มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม 2023 สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง     1 ธส 3:7-13

      พี่น้องทั้งหลาย ความเชื่อของท่านจึงทำให้เราคลายความกังวลใจในขณะที่เรามีความทุกข์ยากลำบากต่างๆ เพราะบัดนี้เรารู้สึกสดชื่นเหมือนมีชีวิตใหม่ เพราะท่านยืนหยัดมั่นคงในองค์พระผู้เป็นเจ้า เราจะขอบพระคุณพระเจ้าเรื่องท่านได้อย่างไรสำหรับความยินดีทั้งหมดที่เรามีเพราะท่านเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ขณะที่เราวอนขอทั้งกลางวันกลางคืนด้วยใจมุ่งมั่นให้ได้พบท่าน และเพิ่มเติมความเชื่อของท่านในส่วนที่ยังบกพร่องอยู่

     ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเรา และพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ทรงนำทางให้เราได้พบท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดให้ความรักที่ท่านมีต่อกันและต่อทุกคนเพิ่มพูนขึ้นอย่างล้นเหลือดังที่เรารักท่าน ขอพระองค์โปรดให้ดวงใจของท่านมั่นคงอยู่ในความศักดิ์สิทธิ์เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดาของเรา เมื่อพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมาพร้อมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                                    มธ 24:42-51

       เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า

      “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่านายของท่านจะมาเมื่อไร พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าบ้านรู้ว่าขโมยจะมาในยามใด เขาคงจะตื่นเฝ้าไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตนได้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย”

       “ใครเล่าเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์และรอบคอบซึ่งนายแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้ เพื่อแจกจ่ายอาหารให้ตามเวลาที่กำหนด ผู้รับใช้นั้นย่อมเป็นสุข เมื่อนายกลับมาพบเขากำลังทำเช่นนี้ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งปวงของตน แต่ถ้าผู้รับใช้นั้นคิดว่า ‘นายจะมาช้า’ แล้วเขาก็เริ่มตบตีเพื่อนผู้รับใช้ กินดื่มกับพวกขี้เมา นายของผู้รับใช้นั้นจะกลับมาในวันที่เขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขาไม่รู้ นายก็จะแยกเขาออกให้ไปอยู่กับพวกหน้าซื่อใจคด ที่นั่นจะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง”

 

 

ข้อคิด
     ลักษณะอย่างหนึ่งของคนหน้าซื่อใจคดคือ ต่อหน้าทำอย่างหนึ่ง ลับหลังทำอีกอย่างหนึ่ง คำเตือนของพระเยซูเจ้าที่ว่า "จงตื่นเฝ้าระวังเถิด" นั้นหมายถึง จงระวังตนอย่าทำดีเพียงเพื่อเอาหน้าเอาตากับมนุษย์เพื่อให้มนุษย์เห็น เพื่อได้รับคำสรรเสริญยกย่อง ถ้าไม่มีใครที่จะเห็นการทำดีของตน ก็จะไม่ทำ หรือยิ่งกว่านั้นถ้าไม่มีใครเห็นก็จะแอบทำความเลวอีกด้วย ในอีกแง่มุมหนึ่ง เมื่อพิจารณาดูการรอคอยนายกลับมาจากฝ่ายของคนใช้ที่ถูกกระทำ พวกเขาคงอยู่ในสภาพจิตใจที่หดหู่ เหมือนอยู่ในความมืดมิด การรอคอยนายผู้ใจดีกลับมาคงเป็นความหวังสำหรับชีวิตที่จะช่วยสถานการณ์ของเขาให้ดีขึ้น "จงตื่นเฝ้าระวังเถิด" จึงมีความหมายให้ยึดมั่นนความเชื่อของตน และมีความหวังอยู่เสมอในทุกสถานการณ์แห่งชีวิต เพราะสักวันหนึ่ง นายผู้ใจดีนั้นจะกลับมาแน่ และอาจจะมาเร็วกว่าที่คาดไว้ นักบุญยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปาสอนว่า "จงอย่าปล่อยให้ตนเองอยู่ในความสิ้นหวัง เราเป็นประชากรแห่งปัสกา และอัลเลลูยาคือบทเพลงของเรา"

 

วันพุธที่ 30 สิงหาคม 2023 สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง     1 ธส 2:9-13

      พี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำได้ถึงความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบากของเรา ขณะที่เราทำงานทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อไม่ต้องเป็นภาระแก่ผู้ใดในบรรดาท่านทั้งหลาย เราประกาศข่าวดีของพระเจ้าให้ท่าน ท่านทั้งหลายเป็นพยาน และพระเจ้าทรงเป็นพยานด้วยว่า เราปฏิบัติตนต่อท่านผู้มีความเชื่อโดยทำตนเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรมและปราศจากคำตำหนิ ท่านรู้อีกว่า เราได้ตักเตือนท่านแต่ละคนดังบิดากำชับบุตรของตน ให้กำลังใจและกำชับท่านให้ดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมกับพระเจ้า ผู้ทรงเรียกท่านมาสู่พระอาณาจักรและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์

       ด้วยเหตุนี้ เราขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอ เพราะเมื่อเราประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้ท่านฟัง ท่านฟังแล้วก็รับไว้ มิใช่เช่นวาจาของมนุษย์ แต่เช่นที่เป็นจริงคือ “พระวาจาของพระเจ้า” ซึ่งกำลังแสดงพลังอยู่ในท่านที่มีความเชื่อ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                                    มธ 23:27-32

        เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า

     “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านเป็นเหมือนหลุมศพทาสีขาว ภายนอกดูงดงาม แต่ภายในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและสิ่งสกปรกทุกอย่าง ท่านก็เป็นเช่นเดียวกัน ภายนอกปรากฏแก่มนุษย์ว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคดและความอธรรม”

       “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านสร้างหลุมศพให้บรรดาประกาศก ประดับอนุสาวรีย์ของผู้ชอบธรรม ท่านกล่าวว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัยบรรพบุรุษ เราคงจะไม่ร่วมมือในการหลั่งเลือดบรรดาประกาศกเหล่านี้’ ดังนี้ ท่านก็เป็นพยานกล่าวโทษตนเองว่า เป็นลูกหลานของผู้ที่ได้ฆ่าบรรดาประกาศก ฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงทำงานที่บรรพบุรุษของท่านได้เริ่มไว้ให้สำเร็จไปเถิด”

 

 

ข้อคิด
     คำเตือนเรื่อง "หน้าชื่อใจคด" นั้นควรเป็นคำเตือนสติให้กับเราคริสตชนด้วย เพื่อเราจะหลีกเลี้ยงการเป็นคนหน้าชื่อใจคดอย่างที่ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์เป็น พระสันตะปาปาพรังซิสสอนว่า "เราทุกคนเป็นคนบาป แต่ขอพระเจ้าอย่าปล่อยให้เราเป็นคนหน้าชื่อใจคด คนหน้าชื่อใจคดนั้นไม่รู้ความหมายของการให้อภัย ความยินดี และความรักของพระเจ้า" ต่อไปนี้คือเครื่องหมาย 7 ประการที่แสดงว่าใครเป็นคนหน้าซื่อใจคด 1. เสแสร้งเป็นคนที่ตนเองไม่ได้เป็นจริงๆ "ภายนอกปรากฎแก่มนุษย์ว่าเป็นคนชอบธรรม.... (มธ 23:28)2. ชอบให้คนอื่นยกย่องเชิดชู "เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนา....เพื่อให้ใครๆ เห็น" (มธ 6:5) 3. ชอบให้คนอื่นๆปรับปรุงตนมากกว่าที่จะปรับปรุงตนเอง "เห็นเศษฟางในตาของคนอื่น..." (มธ 7:3-5) 4. ให้ความสำคัญกับธรรมเนียมที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์(ตนเอง) (มธ 15:6) 5. จิตใจของเขาอยู่ห่างไกลจากพระเจ้า (มธ 15:8-9) 6. ลืมว่าอะไรสำคัญกว่ากัน (มธ 23:23) "ท่านถวายหนึ่งในสิบของสาระแหน่...แต่ได้ละเลยธรรมบัญญัติในเรื่องที่สำคัญ เช่นความยุติธรรม และความมตตากรุณา" 7. มองตนเองว่าเป็นผู้ชอบธรรมและถูกเสมอ(มธ 23:29-30)

 

วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2023 ระลึกถึง น.ออกัสติน พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง     1 ธส 1:1-5,8ข-10

       จากเปาโล สิลวานัสและทิโมธี ถึงพระศาสนจักรที่เมืองเธสะโลนิกา ซึ่งอยู่ในพระเจ้าพระบิดา และในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระหรรษทานและสันติสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด

      เราขอบพระคุณพระเจ้าทุกเวลาเพื่อท่านทุกคน ระลึกถึงท่านในคำภาวนา เราวอนขอเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดา เฝ้าระลึกอยู่เสมอถึงกิจการซึ่งแสดงความเชื่อของท่าน และระลึกถึงการงานที่แสดงความรักและความพากเพียรซึ่งเกิดจากความหวังในพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

     พี่น้องทั้งหลายผู้เป็นที่รักของพระเจ้า เรารู้ว่าท่านได้รับเลือกสรร เพราะข่าวดีที่เราประกาศมาถึงท่าน มิใช่ด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ด้วยพระอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า และด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ท่านทั้งหลายรู้ว่า เราปฏิบัติตนอย่างไรในหมู่ท่านเพราะเห็นแก่ท่าน

     ความเชื่อของท่านในพระเจ้ายังเลื่องลือไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จนเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เพราะคนเหล่านั้นพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเราว่า เราได้เริ่มงานในหมู่ท่านอย่างไร และท่านกลับใจละทิ้งรูปเคารพมาหาพระเจ้าอย่างไร เพื่อรับใช้พระเจ้าแท้จริงผู้ทรงชีวิต และรอคอยให้พระบุตรของพระองค์เสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้พ้นจากพระพิโรธที่จะมาถึง พระเยซูเจ้านี้ พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                                    มธ 23:13,15-22

        เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า

        “วิบัติจงเกิดแก่ท่านทั้งหลาย ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านปิดประตูอาณาจักรใส่หน้ามนุษย์ ท่านไม่เข้าไปและไม่ปล่อยคนที่อยากเข้า ให้เข้าไปได้”

       “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อทำให้คนเพียงคนเดียวกลับใจ และเมื่อเขากลับใจแล้ว ท่านก็ทำให้เขาสมควรจะไปนรกมากกว่าท่านสองเท่า”

       “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ผู้นำทางที่ตาบอด ท่านกล่าวว่า ‘ถ้าใครสาบานอ้างถึงพระวิหาร ก็เป็นโมฆะ แต่ถ้าใครสาบานอ้างถึงทองคำในพระวิหาร ก็ต้องปฏิบัติตามคำสาบาน’ คนโง่เขลาและตาบอดเอ๋ย สิ่งใดสำคัญยิ่งกว่ากัน ทองคำหรือพระวิหารที่ทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังกล่าวอีกว่า ‘ถ้าใครสาบานอ้างถึงพระแท่น ก็เป็นโมฆะ แต่ถ้าใครสาบานอ้างถึงเครื่องบูชาบนพระแท่น ก็ต้องปฏิบัติตามคำสาบาน’ คนตาบอดเอ๋ย สิ่งใดสำคัญยิ่งกว่ากัน เครื่องบูชาหรือพระแท่นที่ทำให้เครื่องบูชานั้นศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น ผู้ที่สาบานอ้างถึงพระแท่น ก็สาบานอ้างถึงพระแท่นรวมทั้งทุกสิ่งที่อยู่บนพระแท่นนั้นด้วย และผู้ที่สาบานอ้างถึงพระวิหาร ก็สาบานอ้างถึงพระวิหาร รวมทั้งพระผู้สถิตในพระวิหารนั้นด้วย ผู้ที่สาบานอ้างถึงสวรรค์ ก็สาบานอ้างถึงพระที่นั่งของพระเจ้า รวมทั้งพระผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่งนั้นด้วย”

 

 

ข้อคิด
      วันนี้ระลึกถึงท่านนักบุญออกัสติน คำสอนของท่านสั้นๆ ตอนหนึ่งชวนให้คิด "ถ้าท่านเชื่อพระวรสาร เฉพาะส่วนที่ท่านชอบ และละทิ้งพระวรสารในส่วนที่ท่านไม่ชอบ ก็ไม่ใช่พระวรสารดอกที่ท่านเชื่อ แต่เป็นตัวท่านเองต่างหาก" คำสอนนี้ก็คงคล้ายคลึงกับคำตำหนิของพระเยซูเจ้าที่ให้กับบรรดาธรรมาจารย์และฟาริสี "หน้าชื่อใจคด" ซึ่งชอบแต่บัญญัติที่ให้ผลประโยชน์แก่ตน อันที่จริง ความใจคดของพวกเขามิใช่อยู่ที่ผลประโยชน์เท่านั้น แต่อยู่ที่การวางภาระหนักให้กับผู้ศรัทธาในการถือตามบัญญัติเกินกว่าที่บัญญัติเองเรียกร้อง ยิ่งกว่านั้น ตนเองก็ยังไม่ถือตาม หรือถือตามไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่แหละคือความใจคด ที่เคร่งครัดกับคนอื่นเหลือเกิน แต่กับตนเองกลับหละหลวมละเลยเสียจริง

 

วันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2023 ระลึกถึง น.ยอห์น บัปติสต์ ถูกตัดศีรษะ

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                                           ยรม 1:17-19

         องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า

       “ท่านจงคาดสะเอว จงลุกขึ้นไปบอกทุกสิ่งที่เราจะสั่งท่านให้เขาฟัง อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราจะทำให้ท่านไม่พรั่นพรึงต่อหน้าเขา ดูซิ วันนี้เราทำให้ท่านเป็นเหมือนเมืองป้อม เป็นเหมือนเสาเหล็ก และเป็นเหมือนกำแพงทองสัมฤทธิ์ต่อสู้กับทั่วแผ่นดิน กับบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์และเจ้านาย บรรดาสมณะและประชากรของแผ่นดิน เขาทั้งหลายจะต่อสู้กับท่าน แต่จะไม่ชนะท่าน เพราะเราอยู่กับท่านเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                                         มก 6:17-29

          เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดองค์นี้เคยทรงสั่งให้จับกุมยอห์น และล่ามโซ่ขังคุกไว้ เพราะเรื่องของนางเฮโรเดียส ภรรยาของฟีลิปพระอนุชา ซึ่งกษัตริย์เฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี ยอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็นมเหสี” นางเฮโรเดียสจึงโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์นเสีย แต่ฆ่าไม่ได้ เพราะกษัตริย์เฮโรดยังทรงเกรงยอห์นอยู่ ทรงทราบว่ายอห์นเป็นคนชอบธรรมและศักดิ์สิทธิ์ จึงทรงป้องกันไว้ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงฟังคำพูดของยอห์น ทรงรู้สึกสับสน แต่ก็ทรงยินดีที่จะฟัง

          นางเฮโรเดียสได้โอกาสเมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงจัดให้มีงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และคนสำคัญในแคว้นกาลิลีในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นรำเป็นที่พอพระทัยของกษัตริย์เฮโรด และเป็นที่พอใจของผู้รับเชิญ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “ท่านอยากได้อะไรก็ขอมาเถิด เราจะให้” และยังทรงสาบานอีกว่า “ท่านขออะไรเราก็จะให้ แม้จะเป็นครึ่งหนึ่งของอาณาจักรของเราก็ตาม” หญิงสาวจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี” มารดาตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง” หญิงสาวจึงรีบกลับมาทูลกษัตริย์ทันทีว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้างใส่ถาดมาให้เดี๋ยวนี้” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะทรงเห็นแก่ผู้รับเชิญ ไม่ทรงปรารถนาจะขัดใจหญิงสาว จึงทรงสั่งเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก ใส่ถาดนำมาให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำไปให้มารดา เมื่อบรรดาศิษย์ของยอห์นรู้เรื่อง จึงมารับศพของยอห์น นำไปฝังไว้ในคูหา

 

 

ข้อคิด
      "เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงฟังคำพูดของยอห์น ทรงรู้สึกสับสน แต่ก็ทรงยินดีที่จะฟัง" ข้อนี้เตือนใจเราได้ว่า การให้คำเตือนสอนแก่คนอื่นอย่างที่ยอห์นบัปติสต์ได้ให้แก่เฮโรด หรือการประกาศพระวาจาของพระเจ้าไม่เคยสูญเปล่า ยังคงบังเกิดผลอยู่แม้จะยังไม่ชัดเจนหรือบังเกิดผลอย่างเต็มที่ก็ตาม เป็นเหตุผลที่ผู้ประกาศพระวาจาจะมีความหวังอยู่เสมอในการทำหน้าที่ของตนด้วยความพากเพียรอดทน ไม่ว่าผลที่ปรากฎจะเป็นอย่างไรก็ตาม องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับประกาศกเยเรมีย์ในบทอ่านที่หนึ่งว่า "จงลุกขึ้นไปบอกทุกสิ่งที่เราจะสั่งให้เขาฟัง อย่ากลัวเลย" เพราะอย่างไรเสีย พระเจ้าย่อมอยู่ฝ่ายเรา และเป็นพละกำลังสำหรับเรา นักบุญยอห์นบอสโกสอนว่า "อำนาจของคนชั่ว ตั้งอยู่บนความขลาด(หรือความอ่อนแอ)ของคนดี" นักบุญคลาราก็สอนทำนองเดียวกันว่า "จงเปล่งเสียงสอนความจริงราวกับว่าท่านมีล้านเสียง ความเงียบนั่นแหละที่ฆ่าโลก"

 

วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2023 สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                      อสย 22:19-23

       พระเจ้าตรัสแก่เชบนาผู้ดูแลราชสำนักว่าดังนี้

     “เราจะถอดท่านจากหน้าที่ และจะดึงท่านลงมาจากตำแหน่ง วันนั้น เราจะเรียกผู้รับใช้ของเรา เอลียาคิมบุตรของฮิลคียาห์ เราจะให้เขาสวมเสื้อของท่าน ให้เขาคาดผ้าคาดสะเอวของท่าน เราจะมอบอำนาจของท่านไว้ในมือของเขา เขาจะเป็นดังบิดาของชาวกรุงเยรูซาเล็ม และของพงศ์พันธุ์ยูดาห์ เราจะวางกุญแจพระราชวังของกษัตริย์ดาวิดไว้บนบ่าของเขา ถ้าเขาเปิด จะไม่มีผู้ใดปิด ถ้าเขาปิด จะไม่มีผู้ใดเปิดได้ เราจะทำให้ตำแหน่งของเขามั่นคง เหมือนตอกหมุดไว้ในที่มั่นคง และเขาจะเป็นเหมือนบัลลังก์มีเกียรติแห่งครอบครัวบิดาของเขา”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม                รม 11:33-36

        พี่น้อง พระเจ้าทรงพระปรีชาและทรงรอบรู้ลึกล้ำเพียงใด คำตัดสินของพระองค์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ และมรรคาของพระองค์สุดที่จะเข้าใจได้ ใครเล่าจะล่วงรู้พระดำริขององค์พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ ใครเล่าเคยถวายสิ่งใดแด่พระองค์ พระองค์จึงจะต้องประทานตอบแทนเขา เพราะทุกสิ่งล้วนมาจากพระองค์ โดยทางพระองค์ และเพื่อพระองค์ ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว         มธ 16:13-20

         เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิปและตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง”

       พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านเป็นศิลา และบนศิลานี้เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” แล้วพระองค์ทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้บอกใครว่า พระองค์คือพระคริสตเจ้า

 

 

ข้อคิด
      "เราเป็นใคร" พระเยซูเจ้าทรงตั้งคำถามนี้คงเพื่อให้บรรดาสาวกและเราคริสตชนได้ตรวจสอบดู"อัตลักษณ์" ของความเป็นคริสตชนว่า โดยแท้จริงเราควรเป็นอย่างไร ไม่ใช่พยายามให้เป็นเหมือนที่ใครๆ คนอื่นอยากให้เป็น เพราะนั่นแสดงถึงความอ่อนแอ ความไม่เป็นตัวเอง การสูญเสียตัวตนที่แท้จริง เหมือนต้นอ้อที่ไหวไปมาตามกระแสลม อย่างที่บรรดาสาวกตอบคำถามนี้ว่า "บ้างว่าเป็นยอห์น..บ้างว่าเป็นประกาศก..."และก็ไม่ใช่พยายามที่จะ "สร้างภาพ" หลอกลวงให้เกิดขึ้นต่อหน้าคนอื่นๆ โดยที่ในความเป็นจริง ไม่ใช่อย่างนั้นเพราะความหลอกลวงย่อมไร้คุณค่า อัตลักษณ์ของคริสตชนควรมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งดุจ "ศิลา" กล่าวคือความเชื่อที่แน่วแน่มั่นคงใน "พระคริสตเจ้าพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต" ตามคำตอบของท่านนักบุญเปโตร เราคริสตชนพึงยืนหยัดในความดีงาม ความถูกต้องตามคำสอนของพระคริสตเจ้า ในท่ามกลางความปั่นป่วนแห่งโลกและสังคมนี้

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown