มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2020 สมโภชนักบุญทั้งหลาย

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์                                           วว 7:2-4,9-14
      ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก ถือตราของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ทูตสวรรค์องค์นั้นร้องเสียงดังบอกทูตสวรรค์ทั้งสี่องค์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำลายแผ่นดินและทะเลว่า “อย่าทำลายแผ่นดินหรือทะเลหรือต้นไม้ จนกว่าเราจะได้ประทับตราไว้ที่หน้าผากของบรรดาผู้รับใช้พระเจ้าของเรา” และข้าพเจ้าได้ยินว่าผู้ที่ได้รับการประทับตรามีจำนวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน ผู้รับการประทับตราเหล่านี้มาจากทุกเผ่าของชาวอิสราเอล
      หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นนิมิต ประชาชนมากมายเหลือคณานับจากทุกชาติ ทุกเผ่า ทุกประเทศและทุกภาษา กำลังยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ ทุกคนสวมเสื้อขาว ถือใบปาล์ม ร้องสรรเสริญเสียงดังว่า “ความรอดพ้นเป็นของพระเจ้าของเรา ผู้ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ และเป็นของลูกแกะ” ทูตสวรรค์ทั้งหลายที่ยืนอยู่รอบพระบัลลังก์ รอบผู้อาวุโส และรอบผู้มีชีวิตทั้งสี่ตน ต่างกราบลงหน้าพระบัลลังก์ ศีรษะจรดพื้น นมัสการพระเจ้าว่า “อาเมน คำถวายพระพร พระสิริรุ่งโรจน์ พระปรีชาญาณ คำขอบพระคุณ พระเกียรติยศ พระอานุภาพและพระพลานุภาพเป็นของพระเจ้าของเราตลอดนิรันดร อาเมน” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า “คนที่สวมเสื้อขาวเหล่านี้เป็นใคร และมาจากไหน” ข้าพเจ้าตอบว่า “นายขอรับ ท่านก็รู้อยู่แล้ว” เขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้คือผู้ที่มาจากการเบียดเบียนครั้งใหญ่ เขาซักเสื้อของเขาจนขาวในพระโลหิตของลูกแกะ

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง      1 ยน 3:1-3
      พี่น้องที่รักยิ่ง จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดาประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำให้เราได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จักพระองค์
ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นยังไม่ปรากฏชัดแจ้ง เราตระหนักดีว่า เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะได้เห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำระใจของตนให้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 5:1-12ก
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำนวนมาก จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า
“ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก”

 

ข้อคิด

     มหาบุญลาภเป็นบทเทศน์ที่เป็นหัวใจของการดำเนินชีวิตคริสตชน หากว่าเราให้พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเป้าหมายในการดำเนินชีวิตแล้ว สิ่งใดๆ ที่คุณค่าฝ่ายโลกถือว่าเป็นสิ่งเลวร้ายหรือทุกขลาภแล้ว สำหรับผู้ที่แสวหาพระอาณาจักรพระเจ้าก็จะเป็นสิ่งที่เป็นบุญ เป็นความสุข ดังเช่นความยากจน ความทุกข์ ความสุภาพอ่อนโยน และสิ่งใดที่ฝ่ายโลกถือว่าเป็นความขัดสนขาดแคลนนั้น จะเป็นความสุขในพระอาณาจักรพระเจ้า ผู้ที่มีความวางใจในพระเจ้าจะพบความสุขได้ไม่ยาก
โอกาสสมโภชนักบุญทั้งหลาย ทำให้เราเข้าใจว่า เราสามารถสัมผัสถึงชีวิตนักบุญได้ โดยการดำเนินชีวิตในคุณค่าแห่งมหาบุญลาภ เป็นความสุขสงบในควารักของพระเจ้า และทำให้พระอาณาจักรของพระองค์ปรากฏในแผ่นดิน

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2020 วันภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ

บทอ่านจากหนังสือโยบ                                            โยบ 19:1,23-27
     โยบกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยากให้ถ้อยคำของข้าพเจ้าถูกบันทึกไว้ อยากให้จารึกไว้ในหนังสือ อยากให้ใช้สิ่วเหล็กและตะกั่วสลักไว้บนหินให้คงอยู่ตลอดไป ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้ปกป้องข้าพเจ้าทรงพระชนม์อยู่ จะทรงลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้ายบนฝุ่นดิน เมื่อหนังของข้าพเจ้าถูกทำลาย และไม่มีร่างกายอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะเห็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเห็นพระองค์อยู่เคียงข้าง นัยน์ตาของข้าพเจ้าจะแลเห็นพระองค์ไม่ใช่อย่างคนแปลกหน้า ข้าพเจ้ารู้สึกมีความมั่นใจเช่นนี้

 

สดด 27:1-14

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโรม                  รม 5:5-11
     พี่น้อง ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปตามเวลาที่กำหนด ยากที่จะหาคนที่ยอมตายเพื่อคนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริงๆ ได้ แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป บัดนี้ เมื่อเราได้รับความชอบธรรมโดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์แล้ว เดชะพระองค์ เราก็ยิ่งจะได้รับความรอดพ้นจากการถูกพระเจ้าลงโทษ ถ้าเรากลับคืนดีกับพระเจ้าเดชะการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรขณะที่เรายังเป็นศัตรูอยู่ ยิ่งกว่านั้นเมื่อกลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดพ้นเดชะพระชนมชีพของพระองค์ด้วย มิใช่เพียงเท่านั้น เรายังภูมิใจในพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำให้เราคืนดีกับพระเจ้าแล้ว

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                ยน 6:37-40
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนที่ติดตามพระองค์ว่า “ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย เพราะเราลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำตามใจของเรา แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใดที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย”

 

ข้อคิด

     การภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ เป็นการยืนยันถึความเชื่อในชีวิตนิรันดรและในสหพันธ์นักบุญความสัมพันธ์ทำให้เราเห็นว่า ความตายนั้นไม่ได้เป็นการสิ้นสุดในความสัมพันธ์ แต่ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่เป็นนิรันดร์นั้นทำให้เราสามารถสื่อสัมพันธ์ด้วยการภาวนา อยู่เหนือกาลเวลา ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นความเข้าใจได้ที่ว่า การสิ้นพระชนม์ขององค์พระคริสตเจ้านั้นทำให้เราได้รับความชอบธรรม คำภาวนาของพระองค์เมื่อสองพันปีก่อนนั้น สามารถไถ่บาปเราได้เหนือกาลเวลา ดังที่นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า "เดชะพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำให้เราคืนดีกับพระเจ้าแล้ว"

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน 2020 ระลึกถึง น.ชาร์ลส์ โบโรเมโอ พระสังฆราช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี    ฟป 2:12-18
     ท่านที่รักยิ่งของข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายเคยเชื่อฟังตลอดมา มิใช่เฉพาะเมื่อข้าพเจ้าอยู่กับท่านเท่านั้น แต่ยิ่งกว่านั้น บัดนี้แม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ห่างไกล ท่านก็ยังเชื่อฟังด้วย ท่านจงออกแรงด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่นเพื่อให้รอดพ้นเถิด พระเจ้าทรงทำงานในท่านเพื่อให้ท่านมีทั้งความปรารถนาและความสามารถที่จะทำงานตามพระประสงค์ จงทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่บ่นหรือโต้เถียง ท่านทั้งหลายจะได้ไม่ถูกตำหนิ ปราศจากเล่ห์กล เป็นบุตรของพระเจ้า ไร้มลทินในหมู่พงศ์พันธุ์ที่คดโกงและชั่วร้าย ฉายแสงในหมู่ชนนี้เสมือนดวงประทีปอยู่ในโลก จงยึดพระวาจาแห่งชีวิตมั่นไว้ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ภาคภูมิใจในวันของพระคริสตเจ้าว่า ข้าพเจ้ามิได้วิ่งและตรากตรำทำงานโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่าข้าพเจ้าจะต้องหลั่งโลหิตเป็นพลีบูชา พร้อมกับที่ท่านถวายความเชื่อเป็นพลีบูชาแด่พระเจ้า ข้าพเจ้าก็ยินดีและร่วมยินดีกับท่านทุกคน ขอให้ท่านทั้งหลายยินดีและร่วมยินดีกับข้าพเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน

 

สดด 27:1,4,13-14

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                               ลก 14:25-33
     เวลานั้น ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้”
     “ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้เสร็จหรือไม่ มิฉะนั้นเมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำเร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะเยาะเขา พูดว่า ‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้ หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำนวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำลังพลหนึ่งหมื่นคน จะเผชิญกับศัตรูที่มีกำลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยังอยู่ห่างไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ ดังนั้น ทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

 

ข้อคิด
     การดำเนินชีวิตในความเชื่อนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย จำเป็นจะต้องเลือกต้องตัดสินใจ และจะต้องเสียสละบางสิ่งบางอย่าง การติดตามองค์พระคริสตเจ้านั้นเป็นเรื่องของคริสตชนทุกคน ในทุกวันเราจะต้องให้การเลือกองค์พระคริสตเจ้าเป็นอันดับหนึ่งในชีวิต ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องสูญเสียความสัมพันธ์ และความสุขสบายส่วนตัว เมื่อเป็นดังนี้แล้ว เราจะต้องประเมินถึงสิ่งที่เราจะได้จากการติดตามองค์พระคริสตเจ้า และสิ่งที่เราจะต้องละวางเพื่อติดตามพระองค์ แต่เมื่อคิดคำนวณดูแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะมีค่าเกินกว่าชีวิตนิรันดร์ที่เราได้มาจากการติดตามองค์พระคริสตเจ้า และไม่มีสิ่งใดที่เราจะต้องเสียดาย หากว่าจะต้องละวางไปเพื่อการติดตามพระองค์

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน 2020 น.มาร์ดิน เดอ ปอเรส นักบวช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี     ฟป 2:5-11
     พี่น้อง จงมีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับที่พระคริสตเยซูทรงมีเถิด แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นสูงส่ง และประทานพระนามให้แก่พระองค์ พระนามนี้ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้น เพื่อทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดิน รวมทั้งใต้พื้นพิภพ จะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม “เยซู” นี้ และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าพระบิดา

 

สดด 22:25ข-26,27-31

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 14:15-24
     เวลานั้น ผู้ร่วมโต๊ะคนหนึ่งได้ยินเช่นนี้จึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “ผู้ที่กินอาหารในพระอาณาจักรของพระเจ้าย่อมเป็นสุข” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชายผู้หนึ่งจัดงานเลี้ยงใหญ่และเชิญคนเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงเวลางาน เขาส่งผู้รับใช้ไปบอกผู้รับเชิญทั้งหลายว่า ‘เชิญมาเถิด ทุกอย่างพร้อมแล้ว’ แต่ทุกคนต่างขอตัว คนแรกพูดว่า ‘ข้าพเจ้าได้ซื้อที่นาไว้แปลงหนึ่ง จำเป็นต้องไปดู จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าซื้อโคไว้ห้าคู่ กำลังจะไปทดลองใช้งาน จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าเพิ่งแต่งงาน จึงมาไม่ได้’
     ผู้รับใช้กลับมารายงานทุกอย่างแก่นายของตน นายโกรธมาก พูดกับผู้รับใช้ว่า ‘จงรีบออกไปตามลานสาธารณะและตามถนนในเมือง จงพาคนยากจน คนพิการ คนตาบอดและคนง่อยเข้ามาที่นี่เถิด’ ผู้รับใช้กลับมาบอกนายว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้าทำตามคำสั่งของท่านแล้ว แต่ยังมีที่ว่างอีก’ นายจึงบอกผู้รับใช้ว่า ‘จงออกไปตามทางเดินและตามรั้วต้นไม้ เร่งเร้าผู้คนให้เข้ามาเพื่อทำให้คนเต็มบ้านของเรา เราบอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ที่ได้รับเชิญคนใดจะได้ลิ้มรสอาหารของเรา’”

 

ข้อคิด
     พระเป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญทุกคนให้เข้ามาร่วมในงานเลี้ยงของพระองค์เป็นงานเลี้ยงของความชื่นชมยินดีในฐานะบุตรและธิดาของพระบิดาเจ้า เป็นศิษย์ที่พระองค์ทรงสอน เมื่อเราแต่ละคนได้รับคำเชื้อเชิญนี้แล้ว จึงเป็นหน้าที่ของแต่ละคนที่จะต้องเตรียมตัวของเราเพื่อเข้างานเลี้ยงของพระเจ้า ให้เราเตรียมตัวด้วยการกลับใจ ด้วยการอภัย ด้วยความเมตตา เพื่อว่าเราจะเข้าสู่งานเลี้ยงแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้า อยู่ในความรักและสันติสุข การเข้าสู่งานเลี้ยงใดๆ อย่างไม่เหมาะสม ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผู้เชิญและแขกเหรื่อที่มาร่วงานด้วยให้เราเข้าสู่ชีวิตกลุ่มคริสตชนและร่วมพิธีกรรมด้วยการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2020 สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงฟีลิปปี       ฟป 3:3-8ก
     พี่น้อง พวกเราเท่านั้นเป็นผู้ที่เข้าสุหนัตโดยแท้จริง เป็นผู้ประกอบศาสนพิธีด้วยพระจิตของพระเจ้า และภูมิใจในพระคริสตเยซู ไม่วางใจในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางกาย แม้ว่าข้าพเจ้ามีเหตุผลที่จะวางใจในการปฏิบัติเช่นนี้ได้ก็ตาม ถ้าผู้ใดคิดว่าตนมีเหตุผลที่จะวางใจในการปฏิบัติเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็ยังมีเหตุผลมากกว่า ข้าพเจ้าได้รับพิธีสุหนัตเมื่อเกิดมาได้แปดวัน เป็นเชื้อสายชนชาติอิสราเอลจากตระกูลเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูเกิดจากชาวฮีบรู ในด้านธรรมบัญญัติเป็นชาวฟาริสี มีความกระตือรือร้นที่จะเบียดเบียนพระศาสนจักร ไม่มีข้อตำหนิใดในด้านความชอบธรรมตามธรรมบัญญัติ แต่สิ่งที่เคยเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าละทิ้งเพราะพระคริสตเจ้า นับแต่บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งไม่มีประโยชน์อีกเมื่อเปรียบกับประโยชน์ล้ำค่าคือการรู้จักพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า

 

สดด 105:2-3,4-5,6-8

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                    ลก 15:1-10

     เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟัง “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่นทุรกันดาร ออกไปตามหาแกะที่หายไปจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบแกะตัวที่หายไปนั้นแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจ” “หญิงคนใดที่มีเงินสิบเหรียญแล้วทำหายไปหนึ่งเหรียญ จะไม่จุดตะเกียง กวาดบ้าน ค้นหาอย่างถี่ถ้วนจนกว่าจะพบหรือ เมื่อพบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกัน เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ”

 

ข้อคิด

     พระเยซูเจ้าทรงชัดจนเสมอในวิสัยทัศน์ของพระองค์ ในแผนการไถ่กู้ของพระองค์ โดยการให้ชีวิตของพระองค์นั้นสื่อสัมพันธ์กับคนบาป คนที่ถูกทอดทิ้ง คนที่อยู่ชายขอบสังคม ภารกิจการไถ่กู้ของพระองค์นั้นไม่ใช่อุดมคติ หรือแผนการสวยงามในความคิด แต่จะต้องออกแรงทำให้เป็นจริงเป็นจัง เหมือนกับความชื่นชมยินดีของนายชุมพาบาลที่ออกไปค้นหาเจอแกะตัวเดียวที่หลงหาย หรือหญิงที่ค้นหาทุกซอกมุมของบ้าน และยินดียิ่งนักเมื่อเจอเหรียญที่หายไป ขอให้ความกระตือรือร้นเกี่ยวกับภารกิจของพระคริสตเจ้าในเรื่องพระอาณาจักรนั้น ทำให้เราไม่อาจจะเย็นเฉยในการแสวงหาลูกแกะที่หลงหายไป

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown