มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2021 สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส                             อมส 7:12-15
     สมณะอามาซิยาห์กล่าวแก่ประกาศกอาโมสว่า “ท่านผู้ทำนาย ไปเสียเถอะ จงกลับไปอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ ไปทำมาหากินที่นั่น และประกาศพระวาจาที่นั่นเถิด แต่อย่าประกาศพระวาจาที่เบธ-เอลอีกต่อไป เพราะที่นี่เป็นสักการสถานของกษัตริย์ และเป็นพระวิหารประจำชาติ”
     อาโมสจึงตอบสมณะอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นประกาศก หรือเป็นสมาชิกของกลุ่มประกาศก ข้าพเจ้าเคยเป็นคนเลี้ยงสัตว์และเป็นคนแต่งต้นมะเดื่อเทศ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ข้าพเจ้าเลิกต้อนฝูงแพะแกะ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ไปเถอะ จงไปประกาศพระวาจาแก่อิสราเอลประชากรของเรา’”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส   อฟ 1:3-14
     ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
     พระองค์ทรงอวยพระพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก พระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามพระประสงค์ที่ทรงพอพระทัย เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์ ซึ่งโปรดประทานให้เราในพระบุตรผู้ทรงเป็นที่รัก ในองค์พระคริสตเจ้า เราได้รับการไถ่กู้ เดชะพระโลหิต คือได้รับการอภัยบาป นี่คือพระหรรษทานอันอุดมซึ่งพระเจ้าประทานแก่เราอย่างล้นเหลือ ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง พระองค์ทรงเผยให้เราทราบถึงพระประสงค์อันเร้นลับของพระองค์ ซึ่งทรงพอพระทัยดำริไว้ล่วงหน้าในพระคริสตเจ้า พระองค์จะทรงกระทำตามแผนการนี้ เมื่อถึงเวลากำหนด โดยทรงนำทุกสิ่งทั้งที่อยู่บนสวรรค์และบนแผ่นดิน ให้มารวมกันอยู่ใต้ปกครองของพระคริสตเจ้าพระประมุขแต่พระองค์เดียว
     ในองค์พระคริสตเจ้านี้เอง เราได้รับเลือกเป็นพิเศษไว้ล่วงหน้าตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งให้เป็นไปตามแผนการนั้น เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เพราะเราเป็นผู้ที่ได้หวังในพระคริสตเจ้าก่อนที่พระองค์จะเสด็จมาในองค์พระคริสตเจ้านี้ ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ได้ฟังพระวาจาแห่งความจริง คือข่าวดีอันนำความรอดพ้นมาให้ ท่านได้เชื่อแล้ว จึงได้รับพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาจะประทานให้นั้น เป็นตราประทับ และเป็นมัดจำของมรดกที่เราจะได้รับเพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                               มก 6:7-13
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกทั้งสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริ่มส่งเขาเป็นคู่ๆ ประทานอำนาจเหนือปิศาจ ทรงกำชับเขามิให้นำสิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้าเท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้ แต่มิให้เอาเสื้อสำรองไปด้วย พระองค์ตรัสแก่เขาว่า ‘ถ้าท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยู่ที่นั่นจนกว่าจะออกเดินทางต่อไป ถ้าที่ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากที่นั่นพลางสลัดฝุ่นจากเท้าไว้เป็นพยานปรักปรำเขา’ บรรดาอัครสาวกจึงได้ไปเทศน์สอนคนทั้งหลายให้กลับใจ ได้ขับไล่ปิศาจจำนวนมาก ได้เจิมน้ำมันผู้เจ็บป่วยหลายคน และรักษาเขาให้หายจากโรคภัย

 


ข้อคิด
     นักบุญเปาโล ผู้เคยเบียดเบียนพระเยซู และบรรดาคริสตชน แต่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้กลับใจ ท่านได้เปลี่ยนชีวิตของท่านทั้งหมด อุทิศตนแด่พระเจ้า สอนพวกเราเสมอว่า ชีวิตของเรามีสิ่งเดียวคือ โมทนาขอบพระคุณพระเจ้า สรรเสริญพระองค์ทุกวันเวลา ด้วยว่า ชีวิตที่เราเป็น... ทุกสิ่งที่เรามี... ล้วนเป็นน้ำพระทัยดีของพระองค์ที่ทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงประทานพระพร และเลือกสรรเราในองค์พระคริสตเจ้า ตั้งแต่ก่อนเนรมิตสร้างโลก พระองค์ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ จงเชื่ออย่างมั่นใจเถิดว่า เราเป็นผู้รับเลือกสรรของพระองค์ ชีวิตของเราจึงเป็นของพระองค์ มิใช่ชีวิตของเราเอง เราจึงต้องอุทิศชีวิตของเราเพื่อพระองค์ และประกาศพระ-อาณาจักรของพระองค์ตราบชีวิตของเราจะหาไม่

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2021 สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                           อพย 1:8-14,22
     ในครั้งนั้น กษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ในอียิปต์ พระองค์มิได้ทรงรู้จักโยเซฟ ทรงประกาศแก่ประชาชนว่า “ดูซิ ชาวอิสราเอลมีจำนวนมากและมีกำลังมากกว่าเรา เราจะต้องจัดการขัดขวางมิให้คนเหล่านี้ทวีจำนวนมากขึ้น มิฉะนั้น ถ้าเกิดสงคราม เขาอาจไปเข้าข้างศัตรู มาสู้รบกับเราและหลบหนีออกจากประเทศไป” ชาวอียิปต์จึงตั้งนายงานเกณฑ์ให้ชาวอิสราเอลทำงานตรากตรำ และสร้างเมืองปิธมและราเมเสสให้พระเจ้าฟาโรห์ เพื่อเป็นคลังเก็บเสบียงอาหาร แต่ชาวอียิปต์ยิ่งกดขี่ชาวอิสราเอลมากขึ้นเท่าใด ชาวอิสราเอลก็ยิ่งทวีจำนวนแผ่กระจายออกไปมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งชาวอียิปต์รู้สึกกลัวชาวอิสราเอลมาก จึงบังคับชาวอิสราเอลให้ทำงานเป็นทาสอย่างทารุณ ทำให้ชีวิตของเขาเหล่านั้นขมขื่นเพราะถูกบังคับให้ทำงานหนัก ถูกบังคับให้ขุดดินเพื่อนำมาทำอิฐ ถูกบังคับให้ทำนา ชาวอียิปต์บังคับให้ชาวอิสราเอลทำงานหนักทุกชนิดอย่างทารุณ
พระเจ้าฟาโรห์รับสั่งแก่ประชาชนทั้งปวงว่า “จงโยนเด็กชายชาวฮีบรูทุกคนที่เกิดใหม่ลงในแม่น้ำไนล์ แต่ปล่อยให้เด็กหญิงทุกคนรอดชีวิต”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 10:34-11:1
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาให้โลก เรามิได้มาเพื่อนำสันติภาพ แต่มาเพื่อนำดาบมาให้ เรามาเพื่อแยกบุตรชายจากบิดา แยกบุตรหญิงจากมารดา แยกบุตรสะใภ้จากมารดาของสามี ศัตรูของคนก็คือคนที่อยู่ร่วมบ้านกับเขานั่นเอง”
     “ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา”
“ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก”
“ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลาย ก็ต้อนรับเรา ผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา”
“ผู้ที่ต้อนรับประกาศก เพราะเราเป็นประกาศก จะได้รับบำเหน็จรางวัลของประกาศก ผู้ที่ต้อนรับผู้ชอบธรรม เพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรม จะได้รับบำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม”
     “ผู้ใดที่ให้น้ำเย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดา ๆ เหล่านี้ เพราะเขาเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน”
เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสสั่งสอนศิษย์สิบสองคนแล้ว ก็เสด็จจากที่นั่นไปเทศนาสั่งสอนตามเมืองต่าง ๆ ในแคว้นกาลิลี

 

ข้อคิด
     พระเจ้าทรงเลือก ชาวอิสราแอล ให้เป็นประชากรของพระองค์ ทรงเลี้ยงดูเขา ทรงเอาพระทัยใส่พวกเขา แม้ในยามที่เขาตกระกำลำบาก และเขาร้องทูลหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงเมตตาช่วยเหลือ ทรงกระทำกับเขาตามพันธสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพวกเขา พระเจ้าไม่ทรงเคยผิดสัญญา พระองค์ขอแต่เพียงให้พวกเขาซื่อสัตย์ และยอมรับนมัสการพระองค์แต่พระเจ้าเดียว พระองค์ทรงมอบบัญญัติ และปรารถนาให้เขาถือตามบัญญัตินั้น และเขาจะพบความสุข และมีชีวิตนิรันดร์ บัญญัติที่สอนให้รักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด และรักมนุษย์เสมือนหนึ่งรักตัวเอง พระองค์ทรงสอนให้รัก - เมตตาผู้อื่นเหมือนที่พระเจ้าทรงเมตตาเรา น้ำเย็นเพียงหนึ่งแก้วที่เราเมตตาผู้อื่น พระเจ้าจะตอบแทนและประทานบำเหน็จรางวัลแก่เราอย่างแน่นอน

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2021 น.คามิลโล เด เลลลิส พระสงฆ์

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                          อพย 3:1-6,9-12
     ในครั้งนั้น โมเสสเลี้ยงฝูงแพะแกะของเยโธร ผู้เป็นพ่อตาและสมณะแห่งมีเดียน วันหนึ่งเขาต้อนฝูงแพะแกะข้ามทะเลทรายไปถึงโฮเรบ ภูเขาของพระเจ้า ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขาเป็นเปลวไฟลุกอยู่กลางพุ่มไม้ โมเสสมองดูก็เห็นว่าพุ่มไม้นั้นลุกเป็นไฟ แต่ไม่มอดไหม้ไป จึงคิดว่า “ฉันจะเข้าไปดูเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ใกล้ๆ ทำไมพุ่มไม้นั้นไม่มอดไหม้” องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาเข้ามาดูใกล้ ๆ จึงตรัสเรียกเขาจากกลางพุ่มไม้ว่า “โมเสส โมเสส” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” พระองค์ตรัสห้ามว่า “อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้ จงถอดรองเท้าเสีย เพราะสถานที่ที่ท่านยืนอยู่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์” พระองค์ยังตรัสอีกว่า “เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” โมเสสยกมือขึ้นปิดหน้า ไม่กล้ามองดูพระเจ้า
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เราได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของชาวอิสราเอล และเห็นเขาถูกชาวอียิปต์ข่มเหงอย่างทารุณ บัดนี้ เราจะส่งท่านไปเฝ้าพระเจ้าฟาโรห์ เพื่อนำชาวอิสราเอลประชากรของเรา ออกจากอียิปต์
     โมเสสทูลพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้ใดเล่าที่จะไปเฝ้าพระเจ้า ฟาโรห์ และนำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์” พระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่กับท่าน และเครื่องหมายแสดงว่าเราส่งท่านไปก็คือเมื่อท่านนำประชากรออกจากอียิปต์แล้ว ท่านทั้งหลายจะมานมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                             มธ 11:25-27
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้

 

ข้อคิด
     มนุษย์คือใคร ? มนุษย์คือผู้ใด ?
มนุษย์เป็นแต่สิ่งสร้างของพระเจ้า แม้มนุษย์จะเป็นสิ่งสร้าง สิ่งเดียวที่พระเจ้าทรงสร้างตามพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ แต่มนุษย์ก็มาจากดิน และจะกลับเป็นดินตามเดิม ไม่มีค่าอะไรเลย แต่พระเจ้าทรงยกมนุษย์ให้สูงเด่นเหนือสิ่งสร้างใดๆ ก็ด้วยพระเมตตาของพระองค์ ซึ่งทรงมีต่อเรามนุษย์ทุกคน ยิ่งกว่านั้นอีก ทรงยกเราให้เป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ ทรงเปิดเผยให้เรารู้ โดยทางพระบุตรพระเยซูเจ้า เราสามารถรับรู้ และเข้าใจพระเจ้าก็โดยทางการไขแสดงของพระเยซูเจ้า ทุกๆ วันเราจึงต้องพยายามเรียนรู้น้ำพระทัยของพระบิดาเจ้า ผ่านทางองค์พระเยซูเจ้าผู้เสด็จมาประทับอยู่กับเรา

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2021 น.เฮนรี่

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                          อพย 2:1-15ก
     ในครั้งนั้น ชายผู้หนึ่งจากเผ่าเลวี ได้หญิงชาวเลวีเป็นภรรยา ต่อมานางตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย นางเห็นว่าบุตรสวยงามน่ารัก จึงซ่อนบุตรนั้นไว้สามเดือน เมื่อซ่อนไว้นานกว่านั้นไม่ได้แล้ว นางจึงนำตะกร้าสานด้วยต้นกกมาแล้วยาด้วยยางมะตอยและชัน วางเด็กไว้ในตะกร้านั้นแล้วนำไปวางไว้ในพงอ้อริมฝั่งแม่น้ำ พี่สาวของเด็กยืนคอยเฝ้าอยู่ห่าง ๆ เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก
พระราชธิดาของพระเจ้าฟาโรห์เสด็จมาสรงที่แม่น้ำ ขณะที่บรรดานางกำนัลเดินไปตามริมแม่น้ำ พระราชธิดาทอดพระเนตรเห็นตะกร้าอยู่ในพงอ้อ จึงรับสั่งให้นางกำนัลไปนำมา เมื่อทรงเปิดตะกร้าก็ทอดพระเนตรเห็นทารกกำลังร้องไห้อยู่ ก็ทรงสงสาร จึงตรัสว่า “นี่ต้องเป็นลูกของหญิงชาวฮีบรู” พี่สาวของเด็กนั้นก็ทูลถามว่า “จะให้ดิฉันไปเรียกแม่นมชาวฮีบรูมาเลี้ยงเด็กนี้ให้พระองค์ไหมคะ” พระราชธิดาของพระเจ้าฟาโรห์รับสั่งว่า “ไปเรียกมาซิ” เด็กหญิงนั้นก็ไปเรียกมารดาของทารกมา พระราชธิดาของพระเจ้าฟาโรห์จึงตรัสกับนางว่า “จงนำเด็กคนนี้ไปเลี้ยงให้ฉันเถิด ฉันจะให้ค่าจ้าง” หญิงนั้นก็นำทารกไปเลี้ยงไว้ เมื่อเด็กเติบโตพอสมควรแล้วนางก็นำไปถวายพระราชธิดาของพระเจ้าฟาโรห์ พระราชธิดาทรงรับเขาเป็นบุตร และทรงตั้งชื่อว่า โมเสส ตรัสว่า “ฉันได้ฉุดเขาขึ้นมาจากน้ำ”
     ต่อมาเป็นเวลานาน เมื่อโมเสสเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาออกไปเยี่ยมเยียนเพื่อนร่วมชาติ เห็นเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้ทำงานหนัก เขาเห็นชาวอียิปต์คนหนึ่งกำลังทุบตีชาวฮีบรู เพื่อนร่วมชาติของเขา โมเสสมองดูทั่ว ๆ ไม่เห็นใคร จึงฆ่าชาวอียิปต์ผู้นั้นแล้วเอาศพหมกทรายไว้ วันรุ่งขึ้น เขากลับไปอีก เห็นชาวฮีบรูสองคนกำลังต่อสู้กัน เขาถามคนที่ทำผิดว่า “ทำไมท่านจึงทุบตีเพื่อนร่วมชาติของท่านเล่า” ชาวฮีบรูคนนั้นตอบว่า “ใครตั้งท่านเป็นผู้นำ และผู้ตัดสินพวกเราเล่า ท่านจะฆ่าข้าพเจ้าเหมือนฆ่าชาวอียิปต์ผู้นั้นหรือ” โมเสสกลัวมาก คิดในใจว่า “ใคร ๆ ต้องรู้เรื่องนี้แล้วแน่ ๆ” พระเจ้าฟาโรห์ทรงทราบเรื่องนี้ จึงทรงพยายามประหารโมเสส แต่โมเสสหลบหนีพระเจ้าฟาโรห์ไปในแผ่นดินมีเดียน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 11:20-24
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงตำหนิบรรดาเมืองที่พระองค์ทรงทำอัศจรรย์มากกว่าที่เมืองอื่น เพราะชาวเมืองไม่ยอมกลับใจว่า
“จงวิบัติเถิด เมืองโคราซิน จงวิบัติเถิด เมืองเบธไซดา เพราะถ้าการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว ชาวเมืองเหล่านั้นคงได้นุ่งกระสอบ เอาขี้เถ้าโรยศีรษะ กลับใจเสียนานแล้ว ฉะนั้น เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองไทระและเมืองไซดอนจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า
ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้ายกตนขึ้นถึงฟ้าเทียวหรือ ตรงกันข้าม เจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตาย เพราะว่าถ้าการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองโสดมแล้ว เมืองโสดมก็คงจะอยู่จนถึงวันนี้ ฉะนั้น เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองโสดมจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า”

 

ข้อคิด
     พระเจ้าทรงเลือกโมเสส ให้เป็นผู้นำประชากรเลือกสรรของพระองค์ พระองค์ทรงเตรียมเขา เพื่อจะนำประชากรเลือกสรรออกจากความทุกข์ยากในอียิปต์ เพราะพวกเขาทูลอ้อนวอนพระองค์ พระเจ้าทรงจัดการทุกสิ่งด้วยพระทัยเมตตากรุณา แม้หลายๆครั้งที่พวกเขาจะทำผิด – ทำบาป แต่ถ้าพวกเขากลับใจ – เปลี่ยนใจจากความผิดพลาด พระเจ้าผู้ทรงเต็มเปี่ยมด้วยอ่อนหวาน และเมตตาสงสาร พระองค์ทรงอภัยความผิดพลาดนั้นเสมอ พวกเราทุกคนก็เช่นกัน ไม่ว่าเราจะผิดพลาด – ทำบาป – บกพร่อง หากเราเป็นทุกข์ – เสียใจ – กลับใจ ด้วยใจจริง พระองค์ก็จะทรงยกโทษแก่เรา
ข้าแต่พระเจ้า... โปรดทรงพระเมตตาเทอญ !!

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม 2021 ระลึกถึง น.บอนาแวนตูรา พระสังฆราชและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                          อพย 3:13-20
     ในครั้งนั้น โมเสสทูลพระเจ้าว่า “เมื่อข้าพเจ้าไปหาชาวอิสราเอลแล้วบอกเขาว่า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่าน” ถ้าเขาถามข้าพเจ้าว่า “พระองค์ทรงพระนามว่าอะไรเล่า” ข้าพเจ้าจะตอบเขาอย่างไร พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราคือเราเป็น” แล้วตรัสต่อไปว่า “ท่านต้องบอกชาวอิสราเอลดังนี้ว่า “เราเป็น” ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย” พระเจ้าตรัสกับโมเสสอีกว่า ท่านต้องบอกชาวอิสราเอลดังนี้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย นามนี้จะเป็นนามของเราตลอดไป ชนรุ่นต่อๆ ไปจะต้องเรียกเราด้วยนามนี้”
     จงไปเรียกประชุมบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอล แล้วบอกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย พระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัคและของยาโคบ ทรงสำแดงพระองค์แก่ข้าพเจ้า ตรัสว่า เราได้มาเยี่ยมท่านทั้งหลายแล้ว และได้เห็นสิ่งที่ชาวอียิปต์ทำกับท่าน เราตกลงใจจะนำท่านให้พ้นจากความทุกข์ยากในอียิปต์ที่ท่านถูกข่มเหง ไปยังแผ่นดินของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส ไปยังแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ เขาเหล่านั้นจะฟังท่าน แล้วท่านกับผู้อาวุโสชาวอิสราเอลจงไปเฝ้ากษัตริย์อียิปต์ทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของชาวฮีบรูเสด็จมาหาพวกเรา ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้พวกเราออกเดินทางไปในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสามวันเพื่อถวายบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา” เรารู้ดีว่ากษัตริย์อียิปต์จะไม่ทรงยอมให้ท่านทั้งหลายไปนอกจากพระองค์จะทรงถูกบังคับด้วยมืออันทรงอานุภาพของเราเท่านั้น เราจะเหยียดมือของเราเฆี่ยนตีชาวอียิปต์ ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ที่เราจะกระทำในหมู่พวกเขา จะทำให้กษัตริย์อียิปต์ปล่อยท่านทั้งหลายไป

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 11:28-30
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”

 

ข้อคิด
     พระเจ้าได้ทรงเปิดเผยแสดงพระองค์เองแก่มนุษย์ ผ่านทางองค์พระบุตรพระเยซูเจ้า เราจะรู้จักพระเจ้า ก็โดยทางพระเยซูเจ้า ผู้ประทับในศีลมหาสนิท โดยการอ่านพระคัมภีร์ – อ่านพระวาจาของพระเจ้า ทุกครั้งที่เรารำพึง - อ่านพระวาจา - สวดภาวนา และเฝ้าศีลมหาสนิท เราจะพบพระองค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก – ความเมตตาสงสาร เมื่อเราอยู่กับพระองค์ในวัด เฝ้าแหนพระองค์ต่อหน้าศีลมหาสนิท เราจะหายเหนื่อยและเป็นสุข ภาระที่เราแบกจะเบา ด้วยพระองค์จะเสริมกำลัง และเป็นพละกำลังให้แก่เรา และที่สำคัญ จิตใจของเราจะได้รับการพักผ่อน เราจะพบความสงบสุข และเพลินในความรักของพระองค์

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown