มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2021 ระลึกถึง น.ฟรังซิส แห่งอัสซีซี

บทอ่านจากหนังสือประกาศกโยนาห์                              ยนา 1:1-7 และ 2:1,11
     พระวจนะของพระเจ้ามาถึงโยนาห์บุตรอามิททัยว่า “จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้นว่าความชั่วของเขาทั้งหลายได้ขึ้นมาถึงเราแล้ว” แต่โยนาห์ได้ลุกขึ้นหนีไปยังเมืองทารชิช จากพระพักตร์พระเจ้า ท่านได้ลงไปยังเมืองยัฟฟา และพบเรือลำหนึ่งกำลังจะไปเมืองทารชิช ท่านจึงชำระค่าโดยสารและขึ้นเรือเดินทางร่วมกับเขาทั้งหลายไปยังเมืองทารชิช ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า
     แต่พระเจ้าทรงขับกระแสลมแรงขึ้นเหนือทะเล จึงเกิดพายุใหญ่ในทะเลนั้นจนน่ากลัวว่าเรือจะอับปาง บรรดาลูกเรือมีความกลัว ต่างก็ร้องขอต่อพระของตน และเอาสินค้าในเรือโยนลงทะเลเพื่อให้เรือเบาขึ้น ส่วนโยนาห์ได้ลงไปด้านในสุดของเรือ นอนลงและหลับสนิท นายเรือจึงมาหาท่านและกล่าวแก่ท่านว่า “ทำไมเจ้าจึงขี้เซาอย่างนี้นะ ลุกขึ้นซิ จงขอร้องขอพระเจ้าของเจ้า บางทีพระองค์จะทรงระลึกถึงพวกเราบ้าง เราจะได้ไม่พินาศ”
     แล้วพวกเขาได้พูดกันว่า “มาเถอะ ให้เราจับฉลากกัน เพื่อจะได้รู้ว่าใครเป็นต้นเหตุให้ภัยพิบัตินี้เกิดขึ้นแก่เรา” เขาจึงจับฉลากกัน ฉลากตกเป็นของโยนาห์ เขาจึงถามท่านว่า “จงบอกเรามาเถิดว่า ภัยพิบัติซึ่งเกิดขึ้นแก่เรานี้ใครเป็นต้นเหตุ ท่านมีอาชีพอะไร มาจากไหน ประเทศของท่านชื่ออะไร ท่านเป็นคนชาติไหน” โยนาห์จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวฮีบรู และข้าพเจ้านับถือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดิน” คนเหล่านั้นก็กลัวยิ่งนัก จึงถามท่านว่า “ท่านได้ทำอะไรไปเล่า” คนเหล่านั้นทราบแล้วว่าท่านหลบหนีจากพระพักตร์พระเจ้า เพราะท่านได้เล่าให้เขาฟังเช่นนั้น
     พวกเขาจึงกล่าวแก่ท่านว่า “เราควรจะทำอย่างไรกับท่าน เพื่อทะเลจะได้สงบลงสำหรับเรา” เพราะทะเลยิ่งกำเริบมากขึ้นทุกที ท่านจึงตอบพวกเขาว่า “จงจับตัวข้าพเจ้าโยนลงไปในทะเลเถิด และทะเลก็จะสงบลงสำหรับท่าน เพราะข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าที่พายุใหญ่เกิดขึ้นแก่ท่านเช่นนี้ก็เนื่องจากตัวข้าพเจ้า” แต่พวกลูกเรือก็ยังช่วยกันตีกรรเชียงอย่างแข็งขันเพื่อจะนำเรือกลับเข้าฝั่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะว่าทะเลยิ่งกำเริบมากขึ้นต้านเขาไว้ พวกเขาจึงร้องทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายวอนขอพระองค์ อย่าให้ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องพินาศเพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย ขออย่าให้การหลั่งโลหิตที่ไร้ความผิดนี้ตกเป็นโทษเหนือข้าพเจ้าทั้งหลายเลย ข้าแต่พระเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงกระทำตามที่ทรงพอพระทัย”
     เขาจึงจับโยนาห์ทิ้งลงไปในทะเล ความปั่นป่วนในทะเลก็สงบลง คนเหล่านั้นมีความยำเกรงพระเจ้ายิ่งนัก จึงถวายบูชาแด่พระเจ้าและทำการบนบานไว้
      พระเจ้าทรงจัดให้ปลามหึมาตัวหนึ่งกลืนโยนาห์เข้าไป โยนาห์อยู่ในท้องปลานั้นสามวันสามคืน แล้วพระเจ้าตรัสสั่งปลานั้น มันก็สำรอกโยนาห์ออกไว้บนแผ่นดินแห้ง

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 10:25-37
      ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำสิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่าอย่างไร”
เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”
      พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงทำเช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต” ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้อง จึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า”
      พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกโจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้ ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำเขาขึ้นหลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา
      วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำเงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้กล่าวว่า “ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา” ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด”

 

ข้อคิด
     น.ออกัสตินสอนว่า คำอุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดีนี้หมายถึงมนุษย์ที่ถูกซาตานโจมตี ถูกปล้นทุกสิ่งทุกอย่างไป และถูกทิ้งไว้ให้ตายในบาป โดยสมณะและชาวเลวีเป็นตัวแทนของพันธสัญญาเดิมซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นได้ แต่พระเยซูเจ้าผู้เป็นเสมือนชาวสะมาเรียผู้ใจดี ได้ช่วยมนุษย์จากความตายโดยพาไปพำนักในโรงแรม ซึ่งก็คือพระศาสนจักร และทำการรักษาโดยผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ (De Quaest. Evang. 2,19) ดังนั้น ขอให้เรามีเมตตาต่อกัน และทำเช่นเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าได้ทรงแสดงความเมตตาต่อเราด้วย

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown