วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2021 ระลึกถึง น.ปีโอ ที่ 10 พระสันตะปาปา
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 15 พฤษภาคม 2564 05:48
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 825
บทอ่านจากหนังสือนางรูธนรธ 2:1-3,8-11 และ 4:13-17
นางนาโอมีมีญาติคนหนึ่งชื่อโบอาส จากตระกูลของเอลีเมเลคสามี เป็นคนมั่งคั่ง มีเกียรติ
นางรูธ ชาวโมอับกล่าวกับนางนาโอมีว่า ‘ขอให้ลูกไปเก็บข้าวที่คนเกี่ยวทำตกไว้ในทุ่งนา ของคนที่ใจดียอมให้ลูกเก็บบ้าง นางนาโอมีตอบว่า ‘ไปเถิด ลูกเอ๋ย’ นางรูธจึงไปที่ทุ่งนา เดินตามหลังคนเกี่ยวเก็บข้าวที่เขาทำตกไว้ และบังเอิญไปเก็บในทุ่งนาของโบอาสจากตระกูลของเอลีเมเลค
โบอาสบอกนางรูธว่า ‘ฟังเถิด ลูกเอ๋ย อย่าไปเก็บข้าวตกในทุ่งนาอื่นเลย จงเก็บข้าวตกในนานี้ อยู่กับหญิงคนงานของฉันเถิด คอยดูว่าเขาเกี่ยวข้าวที่ไหน แล้วเดินตามไปเถิด ฉันสั่งห้ามคนงานชายไม่ให้มารบกวนเธอ ถ้ากระหายน้ำเมื่อไร ก็จงไปดื่มจากเหยือกที่คนงานชายใส่น้ำไว้ได้’ นางรูธกราบลงกล่าวกับโบอาสว่า “ทำไมท่านจึงเอาใจใส่และมีใจอารีต่อดิฉัน ซึ่งเป็นคนต่างชาติเช่นนี้?” โบอาสตอบว่า ‘มีคนเล่าให้ฉันฟังว่าเธอปฏิบัติอย่างไรกับมารดาของสามีตั้งแต่สามีเธอถึงแก่กรรมไปแล้ว เธอจากพ่อแม่และถิ่นกำเนิด มาอยู่กับประชาชนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
ดังนั้น โบอาสจึงรับนางรูธมาเป็นภรรยา เขาหลับนอนกับนางและองค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดให้นางตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง บรรดาสตรีกล่าวแก่นางนาโอมีว่า ‘ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด วันนี้พระองค์ประทานหลานชายคนหนึ่งแก่ท่าน เพื่อปกป้องท่าน ขอให้เขามีชื่อเสียงในอิสราเอลเถิด! เขาจะทำให้ท่านมีชีวิตสดชื่น และจะค้ำจุนท่านในวัยชรา บุตรสะใภ้ที่ให้กำเนิดเด็กนี้รักท่าน และมีค่าต่อท่านมากกว่าบุตรเจ็ดคน’ นางนาโอมีรับเด็กนี้มาอุ้มไว้แนบอก และเลี้ยงดูเขา
บรรดาสตรีเพื่อนบ้านตั้งชื่อให้เด็กนั้นว่า โอเบด เขาพูดกันว่า “นางนาโอมีมีหลานชายคนหนึ่งแล้ว” เด็กชายผู้นี้ต่อมาจะเป็นบิดาของเจสซี ซึ่งจะเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิวมธ 23:1-12
ครั้งนั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนและบรรดาศิษย์ว่า “พวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนั่งบนธรรมาสน์ของโมเสส ถ้าเขาสั่งสอนเรื่องใด ท่านจงปฏิบัติตามเถิด แต่อย่าปฏิบัติตามพฤติกรรมของเขา เพราะเขาพูด แต่ไม่ปฏิบัติ เขามัดสัมภาระหนักวางบนบ่าคนอื่น แต่เขาเองไม่ปรารถนาแม้แต่จะขยับนิ้ว เขาทำกิจการทุกอย่างเพื่อให้คนเห็น เช่น เขาขยายกลักบรรจุพระวาจาให้ใหญ่ขึ้น ผ้าคลุมของเขามีพู่ยาวกว่าของคนอื่น เขาชอบที่นั่งมีเกียรติในงานเลี้ยง ชอบนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม ชอบให้ผู้คนคำนับตามลานสาธารณะ ชอบให้ทุกคนเรียกว่า ‘รับบี’
“ส่วนท่านทั้งหลาย อย่าให้ผู้ใดเรียกว่า ‘รับบี’ เพราะอาจารย์ของท่านมีเพียงผู้เดียวและทุกคนเป็นพี่น้องกัน ในโลกนี้อย่าเรียกผู้ใดว่า ‘บิดา’ เพราะว่าพระบิดาของท่านมีเพียงพระองค์เดียวคือพระบิดาในสวรรค์ อย่าให้ผู้ใดเรียกท่านว่า ‘อาจารย์’ เพราะพระอาจารย์ของท่านมีเพียงพระองค์เดียวคือพระคริสตเจ้า ในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเป็นใหญ่จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น ผู้ใดที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น
ข้อคิด
พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 10 เป็นหนึ่งในพระสันตะปาปาที่ยิ่งใหญ่และมีความสุภาพมากที่สุด ท่านเกิดที่ประเทศอิตาลี (ค.ศ. 1835-1914) ในครอบครัวเกษตรกรที่ยากจน หลังจากรับศีลบรรพชาเป็นพระสงฆ์ ท่านได้อุทิศชีวิตในการทำงานด้านเมตตาจิต ทั้งกับเด็ก เยาวชน ผู้ป่วย และคนยากจน แม้กระทั่งตอนที่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชแล้ว ท่านเขียนจดหมายขอเพื่อให้ทบทวนคำสั่ง เพราะไม่อยากจะละทิ้งงานเหล่านั้น แต่พระสันตะปาปาได้เขียนจดหมายตอบกลับถึงท่านด้วยคำพูดเดียวว่า “ความนบนอบ” และแม้ตอนที่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระสันตะปาปา ท่านก็เป็นกันเองกับทุกคน และง่ายต่อการเข้าถึง ท่านมักจะเชิญพระสงฆ์มารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน และชอบที่จะออกไปเยี่ยมผู้ป่วยตามโรงพยาบาล หรือสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ รวมทั้งได้ทำการปฏิรูปพระศาสนจักรในหลายด้าน ทั้งในด้านพิธีกรรม ที่อนุญาตให้เด็กสามารถรับศีลมหาสนิทได้ ด้านดนตรีศักดิ์สิทธิ์ และการอบรมพระสงฆ์ เป็นต้น ชีวิตของท่านสอดคล้องกับจิตตารมณ์ของพระวรสารในวันนี้ที่ว่า ผู้ใดเป็นใหญ่จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น
พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 10 เป็นหนึ่งในพระสันตะปาปาที่ยิ่งใหญ่และมีความสุภาพมากที่สุด ท่านเกิดที่ประเทศอิตาลี (ค.ศ. 1835-1914) ในครอบครัวเกษตรกรที่ยากจน หลังจากรับศีลบรรพชาเป็นพระสงฆ์ ท่านได้อุทิศชีวิตในการทำงานด้านเมตตาจิต ทั้งกับเด็ก เยาวชน ผู้ป่วย และคนยากจน แม้กระทั่งตอนที่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชแล้ว ท่านเขียนจดหมายขอเพื่อให้ทบทวนคำสั่ง เพราะไม่อยากจะละทิ้งงานเหล่านั้น แต่พระสันตะปาปาได้เขียนจดหมายตอบกลับถึงท่านด้วยคำพูดเดียวว่า “ความนบนอบ” และแม้ตอนที่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระสันตะปาปา ท่านก็เป็นกันเองกับทุกคน และง่ายต่อการเข้าถึง ท่านมักจะเชิญพระสงฆ์มารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน และชอบที่จะออกไปเยี่ยมผู้ป่วยตามโรงพยาบาล หรือสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ รวมทั้งได้ทำการปฏิรูปพระศาสนจักรในหลายด้าน ทั้งในด้านพิธีกรรม ที่อนุญาตให้เด็กสามารถรับศีลมหาสนิทได้ ด้านดนตรีศักดิ์สิทธิ์ และการอบรมพระสงฆ์ เป็นต้น ชีวิตของท่านสอดคล้องกับจิตตารมณ์ของพระวรสารในวันนี้ที่ว่า ผู้ใดเป็นใหญ่จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2021 สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 15 พฤษภาคม 2564 05:46
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 946
บทอ่านจากหนังสือโยชูวา ยชว 24:1-2ก,15-17,18ข
โยชูวารวบรวมทุกเผ่าของอิสราเอลพร้อมกันที่เชเคม แล้วนั้นเขาได้เรียกชุมนุมผู้อาวุโสทั้งหลายของอิสราเอลพร้อมกับบรรดาผู้นำ ตุลาการและบรรดานายทหารทั้งหมด พวกเขาได้มาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า โยชูวาจึงกล่าวกับประชาชนทั้งหมดว่า
“ถ้าการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าดูเป็นเรื่องย่ำแย่สำหรับพวกท่าน วันนี้ พวกท่านจะต้องตัดสินใจว่าพวกท่านต้องการรับใช้พระเจ้าองค์ใด จะรับใช้พระเจ้าทั้งหลายซึ่งบรรพบุรุษของพวกท่านได้รับใช้เมื่ออยู่เหนือบริเวณแม่น้ำ หรือพระเจ้าทั้งหลายของคนอาโมไรต์ซึ่งพวกท่านอาศัยอยู่ในประเทศของพวกเขา ส่วนสำหรับครอบครัวของข้าพเจ้าและข้าพเจ้าเอง เราจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า”
ประชาชนตอบว่า “ไม่มีทางที่เราจะละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า และหันไปรับใช้พระเจ้าอื่น! องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราคือผู้ทรงนำพวกเราและบรรพบุรุษของเราที่นี่ออกมาจากประเทศอียิปต์ จากสถานที่ที่เราต้องเป็นทาสแรงงาน และทรงกระทำสิ่งอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เหล่านั้นต่อหน้าต่อตาเราและทรงรักษาเราให้ปลอดภัยตลอดเส้นทางที่เราเดินและเมื่ออยู่ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลายที่เราผ่าน เราจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเช่นกัน เพราะพระองค์คือพระเจ้าของพวกเรา”
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 5:21-32
พี่น้อง จงยอมเชื่อฟังกันด้วยความเคารพยำเกรงพระคริสตเจ้า ภรรยาจงเชื่อฟังสามีเหมือนเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะสามีเป็นศีรษะของภรรยาเหมือนพระคริสตเจ้าทรงเป็นพระเศียรของพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายให้รอดพ้น พระศาสนจักรเชื่อฟังพระคริสตเจ้าฉันใด ภรรยาก็ต้องเชื่อฟังสามีในทุกสิ่งฉันนั้น
สามีก็จงรักภรรยาดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร และทรงพลีพระองค์เพื่อพระศาสนจักร ทรงบันดาลให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ทรงใช้น้ำและพระวาจาชำระพระศาสนจักรให้บริสุทธิ์ พระองค์จะได้ทรงพบว่าพระศาสนจักรนั้นรุ่งโรจน์ ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากมลทิน ปราศจากตำหนิริ้วรอยหรือสิ่งใดๆในลักษณะดังกล่าว เช่นเดียวกัน สามีต้องรักภรรยาเหมือนรักกายของตน ผู้ที่รักภรรยาก็รักตนเอง เพราะว่าไม่มีใครเกลียดชังเนื้อหนังของตน แต่ย่อมเลี้ยงดูและทะนุถนอมอย่างดียิ่ง พระคริสตเจ้าทรงกระทำเช่นเดียวกันต่อพระศาสนจักร เพราะเราเป็นส่วนแห่งพระกายของพระองค์ พระคัมภีร์กล่าวว่า “เพราะเหตุนี้ ชายจะละบิดามารดาไปอยู่กับภรรยาอย่างแนบชิด และทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” ธรรมล้ำลึกประการนี้ยิ่งใหญ่นัก ข้าพเจ้าหมายถึงพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 6:60-69
เวลานั้น เมื่อศิษย์หลายคนได้ยินพระองค์ตรัสดังนี้ ได้กล่าวว่า ‘ถ้อยคำนี้ขัดหูจริง ใครจะฟังได้?’ พระเยซูเจ้าทรงทราบโดยพระองค์ว่าบรรดาศิษย์กำลังบ่นกันถึงเรื่องนี้ จึงตรัสกับเขาว่า ‘เรื่องนี้ทำให้ท่านสะดุดใจหรือ? แล้วถ้าท่านจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์กลับขึ้นสู่สถานที่ที่เคยอยู่แต่ก่อนเล่า ท่านจะว่าอย่างไร? พระจิตเจ้าเป็นผู้ประทานชีวิต ลำพังมนุษย์ทำอะไรไม่ได้ วาจาที่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น ให้ชีวิต เพราะมาจากพระจิตเจ้า
‘แต่บางท่านไม่เชื่อ’ พระเยซูเจ้าทรงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้ใดไม่เชื่อ และผู้ใดจะทรยศต่อพระองค์ พระองค์ตรัสต่อไปว่า ‘เพราะฉะนั้น เราจึงได้บอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ใดมาหาเราได้ เว้นแต่ผู้ที่พระบิดาประทานให้เขามา’ หลังจากนั้น ศิษย์หลายคนได้เปลี่ยนใจ ไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป
พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับอัครสาวกทั้งสิบสองคนว่า ‘ท่านทั้งหลายอยากจะไปด้วยหรือ?’ ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า ‘พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า? พระองค์ทรงมีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร พวกเราเชื่อ และรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า’
ข้อคิด
บทอ่านที่ 1 ชาวอิสราเอลให้สัญญาก่อนที่จะเข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญาว่า จะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและไม่มีทางที่จะละทิ้งพระองค์ ในพระวรสาร เปโตรก็กล่าวเช่นเดียวกันว่า “พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า” และเหตุการณ์หลังจากนั้นเราก็ทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น ชาวอิสราเอลได้ทรยศต่อคำพูด และเปโตรก็ปฏิเสธที่จะรู้จักพระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ถูกจับกุม แต่ไม่ว่าเราจะทำผิดขนาดไหน พระองค์ก็ยังทรงรักเรา เป็นความรักที่นักบุญเปาโลอธิบายว่าเป็นธรรมล้ำลึก และที่สุดเรารู้ว่า เปโตรสามารถสัมผัสได้ถึงความรักนั้น และได้อุทิศชีวิตทั้งหมดของท่านเพื่อตอบแทนความรักของพระที่มีให้ ขอให้เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับความรักมั่นคงของพระองค์ และเมื่อเราทำผิด อย่ากลัวที่จะกลับเข้ามาหาพระอีกครั้งหนึ่ง และเช่นเดียวกัน เมื่อเราได้รับโอกาสจากพระเจ้า ขอให้เราให้โอกาสนี้กับพี่น้องที่ทำผิดต่อเราเช่นกัน
วันอังคารที่ 24 สิงหาคม 2021 ฉลองนักบุญบาร์โธโลมิว อัครสาวก
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 15 พฤษภาคม 2564 05:43
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 796
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 21:9ข-14
ทูตสวรรค์องค์หนึ่งกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “มาเถิด ข้าพเจ้าจะให้ดูสตรีที่เป็นเจ้าสาวของลูกแกะ” ทูตสวรรค์นำข้าพเจ้าเดชะพระจิตเจ้าไปบนภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ชี้ให้ข้าพเจ้าเห็นนคร เยรูซาเล็ม นครศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกำลังลงมาจากสวรรค์ มาจากพระเจ้า นครนี้มีพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า มีความสุกใสเหมือนเพชรพลอยล้ำค่า คล้ายแก้วมณีโชติช่วงเป็นผลึกสดใส มีกำแพงสูงใหญ่ ประตูสิบสองประตู แต่ละประตูมีทูตสวรรค์ประจำอยู่และมีชื่อจารึกไว้ คือชื่อตระกูลอิสราเอลสิบสองตระกูล ทางทิศตะวันออกมีสามประตู ทางทิศเหนือมีสามประตู ทางทิศใต้มีสามประตูและทางทิศตะวันตกมีสามประตู กำแพงเมืองตั้งอยู่บนฐานศิลาสิบสองฐาน บนฐานศิลานั้นมีชื่อของบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสององค์ของลูกแกะ
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 1:45-51
เวลานั้น ฟีลิปพบนาธานาเอลและบอกเขาว่า “เราพบผู้ที่โมเสสในธรรมบัญญัติและบรรดาประกาศกถึง ผู้นั้นคือพระเยซู บุตรของโยเซฟ ชาวนาซาเร็ธ” นาธานาเอลจึงพูดกับฟีลิปว่า “จะมีอะไรดีมาจากนาซาเร็ธได้รึ” ฟีลิปตอบว่า “มาดูซิ” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล”
พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์”
ข้อคิด
พระเยซูเจ้าทรงเรียกนาธานาแอลว่า “อิสราแอลแท้” ซึ่งเป็นชื่อที่พระเจ้าประทานให้แก่ยาโคบ ที่ฝันว่า มีบันไดออกมาจากท้องของเขา พุ่งขึ้นไปยังสวรรค์ และทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงบันไดนี้” ซึ่งบันไดนี้คือ องค์พระเยซูเจ้าซึ่งเป็นคนกลางที่เชื่อมพระเจ้ากับมนุษย์เข้าด้วยกัน คำภาวนาของเราขึ้นไปยังพระเจ้า และพระพรของพระลงมายังเราผ่านทางพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงให้คำสัญญานี้แก่นาธานาแอล คือ “ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิดออก และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์” นาธานาแอลนี้คือพวกเราทุกคน ดังนั้น ถ้าเราติดตามพระเยซูเจ้า เราก็จะสามารถเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้
วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม 2021 น.โรซา ชาวลีมา พรหมจารี
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 15 พฤษภาคม 2564 05:45
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 870
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 1:2ข-5,8ข-10
พี่น้อง เราขอบพระคุณพระเจ้าทุกเวลาเพื่อท่านทุกคน ระลึกถึงท่านในคำภาวนา เราวอนขอเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดา เฝ้าระลึกอยู่เสมอถึงกิจการซึ่งแสดงความเชื่อของท่าน และระลึกถึงการงานที่แสดงความรักและความพากเพียรซึ่งเกิดจากความหวังในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
พี่น้องทั้งหลายผู้เป็นที่รักของพระเจ้า เรารู้ว่าท่านได้รับเลือกสรร เพราะข่าวดีที่เราประกาศมาถึงท่าน มิใช่ด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ด้วยพระอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า และด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ท่านทั้งหลายรู้ว่า เราปฏิบัติตนอย่างไรในหมู่ท่านเพื่อเป็นบทเรียนแก่ท่าน
ความเชื่อของท่านในพระเจ้านี้ยังเลื่องลือไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จนเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เพราะคนเหล่านั้นพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเราว่า เราได้เริ่มงานในหมู่ท่านอย่างไร และท่านกลับใจละทิ้งรูปเคารพมาสู่พระเจ้าอย่างไร เพื่อรับใช้พระเจ้าแท้จริงผู้ทรงชีวิต และรอคอยให้พระบุตรของพระองค์เสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้พ้นจากพระพิโรธ ที่จะมาถึง พระเยซูเจ้านี้ พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 23:13,15-22
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่ท่านทั้งหลาย ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านปิดประตูอาณาจักรใส่หน้ามนุษย์ ท่านไม่เข้าไปและไม่ปล่อยคนที่อยากเข้า ให้เข้าไปได้
“วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อทำให้คนเพียงคนเดียวกลับใจ และเมื่อเขากลับใจแล้ว ท่านก็ทำให้เขาสมควรจะไปนรกมากกว่าท่านสองเท่า
“วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ผู้นำทางที่ตาบอด ท่านกล่าวว่า ‘ถ้าใครสาบานอ้างถึงพระวิหาร ก็เป็นโมฆะ แต่ถ้าใครสาบานอ้างถึงทองคำในพระวิหาร ก็ต้องปฏิบัติตามคำสาบาน’ คนโง่เขลาและตาบอดเอ๋ย สิ่งใดสำคัญยิ่งกว่ากัน ทองคำหรือพระวิหารที่ทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังกล่าวอีกว่า ‘ถ้าใครสาบานอ้างถึงพระแท่น ก็เป็นโมฆะ แต่ถ้าใครสาบานอ้างถึงเครื่องบูชาบนพระแท่น ก็ต้องปฏิบัติตามคำสาบาน’ คนตาบอดเอ๋ย สิ่งใดสำคัญยิ่งกว่ากัน เครื่องบูชาหรือพระแท่นที่ทำให้เครื่องบูชานั้นศักดิ์สิทธิ์
เพราะฉะนั้น ผู้ที่สาบานอ้างถึงพระแท่น ก็สาบานอ้างถึงพระแท่นรวมทั้งทุกสิ่งที่อยู่บนพระแท่นนั้นด้วย และผู้ที่สาบานอ้างถึงพระวิหาร ก็สาบานอ้างถึงพระวิหาร รวมทั้งพระผู้สถิตในพระวิหารนั้นด้วย ผู้ที่สาบานอ้างถึงสวรรค์ ก็สาบานอ้างถึงพระที่นั่งของพระเจ้า รวมทั้งพระผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่งนั้นด้วย
ข้อคิด
ในวันปลงศพ น. โรซา ชาวลิมา ประเทศเปรู (ค.ศ. 1586-1617) ถือเป็นพิธีที่ใหญ่ มีประชาชนมาร่วมสวดภาวนาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากศรัทธาในการดำเนินชีวิตของท่าน ที่อุทิศตนในการสวดภาวนา และปฏิบัติพลีกรรม ซึ่งชีวิตของท่านตรงกับสิ่งที่ น.เปาโล ได้กล่าวกับชาวเธสะโลนิกา ถึงคำสอนและการกระทำของท่านที่สอดคล้องกัน คริสตชนคือบุคคลที่ดำเนินชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งคำพูด และการกระทำ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงตำหนิบรรดาธรรมาจารย์และฟาริสี ที่สอนอย่าง และกระทำอีกอย่าง ขอให้เราสวดภาวนาขอพระพรจากพระเจ้า ให้การดำเนินชีวิตของเราแต่ละคนมีความสอดคล้องกันกับจิตตารมณ์แห่งความรักที่พระเยซูเจ้าทรงสอน ทั้งคำพูดและการกระทำ
วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2021 น.หลุยส์ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส น.ยอแซฟ กาลาซานส์ พระสงฆ์
- รายละเอียด
- หมวด: สิงหาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 15 พฤษภาคม 2564 05:41
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 805
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 2:9-13
พี่น้องทั้งหลาย ท่านคงระลึกได้ถึงความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบากของเราขณะที่เราทำงานทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อไม่ต้องเป็นภาระแก่ผู้ใดในบรรดาท่านทั้งหลาย เราประกาศข่าวดีของพระเจ้าให้ท่าน ท่านทั้งหลายเป็นพยาน และพระเจ้าทรงเป็นพยานด้วยว่า เราปฏิบัติตนต่อท่านผู้มีความเชื่อโดยทำตนเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรมและปราศจากคำตำหนิ ท่านรู้อีกว่า เราได้ตักเตือน ปลุกใจและกำชับท่านแต่ละคนดังบิดากำชับบุตรของตน เพื่อให้ท่านดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมกับพระเจ้า ผู้ทรงเรียกท่านมาสู่พระอาณาจักรและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์
ด้วยเหตุนี้เราขอบพระคุณเจ้าอยู่เสมอ เพราะเมื่อเราประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้ท่านฟัง ท่านฟังแล้วก็รับไว้ มิใช่เช่นวาจาของมนุษย์ แต่เช่นที่เป็นจริงคือ “พระวาจาของพระเจ้า” ซึ่งกำลังแสดงพลังอยู่ในท่านที่มีความเชื่อ
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 23:27-32
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านเป็นเหมือนหลุมศพทาสีขาว ภายนอกดูงดงามแต่ภายในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและสิ่งสกปรกทุกอย่าง ท่านก็เป็นเช่นเดียวกัน ภายนอกปรากฏแก่มนุษย์ว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความหน้าซื่อใจคด และความอธรรม
วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านสร้างหลุมศพให้บรรดาประกาศก ประดับอนุสาวรีย์ของผู้ชอบธรรม ท่านกล่าวว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัยบรรพบุรุษ เราคงจะไม่ร่วมมือในการหลั่งเลือดบรรดาประกาศกเหล่านี้’ ดังนี้ ท่านก็เป็นพยานปรักปรำตนเองว่า เป็นลูกหลานของผู้ที่ได้ฆ่าบรรดาประกาศก ฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงทำงานที่บรรพบุรุษของท่านได้เริ่มไว้ให้สำเร็จไปเถิด”
ข้อคิด
ถ้าความสุภาพถ่อมตนคือคุณธรรมที่เปรียบเหมือนเป็นประตูไปสู่คุณธรรมอื่น ๆ ความหยิ่งจองหองก็เป็นบาปที่นำไปสู่บาปอื่น ๆ เช่นกัน และ “ความน่าซื่อใจคด” คือบาปของความหยิ่งจองหอง การแสร้งเป็นในสิ่งที่ตนเองไม่ได้เป็นจริง ๆ การยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไม พระเยซูเจ้าจึงทรงใช้ถ้อยคำตำหนิที่รุนแรงกับคนหน้าซื่อใจคด ไม่ใช่เพราะพระองค์ต้องการด่าให้ใครรู้สึกอับอาย แต่เพราะพระองค์ทราบว่า ใครที่ผิดในเรื่องนี้ จะนำไปสู่บาปอื่น ๆ ได้ ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องตักเตือนอย่างตรงไปตรงมาเพื่อไม่ให้มีการหลงผิดไปมากกว่านี้ และมีแต่คนที่ใจสุภาพถ่อมตนเท่านั้น ที่เมื่อถูกตักเตือนแล้ว จะคิด ไตร่ตรอง และพยายามปรับปรุงตนเอง