มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม 2021 น.ดามาซัสที่ 1 พระสันตะปาปา

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                        บสร 48:1-4,9-11
     ต่อจากนั้นก็มีเรื่องราวของประกาศกเอลียาห์ซึ่งเป็นเหมือนไฟ วาจาของเขาเผาผลาญเหมือนคบไฟ เขาทำให้เกิดขาดแคลนอาหารในหมู่ประชากร ความกระตือรือร้นของเขาทำให้ประชากรลดจำนวนลง เขาปิดท้องฟ้าตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทำให้ไฟลงมาจากท้องฟ้าถึงสามครั้ง ข้าแต่เอลียาห์ ท่านช่างมีชื่อเสียงรุ่งเรืองเพราะการอัศจรรย์ที่ได้กระทำ ใครบ้างจะอวดตัวได้ว่าตนเท่าเทียมกับท่าน
     ท่านถูกยกขึ้นไปในพายุหมุนที่เป็นไฟ บนรถเทียมม้าเพลิง ท่านถูกกำหนดไว้ให้มาตำหนิประชากรในอนาคต เพื่อจะได้ระงับพระพิโรธก่อนที่จะลุกเป็นไฟ เพื่อนำจิตใจของบิดามาคืนดีกับบุตร และแต่งตั้งบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้นใหม่ บรรดาผู้ที่เคยเห็นท่านย่อมเป็นสุข เขาตายในความรัก เพราะเราทั้งหลายจะได้มีชีวิตอย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 17:10-13
     เวลานั้น บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์จึงกล่าวว่า เอลียาห์ต้องมาก่อน” พระองค์ตรัสตอบว่า “เอลียาห์จะมาและจะจัดทุกสิ่งให้อยู่ในสภาพเดิม เราบอกท่านทั้งหลายว่า เอลียาห์ได้มาแล้ว แต่ประชาชนไม่รู้จักและกระทำต่อเขาตามใจชอบ บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานจากประชาชนเช่นเดียวกัน” บรรดาศิษย์จึงเข้าใจว่า พระองค์ตรัสถึงยอห์นผู้ทำพิธีล้าง


ข้อคิด
     ในแผนการของพระเจ้าการกระทำที่ชั่วร้ายของมนุษย์อาจเป็นเครื่องมือที่พระองค์ทรงใช้เพื่อนำไปสู่พระสิริรุ่งโรจน์ของพระบุตรของพระองค์และความรอดพ้นของมวลมนุษย์ สำหรับผู้ที่ไม่ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาส ไม้กางเขนอาจดูเหมือนว่าอยู่ผิดที่ผิดเวลา แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดมาในโลกนี้เพื่อรับทรมานและสิ้นพระชนม์ “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานจากประชาชนเช่นเดียวกัน” (มธ 17:12) ปล่อยไม้กางเขนไว้ที่เดิม เพราะไม่ใช่เครื่องหมายแห่งความพ่ายแพ้และน่าอับอาย แต่เป็นเครื่องหมายแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของบุตรพระเจ้าและความรอดพ้นของเรา

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2021 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเศฟันยาห์                          ศฟย 3:14-18ก
     ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงเปล่งเสียงยินดีเถิด อิสราเอลเอ๋ย จงโห่ร้องแสดงความชื่นชม ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงเปรมปรีดิ์และโห่ร้องยินดีสุดจิตสุดใจ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยกเลิกการพิพากษาลงโทษเจ้าแล้ว ทรงขับไล่ศัตรูของเจ้าออกไป กษัตริย์แห่งอิสราเอลคือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ในเจ้า จะไม่มีเหตุร้ายที่เจ้าจะต้องกลัวอีกต่อไป
     วันนั้น ทุกคนจะพูดกับกรุงเยรูซาเล็มว่า “ศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวเลย อย่าท้อแท้ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเจ้าทรงอยู่ในเจ้า ทรงพระอานุภาพและทรงช่วยให้รอดพ้น พระองค์จะทรงยินดีเพราะเจ้า จะทรงฟื้นฟูเจ้าด้วยความรัก จะทรงโห่ร้องด้วยความยินดีเพราะเจ้า เหมือนในวันเลี้ยงฉลอง”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟิลิปปี      ฟป 4:4-7
     พี่น้อง จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาเถิด ข้าพเจ้าขอย้ำอีกว่า จงชื่นชมยินดีเถิด จงให้ความอ่อนโยนของท่านทั้งหลายปรากฏแก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาใกล้แล้ว อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงความปรารถนาทุกอย่างของท่านโดยคำอธิษฐาน การวอนขอพร้อมด้วยการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินสติปัญญาจะเข้าใจได้นั้น จะคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่านไว้ในพระคริสตเยซู

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 3:10-18
     เวลานั้น เมื่อประชาชนถามยอห์นว่า “เราจะต้องทำอะไร?” เขาก็ตอบว่า “ใครมีเสื้อสองตัว จงแบ่งตัวหนึ่งให้แก่คนที่ไม่มี คนที่มีอาหาร ก็จงทำเช่นเดียวกัน” คนเก็บภาษีมาหายอห์นเพื่อรับพิธีล้างด้วย และถามเขาว่า “ท่านอาจารย์ พวกเราจะต้องทำอะไร?” ยอห์นตอบว่า “ท่านอย่าเรียกเก็บภาษีเกินพิกัด” พวกทหารถามเขาด้วยว่า “แล้วพวกเราเล่า เราจะต้องทำอะไร?” เขาตอบว่า “อย่าขู่กรรโชก อย่ากล่าวหาเท็จเพื่อเอาเงิน จงพอใจกับค่าจ้างของตน”
      ขณะนั้น ประชาชนกำลังรอคอย ทุกคนต่างสงสัยว่า ยอห์นเป็นพระคริสต์หรือ? ยอห์นจึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่ผู้ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้กระทั่งจะแก้สายรัดรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างท่านเดชะพระจิตเจ้าและด้วยไฟ เขากำลังถือพลั่วอยู่แล้ว จะชำระลานนวดข้าวให้สะอาด รวบรวมข้าวใส่ยุ้ง ส่วนฟางนั้นจะเผาเสียในไฟที่ไม่รู้ดับ” ยอห์นยังให้ถ้อยคำอื่นอีกมากมายตักเตือนและประกาศข่าวดีแก่ประชาชน

 

ข้อคิด
     ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องตระหนักอยู่เสมอว่าเราทุกคนเป็นเครื่องมือของพระเจ้า เราต้องไม่พยายามบังคับคนอื่นให้ทำอย่างที่เราทำ หรือเชื่ออย่างที่เราเชื่อ เหมือนยอห์นผู้ทำพิธีล้างสิ่งที่เราควรทำคือนำคนอื่นเข้ามาหาพระเยซูเจ้าเพื่อว่าพวกเขาจะได้รู้จักพระองค์ด้วยตัวเองในฐานะพระผู้ไถ่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พี่ และเพื่อนของพวกเขา เมื่อเรานำพวกเขามาหาพระองค์แล้ว ปล่อยให้พระองค์ทำงานในตัวพวกเขา แต่เราต้องไม่ลืมว่าพระองค์ทรงต้องการความร่วมมือจากเราและทรงปรารถนาทำงานผ่านทางเราแต่ละคนผู้เป็นศิษย์ของพระองค์ นี่แหละคือรูปแบบและความหมายของการประกาศข่าวดีหรือการนำพระวรสารไปสู่คนอื่น

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2021 ระลึกถึง น.ยอห์น แห่งไม้กางเขน นักปราชญ์แห่งพระ ศาสนจักร

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเศฟันยาห์                         ศฟย 3:1-2,9-13
     พระเจ้าตรัสดังนี้ “วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่เป็นกบฏและมีมลทิน เมืองที่กดขี่ข่มเหง เมืองนี้ไม่ยอมฟังเสียง ไม่ยอมรับคำสั่งสอน ไม่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มาใกล้พระเจ้าของตน ใช่แล้ว เวลานั้น เราจะชำระปากของชนหลายชาติ ให้พ้นมลทิน เขาทุกคนจะได้เรียกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จากฟากโน้นของแม่น้ำเอธิโอเปีย ผู้นมัสการเราจะนำของถวายมาให้เรา
     ในวันนั้น เจ้าจะไม่ต้องอับอาย เพราะกิจการที่เจ้าเคยกบฏต่อเรา เพราะเวลานั้น เราจะทำให้ผู้โอ้อวดและหยิ่งผยอง สูญหายไปจากเจ้า เจ้าจะไม่หยิ่งผยองอีกต่อไป บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะเราจะเหลือเพียงประชากรที่ถ่อมตนและต่ำต้อยไว้ในเจ้า คนที่เหลืออยู่ในอิสราเอลจะวางใจในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอลจะไม่ทำผิด จะไม่กล่าวคำมุสา จะไม่พบลิ้นที่ฉ้อโกงในปากของเขา เพราะเขาทั้งหลายจะหากินและพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดทำให้เขาต้องหวาดกลัว”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                             มธ 21:28-32
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกมหาปุโรหิตและผู้อาวุโสของประชาชนว่า “ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน เขาไปพบบุตรคนแรกพูดว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด” บุตรตอบว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจและไปทำงาน พ่อจึงไปพบบุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่สองตอบว่า “ครับพ่อ” แต่แล้วก็ไม่ได้ไป สองคนนี้ใครทำตามใจพ่อ” พวกเขาตอบว่า “คนแรก” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน
     เพราะยอห์นได้มาพบท่าน ชี้หนทางแห่งความชอบธรรม ท่านก็ไม่เชื่อ
ยอห์น ส่วนคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ แต่ท่านทั้งหลายเห็นดังนี้แล้ว ก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจมาเชื่อยอห์น


ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าทรงยอมรับการกระทำของบุตรคนแรก ซึ่งตอนแรกปฏิเสธ แต่ต่อมานบนอบเชื่อฟัง เราไม่ควรเสียกำลังใจ ถ้าหลายครั้งในช่วงวิกฤติของชีวิต เราพบว่ามีกระแสต่อต้านมากมายเกิดขึ้นภายในตัวเรา ปฏิกิริยาโต้ตอบแรกของเราอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอไป อย่างไรก็ตาม การกระทำจะแสดงตัวตนที่แท้จริงของเรา นี่คือเหตุผลประการหนึ่งที่พระเยซูเจ้าไม่ทรงหยุดสอนให้เราอธิษฐานภาวนาว่า “พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์” (มธ 6:10) พระองค์ทรงให้แบบอย่างที่สมบูรณ์ที่สุดแก่เราโดยยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างไร้เงื่อนไข ให้เราอธิษฐานภาวนาต่อไปเพื่อจะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของพระองค์ และอย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าไม่ใช่สิ่งที่เราพูด แต่สิ่งที่เราทำ

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2021 ระลึกถึง น.ลูเซีย พรหมจารีและมรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี                                      กดว 24:2-7,15-17
     ในครั้งนั้น บาลาอัมเงยหน้าขึ้นเห็นอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามเผ่าของตน พระจิตของพระเจ้าเสด็จมาเหนือเขา เขาจึงกล่าวคำทำนายเป็นบทประพันธ์ดังนี้ “คำทำนายของบาลาอัม บุตรของเบโอร์ คำทำนายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล คำทำนายของผู้ได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ เมื่อเขาเข้าฌาน ตาของเขาก็เปิดออก ยาโคบเอ๋ย กระโจมของท่านช่างงามจริง อิสราเอลเอ๋ย ที่อาศัยของท่านช่างงดงาม เหมือนลำธารที่แยกออกเป็นหลายสาย เหมือนสวนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ เหมือนต้นหางจระเข้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูก เหมือนต้นสนสีดาร์ที่อยู่ริมน้ำ น้ำจะไหลออกจากถังของเขา และพืชพันธุ์ของเขาจะมีน้ำอุดมสมบูรณ์ กษัตริย์ของเขาจะยิ่งใหญ่กว่าอากัก อาณาจักรของเขาจะเป็นที่ยกย่อง
     เขาจึงกล่าวคำทำนายเป็นบทประพันธ์ดังนี้ “คำทำนายของบาลาอัม บุตรของเบโอร์ คำทำนายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล คำทำนายของผู้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ เมื่อเขาเข้าฌาน ตาของเขาก็เปิดออก ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่บัดนี้ ข้าพเจ้ามองดูเขา แต่ไม่ใช่จากใกล้ๆ ดาวดวงหนึ่งกำลังขึ้นมาจากยาโคบ คทาอันหนึ่งกำลังขึ้นมาจากอิสราเอล จะทุบหน้าผากของโมอับ และทุบกะโหลกศีรษะบุตรทุกคนของเสท

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 21:23-27
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่ทรงสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนเข้ามาพบพระองค์แล้วทูลถามว่า “ท่านมีอำนาจใดจึงทำเช่นนี้ ใครมอบอำนาจนี้ให้ท่าน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราขอถามท่านอย่างหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าท่านตอบ เราก็จะบอกท่านว่าเราทำเช่นนี้ด้วยอำนาจใด พิธีล้างของยอห์นมาจากไหน จากสวรรค์หรือจากมนุษย์” บรรดาสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนจึงปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่ามาจากสวรรค์ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วทำไมท่านจึงไม่เชื่อยอห์นเล่า’ ถ้าเราตอบว่ามาจากมนุษย์ เราก็เกรงกลัวประชาชน เพราะทุกคนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก”
เขาจึงทูลตอบพระเยซูเจ้าว่า “เราไม่รู้” พระองค์จึงตรัสว่า “เราก็ไม่บอกท่านเช่นเดียวกันว่า เราทำการเหล่านี้โดยอำนาจใด”


ข้อคิด
     ความมหัศจรรย์ของวันคริสต์มาสคือ พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพเสด็จมาหาเราในรูปกุมารน้อยคนหนึ่ง ผู้บังเกิดมาอย่างยากจนแร้นแค้นในถ้ำเลี้ยงสัตว์ มีเพียงผ้าพันพระวรกาย ต้องบรรทมในรางหญ้า เนื่องจากไม่มีที่ในห้องพักแรมเลย พระองค์ยังเสด็จมาหาเราอย่างต่อเนื่องในรูปธรรมดาและเรียบง่ายของศีลมหาสนิท ความเชื่อเท่านั้นสามารถช่วยเราให้มองทะลุผ่านความเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า และความเชื่อเท่านั้นสามารถช่วยเราให้มองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังรูปปรากฏของแผ่นปังและเหล้าองุ่น อย่างไรก็ตาม ความเชื่อไม่มีไว้สำหรับคนอวดดีและเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป แต่มีไว้สำหรับคนที่เปิดใจและพร้อมที่จะตอบสนองต่อความเรียบง่ายของอำนาจยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่กำลังทำงานท่ามกลางเรา

วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2021 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                             อสย 45:6ข-8,18,21ข-25
     เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก เราปั้นความสว่างและสร้างความมืด เรานำความสุขและสร้างภัยพิบัติ เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราทำทุกสิ่งเหล่านี้ ท้องฟ้าเอ๋ย จงโปรยฝนลงมาจากเบื้องบน ขอให้ก้อนเมฆหลั่งความชอบธรรมลงมา แผ่นดินจงเปิดออก และจงผลิตผลเป็นความรอดพ้น ที่งอกขึ้นมาพร้อมกับความชอบธรรม เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราสร้างสิ่งเหล่านี้
     องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างท้องฟ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างแผ่นดิน พระองค์ทรงปั้นแผ่นดินและทำให้มั่นคง พระองค์มิได้ทรงสร้างแผ่นดินไว้ให้ว่างเปล่า แต่ทรงปั้นแผ่นดินไว้ให้มีคนอาศัย พระองค์ตรัสดังนี้ “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเลย
     นอกจากเราแล้ว ไม่มีพระเจ้าเที่ยงธรรมผู้ช่วยให้รอดพ้น มนุษย์ทั้งหลายจากสุดปลายแผ่นดิน จงหันมาหาเราเถิด ท่านจะได้รับความรอดพ้น เพราะเราคือพระเจ้า และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก เราปฏิญาณในนามของเรา ความเที่ยงธรรมออกมาจากปากของเรา เราจะไม่กลับคำเลย เรายืนยันว่า ‘เข่าทุกเข่าจะย่อลงนมัสการเรา ลิ้นทุกลิ้นจะปฏิญาณความซื่อสัตย์ต่อเรา’ เขาทั้งหลายจะพูดว่า ‘เราพบความชอบธรรมและพละกำลังในองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น บรรดาผู้ที่โกรธเคืองพระองค์จะมาหาพระองค์ด้วยความอับอาย พงศ์พันธุ์ทั้งหลายแห่งอิสราเอลจะได้รับความชอบธรรม และสิริรุ่งโรจน์จากองค์พระผู้เป็นเจ้า’”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                              ลก 7:19-23
     เวลานั้น ยอห์นจึงเรียกศิษย์มาสองคน แล้วส่งไปเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทูลถามว่า “ท่านคือผู้ที่จะต้องมา หรือเราจะต้องรอคอยผู้อื่นอีก” เมื่อคนทั้งสองมาพบพระองค์แล้วจึงกล่าวว่า ‘ยอห์นผู้ทำพิธีล้างส่งเรามาถามท่านว่า “ท่านคือผู้ที่จะต้องมา หรือเราจะต้องรอคอยผู้อื่นอีก’”
     ขณะนั้น พระเยซูเจ้ากำลังทรงรักษาคนจำนวนมากให้หายจากโรค จากความทุกข์ทรมานและจากปีศาจร้าย ทั้งทรงทำให้คนตาบอดหลายคนกลับมองเห็นได้ พระองค์จึงตรัสตอบศิษย์ทั้งสองคนของยอห์นว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คนตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับคืนชีพ คนจนได้ฟังข่าวดี ผู้ที่ไม่เคลือบแคลงใจในเรา ย่อมเป็นสุข”

 

ข้อคิด
     มีคนบอกว่าเราสามารถรู้จักนิสัยใจคอของคนใดคนหนึ่งจากเพื่อนฝูงที่เขาคบค้าสมาคม คำกล่าวนี้อาจใช้ไม่ได้กับพระเยซูเจ้า ในฐานะกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์น่าจะทรงอยู่ในแวดวงของบรรดาผู้มีฐานะร่ำรวยและทรงอิทธิพลในสมัยนั้น แต่พระองค์ทรงบอกว่าผู้ที่พระองค์ทรงคลุกคลีและใกล้ชิดด้วยมากที่สุดคือ คนยากจน คนตาบอด คนง่อย และคนโรคเรื้อน ซึ่งเป็นประชาชนที่น้อยคนนักต้องการเป็นเพื่อนด้วย ถ้าเราปรารถนาจะทำให้การฉลองคริสต์มาสปีนี้มีความหมายอย่างแท้จริง เราต้องพยายามเลียนแบบอย่างและประพฤติตัวให้เหมือนพระเยซูเจ้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราต้องเข้าหาและคบค้าสมาคมกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เมื่อพระองค์เสด็จมาอีกครั้ง พระองค์จะทรงรู้ทันทีว่าเราเป็นศิษย์ของพระองค์จากคนที่เป็นเพื่อนฝูงของเรา

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown