าพเจ้าไม่กล้ากล่าวถึงสิ่งใด นอกจากสิ่งที่พระคริสตเจ้าทรงกระทำโดยผ่านข้าพเจ้า เพื่อให้คนต่างศาสนาเชื่อฟังพระเจ้า ข้าพเจ้าทำเช่นนี้โดยอาศัยคำพูดและกิจการ อาศัยฤทธิ์อำนาจของเครื่องหมายอัศจรรย์ต่างๆ เดชะพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้าอย่างครบถ้วนตั้งแต่กรุงเยรูซาเล็มและเขตปริมณฑลไปจนถึงแคว้นอิลลีริคุม ข้าพเจ้าตั้งเป็นกฎไว้ว่าจะประกาศข่าวดีในที่ที่ยังไม่มีผู้รู้จักพระนามพระคริสตเจ้ามาก่อน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ก่อสร้างบนรากฐานที่คนอื่นวางไว้แล้ว ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ผู้ที่ไม่เคยฟังคำประกาศเรื่องพระองค์จะแลเห็น และผู้ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องพระองค์จะเข้าใจ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                       ลก 16:1-8

         เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า

      “เศรษฐีผู้หนึ่งมีผู้จัดการดูแลผลประโยชน์คนหนึ่ง มีผู้มาฟ้องว่าผู้จัดการคนนี้ผลาญทรัพย์สินของนาย เศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการมาถามว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเป็นอย่างไร จงทำบัญชีรายงานการจัดการของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้จัดการอีกต่อไป’ ผู้จัดการจึงคิดว่า ‘ฉันจะทำอย่างไร นายจะไล่ฉันออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะไปขุดดินก็ทำไม่ไหว จะไปขอทานก็อายเขา ฉันรู้แล้วว่าจะทำอย่างไร เพื่อว่าเมื่อฉันถูกไล่ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะมีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา’

        เขาจึงเรียกลูกหนี้ของนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า ‘ท่านเป็นหนี้นายข้าพเจ้าเท่าไร’ ลูกหนี้ตอบว่า ‘เป็นหนี้น้ำมันมะกอกเทศหนึ่งร้อยถัง’ ผู้จัดการจึงบอกว่า ‘นำใบสัญญาของท่านมา นั่งลงเร็วๆ เขียนแก้เป็นห้าสิบถัง’ แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า ‘แล้วท่านล่ะ เป็นหนี้อยู่เท่าไร’ เขาตอบว่า ‘เป็นหนี้ข้าวสาลีหนึ่งร้อยกระสอบ’ ผู้จัดการจึงบอกว่า ‘เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ’

         นายนึกชมผู้จัดการทุจริตคนนั้นว่า เขาทำอย่างเฉลียวฉลาด ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียวฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง”

 

ข้อคิด

 

     จากเรื่องเล่าในพระวรสาร ผู้จัดการคนนี้พยายามเอาตัวรอดด้วยการทุจริต และดูเหมือนว่าจะสำเร็จเสียด้วย ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ การเน้นให้ผู้อ่านเห็นความจริงอันเจ็บปวดว่า ความชั่วร้ายยังคงอยู่ในสังคม ไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม
ตอนต่อไปของพระวรสาร จะทำให้เราเข้าใจว่าเหตุใดตัวอย่างของผุ้จัดการทุจริตผู้นี้ถูกหยิบยกขึ้นมา กล่าวคือ “ ถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเงินทองของโลกอธรรมแล้ว ผู้ใดจะวางใจมอบสมบัติแท้จริงให้ท่านดูแลเล่า” จงมีความซื่อสัตย์เสมอ เพราะทรัพย์สมบัติแท้จริงที่พระเจ้าจะมอบให้เรานั้น มีค่ากว่าทรัพย์สินในโลกนี้มากนัก

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน 2023 ฉลองวันคล้ายวันอภิเษกพระวิหารลาเตรัน

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง               1 คร 3:9ค-11,16-17

       พี่น้อง ท่านทั้งหลายเป็นอาคารของพระเจ้า พระเจ้าประทานพระหรรษทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้วางรากฐานไว้ประหนึ่งเป็นสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญ และผู้อื่นก็สร้างขึ้นบนรากฐานนั้น แต่ละคนจะต้องระมัดระวังว่าเขาก่อสร้างอย่างไร รากฐานที่วางไว้แล้วนี้คือพระเยซูคริสตเจ้า และไม่มีใครวางรากฐานอื่นได้อีก

     ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้า และพระจิตของพระเจ้าทรงพำนักอยู่ในท่าน ถ้าใครทำลายพระวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายเขา เพราะพระวิหารของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ และท่านก็คือพระวิหารนั้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                             ยน 2:13-22

      เทศกาลปัสกาของชาวยิวใกล้จะมาถึง พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ในบริเวณพระวิหาร พระองค์ทรงพบพ่อค้าขายโค พ่อค้าขายแกะ พ่อค้าขายนกพิราบ และคนแลกเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระองค์ทรงใช้เชือกเป็นแส้ ทรงขับไล่ทุกคนรวมทั้งแกะและโคออกจากพระวิหาร ทรงปัดเงินกระจายเกลื่อนกลาด และทรงคว่ำโต๊ะของผู้แลกเงิน แล้วตรัสกับคนขายนกพิราบว่า “จงนำของเหล่านี้ออกไป อย่าทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด” บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ถึงคำที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อบ้านของพระองค์เป็นเสมือนไฟที่เผาผลาญข้าพเจ้า” ชาวยิวจึงเข้ามาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านมีเครื่องหมายอะไรแสดงให้เรารู้ว่าท่านมีอำนาจทำดังนี้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงทำลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” ชาวยิวพูดว่า “วิหารหลังนี้ต้องใช้เวลาสร้างถึงสี่สิบหกปี แล้วท่านจะสร้างขึ้นใหม่ในสามวันหรือ” แต่พระองค์กำลังตรัสถึงพระวิหารซึ่งหมายถึงพระกายของพระองค์ ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสไว้ดังนี้ เขาจึงเชื่อทั้งพระคัมภีร์และพระวาจาที่พระองค์ตรัสไว้

 

ข้อคิด

     พระวิหารลาเตรันเป็นอาสนวิหารของพระสังฆราชแห่กรุงโรม  ซึ่งก็คือ  พระสันตะปาปานั้นเอง  การฉลองวันนี้จึงเป้นการรวมใจครอสตชนคาทอลิกทั่วโลกให้เป้นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระศาสนจักรแม่ที่กรุงโรม  วิหารที่มนุษย์สร้างขึ้นก็เพื่อมอบถวายเป็นเกียรติแด่พระเจ้า  เป้นสัญลักษณ์ของการประทับอยู่ของพระองค์  ส่วนวิหารที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นก็คือ  พระวรกายของพระคริสตเจ้าเองที่ทรงเป้นทั้งพระเจ้าและมนุษย์  เป็นพระผู้ไถ่ที่นำความรอดพ้น  ทำให้มนุษย์คืนดีกับพระเจ้า  เป็นการพบปะกันระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์  ความเชื่อในพระเยซูเจ้าจึงทำให้จิตใจเราเหมาะสมที่จะเป็นที่ประทับของพระเจ้าด้วยเช่นกัน

 

วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2023 สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม                       รม 12:5-16ก

        แม้เราจะมีจำนวนมาก เราก็รวมเป็นร่างกายเดียวในพระคริสตเจ้าฉันนั้น โดยแต่ละคนต่างเป็นส่วนร่างกายของกันและกัน เรามีพระพรพิเศษแตกต่างกันตามพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้ ผู้ได้รับพระพรที่จะประกาศพระวาจา ก็จงใช้พระพรนั้นมากน้อยตามส่วนความเชื่อของตน ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะรับใช้ ก็จงรับใช้ ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะสอน ก็จงสอน ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน ผู้ที่บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ ผู้ที่เป็นผู้นำ ก็จงทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณา ก็จงแสดงความเมตตากรุณาด้วยใจยินดี จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน อย่าเฉื่อยชา จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก จงพากเพียรในการภาวนา จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ในยามขัดสน จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี

       จงอวยพรผู้ที่เบียดเบียนท่าน จงอวยพรเขา อย่าสาปแช่ง จงร่วมยินดีกับผู้ที่ยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมทำสิ่งต่ำต้อยเถิด อย่าทะนงว่าตนฉลาด

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                       ลก 14:15-24

       เวลานั้น ผู้ร่วมโต๊ะคนหนึ่งได้ยินสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงสอน จึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “ผู้ที่กินอาหารในพระอาณาจักรของพระเจ้าย่อมเป็นสุข” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชายผู้หนึ่งจัดงานเลี้ยงใหญ่และเชิญคนเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงเวลางาน เขาส่งผู้รับใช้ไปบอกผู้รับเชิญทั้งหลายว่า ‘เชิญมาเถิด ทุกอย่างพร้อมแล้ว’ แต่ทุกคนต่างขอตัว คนแรกพูดว่า ‘ข้าพเจ้าได้ซื้อที่นาไว้แปลงหนึ่ง จำเป็นต้องไปดู จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าซื้อโคไว้ห้าคู่ กำลังจะไปทดลองใช้งาน จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าเพิ่งแต่งงาน จึงมาไม่ได้’

       ผู้รับใช้กลับมารายงานทุกอย่างแก่นายของตน นายโกรธมาก พูดกับผู้รับใช้ว่า ‘จงรีบออกไปตามลานสาธารณะและตามถนนในเมือง จงพาคนยากจน คนพิการ คนตาบอด และคนง่อยเข้ามาที่นี่เถิด’ ผู้รับใช้กลับมาบอกนายว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้าทำตามคำสั่งของท่านแล้ว แต่ยังมีที่ว่างอีก’ นายจึงบอกผู้รับใช้ว่า ‘จงออกไปตามทางเดินและตามรั้วต้นไม้ เร่งเร้าผู้คนให้เข้ามาเพื่อทำให้คนเต็มบ้านของเรา เราบอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ที่ได้รับเชิญคนใดจะได้ลิ้มรสอาหารของเรา’”

 

