วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2023 ระลึกถึง น.กลารา พรหมจารี
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 08 มีนาคม 2566 06:58
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 839
บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ ฉธบ 4:32-40
โมเสสกล่าวแก่ประชาชนชาวอิสราเอลว่า “จงดูอดีตก่อนที่ท่านทั้งหลายจะเกิด ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดิน จงตรวจตราจากปลายหนึ่งถึงอีกปลายหนึ่งของโลกว่ามีอะไรยิ่งใหญ่เท่านี้เคยเกิดขึ้นหรือไม่ มีใครเคยได้ยินเรื่องใดที่เหมือนเรื่องนี้หรือไม่ เคยมีประชากรใดบ้างที่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสจากกองไฟ ดังที่ท่านได้ยินและมีชีวิตรอดได้ หรือเคยมีพระเจ้าองค์ใดบ้างที่ทรงกล้าเลือกชนชาติหนึ่งออกจากอีกชนชาติหนึ่ง ทรงใช้การทดลอง เครื่องหมายอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์และสงคราม ทรงใช้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์และพระอานุภาพยิ่งใหญ่บันดาลให้ทุกคนหวาดกลัว ดังที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านทรงกระทำในอียิปต์ต่อหน้าท่าน
พระองค์ทรงสำแดงปรากฏการณ์เหล่านี้ให้ท่านรู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้า และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงให้ท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากสวรรค์ เพื่อทรงสอนท่าน พระองค์ทรงให้ท่านเห็นกองไฟกองใหญ่บนแผ่นดิน และให้ท่านได้ฟังพระวาจาจากกลางกองไฟนั้น พระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของท่าน จึงทรงเลือกลูกหลานที่จะตามมาภายหลัง และทรงใช้พระอานุภาพยิ่งใหญ่นำท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงขับไล่ชนชาติที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากกว่าท่าน ออกไปต่อหน้าท่าน เพื่อทรงนำท่านเข้าสู่แผ่นดินและมอบให้เป็นมรดก ดังที่ยังคงเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น ในวันนี้ จงรู้และจำใส่ใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้า ทั้งในสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่าง และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก ท่านจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและบทบัญญัติของพระองค์ที่ข้าพเจ้ามอบให้ท่านในวันนี้ แล้วท่านกับลูกหลานที่จะตามมาในภายหลังจะอยู่อย่างมีความสุข จะอยู่เป็นเวลานานในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านทรงมอบให้เป็นของท่านตลอดไป”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 16:24-28
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวิต มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิต มนุษย์จะต้องให้สิ่งใดเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา”
“บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความประพฤติของเขา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์”
ข้อคิด
โมเสสเตือนประชาชนว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินและไม่มีพระเจ้าอื่นใด ดังนั้น เขาจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด และบทบัญญัติของพระองค์ และเขาจะอยู่อย่างมีความสุขของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าตรัสกับศิษย์ว่า "ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็ให้ทำดังนี้ 1.จงเลิกคิดถึงตนเอง (ยอมถือพระประสงค์ของพระเจ้า) 2. แบกไม้กางเขนของตน (โดยปฏิบัติหน้าที่อย่างดีตามฐานะของตน) และ 3. ติดตามพระองค์แต่ผู้เดียว เขาต้องสนใจความรอดของวิญญาณเป็นอันดับแรก พระองค์ยังตรัสอีกว่า มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดที่จะได้โลกทั้งโลกมาเป็นกรรมสิทธิ์ แต่ต้องเสียวิญญาณไป"
วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม 2023 ฉลอง น.ลอเรนซ์ สังฆานุกรและมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 08 มีนาคม 2566 06:44
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 960
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง 2 คร 9:6-10
พี่น้อง พึงจำไว้ว่า ผู้ที่หว่านเมล็ดพืชเพียงเล็กน้อย ก็จะเก็บเกี่ยวได้เพียงเล็กน้อย ผู้ที่หว่านเมล็ดพืชมาก ก็จะเก็บเกี่ยวได้มาก แต่ละคนจงให้ตามที่ตั้งใจไว้ มิใช่ให้โดยนึกเสียดาย มิใช่ให้โดยฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี พระเจ้าประทานพระหรรษทานทุกประการแก่ท่านได้อย่างอุดม เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งเพียงพอ และยังมีเหลือเฟือสำหรับกิจการดีทุกประการอีกด้วย ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เขาเอื้อเฟื้อแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน ความชอบธรรมของเขาดำรงอยู่ตลอดนิรันดร”
พระองค์ผู้ประทานเมล็ดพืชแก่ผู้หว่านและประทานอาหารเลี้ยงชีวิตจะทรงจัดหา และทรงทวีเมล็ดพืชที่ท่านหว่าน และจะทรงเพิ่มพูนผลแห่งความชอบธรรมของท่านด้วย
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 12:24-26
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า
“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงในดินและตายไป มันก็จะเป็นเพียงเมล็ดเดียวเท่านั้น แต่ถ้ามันตาย มันก็จะบังเกิดผลมากมาย ผู้ที่รักชีวิตของตนย่อมจะเสียชีวิตนั้น ส่วนผู้ที่พร้อมจะสละชีวิตของตนในโลกนี้ ก็ย่อมจะรักษาชีวิตนั้นไว้สำหรับชีวิตนิรันดร ผู้ใดรับใช้เรา ผู้นั้นจงตามเรามา เราอยู่ที่ใด ผู้รับใช้ของเราก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาจะประทานเกียรติแก่เขา”
ข้อคิด
10 สิงหาคม ฉลองนักบุญลอเรนซ์ วีรบุรุษองค์หนึ่งของพระศาสนจักร ท่านเป็นสังฆานุกร ที่เมื่อพระสังฆราชและพระสงฆ์ถูกประหารชีวิต ท่านขายสิ่งของของพระศาสนจักรเพื่อช่วยเหลือคนยากจน เจ้าเมืองคิดว่า ท่านมีเงินมาก จึงจะมายึด ท่านขอสามวันเพื่อจัดการสมบัติให้เรียบร้อย เมื่อเจ้าเมืองมาถึง ก็เห็นแต่คนอนาถาจำนวนมากท่านบอกว่า นี่คือทรัพย์สมบัติของพระศาสนจักร ท่านจึงถูกย่างสด ท่านยอมรับด้วยความยินดีเพื่อพระคริสตเจ้า
พระวรสาร : พระเยซูเจ้าตรัสว่า ถ้าเมล็ดข้าวที่ตกในดินและยอมตาย มันจะบังเกิดผลมากมายฉันใด ผู้ที่พร้อมสละชีวิตของตนเพื่อพระเจ้าก็จะได้รับชีวิตนิรันดรฉันนั้น
วันอังคารที่ 8 สิงหาคม 2023 ระลึกถึง น.โดมินิก พระสงฆ์
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 08 มีนาคม 2566 06:39
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 856
บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี กดว 12:1-13
โมเสสแต่งงานกับหญิงชาวคูช มีเรียมและอาโรนตำหนิโมเสสที่แต่งงานกับหญิงชาวคูชคนนั้น เขาทั้งสองคนพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสผ่านทางโมเสสแต่ผู้เดียวหรือ พระองค์มิได้ตรัสผ่านทางเราด้วยหรือ” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ โมเสสเป็นคนถ่อมตน เขาเป็นคนถ่อมตนมากกว่าใครๆ บนแผ่นดิน
ทันใดนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสส อาโรน และมีเรียมว่า “ท่านทั้งสามคนจงออกมา และไปที่กระโจมนัดพบ” ทั้งสามคนก็ออกไป แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จลงในเสาเมฆ ประทับอยู่ที่ทางเข้ากระโจม ตรัสเรียกอาโรนและมีเรียม ทั้งสองคนก็เข้าไปใกล้
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงฟังถ้อยคำของเราเถิด ถ้ามีประกาศกของเราในหมู่ท่าน เราจะสำแดงตนแก่เขาในนิมิต จะพูดกับเขาในความฝัน แต่กับโมเสสผู้รับใช้ของเราไม่เป็นเช่นนั้น เขาเป็นผู้ซื่อสัตย์ที่เราให้ดูแลบ้านของเราทั้งหมด เราพูดกับเขาโดยตรง เราพูดกับเขาอย่างชัดเจน ไม่พูดเป็นปริศนา เขาเห็นจนกระทั่งรูปสัณฐานขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมท่านจึงกล้าพูดตำหนิโมเสสผู้รับใช้ของเราเล่า”
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธเขาทั้งสองคนและเสด็จจากไป เมื่อเมฆลอยขึ้นไปจากกระโจมนัดพบ มีเรียมก็เป็นโรคผิวหนังที่ติดต่อได้ ผิวมีสีขาวเหมือนสำลี อาโรนมองดูมีเรียมก็เห็นว่านางเป็นโรคผิวหนังที่ติดต่อได้
อาโรนกล่าวแก่โมเสสว่า “เจ้านายโปรดอย่าลงโทษเราเพราะบาปที่เราได้ทำไปเนื่องจากความโง่เขลาเลย อย่าปล่อยให้นางต้องเป็นเหมือนทารกที่ตายในครรภ์ ซึ่งมีโรคที่กินเนื้อไปครึ่งหนึ่งแล้วก่อนจะคลอดออกมา”
โมเสสจึงทูลอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรักษานางให้หายเถิด”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 14:22-36
ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามทะเลสาบล่วงหน้าพระองค์ไป ในขณะที่พระองค์ทรงจัดให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนาตามลำพัง ครั้นเวลาค่ำ พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรืออยู่ห่างจากฝั่งหลายร้อยเมตร กำลังแล่นโต้คลื่นอย่างหนักเพราะทวนลม เมื่อถึงยามที่สี่ พระองค์ทรงดำเนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ เมื่อบรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงดำเนินอยู่บนทะเลดังนั้น ต่างตกใจมากกล่าวว่า “ผีมา” และส่งเสียงอื้ออึงด้วยความกลัว ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนน้ำไปหาพระองค์เถิด” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนน้ำไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็กลัวและเริ่มจมลง แล้วร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย” ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง สงสัยทำไมเล่า” เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นมาประทับในเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนที่อยู่ในเรือจึงเข้ามากราบนมัสการพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง”
พระเยซูเจ้าทรงข้ามฟากพร้อมกับบรรดาศิษย์มาขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเรท ผู้คนที่นั่นจำพระองค์ได้ จึงส่งข่าวต่อๆ กันไปทั่วบริเวณนั้น เขานำผู้เจ็บป่วยทุกคนมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอสัมผัสเพียงฉลองพระองค์เท่านั้น และทุกคนที่สัมผัสแล้ว ก็หายจากโรค
ข้อคิด
อาโรนและมีเรียมวิพากษ์วิจารณ์โมเสสซึ่งเป็นผู้แทนพระเจ้า จึงเกิดเรื่องใหญ่ มีเรียมเป็นโรคผิวหนังคนที่พูดสิ่งที่ไม่จำเป็น สักวันหนึ่ง เขาจะได้ยินสิ่งที่เขาไม่อยากฟัง
พระวรสาร : พระเยซูเจ้าเป็นพระเจ้า เป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พระองค์เดินบนทะเลเพื่อไประงับลมพายุที่ทำให้ศิษย์เผชิญอันตราย นอกนั้นพระองค์ยังดึงเปโตรที่ต้องการเดินบนผิวน้ำไปหาพระองค์แต่เขามีความสงสัยจึงกำลังจม สิ่งที่พระองค์ทำทุกวันนี้ ก็เหมือนกัน ถ้าเราดำรงชีวิตและจับมือข้างหนึ่งของพระองค์ไว้ เราก็ปลอดภัย
วันพุธที่ 9 สิงหาคม 2023 น.เทเรซา เบเนดิกตา แห่งไม้กางเขน พรหมจารีและมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 08 มีนาคม 2566 06:42
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1458
บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี กดว 13:1-2ก,25-14:1,26-30,34-35
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงส่งคนไปสำรวจแผ่นดินคานาอันที่เรากำลังจะมอบให้แก่ชาวอิสราเอล” หลังจากสำรวจดินแดนนั้นได้สี่สิบวัน เขาก็กลับมาหาโมเสส อาโรน และชุมชนชาวอิสราเอลที่คาเดชในถิ่นทุรกันดารปาราน เขารายงานสิ่งที่ตนเห็นให้ทุกคนในที่ประชุมรู้ และนำผลิตผลของแผ่นดินมาให้ทุกคนดู
เขาบอกโมเสสว่า “พวกเราได้สำรวจแผ่นดินนั้นตามที่ท่านให้ทำ แผ่นดินนั้นเป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ นี่คือผลิตผลของแผ่นดินนั้น แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมีกำลังเข้มแข็ง เมืองก็ใหญ่โตและมีป้อมปราการป้องกันอย่างดี พวกเรายังเห็นลูกหลานของยักษ์อานาคอยู่ที่นั่นด้วย ชนชาวอามาเลขอาศัยอยู่ในดินแดนเนเกบ ส่วนชาวฮิตไทต์ เยบุสและอาโมไรต์อาศัยอยู่ในดินแดนแถบภูเขา ชาวคานาอันอาศัยอยู่ตามชายทะเลและริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน”
คาเลบสั่งประชาชนที่อยู่กับโมเสสให้เงียบและพูดว่า “พวกเราต้องรีบขึ้นไปยึดครองแผ่นดิน พวกเราสามารถทำได้อย่างแน่นอน” แต่ผู้ที่ไปสำรวจกับเขาพูดว่า “พวกเราไม่อาจเข้าโจมตีชนเหล่านี้ได้ เพราะเขาแข็งแรงกว่าพวกเรามาก” เขาจึงแพร่ข่าวเท็จไปในหมู่ชาวอิสราเอลถึงแผ่นดินที่เขาไปสำรวจมาว่า “แผ่นดินที่เราไปสำรวจมานั้นเป็นแผ่นดินที่กลืนกินผู้อาศัยของตน ผู้คนที่พวกเราไปเห็นมามีรูปร่างสูงมาก พวกเราเห็นยักษ์ที่นั่นด้วย เป็นลูกหลานของยักษ์อานาค เรารู้สึกตัวว่าเหมือนตั๊กแตน และเขาคงจะมองเราเช่นนั้นด้วย” ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดเริ่มตะโกนเสียงดังและร่ำไห้ตลอดทั้งคืน
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนอีกว่า “ชุมชนชั่วร้ายนี้จะบ่นว่าเราอีกนานเท่าไร เราได้ยินชาวอิสราเอลบ่นว่าเรามานานแล้ว จงบอกเขาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราสาบานว่าจะกระทำกับท่านทั้งหลายตามที่เราได้ยินท่านพูด ท่านจะต้องตายในถิ่นทุรกันดารนี้ คือผู้ที่จดชื่อในทะเบียนจำนวนประชากรที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ซึ่งได้บ่นว่าเราจะต้องตาย เราสาบานว่า แผ่นดินที่เราสัญญาจะให้ท่านเข้าพำนักอยู่นั้น จะไม่มีท่านผู้ใดเข้าไปอาศัยอยู่ นอกจากคาเลบบุตรของเยฟุนเนห์ และโยชูวาบุตรของนูนเท่านั้น ท่านทั้งหลายใช้เวลาสี่สิบวันสำรวจแผ่นดิน ท่านจะต้องรับโทษเป็นเวลาสี่สิบปี โดยคิดหนึ่งวันเป็นหนึ่งปี แล้วท่านจะรู้ว่าการทรยศต่อเรานั้นหมายความว่าอย่างไร เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าได้สาบานจะทำเช่นนี้กับชุมชนชั่วร้ายที่ได้รวมหัวกันต่อต้านเรา เขาทุกคนจะต้องตายในถิ่นทุรกันดารนี้”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 15:21-28
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่น มุ่งไปเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน ทันใดนั้น หญิงชาวคานาอันคนหนึ่งจากเขตแดนนี้ ร้องว่า “โอรสกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด บุตรสาวของข้าพเจ้าถูกปีศาจสิงต้องทรมานมาก” แต่พระองค์มิได้ตรัสตอบประการใด บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลพระองค์ว่า “โปรดประทานตามที่นางทูลขอเถิด เพราะนางร้องตะโกนตามหลังพวกเรามา” พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่งมาเพื่อแกะที่พลัดหลงของวงศ์วานอิสราเอลเท่านั้น” แต่นางเข้ามากราบพระองค์ทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด” พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูกมาโยนให้ลูกสุนัขกิน” นางทูลว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่แม้แต่ลูกสุนัขก็ยังได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนาย” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย ความเชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่ จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด” และบุตรหญิงของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่บัดนั้น
ข้อคิด
พระเจ้าสั่งให้โมเสสส่งคนไปสำรวจดินแดนคานาอัน เพื่อจะให้ประชาชนเข้าไปอาศัยอยู่ แต่คนที่ถูกส่งไปเป็นคนขี้ขลาด กลับมารายงานว่า ชาวยิวจะตีเมืองไม่ได้ เพราะเขาแข็งแรงกว่ามาก เมื่อไม่เชื่อฟังพระองค์พวกเขาจึงต้องอยู่ในทะเลทรายนานพระเยซูเจ้าทำอัศจรรย์รักษาบุตรสาวชาวคานาอันที่ถูกผีสิง หญิงคนนี้ไม่ใช่เชื้อสายยิวแต่มีความเชื่อในพระองค์ เมื่อได้ทดสอบดูความเชื่อแล้ว พระองค์ชมนางที่มีความเชื่อยิ่งใหญ่ และพระองค์รักษาบุตรหญิงของนางให้หายเป็นปกติ เราท่านต้องดูว่าเรามีความเชื่อในพระเจ้ามากไหม เมื่อขออัศจรรย์จากพระองค์
วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2023 น.ซิกส์โตที่ 2 พระสันตะปาปาและเพื่อนมรณสักขี น.กาเยตาน พระสงฆ์
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 08 มีนาคม 2566 06:37
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 854
บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี กดว 11:4ข-15
ในครั้งนั้น ชาวอิสราเอลก็บ่นอีกว่า “พวกเราอยากจะได้เนื้อมากินเหลือเกิน จำได้ไหมว่า เมื่ออยู่ในอียิปต์ พวกเราเคยกินสิ่งใดบ้าง เราเคยกินปลา แตงกวา แตงโม ต้นหอม หัวหอม และกระเทียม โดยไม่ต้องซื้อ มาบัดนี้ เรี่ยวแรงของเราหมดสิ้นไป เราไม่มีอะไรกินเลย ตาของเรามองเห็นแต่มานนาเท่านั้น”
มานนามีลักษณะเหมือนเมล็ดผักชีขาว มีสีเหลืองเหมือนยางไม้ตะคร้ำ ประชากรจะออกไปเก็บ นำมาโม่หรือใส่ครกตำให้ละเอียดเป็นแป้ง แล้วต้มในหม้อหรือทำเป็นขนมแผ่น มีรสเหมือนขนมปังเคล้าน้ำมันมะกอกเทศ มานนาตกลงมาเหนือค่ายพร้อมกับน้ำค้างในเวลากลางคืน
โมเสสได้ยินประชากรบ่นและร้องไห้ ขณะที่แต่ละครอบครัวมายืนออกันอยู่ที่ทางเข้ากระโจมของตน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง และโมเสสรู้สึกกลุ้มใจด้วย เขาทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “เหตุไฉนพระองค์ทรงทำกับผู้รับใช้พระองค์เช่นนี้ ทำไมพระองค์ไม่พอพระทัยข้าพเจ้าเล่า ทำไมพระองค์จึงทรงให้ข้าพเจ้าต้องมารับแบกภาระดูแลประชากรทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าได้ตั้งครรภ์และคลอดประชากรทั้งหมดนี้ออกมา แล้วพระองค์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า ‘จงอุ้มเขาไว้ในอ้อมอกเหมือนแม่นมอุ้มทารกไว้ พาเขาไปจนถึงแผ่นดินที่เราสาบานไว้ว่าจะมอบให้แก่บรรพบุรุษของเขา’ กระนั้นหรือ ข้าพเจ้าจะไปหาเนื้อที่ไหนมาให้ประชากรทั้งหมดนี้กินได้ เขาทั้งหลายมาร้องคร่ำครวญต่อข้าพเจ้าว่า ‘จงหาเนื้อมาให้พวกเรากินเถิด’ ข้าพเจ้าคนเดียวไม่อาจแบกภาระดูแลประชากรทั้งหมดนี้ได้อีกแล้ว ภาระนี้หนักเกินไปสำหรับข้าพเจ้า ถ้าพระองค์ทรงประสงค์จะมอบภาระนี้แก่ข้าพเจ้า ขอทรงพระกรุณาประหารชีวิตข้าพเจ้าเสียเถิด ข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ต่อไป”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 14:13-21
เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบข่าวนี้ ได้เสด็จออกจากที่นั่น ลงเรือไปยังที่สงัดตามลำพัง เมื่อประชาชนรู้ต่างก็เดินเท้าจากเมืองต่างๆ มาเฝ้าพระองค์ เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือ ทรงเห็นประชาชนจำนวนมากก็ทรงสงสาร และทรงรักษาผู้เจ็บป่วยให้หายจากโรค
เมื่อถึงเวลาเย็น บรรดาศิษย์เข้ามาทูลพระองค์ว่า “สถานที่นี้เป็นที่เปลี่ยว และเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนไปตามหมู่บ้านเพื่อซื้ออาหารเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เขาไม่จำเป็นต้องไปจากที่นี่ ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลตอบว่า “ที่นี่เรามีขนมปังเพียงห้าก้อนกับปลาสองตัวเท่านั้น” พระองค์จึงตรัสว่า “เอามาให้เราที่นี่เถิด” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นหญ้า ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึ้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้ถึงสิบสองกระบุง จำนวนคนที่กินมีผู้ชายประมาณห้าพันคน ไม่นับผู้หญิงและเด็ก
ข้อคิด
เราติดตามเรื่องราวของชาวยิวในทะเลทราย เขาบ่นว่าพระเจ้าผ่านทางโมเสส เป็นการตีวัวกระทบคราด โมเสสท้อแท้ หมดกำลังใจเพราะรู้ว่า ลำพังตัวเองก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว จึงบ่นกับพระเจ้าด้วยความน้อยใจว่า "ภาระนี้หนักเกินไปสำหรับท่าน ขอให้พระองค์ประหารชีวิตของท่านเสียเถิด เพื่อไม่ต้องทนทุกข์ต่อไป" ในความจริง โมเสสทำแทนพระเป็นเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว บางครั้งมื่อเราเผชิญปัญหาหนักหน่วง เราท้อและหมดความไว้ใจในพระเจ้า เวลานั้นเป็นเวลาที่พระเจ้าอยู่ใกล้เราเพื่อคอยช่วยเหลือเรา