วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2023 น.ปฐมมรณสักขีแห่งพระศาสนจักรกรุงโรม
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 03:15
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 870
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 17:1,9-10,15-22
เมื่ออับรามอายุเก้าสิบเก้าปี องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่เขา ตรัสว่า “เราคือพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ จงดำเนินชีวิตตามความประสงค์ของเรา และเป็นคนดีพร้อมเถิด
พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า “ท่านและลูกหลานของท่านที่จะตามมาทุกรุ่นจะต้องรักษาพันธสัญญาของเราไว้ นี่คือพันธสัญญาของเราซึ่งท่านจะต้องรักษาไว้ คือพันธสัญญากับท่านและกับลูกหลานของท่านที่จะตามมาภายหลัง ผู้ชายทุกคนจะต้องเข้าสุหนัต”
พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า “ส่วนนางซารายภรรยาของท่านนั้น ท่านอย่าเรียกนางว่าซารายอีก แต่จงเรียกว่าซาราห์ เราจะอวยพรนาง เราจะให้นางมีบุตรแก่ท่านด้วย เราจะอวยพรนางและนางจะเป็นมารดาของชนหลายชาติ กษัตริย์ของชนหลายชาติจะมาจากนาง” อับราฮัมกราบลงกับพื้นดิน หัวเราะ คิดในใจว่า “ชายชราอายุหนึ่งร้อยปีจะมีบุตรได้หรือ นางซาราห์อายุเก้าสิบปีแล้วจะคลอดบุตรได้หรือ” อับราฮัมทูลพระเจ้าว่า “ขอให้อิชมาเอลมีชีวิตอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด” พระเจ้าตรัสว่า “ไม่ใช่ แต่นางซาราห์ภรรยาของท่านจะคลอดบุตรชายคนหนึ่งให้ท่าน และท่านจะตั้งชื่อเขาว่าอิสอัค เราจะรักษาพันธสัญญาที่เราได้ให้ไว้กับเขาและกับลูกหลานของเขาที่จะตามเขามา เป็นพันธสัญญาที่คงอยู่ตลอดไป สำหรับอิชมาเอลนั้น เราฟังท่านแล้ว เราจะอวยพรเขา จะทำให้เขามีลูกหลานมาก เราจะทวีจำนวนเขายิ่งๆ ขึ้น เขาจะเป็นบิดาของเจ้าชายสิบสององค์ เราจะทำให้เขาเป็นชนชาติใหญ่ เราจะรักษาพันธสัญญาไว้กับอิสอัค นางซาราห์จะคลอดอิสอัคให้แก่ท่านในปีหน้า เวลาเดียวกันนี้” เมื่อพระเจ้าตรัสกับอับราฮัมแล้ว ก็เสด็จจากเขาไป
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 8:1-4
เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขา ประชาชนจำนวนมากติดตามพระองค์ ทันใดนั้น คนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ กราบลงทูลว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย ก็ทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขา ตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด” โรคเรื้อนก็หายไปทันที พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาอีกว่า “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เลย จงไปแสดงตนแก่สมณะและถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสกำหนด เพื่อเป็นพยานหลักฐานแก่คนทั้งหลาย”
ข้อคิด
พันธสัญญาต้องการเครื่องหมายยืนยัน อับราฮัมเป็นคู่สัญญาของพระเจ้า พระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับอับราฮัม และเพื่อเป็นคู่พันธสัญญากับพระเจ้า ต้องมีพันธะที่เป็นเครื่องหมายติดกายไปตลอดชีวิตว่าเป็นคู่สัญญากับพระเจ้า "การเข้าสุหนัต" คือ เครื่องหมายติดกายไปตลอดชีวิต ชี้ให้เห็นว่าเขาคือผู้ที่เป็นคู่พันธสัญญา... สำหรับชาวยิวการเข้าสุหนัตยืนยันว่าพวกเขามีพระเจ้าเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของพระองค์ตลอดไป ปฐมกาลบทที่ 17 เตือนเราคริสตชนให้ถามตนเองว่า "อะไรคือเครื่องหมายติดกายเราคริสตชน" แน่นอนไม่ใช่การเข้าสุหนัต แต่สิ่งที่เปรียบเทียบได้ ขาดไม่ได้ และติดชีวิตเราตลอดไปคือการถือบัญญัติแห่งความรัก เมตตา ยุติธรรม สันติสุข คือ เครื่องหมายที่ติดชีวิตคริสตชนที่เห็นได้จากการเป็นคู่พันธสัญญากับพระเจ้าโดยทางพระเยซู
วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน 2023 สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 03:13
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 906
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 16:1-12,15-16
ซารายภรรยาของอับรามไม่มีบุตรให้เขา นางมีทาสหญิงชาวอียิปต์คนหนึ่งชื่อฮาการ์ นางซารายจึงพูดกับอับรามว่า “นี่แน่ะ องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่โปรดให้ฉันมีบุตร จงไปร่วมหลับนอนกับทาสหญิงของฉันเถิด บางทีนางจะเกิดบุตรให้ฉันได้” อับรามก็ฟังคำแนะนำของนาง
เมื่ออับรามอยู่ในแผ่นดินคานาอันได้สิบปีแล้ว นางซารายยกนางฮาการ์ทาสหญิงชาวอียิปต์ของตนให้เป็นภรรยาของอับรามสามี อับรามได้ร่วมหลับนอนกับนางฮาการ์ นางก็ตั้งครรภ์ เมื่อนางฮาการ์รู้ว่าตนตั้งครรภ์แล้ว นางก็หยิ่งผยองและดูหมิ่นนายหญิงของตน นางซารายจึงบ่นกับอับรามว่า “เป็นความผิดของท่านที่นางดูหมิ่นฉัน ฉันให้ทาสหญิงคนนี้ไว้ในอ้อมอกของท่าน แต่เมื่อเขารู้ว่าเขาตั้งครรภ์แล้ว เขาก็ดูหมิ่นเหยียดหยามฉัน ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตัดสินเราทั้งสองคนเถิดว่า ใครผิดใครถูก” อับรามตอบนางซารายว่า “ทาสหญิงอยู่ใต้อำนาจของท่าน จงทำกับนางตามที่ท่านเห็นสมควรเถิด” นางซารายจึงข่มเหงนางฮาการ์จนนางต้องหนีไป
ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าพบนางฮาการ์ในถิ่นทุรกันดารใกล้ตาน้ำข้างทางไปเมืองชูร์ จึงถามว่า “ฮาการ์ทาสหญิงของนางซารายเอ๋ย ท่านมาจากไหน และจะไปไหน” นางตอบว่า “ข้าพเจ้ากำลังหนีให้พ้นจากนางซารายนายหญิงของข้าพเจ้า” ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงสั่งว่า “จงกลับไปหานายหญิงของท่าน และยอมอยู่ใต้อำนาจของนางเถิด” ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอีกว่า “เราจะให้ลูกหลานของท่านทวีจำนวนขึ้นมากมายจนนับไม่ถ้วน” ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ายังเสริมอีกว่า
“นี่แน่ะ ท่านตั้งครรภ์แล้วจะคลอดบุตรชาย และจะตั้งชื่อเขาว่าอิชมาเอล เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังเสียงร้องทุกข์ของท่าน เขาจะเป็นเสมือนลาป่า มือของเขาจะต่อสู้กับคนทั้งปวง และมือของคนทั้งปวงจะต่อสู้กับเขา เขาจะอยู่เผชิญหน้ากับพี่น้องทุกคน”
นางฮาการ์ให้กำเนิดบุตรชายแก่อับราม อับรามตั้งชื่อบุตรที่นางฮาการ์คลอดนั้นว่าอิชมาเอล อับรามมีอายุแปดสิบหกปีเมื่อนางฮาการ์คลอดอิชมาเอลให้เขา
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 7:21-29
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า
“คนที่กล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละ จะเข้าสู่สวรรค์ได้ ในวันนั้น หลายคนจะกล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ประกาศพระวาจาในพระนามพระองค์ ขับไล่ปีศาจในพระนามพระองค์ และได้ทำอัศจรรย์หลายประการในพระนามพระองค์มิใช่หรือ’ เมื่อนั้น เราจะกล่าวแก่เขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักท่านทั้งหลายเลย ท่านผู้ทำความชั่ว จงไปให้พ้นหน้าเรา’”
“ผู้ใดฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน ฝนจะตก น้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก น้ำไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มันก็พังทลายลงและเสียหายมาก”
เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสถ้อยคำเหล่านี้จบแล้ว ประชาชนต่างพิศวงในคำสั่งสอนของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสอนเขาอย่างผู้มีอำนาจ ไม่ใช่สอนเหมือนบรรดาธรรมาจารย์ของเขา
ข้อคิด
พระสัญญาของพระเจ้านั้นแน่นอน แต่มาช้า เพื่อยืนยันว่ามนุษย์ต้องรอคอยและเชื่อในพระสัญญาพระสัญญาที่จะให้อับราฮัมมีบุตรกับนางซารายภรรยา เขาแก่ชรา นางซารายเป็นหมัน.. ไหน ไหนพระสัญญาจะเป็นจริงได้หรือ... ซารายคิด ทำไมเราไม่จัดการพระสัญญาเอง นางได้ยกฮาการ์ทาสหญิงให้อับราฮัม เพื่อให้เกิดบุตร ซารายไม่สามารถรอต่อไป และคิดว่า "ฉันจัดการได้" และก็ได้จริงๆ แต่... เอมนุษย์เลือกจัดการแทนพระเจ้า ผลตามมาคือบ้านแตก อยู่ด้วยกันไม่ได้ ต้องแยกทางกันไป นี่คือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ รอคอยพระสัญญาอย่าแทรกแซงพระสัญญาของพระเจ้า และคิดว่าเรามีอำนาจจะจัดการแทนพระเจ้าอันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายยิ่งขึ้น "จงรอคอย สงบเงียบ และรอคอยด้วยความวางใจ และพระเจ้าจะทรงจัดตามพระสัญญาอย่างแน่นอน
วันอังคารที่ 27 มิถุนายน 2023 น.ซีริลแห่งอเล็กซานเดรีย พระสังฆราชและนักปราชญ์
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 03:09
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 916
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 13:2,5-18
อับรามมั่งมีมาก มีฝูงแพะแกะ เงินทอง โลทซึ่งไปกับอับรามมีฝูงแกะ โค และกระโจมของตนด้วย ที่ดินแถบนั้นไม่กว้างขวางพอที่จะให้เขาทั้งสองคนอยู่ร่วมกันได้ เพราะต่างคนต่างมีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงอยู่รวมกันไม่ได้ คนเลี้ยงสัตว์ของอับรามกับคนเลี้ยงสัตว์ของโลทวิวาทกัน เวลานั้น ชาวคานาอันและชาวเปริสซียังอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น อับรามจึงบอกโลทว่า “เราอย่าวิวาทกันเลย อย่าให้คนเลี้ยงสัตว์ของท่านกับคนเลี้ยงสัตว์ของฉันวิวาทกัน เพราะเราเป็นญาติกัน แผ่นดินทั้งหมดอยู่ต่อหน้าท่านไม่ใช่หรือ จงแยกจากฉันเถิด ถ้าท่านไปทางซ้าย ฉันจะไปทางขวา ถ้าท่านไปทางขวา ฉันจะไปทางซ้าย”
โลทเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าตลอดลุ่มแม่น้ำจอร์แดนไปจนถึงโศอาร์ มีน้ำบริบูรณ์เหมือนอุทยานขององค์พระผู้เป็นเจ้า หรือเหมือนแผ่นดินอียิปต์ เวลานั้นองค์พระผู้เป็นเจ้ายังไม่ได้ทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์ ดังนั้น โลทจึงเลือกเอาลุ่มแม่น้ำจอร์แดนทั้งหมดไว้เป็นของตน แล้วย้ายกระโจมไปทางตะวันออก เขาทั้งสองคนจึงแยกกัน อับรามอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอัน ส่วนโลทอาศัยอยู่ท่ามกลางหัวเมืองในลุ่มแม่น้ำตั้งกระโจมอยู่ใกล้ชานเมืองโสโดม ชาวเมืองโสโดมเป็นคนชั่วช้าทำบาปผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นอันมาก
เมื่อโลทแยกไปแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอับรามว่า “จงเงยหน้าขึ้นจากที่ที่ท่านอยู่ มองไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก แผ่นดินทั้งหมดที่ท่านเห็นนี้ เราจะมอบให้ท่านและให้ลูกหลานของท่านตลอดไป เราจะทำให้ลูกหลานของท่านมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนฝุ่นผงของแผ่นดิน ผู้ใดนับฝุ่นผงของแผ่นดินได้ ก็จะนับจำนวนลูกหลานของท่านได้เช่นเดียวกัน ท่านจงลุกขึ้นเดินทางไปให้ทั่วแผ่นดินนี้ ทั้งด้านยาวและด้านกว้างเถิด เพราะว่าเราจะมอบให้ท่าน”
อับรามจึงย้ายกระโจมมาอาศัยอยู่ที่หมู่ต้นโอ๊กของมัมเรที่เฮโบรน แล้วสร้างพระแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 7:6,12-14
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า
“อย่าให้ของศักดิ์สิทธิ์แก่สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้สุกร เพราะมันจะเหยียบย่ำทำให้เสียของ และหันมากัดท่านอีกด้วย
ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด นี่คือธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศก
จงเข้าทางประตูแคบ เพราะประตูและทางที่นำไปสู่หายนะนั้นกว้างขวาง คนที่เข้าทางนี้มีจำนวนมาก แต่ประตูและทางซึ่งนำไปสู่ชีวิตนั้นคับแคบ คนที่พบทางนี้มีจำนวนน้อย”
ข้อคิด
สิ่งที่เราเรียนรู้จากอับราฮัมและโลทที่ต้องแยกทางกัน คือ ความใจกว้างของอับราอัมผู้มีความเชื่อกล้าที่จะเปิดทางให้กับโลทหลานชายได้เลือก เลือกแผ่นดินที่อยากจะไปอยู่อาศัย และอับราฮัมพร้อมที่จะเลือกหลังจากที่เปิดทางด้วยใจกว้างให้กับโลท... ประเด็นสำคัญ คือ อับราฮัมมีความเชื่อในพระเจ้า เป็นบิดาแห่งความเชื่อ บทสอนสำคัญมากๆ คือ ผู้มีความเชื่อคือผู้ที่มีใจกว้างเสมอเช่นอับราฮัม และประเด็นสำคัญอีกประการคือ การที่โลทมองเห็นที่ที่ดีงดงามมากในสายตาของตน สวยงาม อุดมสมบูรณ์เช่นโสโดมและโกโมราห์ แต่ความงาม มั่งคั่งในกระแสโลกกลับซ่อนไว้ซึ่งความชั่วร้าย ดังนั้น เรามนุษย์ไม่อาจเลือกสิ่งที่ในกระแสโลกถือว่ารุ่งเรืองมั่งคั่ง เพราะอาจไม่มั่นคงแท้จริง และกระแสโลกียะอาจไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีเสมอไป
วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2023 ระลึกถึง น.อีเรเนโอ พระสังฆราชและมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 03:11
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 833
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 15:1-12,17-18
หลังจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอับรามในนิมิตว่า “อับรามเอ๋ย อย่ากลัวเลย เราเป็นโล่ป้องกันท่าน บำเหน็จรางวัลของท่านจะยิ่งใหญ่มาก”
แต่อับรามทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า พระองค์จะประทานสิ่งใดแก่ข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้ายังคงไม่มีบุตร เอลีเอเซอร์ชาวดามัสกัสก็จะเป็นผู้รับมรดกของข้าพเจ้า” อับรามทูลอีกว่า “พระองค์ไม่ได้ประทานบุตรให้แก่ข้าพเจ้า ดังนั้น บ่าวที่เกิดในบ้านของข้าพเจ้าก็จะได้รับมรดก” แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอับรามอีกว่า “บ่าวผู้นี้จะไม่เป็นผู้รับมรดกของท่าน แต่บุตรชายที่เกิดจากท่านเท่านั้นจะเป็นผู้รับมรดก” พระองค์ทรงพาอับรามออกไปข้างนอก แล้วตรัสว่า “จงมองดูท้องฟ้า นับจำนวนดวงดาวเถิด ถ้าท่านนับได้” พระองค์ทรงเสริมว่า “ลูกหลานของท่านจะมีจำนวนมากมายเช่นนี้” อับรามเชื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงนับว่าความเชื่อนี้เป็นความชอบธรรมสำหรับเขา
พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้พาท่านออกจากเมืองอูร์ของชาวเคลเดีย เพื่อจะมอบแผ่นดินนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน” อับรามทูลตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ข้าพเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่า แผ่นดินนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของข้าพเจ้า” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงนำลูกโคตัวเมียอายุสามปี แพะตัวเมียอายุสามปี และแกะตัวผู้อายุสามปี นกเขาและนกพิราบอย่างละตัวมาให้เรา” อับรามก็ไปนำสัตว์เหล่านี้ทั้งหมดมา ผ่าครึ่งตัววางไว้ตรงกันเป็นสองแถว แต่ไม่ได้ผ่านก เมื่อแร้งบินลงมาที่ร่างสัตว์เหล่านี้ อับรามก็ไล่มันไป
ขณะที่ดวงอาทิตย์จวนจะตก อับรามก็หลับสนิท ความมืดมิดที่น่ากลัวอย่างยิ่งมาครอบคลุมเขาไว้ เมื่อดวงอาทิตย์ตกและมืดลงแล้ว ก็มีหม้อไฟที่มีควันพวยพุ่งและคบเพลิงที่ลุกอยู่ลอยผ่านระหว่างกลางสัตว์ที่ผ่าซีกเหล่านั้น
ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำพันธสัญญาไว้กับอับรามว่า “เรามอบแผ่นดินนี้ให้แก่ลูกหลานของท่าน ตั้งแต่แม่น้ำแห่งอียิปต์ไปจนถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 7:15-20
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า
“จงระวังประกาศกเทียมซึ่งมาพบท่าน นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย ท่านจะรู้จักเขาได้จากผลงานของเขา มีใครบ้างเก็บผลองุ่นจากต้นหนาม หรือเก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม ในทำนองเดียวกัน ต้นไม้พันธุ์ดีย่อมเกิดผลดี ต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมเกิดผลไม่ดี ต้นไม้พันธุ์ดีจะเกิดผลไม่ดีมิได้ และต้นไม้พันธุ์ไม่ดีก็ไม่อาจเกิดผลดีได้ ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีย่อมถูกโค่นทิ้งในกองไฟดังนั้น ท่านจะรู้จักประกาศกเทียมได้จากผลงานของเขา”
ข้อคิด
ปฐมกาลบทที่ 15 ข้อที่ 6 คือกุญแจกดอกสำคัญของประวัติศาสตร์แห่งความรอดในความเชื่อความเชื่อของอับราอัม ในท่ามกลางความเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่อับราฮัมจะมีบุตรตามเงื่อนไขของมนุษย์อับราฮัมชรามาก ซาราห์ภรรยาก็ชราและเป็นหมัน ไม่มีทาง ไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่ "พระวาจาของพระเจ้ามาถึงอับราฮัม" ก็พระวาจาของพระเจ้าคืออำนาจของพระเจ้า และไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า พระเจ้ายืนยันแม้อับรามหรืออับราอัมตัดพ้อว่า พระเจ้าไม่ได้ประทานบุตรให้ แต่พระเจ้าทรงยืนยันความเป็นไปไม่ได้ "นับดวงดาวสิ ถ้านับได้ ลูกหลานของอับราฮัมจะมีมากมายเช่นนั้น" แม้อับราฮัมไม่ได้อยู่เห็นลูกหลานมากมาย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นสำคัญคือ "อับราฮัมเชื่อ" เชื่อในพระวาจาของพระยาห์เวห์ และความเชื่อนี้คือความชอบธรรมสำหรับเขา เป็นจุดมุ่งหมายตลอดไปของลูกหลานที่จะตามมา "เชื่อ เชื่อเช่นอับราฮัม" นี่คือ "คู่สัญญา" ของพระเจ้า
วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2023 สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 03:02
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1042
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 12:1-9
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่อับรามว่า “จงออกจากแผ่นดินของท่าน จากญาติพี่น้อง จากบ้านของบิดา ไปยังแผ่นดินที่เราจะชี้ให้ท่าน เราจะทำให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่ จะอวยพรท่าน จะทำให้ท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือ ท่านจะนำพระพรมาให้ผู้อื่น
เราจะอวยพรผู้ที่อวยพรท่าน
เราจะสาปแช่งผู้ที่สาปแช่งท่าน
บรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้นทั่วแผ่นดิน
จะได้รับพรเพราะท่าน”
อับรามจึงออกเดินทางตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส โลทไปกับเขาด้วย อับรามมีอายุเจ็ดสิบห้าปีเมื่อเขาออกจากฮาราน อับรามพานางซารายภรรยาของตน กับโลทบุตรของน้องชายและทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ได้สะสมไว้ รวมทั้งบรรดาผู้คนที่หามาได้ในเมืองฮาราน ออกเดินทางไปยังแผ่นดินคานาอัน
เมื่อเขาทั้งหลายมาถึงแผ่นดินคานาอันแล้ว อับรามก็เดินผ่านแผ่นดินนั้นจนถึงต้นโอ๊กของโมเรห์ที่เชเคม ในเวลานั้นชาวคานาอันยังอยู่ในแผ่นดิน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่อับราม ตรัสกับเขาว่า “เราจะให้แผ่นดินนี้แก่ลูกหลานของท่าน” อับรามจึงสร้างพระแท่นบูชาที่นั่นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้สำแดงพระองค์แก่เขา แล้วเดินทางต่อไปถึงภูเขาทางตะวันออกของเบธเอล และตั้งกระโจมที่นั่น ให้เบธเอลอยู่ทิศตะวันตก ให้อัยอยู่ทิศตะวันออก และยังได้สร้างพระแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น แล้วขานพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า อับรามย้ายกระโจมเดินทางเป็นระยะๆ ไปจนถึงดินแดนเนเกบ
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 7:1-5
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า
“อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน ท่านตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น ท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าจะทรงใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่าน ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะที่มีท่อนซุงอยู่ในดวงตาของท่าน ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด แล้วจะได้เห็นชัดก่อนไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง”
ข้อคิด
ความเชื่อ คือ การออกเดินทางติดตามเสียงเรียกของพระเจ้า ความเชื่อ คือ การออกจากบ้านบิดาคือความมั่นคงในพระเจ้าที่เคยนับถือผ่านมาทางบรรพบุรุษเช่นที่อับราอัมเคยมี ออกจากแผ่นดิน คือออกจากความมั่งคั่งในทรัพย์สินเงินทอง และออกจากพี่น้อง คือออกจากความมั่นคงในความสัมพันธ์และความปลอดภัย....เสียงเรียกของพระเจ้า คือ การเชิญให้กล้าออกจาก ที่สุดสำคัญยิ่งคือออกจากตนเอง จากความมั่นคงส่วนตน ออกจากเซฟโซนของตน และเพราะว่าเสียงเรียกจากผู้เรียกนั้นมั่นคง มั่งคั่ง แน่นอนกว่ามากคือ "พระเจ้าทรงเรียก" ชีวิตคริสตชนของเราทุกคน ความเชื่อใช่ไหมที่เราได้รับ ถ้าเช่นนั้น คือ เราเลิกเชื่อมั่นในตนเอง ออกจากตนเองเพื่อไปสู่หลักศิลามั่นคงนิรันดรของความเชื่อ คือ พระเยซูพระเจ้าของเรา เชื่อ คือ การที่เรากล้าเลิกเชื่อตนเอง และหันมาเชื่อในพระองค์