วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2023 สัปดาห์ที่ 9 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 01 มีนาคม 2566 07:28
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1000
บทอ่านจากหนังสือโทบิต ทบต 12:1,5-15,20
เมื่องานแต่งงานผ่านไปแล้ว โทบิตเรียกโทบียาห์บุตรชายมาพบ พูดว่า “ลูกเอ๋ย อย่าลืมจ่ายเงินตอบแทนผู้ร่วมเดินทางไปกับลูก ลูกควรเพิ่มเงินให้เขามากกว่าที่ตกลงกันไว้” โทบียาห์จึงเรียกราฟาเอลมาพูดว่า “ท่านจงรับครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินทั้งหมดที่ท่านนำกลับมาเป็นค่าตอบแทน แล้วจงไปเป็นสุขเถิด”
ราฟาเอลจึงเรียกเขาทั้งสองคนไปพูดเป็นการส่วนตัวว่า “จงถวายพระพรแด่พระเจ้า และประกาศต่อหน้าผู้มีชีวิตทุกคนว่าพระองค์ทรงกระทำสิ่งดีทั้งหลายแก่ท่าน เพื่อมนุษย์ทุกคนจะได้สรรเสริญและถวายพระพรแด่พระนามพระองค์ จงประกาศอย่างเหมาะสมให้ทุกคนรู้จักกิจการที่พระเจ้าทรงกระทำ และอย่าเหนื่อยหน่ายที่จะขอบพระคุณพระองค์ การรักษาความลับของกษัตริย์เป็นสิ่งที่ดี แต่การเปิดเผยและประกาศกิจการของพระเจ้าเป็นการสมควรอย่างยิ่ง จงทำดีไว้เถิด แล้วความชั่วร้ายจะไม่มากล้ำกรายท่าน
การอธิษฐานภาวนาจากใจจริง และการให้ทานด้วยใจกว้างมีค่ามากกว่าความร่ำรวยที่ได้มาอย่างอยุติธรรม การให้ทานดีกว่าการสะสมทองคำ การให้ทานช่วยให้พ้นจากความตายและช่วยชำระบาปทุกชนิด ผู้ที่ให้ทานจะมีชีวิตที่สมบูรณ์ ผู้ทำบาปและทำความอยุติธรรมเป็นศัตรูแก่ชีวิตของตน”
“ข้าพเจ้าจะแสดงความจริงทุกอย่างแก่ท่าน จะไม่ปิดบังสิ่งใดไว้เลย ข้าพเจ้าเคยบอกท่านแล้วว่าการรักษาความลับของกษัตริย์เป็นสิ่งที่ดี แต่การเปิดเผยกิจการของพระเจ้าเป็นการสมควร จงรู้เถิดว่าเมื่อท่านและนางซาราห์กำลังอธิษฐานภาวนา ข้าพเจ้าก็นำคำอธิษฐานภาวนาของท่านไปถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงระลึกถึงท่าน ข้าพเจ้าทำเช่นเดียวกันเมื่อท่านฝังศพผู้ตาย ท่านไม่ได้ลังเลที่จะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเพื่อไปฝังศพ พระเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามาทดสอบความเชื่อของท่าน และในเวลาเดียวกัน พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามารักษาท่าน และรักษานางซาราห์บุตรสะใภ้ ข้าพเจ้าคือราฟาเอล หนึ่งในบรรดาทูตสวรรค์เจ็ดองค์ ซึ่งเฝ้าอยู่ตลอดเวลาเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์”
บัดนี้ จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดิน และขอบพระคุณพระเจ้าเถิด ข้าพเจ้ากำลังจะกลับไปหาพระองค์ผู้ทรงส่งข้าพเจ้ามา จงบันทึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่าน” แล้วราฟาเอลก็อันตรธานไป
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 12:38-44
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนขณะที่ทรงสั่งสอนว่า “จงระวังบรรดาธรรมาจารย์ที่ชอบสวมเสื้อยาวเดินไปมา พอใจให้คนทั้งหลายคำนับตามลานสาธารณะ พอใจนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม พอใจนั่งที่หัวโต๊ะในงานเลี้ยง คนพวกนี้กินบ้านของหญิงม่าย และอธิษฐานภาวนายืดยาวเพื่อให้คนมอง คนเหล่านี้จะรับโทษหนักกว่าผู้อื่น”
ขณะที่พระองค์ประทับนั่งตรงหน้าตู้ทาน ทอดพระเนตรเห็นประชาชนใส่เงินลงในตู้ทาน คนมั่งมีหลายคนใส่เงินจำนวนมาก หญิงม่ายยากจนคนหนึ่งเข้ามา เอาเหรียญทองแดงสองเหรียญใส่ลงในตู้ทาน พระองค์จึงทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ได้ทำทานมากกว่าทุกคนที่ได้ใส่เงินลงในตู้ทาน เพราะทุกคนเอาเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมด นำทุกอย่างที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตมาทำทาน”
ข้อคิด
ประเด็นที่ชวนคิด คือ เรื่องเงินถวายพระเจ้า จากเศษเงินของเศรษฐี กับเงินที่เหลือเพื่อชีวิตของหญิงม่าย "ทุกคนเอาเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมด นำทุกอย่างที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีวิตมาทำทาน" แน่นอน พระเยซูเจ้าสอนให้เรารู้จักทำบุญทำทาน รู้จักให้-แบ่งปัน แต่พระองค์ไม่เน้นที่จำนวนปริมาณ พระองค์ต้องการเน้นที่จิตใจมากกว่า คือทำทุกอย่างด้วยความรักต่อพระเจ้า และต่อเพื่อนมนุษย์ ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ และด้วยใจกว้างตามความเหมาะสม ตามความสามารถของตน
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2023 น.เอเฟรม สังฆานุกรและนักปราชญ์
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 01 มีนาคม 2566 07:26
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1035
บทอ่านจากหนังสือโทบิต ทบต 11:5-17
นางอันนากำลังนั่งมองดูทางที่บุตรของนางต้องเดินกลับมา นางคิดว่าเห็นบุตรกำลังเดินมา จึงพูดกับบิดาของโทบียาห์ว่า “ดูซิ ลูกชายของท่านกำลังเดินมาพร้อมกับชายที่ร่วมเดินทางไปด้วย” ราฟาเอลบอกโทบียาห์ก่อนที่เขาเข้าไปพบบิดาว่า “ข้าพเจ้ารู้ว่าดวงตาของบิดาของท่านจะหายบอด ท่านจงเอาดีปลาป้ายตาของเขา ยานี้จะทำให้แสบ แต่จะลอกฝ้าขาวออกจากดวงตาของเขา ดวงตาของบิดาของท่านจะไม่บอดอีกต่อไป แต่จะกลับเห็นแสงสว่างได้”
นางอันนาวิ่งเข้าไปพบเขาทั้งสองคน โอบกอดบุตรชายพลางพูดว่า “ลูกเอ๋ย แม่เห็นลูกอีกครั้งหนึ่งแล้ว บัดนี้แม่ตายได้” แล้วนางก็ร้องไห้ โทบิตลุกขึ้นคลำทางเดินผ่านลานบ้านไปที่ประตู โทบียาห์เดินเข้ามาหาบิดา ถือดีปลา เป่าลมไปที่ตาของบิดา จับบิดาไว้แน่น พูดว่า “ทำใจดีๆ ไว้ คุณพ่อ” แล้วจึงเอายาป้ายตา ทิ้งไว้ครู่หนึ่ง ใช้มือทั้งสองข้างลอกฝ้าขาวออกจากตา โทบิตเข้าสวมกอดบุตรชายและร้องไห้ พูดว่า “ลูกเอ๋ย ลูกเป็นแสงสว่างของดวงตาของพ่อ พ่อมองเห็นลูกแล้ว” แล้วเขาพูดต่อไปว่า
“ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า ขอถวายพระพรแด่พระนามยิ่งใหญ่ของพระองค์ ขอถวายพระพรแด่ทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์ของพระองค์ ขอพระนามยิ่งใหญ่ของพระองค์พิทักษ์รักษาเราไว้ตลอดกาล ขอถวายพระพรแด่ทูตสวรรค์ทุกองค์ของพระองค์ตลอดไป เพราะแม้พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าต้องเจ็บป่วย แต่แล้วก็ทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้า บัดนี้ ข้าพเจ้าแลเห็นโทบียาห์บุตรของข้าพเจ้าแล้ว”
โทบียาห์เข้าไปในบ้านด้วยความยินดี ถวายพระพรแด่พระเจ้าจนสุดเสียง แล้วจึงเล่าเรื่องการเดินทางที่ประสบความสำเร็จให้บิดาฟัง เล่าเรื่องเงินที่นำกลับมา และเล่าว่าเขาได้รับนางซาราห์บุตรหญิงของรากูเอลเป็นภรรยา นางกำลังเดินทางตามมาอยู่ใกล้แล้วที่ประตูกรุงนีนะเวห์
โทบิตจึงออกไปที่ประตูกรุงนีนะเวห์เพื่อพบภรรยาของบุตรชาย เขามีความยินดีและถวายพระพรแด่พระเจ้า เมื่อชาวนีนะเวห์เห็นเขาเดินอย่างกระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อนโดยไม่ต้องมีคนจูง ต่างก็ประหลาดใจ โทบิตประกาศต่อหน้าทุกคนว่า พระเจ้าทรงพระเมตตาต่อตนและทรงเปิดดวงตาให้แลเห็นได้อีก โทบิตเข้าไปใกล้นางซาราห์ภรรยาของโทบียาห์บุตรชาย อวยพรนางว่า “ลูกเอ๋ย ยินดีต้อนรับ ขอถวายพระพรแด่พระเจ้าของลูก เพราะทรงนำลูกมาอยู่กับเรา ลูกเอ๋ย ขอบิดาของลูกจงได้รับพระพรเถิด ขอโทบียาห์ ลูกของพ่อจงได้รับพระพร ลูกเอ๋ย ขอลูกจงได้รับพระพรเถิด พ่อยินดีต้อนรับลูกในบ้านของลูกด้วยความยินดี ลูกจงเข้ามาเถิด”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 12:35-37
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนอยู่ในพระวิหาร ตรัสถามว่า “บรรดาธรรมาจารย์พูดได้อย่างไรว่าพระคริสต์เป็นโอรสของกษัตริย์ดาวิด เพราะกษัตริย์ดาวิดเอง เมื่อได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้า ได้ตรัสว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า
เชิญประทับนั่งเบื้องขวาของเรา
จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่าน
อยู่ใต้เท้าของท่าน
เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเรียกพระคริสต์ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระคริสต์จะทรงเป็นโอรสของกษัตริย์ดาวิดได้อย่างไร” ประชาชนจำนวนมากฟังพระองค์ด้วยความพอใจ
ข้อคิด
"เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเรียกพระคริสต์ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระคริสต์จะทรงเป็นโอรสของกษัตริย์ดาวิดได้อย่างไร" ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าทรงยืนยันความจริงเกี่ยวกับตัวพระองค์เองว่า พระองค์เป็นพระคริสต์ คือเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นผู้ที่ชาวอิสราเอลรอคอย เป็นผู้ที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ส่งมา เป็นผู้ที่ดำรงอยู่แต่นิรันดรกับพระเจ้า พระองค์จึงทรงยิ่งใหญ่กว่าและดำรงอยู่ก่อนดาวิด พระองค์จึงเชื้อเชิญให้เราเชื่อในพระองค์อย่างแน่วแน่
วันพุธที่ 7 มิถุนายน 2023 สัปดาห์ที่ 9 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 01 มีนาคม 2566 07:20
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1285
บทอ่านจากหนังสือโทบิต ทบต 3:1-11,16ก
ข้าพเจ้าเศร้าใจ ถอนใจ ร้องไห้ เริ่มอธิษฐานภาวนาคร่ำครวญว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเที่ยงธรรม พระราชกิจของพระองค์ล้วนชอบธรรม วิถีทางของพระองค์แสดงพระกรุณาและความจริง พระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาโลก
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้า โปรดทอดพระเนตรมายังข้าพเจ้าเถิด ขออย่าทรงลงโทษข้าพเจ้าเพราะบาปของข้าพเจ้า หรือเพราะความผิดของข้าพเจ้าและของบรรพบุรุษ ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำบาปผิดต่อพระองค์ ละเมิดพระบัญชาของพระองค์ พระองค์จึงทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายถูกปล้น ถูกจับเป็นเชลยและถูกฆ่า กลายเป็นเรื่องเล่า เป็นที่หัวเราะเยาะ เป็นที่ดูหมิ่นของนานาชาติที่ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องกระจัดกระจายไปอาศัยอยู่ด้วย บัดนี้ พระวินิจฉัยทั้งปวงของพระองค์ล้วนเป็นความจริง ทรงกระทำกับข้าพเจ้าทั้งหลายตามความผิดของข้าพเจ้าและบรรพบุรุษ เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ ไม่ดำเนินชีวิตในความจริงเฉพาะพระพักตร์
บัดนี้ โปรดทรงทำกับข้าพเจ้าตามพระประสงค์ โปรดทรงบัญชาให้เอาชีวิตข้าพเจ้าไปเสีย ให้ข้าพเจ้าถูกนำออกไปจากพื้นแผ่นดิน และกลายเป็นฝุ่นดิน ให้ข้าพเจ้าตายเสียดีกว่าที่จะมีชีวิต เพราะข้าพเจ้าต้องได้ยินคำสบประมาทโดยไร้มูลเหตุ ทำให้ข้าพเจ้าต้องเป็นทุกข์เศร้าใจอย่างสุดซึ้ง
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าพ้นจากความทุกข์นี้ ไปยังที่พำนักนิรันดร ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดอย่าทรงเมินพระพักตร์ไปจากข้าพเจ้าเลย โปรดให้ข้าพเจ้าตายเสียดีกว่าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ต้องทนความทุกข์ทรมานมากมาย และได้ยินคำสบประมาทตลอดชีวิต”
วันเดียวกันนั้น ซาราห์บุตรสาวของรากุเอล ผู้อาศัยอยู่ที่เมืองเอกบาทานาในแคว้นมีเดีย ก็ได้ยินคำสบประมาทจากหญิงรับใช้คนหนึ่งของบิดา นางเคยเข้าพิธีแต่งงานถึงเจ็ดครั้ง แต่สามีแต่ละคนก็ถูกอัสโมเดอัสปีศาจร้ายฆ่าเสียก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กันฉันสามีภรรยา หญิงรับใช้พูดกับนางว่า “คุณนายนั่นเองเป็นผู้ฆ่าสามีของคุณนาย คุณนายมีสามีถึงเจ็ดคนแล้ว แต่ไม่มีความสุขกับสามีคนใดเลย คุณนายมาทุบตีพวกเราทำไม ถ้าสามีตายหมดแล้ว จงไปอยู่กับเขาเถิด อย่าให้พวกเราได้เห็นบุตรชายหรือบุตรหญิงของคุณนายเลย” วันนั้น นางเป็นทุกข์ใจมาก ร้องไห้และขึ้นไปยังห้องของบิดา คิดจะแขวนคอตาย แต่แล้วนางคิดได้ว่า “อย่าเลย มิฉะนั้นผู้คนจะมาสบประมาทบิดาของฉันอีก พูดว่า ‘ท่านมีบุตรสาวที่ท่านรักมากเพียงคนเดียว บัดนี้นางก็มาแขวนคอตายเพราะเคราะห์ร้ายของนาง’ ฉันจะทำให้พ่อซึ่งแก่แล้วต้องตายด้วยความทุกข์ ฉันต้องไม่แขวนคอตายดีกว่า แต่จะวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทรงอนุญาตให้ฉันตาย จะได้ไม่ต้องได้ยินคำสบประมาทอีกต่อไป” เวลานั้น นางกางแขนออก หันไปทางหน้าต่าง อธิษฐานว่า
“ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงพระเมตตากรุณา ขอพระองค์ทรงได้รับการถวายพระพรเถิด ขอพระนามพระองค์ได้รับการถวายพระพรตลอดนิรันดร ขอพระราชกิจทั้งปวงของพระองค์ถวายพระพรแด่พระองค์ตลอดไปเทอญ
เวลาเดียวกันนั้น พระเจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ทรงฟังคำอธิษฐานของคนทั้งสองพระองค์ทรงส่งราฟาเอลให้ไปรักษาทั้งสองคน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 12:18-27
ต่อมา ชาวสะดูสีบางคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านี้สอนว่าไม่มีการกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งไว้ว่า ถ้าพี่ชายตาย ทิ้งภรรยาไว้โดยไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายของเขารับเอาหญิงนั้นมาเป็นภรรยา เพื่อจะได้สืบสกุลของพี่ชาย ยังมีพี่น้องเจ็ดคน คนแรกมีภรรยาแล้วตายไปโดยไม่มีบุตร คนที่สองก็รับนางเป็นภรรยาแล้วตายไปโดยไม่มีบุตร คนที่สามก็เช่นเดียวกัน ทั้งเจ็ดคนไม่มีบุตรเลย ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายไปด้วย เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพในวันกลับคืนชีพ หญิงนั้นจะเป็นภรรยาของใคร เพราะทั้งเจ็ดคนต่างได้นางเป็นภรรยา”
พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ท่านคิดผิดไปแล้วมิใช่หรือ ท่านไม่เข้าใจพระคัมภีร์และไม่รู้จักพระอานุภาพของพระเจ้า เมื่อผู้ตายจะกลับคืนชีพนั้น จะไม่มีการแต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก แต่เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์ ส่วนเรื่องผู้ตายกลับคืนชีพนั้น ท่านไม่ได้อ่านหนังสือของโมเสสตอนที่กล่าวถึงพุ่มไม้หรือว่า พระเจ้าตรัสกับเขาอย่างไร พระองค์ตรัสว่า ‘เราคือพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ’ พระองค์มิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น ท่านคิดผิดไปมากทีเดียว”
ข้อคิด
"สะดูสี" ไม่เชื่อเรื่องการกลับคืนชีพ พวกเขานำเสนอชีวิตที่มีแต่กระแสโลกนิยม สุขนิยมพระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่ามีการกลับคืนชีพ แต่ชีวิตหน้าจะไม่เหมือนกับชีวิตในโลกนี้ที่ยังต้องดิ้นรน มีความต้องการชีวิตหน้าจะเป็นชีวิตที่ดีกว่า สมบูรณ์ บริสุทธิ์ เป็นความสุขอย่างที่เราคิดไม่ถึง และเป็นเป้าหมายของเรามนุษย์ที่พระเจ้าสร้างมาเพื่อพระองค์ และปรารถนาให้มนุษย์ทุกคนไปให้ถึง ขอให้เรามีความหวังถึงชีวิตนิรันดรเสมอแล้วเราจะไม่ท้อถอยในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2023 สัปดาห์ที่ 9 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 01 มีนาคม 2566 07:23
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 909
บทอ่านจากหนังสือโทบิต ทบต 6:10-11,7:1,9-17,8:4-7
เมื่อเขาทั้งสองคนเข้าไปในแคว้นมีเดีย อยู่ใกล้เมืองเอกบาทานา ราฟาเอลพูดกับชายหนุ่มว่า “น้องโทบียาห์” เขาตอบว่า “อะไรครับ” ทูตสวรรค์กล่าวต่อไปว่า “คืนนี้เราจะต้องพักที่บ้านของรากูเอลซึ่งเป็นญาติคนหนึ่งของท่าน เขามีบุตรหญิงคนหนึ่งชื่อซาราห์ เมื่อโทบียาห์มาถึงเมืองเอกบาทานา เขาพูดว่า “พี่อาซาริยาห์ จงนำข้าพเจ้าไปหารากูเอลญาติของเราทันทีเถิด ราฟาเอลจึงนำเขาไปที่บ้านของรากูเอล เขาพบรากูเอลกำลังนั่งอยู่ที่ประตูลานบ้าน เขาทั้งสองคนจึงทักทายก่อน รากูเอลตอบว่า “สวัสดีเพื่อน ยินดีต้อนรับ” แล้วนำทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน
เขาทั้งสองคนอาบน้ำและชำระตนตามประเพณีแล้วจึงนั่งโต๊ะเพื่อกินอาหาร โทบียาห์บอกราฟาเอลว่า “พี่อาซาริยาห์ จงขอน้องซาราห์จากรากูเอลให้เป็นภรรยาของข้าพเจ้าเถิด” รากูเอลได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ จึงพูดกับชายหนุ่มว่า “คืนนี้จงกิน จงดื่ม และสนุกร่าเริงเถิด เพราะไม่มีญาติคนใดมีสิทธิ์ได้นางซาราห์บุตรหญิงของข้าพเจ้าเป็นภรรยานอกจากท่าน ข้าพเจ้าไม่มีสิทธิ์จะยกนางให้เป็นภรรยาของผู้ใดได้นอกจากยกให้ท่าน เพราะท่านเป็นญาติสนิทที่สุดของข้าพเจ้า แต่ก่อนอื่น ลูกเอ๋ย ข้าพเจ้าต้องบอกความจริงแก่ท่านอย่างตรงไปตรงมา ข้าพเจ้าเคยให้นางเป็นภรรยาแก่สามีที่เป็นญาติกันถึงเจ็ดคนแล้ว แต่ทุกคนตายในคืนแต่งงานก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับนาง บัดนี้ ลูกเอ๋ย จงกินและดื่มเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงจัดการให้ท่าน” โทบียาห์พูดขึ้นว่า “ข้าพเจ้าจะไม่กินและจะไม่ดื่มเป็นอันขาด ถ้าท่านไม่ตัดสินใจเรื่องของข้าพเจ้าก่อน” รากูเอลตอบว่า “ข้าพเจ้าจะทำ ข้าพเจ้ายกนางให้เป็นภรรยาของท่านตามข้อกำหนดในหนังสือของโมเสส และตามที่สวรรค์กำหนดจะให้นางแก่ท่าน จงรับน้องสาวของท่านเป็นภรรยาเถิด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านเป็นสามีของนาง และนางเป็นภรรยาของท่าน นางเป็นของท่านแล้วตั้งแต่วันนี้ตลอดไป ลูกเอ๋ย ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ทรงพิทักษ์รักษาลูกทั้งสองคนในคืนนี้ และประทานพระเมตตาและสันติแก่ลูกทั้งสองคนเถิด” รากูเอลเรียกนางซาราห์บุตรหญิง เมื่อนางเข้ามา เขาจับมือนางไว้ จูงนางไปมอบให้โทบียาห์ พลางพูดว่า “จงรับนางเป็นภรรยาของท่านตามธรรมบัญญัติและตามข้อกำหนดที่เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส จงรับนางและนำนางไปที่บ้านของบิดาของท่านอย่างปลอดภัย ขอพระเจ้าแห่งสวรรค์โปรดให้ท่านมีสันติสุขและคุ้มครองท่านในการเดินทางเถิด” แล้วเขาเรียกมารดาของนางซาราห์เข้ามา สั่งให้นำกระดาษมาแผ่นหนึ่ง และเขียนสัญญาการแต่งงาน ระบุว่าขอมอบบุตรหญิงของตนให้เป็นภรรยาของโทบียาห์ตามข้อกำหนดในธรรมบัญญัติของโมเสส ต่อจากนั้น ทุกคนก็เริ่มกินและดื่ม
รากูเอลเรียกนางเอดนาภรรยาของตน สั่งว่า “น้องเอ๋ย จงเตรียมห้องอีกห้องหนึ่ง และนำซาราห์ไปที่นั่น” นางเอดนาไปเตรียมเตียงไว้ในห้องตามคำสั่ง แล้วนำบุตรหญิงเข้าไปด้วย นางร้องไห้เพราะบุตรหญิง แล้วเช็ดน้ำตา พูดว่า “ลูกเอ๋ย จงทำใจให้ดี ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ทรงเปลี่ยนความทุกข์ของลูกให้เป็นความยินดี ลูกเอ๋ย จงทำใจให้ดี” แล้วนางก็ออกไป
รากูเอลและนางเอดนาออกจากห้องวิวาห์และปิดประตู โทบียาห์ลุกขึ้นจากเตียง บอกนางซาราห์ว่า “น้องเอ๋ย จงลุกขึ้น เราจงอธิษฐานภาวนาวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ประทานพระเมตตาและความรอดพ้นแก่เรา”นางก็ลุกขึ้น เขาทั้งสองคนเริ่มอธิษฐานภาวนาขอให้พระองค์ประทานความรอดพ้นแก่ตน กล่าวว่า
“ข้าแต่พระเจ้าของบรรพบุรุษ ขอถวายพระพรแด่พระองค์ ขอพระนามพระองค์ได้รับการถวายพระพรตลอดไปทุกยุคทุกสมัย ขอให้สวรรค์และสิ่งสร้างทั้งมวล จงถวายพระพรแด่พระองค์ตลอดนิรันดร พระองค์ทรงสร้างอาดัม และทรงสร้างนางเอวาภรรยาของเขา ให้เป็นผู้ช่วยเหลือและค้ำจุน มนุษยชาติก็ได้ถือกำเนิดจากเขาทั้งสองคน พระองค์ตรัสว่า “มนุษย์อยู่เพียงคนเดียวไม่ดีเลย เราจะสร้างผู้ช่วยที่เหมาะกับเขาให้” บัดนี้ ข้าพเจ้ารับน้องสาวของข้าพเจ้าผู้นี้ไว้เป็นภรรยา ไม่ใช่เพราะความใคร่ แต่ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ขอพระองค์โปรดให้ข้าพเจ้าและนางได้รับพระเมตตา และให้ข้าพเจ้าทั้งสองคนมีชีวิตอยู่ด้วยกันจนถึงวัยชราเถิด”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 12:28-34
เวลานั้น ธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ได้ฟังการโต้เถียงเรื่องนี้ และเห็นว่าพระองค์ทรงตอบได้ดี จึงทูลถามพระองค์ว่า “บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกกว่าบทบัญญัติข้ออื่นๆ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “บทบัญญัติเอกก็คือ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน บทบัญญัติประการที่สองก็คือ ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองประการนี้” ธรรมาจารย์คนนั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ท่านตอบได้ดี จริงทีเดียวที่ท่านกล่าวว่า พระเจ้ามีแต่เพียงพระองค์เดียวและนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นเลย การจะรักพระองค์สุดจิตใจ สุดความเข้าใจและสุดกำลัง และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองนี้มีคุณค่ามากกว่าเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสักการบูชาใดๆ ทั้งสิ้น” พระเยซูเจ้าทรงเห็นว่าเขาพูดอย่างเฉลียวฉลาด จึงตรัสว่า “ท่านอยู่ไม่ไกลจากพระอาณาจักรของพระเจ้า” หลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าทูลถามพระองค์อีกเลย
ข้อคิด
ธรรมาจารย์คนหนึ่งถามพระเยซูเจ้าว่า "บัญญัติข้อใดเป็นเอก" พระเยซูเจ้าตอบให้รักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจและรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง บางคนอาจพูดว่ารักพระเจ้าทำได้ แต่รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองทำไม่ได้ พระเยซูเจ้าทรงเผยความจริงให้เรารู้ว่า พระเจ้าสถิตในบุคคลอื่นด้วย การที่เราทำดีต่อผู้อื่น ก็เท่ากับว่าเราทำดีกับพระเจ้า ความรักต่อพระเจ้าและต่อผู้อื่นเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ หากเราต้องการเจริญชีวิตเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูเจ้า เราต้องเจริญชีวิตอย่างนี้เสมอ
วันอังคารที่ 6 มิถุนายน 2023 น.นอร์เบิร์ต พระสังฆราช
- รายละเอียด
- หมวด: มิถุนายน 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 01 มีนาคม 2566 07:17
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1515
บทอ่านจากหนังสือโทบิต ทบต 2:9-14
ในคืนเดียวกันนั้น เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากการฝังศพ ข้าพเจ้าก็อาบน้ำและออกไปที่ลานบ้าน นอนที่กำแพงลานไม่ได้คลุมหน้า เพราะอากาศร้อน ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามีนกกระจอกอยู่บนกำแพงเหนือศีรษะข้าพเจ้า มูลร้อนของนกตกลงเข้าตาข้าพเจ้า ทำให้เป็นฝ้าขาว ข้าพเจ้าไปพบแพทย์ แต่เขารักษาข้าพเจ้าไม่ได้ ยิ่งเขาใส่ยา ตาของข้าพเจ้าก็ยิ่งมีฝ้าขาวมากขึ้น จนบอดสนิท ข้าพเจ้าตาบอดเป็นเวลาสี่ปี พี่น้องทุกคนของข้าพเจ้าเสียใจมาก อาคิคาร์รับภาระเลี้ยงดูข้าพเจ้าเป็นเวลาสองปี ก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังแคว้นเอลีมาอิส
เวลานั้น อันนาภรรยาของข้าพเจ้าทำงานที่บ้านเพื่อหารายได้ นางปั่นขนแกะและทอผ้า นำงานที่ทำไปส่งให้นายจ้างและรับเงินเป็นค่าตอบแทน วันหนึ่ง ตรงกับวันที่เจ็ดเดือนดิสตรอส นางทอผ้าผืนหนึ่งเสร็จและนำไปส่งให้นายจ้าง เขาจ่ายเงินค่าจ้างทั้งหมด และยังแถมลูกแพะอีกตัวหนึ่งมาให้เป็นอาหาร เมื่อลูกแพะเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า ก็เริ่มร้อง ข้าพเจ้าจึงเรียกภรรยามาถามว่า “ลูกแพะตัวนี้มาจากไหน เธอไปขโมยมาหรือ จงเอาไปคืนเจ้าของ เราไม่มีสิทธิ์กินของขโมยใดๆ” นางตอบว่า “เขาให้ฉันมาเป็นรางวัลนอกเหนือจากค่าจ้าง” แต่ข้าพเจ้าไม่เชื่อนาง บอกซ้ำให้นางนำลูกแพะไปคืนเจ้าของ ข้าพเจ้ารู้สึกอายแทนนางเพราะเรื่องนี้ แต่นางย้อนข้าพเจ้าว่า “การทำทานของท่านไปไหนหมด กิจการดีของท่านหายไปไหน ใครๆ ก็รู้ว่าท่านเป็นอย่างไร”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 12:13-17
ต่อมา เขาได้ส่งชาวฟาริสีและคนบางคนที่เป็นผู้นิยมกษัตริย์เฮโรดมาพบพระเยซูเจ้า หมายจะจับผิดพระวาจาของพระองค์ คนเหล่านั้นทูลว่า “พระอาจารย์ พวกเรารู้ว่า ท่านเป็นคนเที่ยงตรง ไม่ลำเอียง ท่านไม่เห็นแก่หน้าใคร แต่สั่งสอนวิถีทางของพระเจ้าตามความจริง เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่จะเสียภาษีแก่ซีซาร์ เราต้องเสียภาษีหรือไม่ต้องเสียภาษี” พระองค์ทรงทราบความเจ้าเล่ห์ของเขา จึงตรัสว่า “มาทดสอบเราทำไม เอาเงินเหรียญมาให้เราดูสักเหรียญหนึ่งซิ” เขาก็นำเงินเหรียญหนึ่งมาถวาย พระองค์จึงตรัสถามว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร” เขาก็ตอบว่า “เป็นของซีซาร์” พระองค์จึงตรัสว่า “ของของซีซาร์จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้าก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด” คนเหล่านั้นต่างประหลาดใจในพระองค์
ข้อคิด
พระวาจาวันนี้ทำให้เราได้รู้จักความจริงเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าได้อย่างชัดเจน และเราสามารถเรียนรู้และเลียนแบบจากพระองค์ได้เป็นอย่างดีมากทีเดียว พระองค์ "เป็นคนเที่ยงตรง ไม่ลำเอียง ไม่เห็นแก่หน้าใคร สั่งสอนวิถีทางของพระเจ้าตามความจริง" ถ้าเราจะเป็นคริสตชนที่แท้จริงนั้น เราต้องเป็นเหมือนพระเยซูเจ้าให้มากที่สุด และให้เราสามารถแยกแยะ และไม่ปะปนกัน ของของพระเจ้าเราทำเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า และทำให้ดีที่สุด ของของซีซาร์ คือ กระแสโลก เราก็ปล่อยไปตามกระแสโลก อะไรที่จะมาลดทอนความเป็นคริสตชน เราก็ไม่เอนเอียงไปตามกระแสที่ดึงเรา