ข้อคิด

     งานเลี้ยงใหญ่เป็นสัญลักษณ์ของพระอาณาจักรของพระเจ้า ข้ออ้างของผู้รับเชิญแต่ละคนนั้น ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ไม่มีใครซื้อที่นาโดยไม่เคนได้ไปตรวจดูให้เรียบร้อยเสียก่อน สัตย์เลี้ยงก็คงไม่ต้องรีบเร่งทดลองใช้งาน จนไม่อาจไปร่วมงานเลี้ยงได้ หนุ่มที่เพิ่งแต่งงานอาจขอผ่อนผันไม่ไปสงครามได้ แต่ขอเลี่ยงไม่ไปงานเลี้ยง เพราะเพิ่งแต่งงานก็ไม่น่าจะเป็นข้ออ้างที่มีน้ำหนักสักเท่าใด

ประเด็นคือ นักบุญลูกาต้องการเน้นให้เห็นว่าผู้รับเชิญต่างไม่เห้นความสำคัญของงานเลี้ยงคือ พระอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งที่สุดก็ถูกมอบให้กับคนที่เห้นความสำคัญ นั้นคือ บุคคลชายขอบสังคมนั้นเอง

 

 

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน 2023 สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม                       รม 13:8-10

         พี่น้อง อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว พระบัญญัติกล่าวว่า อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่าคน อย่าลักขโมย อย่าโลภ และถ้ามีบทบัญญัติอื่นอีกก็สรุปได้ในข้อความนี้ว่า จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ความรักไม่ทำความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรักเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                  ลก 14:25-33

        เวลานั้น ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

        “ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้เสร็จหรือไม่ มิฉะนั้นเมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำเร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะเยาะเขา พูดว่า ‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้’ หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำนวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำลังพลหนึ่งหมื่นคน จะเผชิญกับศัตรูที่มีกำลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยังอยู่ห่างไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ ดังนั้น ทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”


ข้อคิด

 

     “ลี้ภัยมาพึ่งพระยาห์เวห์  ย่อมดีกว่าวางใจในมนุษย์  ลี้ภัยมาพึ่งพระยาห์เวห์ ย่อมดีกว่าวางใจในบรรดาเจ้านาย” (สดด 118 : 8 – 9 )  ความรักที่มีต่อพระเจ้าเป้นหลักของชีวิตเรา  เพราะพระองค์มั่นคง สัตย์ซื่อ  ไม่เปลี่ยนแปลง  นี่คือเหตุผลที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสสอนให้เรารักพระองค์มากกว่าบิดามารดา  ภรรยา  บุตร  พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั้งชีวิตของตนเอง  เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์  ย่อมมีความอ่อนแอ  ไม่มั่นคง

 

 

วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2023 สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม                       รม 11:29-36

        พี่น้อง เพราะพระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัยเพิกถอนทั้งของประทานที่ทรงให้เปล่า และพระกระแสเรียกของพระองค์

       ท่านทั้งหลายเคยไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่บัดนี้ได้รับพระกรุณาเพราะชาวอิสราเอลมิได้เชื่อฟังฉันใด บัดนี้ ชาวอิสราเอลไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่ในที่สุดพวกเขาก็จะได้รับพระกรุณา ดังที่ได้ทรงแสดงพระกรุณาต่อท่านฉันนั้น เพราะพระเจ้าทรงปล่อยให้มนุษย์ทุกคนไม่เชื่อฟังพระองค์ เพื่อจะได้ทรงแสดงพระกรุณา

      พระเจ้าทรงพระปรีชาและทรงรอบรู้ลึกล้ำเพียงใด คำตัดสินของพระองค์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ และมรรคาของพระองค์สุดที่จะเข้าใจได้ ใครเล่าจะล่วงรู้พระดำริขององค์พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ ใครเล่าเคยถวายสิ่งใดแด่พระองค์ พระองค์จึงจะต้องประทานตอบแทนเขา เพราะทุกสิ่งล้วนมาจากพระองค์ โดยทางพระองค์ และเพื่อพระองค์ ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                                  ลก 14:12-14

         เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับผู้ที่เชิญพระองค์ว่า

        “เมื่อท่านจัดเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารค่ำ อย่าเชิญมิตรสหาย พี่น้องหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี เพราะเขาจะเชิญท่านและท่านจะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อผู้ชอบธรรมกลับคืนชีวิต”


ข้อคิด

    ในแง่หนึ่ง  งานเลี้ยงอาหารบ่งบอกฐานะของคนในสังคม  ผู้คนมักเชิญเพื่อนในระดับเดียวกันไปร่วมงาน  แต่นักบุญลุกาเสนอมุมมองของพระเยซูเจ้าที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับบุคคลที่ไม่มีใครเหลียวแล  ส่วนการกระทำดีต่อผุ้ที่ไม่อาจตอบแทนกลับคืนได้นั้น  เป้นหนทางวงแห่งความสุขแท้จริง เพราะเมื่อเราไม่คาดหวังให้ผู้ใดต้องตอบแทนเรา  การทำกิจการดีนั้นก็จะเป็นเสมือนทานลับ  ที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทอดพระเนตรเห็น

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown