มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 1 ธันวาคม 2021 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                              อสย 25:6-10ก
     ในครั้งนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลทรงจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลอง สำหรับประชากรทุกชาติบนภูเขานี้ เป็นงานเลี้ยงที่มีอาหารนานาชนิด เป็นงานเลี้ยงที่มีเหล้าองุ่นชั้นดี มีอาหารเลิศรสและเหล้าองุ่นที่เลือกสรรแล้ว บนภูเขานี้ พระองค์จะทรงทำลายผ้าคลุม ที่คลุมหน้าประชากรทั้งหลาย และจะทรงทำลายม่านซึ่งกางอยู่เหนือนานาชาติ พระองค์จะทรงทำลายความตายตลอดไป องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาจากใบหน้าของทุกคน จะทรงช่วยประชากรของพระองค์ ให้พ้นจากการถูกลบหลู่ทั่วแผ่นดิน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแล้ว
     วันนั้น เขาจะพูดกันว่า “นี่คือพระเจ้าของเรา เราเคยหวังว่าพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอดพ้น นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราเคยมีความหวังในพระองค์ เราจงชื่นชมยินดีที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นเถิด” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะพักอยู่บนภูเขานี้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 15:29-37
    เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นบนภูเขาประทับที่นั่น ประชาชนจำนวนมากเข้ามาเฝ้าพระองค์ นำคนง่อย คนแขนขาพิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆ จำนวนมากมาไว้แทบพระบาท พระองค์ทรงรักษาเขาให้หายจากโรค
     เมื่อประชาชนเห็นคนใบ้พูดได้ คนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดมองเห็นได้ ต่างประหลาดใจและสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเยซูเจ้าทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสว่า “เราสงสารประชาชน เพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน เราไม่อยากให้เขากลับบ้านโดยไม่ได้กินอะไร เขาจะหมดแรงขณะเดินทาง บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “ในที่เปลี่ยวเช่นนี้ เราจะหาอาหาร จากที่ไหนให้ประชาชนเหล่านี้กินจนอิ่มได้” พระเยซูเจ้าตรัสถามว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆ อีกสองสามตัว” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงที่พื้นดิน ทรงหยิบปลาและขนมปังเจ็ดก้อนนั้น ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า

 

ข้อคิด
     ประกาศกอิสยาห์อธิบายวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยใช้ภาพพจน์งานเลี้ยงฉลอง ซึ่ง “เป็นงานเลี้ยงที่มีอาหารนานาชนิด เป็นงานเลี้ยงที่มีเหล้าองุ่นชั้นดี มีอาหารเลิศรสและเหล้าองุ่นที่เลือกสรรแล้ว” (อสย 25:6) พิธีมิสซาเป็นภาพล่วงหน้าของงานเลี้ยงฉลองในสวรรค์ ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดเตรียมสำหรับเราไม่ใช่งานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดและเหล้าองุ่นชั้นดี แต่เป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้า อาหารฝ่ายจิตของเรา พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาจากใบหน้าของทุกคน เพราะในศีลมหาสนิท ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า เราได้รับหลักประกันสำหรับการกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม 2021 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                              อสย 26:1-6
     วันนั้น ทุกคนในแผ่นดินยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ “พวกเรามีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึ่ง พระองค์ทรงสร้างกำแพงและเชิงเทินไว้เพื่อปกป้อง จงเปิดประตูเมืองเถิด ประชาชาติที่ชอบธรรมซึ่งรักษาความซื่อสัตย์ไว้จะได้เข้ามา พระองค์ทรงรักษาชนชาติที่มีใจมั่นคงให้อยู่ในสันติ เขาอยู่ในสันติ เพราะวางใจในพระองค์ จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร เพราะพระองค์ทรงกดผู้อยู่บนที่สูงให้ต่ำลง พระองค์ทรงทำลายเมืองบนที่สูงให้ราบถึงพื้นดิน กลายเป็นฝุ่นดิน เท้าที่เหยียบเมืองนั้นคือเท้าของผู้ถูกกดขี่ คนยากจนจะเดินเหยียบย่ำเมืองนั้น”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 7:21,24-27
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “คนที่กล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้
     ผู้ใดฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน ฝนจะตก น้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตามก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก น้ำไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มันก็พังทลายลงและเสียหายมาก”

 

ข้อคิด
     ทุกสิ่งเกิดขึ้นมาและดำรงอยู่ได้ต้องมีบางสิ่งเป็นฐาน ถ้าฐานไม่มั่นคง สิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นไม่อาจอยู่ได้นาน ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงพูดถึงคนก่อสร้างสองประเภท ประเภทแรกสร้างบ้านไว้บนหิน ประเภทที่สองสร้างบ้านไว้บนทราย พระองค์ทรงยกย่องกลุ่มแรกว่าเป็นคนมีปัญญาและทรงตำหนิกลุ่มหลังว่าเป็นคนโง่เขลา ที่นี่ “หิน” หมายถึงพระองค์เอง รวมทั้งคำสั่งสอน พระวาจา ชีวิต และแบบอย่างของพระองค์ ส่วน “บ้าน” เป็นสัญลักษณ์แทนชีวิตเราแต่ละคน ในโครงการนี้พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงปรารถนาเป็นเพียงแค่หลังคาที่ป้องกันแดดฝน หรือกำแพงที่ปกป้องภัยจากผู้รุกรานภายนอก หรือประตูหน้าต่างที่เป็นทางเข้าออกและระบายอากาศ แต่ทรงปรารถนาเป็นฐานมั่นคงที่พยุงชีวิตเราทั้งครบ

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2021 น.ยอห์น ชาวดามัสกัส พระสงฆ์และนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                             อสย 30:19-21,23-26
     พระเจ้าตรัสดังนี้ “ประชากรแห่งศิโยน ผู้อาศัยที่กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทั้งหลายจะไม่ต้องร้องไห้อีกเลย เมื่อท่านร้องขอความช่วยเหลือ พระองค์จะทรงพระเมตตาต่อท่าน เมื่อทรงได้ยิน พระองค์จะทรงตอบท่าน แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานความยากลำบากให้เป็นเหมือนอาหาร และประทานความทุกข์ใจให้เป็นเหมือนน้ำดื่ม ถึงกระนั้นพระอาจารย์ของท่านจะไม่ซ่อนพระองค์อีก ตาของท่านจะเห็นพระอาจารย์ หูของท่านจะได้ยินถ้อยคำนี้จากเบื้องหลังว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้เถิด” ไม่ว่าท่านจะหันไปทางขวาหรือหันไปทางซ้าย
     แล้วพระองค์จะประทานฝนแก่เมล็ดพืชที่ท่านได้หว่านลงในดิน ข้าวสาลีผลิตผลของดินจะอุดมสมบูรณ์ วันนั้น สัตว์เลี้ยงของท่านจะหากินอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ โคและลาที่ใช้ทำนาจะกินหญ้าหมักรสอร่อย ที่ใช้พลั่วและส้อมซัดตักมาให้ บนภูเขาและเนินสูงทุกแห่งจะมีลำธารและคูน้ำไหล ในวันที่ศัตรูจำนวนมากจะถูกฆ่า เมื่อหอคอยจะพังทลาย ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพันบาดแผลให้ประชากรของพระองค์ และจะทรงรักษาบาดแผลซึ่งเขาถูกพระองค์ทรงโบยตี แสงของดวงจันทร์จะเป็นเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็นเจ็ดเท่า จะเป็นเหมือนแสงสว่างของเจ็ดวัน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 9:35-10:1,6-8
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ประดุจฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด”
     พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สิบสองคนเข้ามาพบประทานอำนาจให้เขาขับไล่ปีศาจ ให้รักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกสิบสองคนนี้ออกไป ทรงสั่งพวกเขาว่า “จงไปหาแกะพลัดฝูงของวงศ์วานอิสราเอลก่อน จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว จงรักษาคนเจ็บไข้ จงปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ จงรักษาคนโรคเรื้อนให้สะอาด จงขับไล่ปีศาจให้ออกไป ท่านได้รับมาโดยไม่เสียค่าตอบแทนก็จงให้เขาโดยไม่รับค่าตอบแทนด้วย”


ข้อคิด
     พระเจ้าทรงโปรดปรานเราด้วยการทำให้เรามีความเชื่อในพระเยซูเจ้า อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าแม้ล้ำค่าเพียงใด ของประทานจากพระเจ้าทุกอย่างมีไว้เพื่อแบ่งปัน ความเชื่อเป็นของประทานที่แตกต่างจากของประทานที่เป็นวัตถุทั้งหลาย ถ้าเราให้เงินแก่ใครสักคนเราจะมีเงินน้อยลง แต่ถ้าเราแบ่งปันความเชื่อกับคนอื่น ความเชื่อของเราไม่ได้ลดน้อยลง ตรงข้ามเรายิ่งมีความเชื่อมากขึ้น การแบ่งปันความเชื่อกับคนอื่นเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการเติบโตในชีวิตคริสตชนอย่างหนึ่ง อย่าลืมพระดำรัสของพระเยซูเจ้าที่ว่า “ท่านได้รับมาโดยไม่เสียค่าตอบแทน ก็จงให้เขาโดยไม่รับค่าตอบแทนด้วย” (มธ 10:8)

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม 2021 ฉลอง น.ฟรังซิสเซเวียร์ พระสงฆ์ องค์อุปถมภ์ของมิสซัง

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 9:16-19,22-23
     ในการประกาศข่าวดีข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำเป็นต้องประกาศอยู่แล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ เพราะถ้าข้าพเจ้าสมัครใจทำเอง ข้าพเจ้าก็จะได้รับค่าจ้าง แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้สมัครใจทำก็หมายความว่า ข้าพเจ้าเพียงแต่ทำงานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รางวัลใดเล่า รางวัลสำหรับข้าพเจ้าก็คือความภูมิใจที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีโดยไม่ใช้สิทธิ์ต่างๆ จากการประกาศข่าวดีนั้น
     แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใช้ทุกคน เพื่อเอาชนะใจผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ข้าพเจ้าทำตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ใช้ทุกวิถีทางช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับพระพรจากข่าวดีนี้ร่วมกับเขาเหล่านั้นด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                              มก 16:15-20
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับอัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคนว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย”
    เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา

 

ข้อคิด
     วันฉลองนักบุญฟรังซิสเซเวียร์เป็นโอกาสดีที่เราจะพิจารณาไตร่ตรองถึงการมีส่วนร่วมและบทบาทหน้าที่ในการประกาศข่าวดีซึ่งเป็น “พันธกิจ” ที่พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายให้เราสานต่อตามสถานภาพและศักยภาพที่แตกต่างกัน นักบุญเปาโลบอกว่า “หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ” (1 คร 9:16) เพราะการประกาศข่าวดีเป็นสิ่งที่ท่านต้องทำอยู่แล้วในฐานะศิษย์ของพระเยซูเจ้า ทำนองเดียวกันถ้าเราไม่มีส่วนร่วมในพันธกิจดังกล่าวนี้ เรากำลังบกพร่องในหน้าที่ของศิษย์ที่ดีและสมควรได้รับการตำหนิ ให้เราพยายามใช้พระพรที่ได้รับเพื่อพันธกิจนี้อย่างเต็มที่และไม่ต้องกลัวสิ่งใด เพราะพระเยซูเจ้าประทับอยู่กับเราและคอยช่วยเหลือเราเพื่อพันธกิจนี้จะได้สำเร็จไป

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม 2021 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ

บทอ่านจากหนังสือประกาศกบารุค                              บรค 5:1-9
     กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงถอดเสื้อไว้ทุกข์ออกเถิด จงสวมสิริรุ่งโรจน์เป็นอาภรณ์งดงามที่มาจากพระเจ้าไว้ตลอดไป จงสวมความชอบธรรมจากพระเจ้าเป็นเสื้อคลุม จงสวมสิริรุ่งโรจน์จากพระเจ้านิรันดรเป็นมงกุฎบนศีรษะ เพราะพระเจ้าจะทรงสำแดงความรุ่งโรจน์ของท่าน แก่ทุกคนภายใต้ท้องฟ้า พระเจ้าจะทรงเรียกนามของท่านตลอดไปว่า “สันติจากความชอบธรรม” และ “สิริรุ่งโรจน์จากความยำเกรงพระเจ้า” กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด จงยืนบนที่สูง จงมองไปทางทิศตะวันออกเถิด จงเห็นบรรดาบุตรของท่านมาชุมนุมกัน จากทิศตะวันออกและทิศตะวันตกตามพระดำรัสของพระเจ้า เขาโห่ร้องยินดีเพราะพระเจ้าทรงระลึกถึงเขา เขาต้องเดินออกไปจากท่าน เพราะศัตรูกวาดต้อนเขาไป บัดนี้ พระเจ้าทรงนำเขากลับมาหาท่าน ได้รับการยกย่องรุ่งเรืองดุจกษัตริย์ทรงชัยบนพระบัลลังก์ พระเจ้าทรงบัญชาให้ภูเขาสูงและหินผาถาวรถูกปรับให้ต่ำลง ทรงบัญชาหุบเขาให้ถูกถมจนเต็มเป็นพื้นดินราบ เพื่ออิสราเอลจะได้เดินอย่างปลอดภัยในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระเจ้าทรงบัญชาให้ป่าและต้นไม้หอมทุกชนิดแผ่ร่มเงาปกคลุมอิสราเอล พระเจ้าจะทรงส่องแสงแห่งพระสิริรุ่งโรจน์นำอิสราเอลด้วยความยินดี พระองค์จะประทานความรักมั่นคงและความชอบธรรมแก่เขาด้วย

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟิลิปปี      ฟป 1:4-6,8-11
     พี่น้อง ในการอธิษฐานภาวนาทุกครั้งข้าพเจ้าอ้อนวอนขอพระพรสำหรับทุกท่านด้วยความชื่นชมยินดีเสมอ เพราะท่านทั้งหลายได้ร่วมมือในการประกาศข่าวดี ตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งบัดนี้ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าพระองค์ผู้ทรงเริ่มกิจการที่ดีนี้ในท่านแล้ว จะทรงกระทำต่อไปให้สำเร็จบริบูรณ์จนถึงวันของพระคริสตเยซู
     พระเจ้าจะทรงเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ว่า ข้าพเจ้ามีความรักใคร่เอ็นดูท่านเพียงไรในความรักของพระคริสตเยซู ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาขอให้ความรักของท่านทวียิ่งๆขึ้น ยังให้เกิดความรู้และวิจารณญาณทุกอย่าง ท่านจะสามารถแยกได้ว่า สิ่งใดดีเยี่ยมจะได้เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิจนถึงวันของพระคริสตเจ้า จะได้บริบูรณ์ด้วยผลแห่งความชอบธรรมซึ่งจะเกิดขึ้นโดยทางพระเยซูคริสตเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์และการสรรเสริญพระเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                               ลก 3:1-6
     ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลพระจักรพรรดิทิเบริอัส ปอนทิอัสปิลาต เป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูเดีย กษัตริย์เฮโรด เป็นเจ้าปกครองแคว้นกาลิลี ฟีลิปพระอนุชา เป็นเจ้าปกครองแคว้นอิทูเรียและตราโคนิติส ลีซาเนีย เป็นเจ้าปกครองแคว้นอาบีเลน อันนาสและคายาฟาส เป็นหัวหน้าสมณะ พระวาจาของพระเจ้าได้มาถึงยอห์นบุตรของเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร เขาจึงไปทั่วแม่น้ำจอร์แดน เทศน์สอนเรื่องพิธีล้างซึ่งแสดงการเป็นทุกข์กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือบันทึกถ้อยคำของประกาศกอิสยาห์ว่า มีเสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมให้เต็ม ภูเขาและเนินทุกแห่งจะถูกปรับให้ต่ำลง ทางคดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง ทางขรุขระจะถูกทำให้ราบเรียบ แล้วมนุษย์ทุกคนจะเห็นความรอดพ้นจากพระเจ้า

 

ข้อคิด
     ก่อนที่นักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้างจะปฏิบัติพันธกิจที่ได้รับมอบหมาย ท่านได้ยินเสียงเรียกและพระดำรัสของพระเจ้าในถิ่นทุรกันดารซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงบและปราศจากความวุ่นวาย บางครั้งชีวิตของเราจำเป็นต้องอยู่ในสถานที่แบบนี้บ้างเพื่อจะได้ยินเสียงของพระเจ้าที่กำลังตรัสกับเรา ตราบใดที่จิตใจของเราไม่มีเวลาสงบนิ่งอย่างน้อยสักครู่หนึ่ง เราจะไม่มีวันได้ยินเสียงของพระเจ้าและเข้าใจสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการให้เราทำระหว่างเตรียมรับเสด็จพระบุตรของพระองค์ เหมือนที่นักบุญเปาโลกบอกเราในบทอ่านที่สองให้เราใช้สามสัปดาห์ที่เหลืออยู่ทำตนให้ “เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากคำตำหนิจนถึงวันของพระคริสตเจ้า” (ฟป 1:10)

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown