วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2020 ระลึกถึงพระนางพรหมจารีมารีย์ถวายองค์ในพระวิหาร
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤศจิกายน 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์, 14 สิงหาคม 2563 06:53
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1199
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 11:4-12
มีผู้กล่าวแก่ข้าพเจ้า ยอห์นว่า พยานนี้คือต้นมะกอกเทศสองต้นและเชิงประทีปสองเชิงที่ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าของแผ่นดิน ผู้ใดต้องการทำร้ายพยานนี้ ไฟจะพลุ่งออกจากปากของพยานมาเผาผลาญบรรดาศัตรู ผู้ใดต้องการทำร้ายพยาน ผู้นั้นจะต้องถูกฆ่าเช่นนี้ พยานนี้มีอำนาจปิดท้องฟ้ามิให้ฝนตกตลอดเวลาที่เขาประกาศพระวาจา เขามีอำนาจเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นเลือด และมีอำนาจทำให้แผ่นดินประสบภัยพิบัติต่างๆ ทุกครั้งที่เขาต้องการ เมื่อเสร็จสิ้นการเป็นพยานแล้ว สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากบาดาล จะสู้รบกับพยานนี้ จะมีชัยชนะและฆ่าพยาน ศพของพยานจะอยู่ที่ลานของนครใหญ่ ซึ่งเรียกเป็นสัญลักษณ์ว่าโสโดมและอียิปต์ ณ ที่นั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาทรงถูกตรึงกางเขน ประชากรหลายกลุ่ม หลายเผ่า หลายภาษา หลายชาติจะมองดูศพของพยานอยู่สามวันครึ่ง และไม่ยอมให้นำศพไปฝังไว้ในคูหา ผู้อาศัยบนแผ่นดินจะยินดีที่เขาตาย จะฉลองและแลกเปลี่ยนของขวัญกัน เพราะประกาศกทั้งสองคนนี้ทรมานบรรดาผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินด้วย”
สามวันครึ่งหลังจากนั้น พระเจ้าจะทรงเป่าลมปราณแห่งชีวิตเข้าไปในพยานทั้งสองคน เขาจะลุกขึ้นยืน ทุกคนที่แลเห็นจะหวาดกลัวอย่างมาก พยานทั้งสองคนได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “จงขึ้นมาข้างบนเถิด” ทั้งสองคนจึงขึ้นไปในหมู่เมฆสู่สวรรค์ขณะที่บรรดาศัตรูกำลังมองดู
สดด 144:1,2,9-11
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 20:27-40
เวลานั้น ชาวสะดูสีบางคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านี้สอนว่าไม่มีการกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งไว้ว่า ถ้าพี่ชายตาย มีภรรยาแต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายของเขารับหญิงนั้นมาเป็นภรรยาเพื่อจะได้สืบสกุลของพี่ชาย มีพี่น้องเจ็ดคน คนแรกมีภรรยา แล้วก็ตายโดยไม่มีบุตร คนที่สอง คนที่สามรับนางเป็นภรรยาและตายโดยไม่มีบุตร เป็นเช่นนี้ทั้งเจ็ดคน ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย ดังนี้ เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพ หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร เพราะทั้งเจ็ดคนต่างได้นางเป็นภรรยา”
พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนของโลกนี้แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน แต่คนที่จะบรรลุถึงโลกหน้าและจะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายนั้น จะไม่แต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก เพราะเขาจะไม่ตายอีกต่อไป เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะเขาจะกลับคืนชีพ โมเสสยืนยันแล้วว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพในข้อความเรื่องพุ่มไม้ เมื่อพูดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ พระองค์มิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น เพราะทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์” ธรรมาจารย์บางคนพูดว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดดีแล้ว” เขาไม่กล้าทูลถามพระองค์อีกต่อไป
ข้อคิด
ยอห์นยืนยันในหนังสือวิวรณ์ที่ท่านเขียน โดยได้รับการไขแสดงจากพระเจ้าถึงสิ่งต่างๆมากมาย และสิ่งต่างๆ เหล่านั้นจะต้องป็นจริง เพราะเป็นพระเจ้าเองที่ทรงไขแสดงแก่ท่าน พระวรสารนักบุญลูกาในวันนี้ กล่าวถึงพระเยซูเจ้าทรงตรัสสอนเรื่องชีวิตหลังความตาย มนุษย์บนโลกนี้ตายเพียงฝ่ายกาย มนุษย์มิได้มีเพียงกาย แต่มีจิตวิญญาณ และจิตวิญญาณนี้เองจะกลับคืนสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าเขาจะกลับเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นหมือนทูตสวรรค์ หลายคนเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจ พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า พระเจ้ามิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น ด้วยพระองค์ทรงเป็น (God is)
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2020 สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤศจิกายน 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์, 14 สิงหาคม 2563 06:50
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1218
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 34:11-12,15-17
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ดูซิ เราจะตามหาและจะแสวงหาฝูงแกะของเราเอง ผู้เลี้ยงแกะอยู่กับฝูงแกะและรวบรวมแกะที่กระจัดกระจายไปฉันใด เราก็จะรวบรวมแกะของเราฉันนั้น เราจะช่วยแกะให้พ้นจากสถานที่ที่แกะได้กระจัดกระจายไปอยู่ในวันที่มีเมฆและมีความมืดทึบ เราเองจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา เราจะให้เขานอนพัก องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะตามหาแกะที่สูญหายไป เราจะนำแกะที่หลงทางกลับมา เราจะพันแผลของแกะที่บาดเจ็บ เราจะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย เราจะดูแลแกะที่อ้วนและแข็งแรง เราจะเลี้ยงเขาอย่างยุติธรรม”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นฝูงแพะแกะของเราเอ๋ย ดูซิ เราจะพิพากษาระหว่างแกะกับแกะ ระหว่างแกะเพศผู้กับแพะเพศผู้”
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:20-26,28
พี่น้อง ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผลแรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว ความตายมาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันใด การกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น แต่จะเป็นไปตามลำดับของแต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็นของพระ คริสตเจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานั้นพระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระบิดา หลังจากทรงทำลายการปกครอง อำนาจและอานุภาพทั้งหลาย เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ เมื่อทุกสิ่งถูกปราบอยู่ใต้อำนาจของพระคริสตเจ้าแล้ว พระบุตรก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้า ผู้ทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะได้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 25:31-46
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า“เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา’
บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา’
แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า ‘ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่ง จงไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดรที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและพรรคพวกของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและอยู่ในคุก ท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ช่วยเหลือ’ พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำสิ่งใดต่อผู้ต่ำต้อยของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร”
ข้อคิด
วันนี้พระศาสนจักรให้พวกเราทำการสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล นักบุญมัทธิวบันทึกในหนังสือพระวรสารของท่าน ยืนยันถึงพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ทั้งในโลกนี้ และในสวรรค์พระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่พระองค์เดียว พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง พระองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการ ทุกสิ่งขึ้นกับพระองค์ไม่มีสักสิ่งเดียวที่ไม่ขึ้นกับพระองค์ วันนี้นักบุญมัทธิวได้บันทึกถึงการสอนของพระเยซูเจ้า เรื่องการพิพากษาวันสิ้นโลก พระองค์จะทรงประทานรางวัลแก่คนที่ทำความดี และคนชั่วก็จะถูกลงโทษพราะการกระทำของเขา ไม่มีผู้ใดจะรอดพ้นจากสายพระเนตรของพระเจ้าได้เลย ผู้ใดเชื่อและฏิบัติตามสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสั่งสอน และยอมรับการไถ่ของพระองค์ ผู้นั้นก็จะมีชีวิตนิรันดร ส่วนผู้ที่ไม่ยอมเชื่อ ไม่ปฏิบัติ และไม่ยอมรับการไถ่ก้ของพระองค์ ผู้นั้นก็จะพินาศไป
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2020 ระลึกถึง น.อันดรูว์ ดุง-ลัก พระสงฆ์และเพื่อนมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤศจิกายน 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์, 14 สิงหาคม 2563 06:44
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1099
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 14:14-19
ข้าพเจ้าเห็นนิมิต มีเมฆขาวก้อนหนึ่ง บนเมฆนั้นมีผู้หนึ่งเหมือนบุตรแห่งมนุษย์นั่งอยู่ ศีรษะสวมมงกุฎทองคำ มือถือเคียวคม ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกจากพระวิหารร้องเสียงดังบอกผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆว่า “จงใช้เคียวของท่านเกี่ยวเถิด เพราะเวลาเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว และพืชผลของแผ่นดินพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว” ผู้ที่นั่งบนเมฆจึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดิน และพืชผลของแผ่นดินก็ถูกเก็บเกี่ยว
ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกจากพระวิหารในสวรรค์ ถือเคียวคมมาด้วย ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งมีอำนาจเหนือไฟออกมาทางพระแท่นบูชา ร้องเสียงดังบอกทูตสวรรค์ผู้ถือเคียวคมว่า “จงใช้เคียวคมของท่านเก็บพวงองุ่นจากสวนองุ่นของแผ่นดิน เพราะผลองุ่นสุกแล้ว” ทูตสวรรค์นั้นจึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดิน เก็บเกี่ยวสวนองุ่นของแผ่นดิน แล้วโยนผลองุ่นลงไปในบ่อย่ำองุ่นบ่อใหญ่ซึ่งหมายถึงการลงโทษจากพระเจ้า
สดด 96:10-13
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 21:5-11
ขณะนั้นบางคนให้ข้อสังเกตว่าพระวิหารมีหินและของถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “สักวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย” เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และมีเครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้น”
พระองค์ตรัสตอบว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านได้ หลายคนจะอ้างนามของเรา พูดว่า ‘ฉันเป็นพระคริสต์’ และ ‘เวลากำหนดมาถึงแล้ว’ อย่าตามเขาไป เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินข่าวลือเรื่องสงครามและการปฏิวัติ จงอย่าตกใจ เหตุการณ์เหล่านี้จำเป็นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ยังไม่ถึงวาระสุดท้าย” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชาติหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกชาติหนึ่ง อาณาจักรหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกอาณาจักรหนึ่ง แผ่นดินไหวใหญ่หลวง ความอดอยาก และโรคระบาดจะเกิดขึ้นหลายแห่ง จะมีเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว และเครื่องหมายยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในท้องฟ้า”
ข้อคิด
พระเยซูเจ้าทรงสอนเรื่องหญิงม่ายยากจนคนหนึ่ง ที่ทำบุญใส่ตู้ทานเพียงเหรียญทองแดงสองเหรียญ ซึ่งพระองค์ตรัสว่า เธอทำทานมากกว่าทุกคน พระเยซูเจ้าได้ตรัสสอนว่า อย่าดูแต่เพียงสิ่งที่เห็นภายนอก อย่าวัดหรือตีค่าการกระทำเพียงสิ่งที่เห็นภายนอก แต่ต้องดูและพิจารณาให้ลึกเข้าไปถึงเจตนา และส่วนลึกของจิตใจ วันนี้พระเยซูเจ้าก็เน้นย้ำอีกว่า "จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่าน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำของเขา จงตระหนักให้ถ่องแท้ แม้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จงพิจารณาให้ดี อ่านเครื่องหมายของกาลเวลาให้ถูกต้อง อย่าหลงไป ด้วยพระเจ้าทรงเป็นองค์แห่งความสัตย์จริง และพระองค์มิเคยหลอกลวงผู้ใด
วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2020 ระลึกถึง น.เคลเมนต์ที่ 1 พระสันตะปาปา และมรณสักขี น.โคลัมบัน เจ้าอธิการ
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤศจิกายน 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์, 14 สิงหาคม 2563 06:47
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1130
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 14:1-3,4ข-5
ข้าพเจ้าเห็นภาพนิมิต ลูกแกะทรงยืนอยู่บนภูเขาศิโยน ประชาชนจำนวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนอยู่กับพระองค์ แต่ละคนมีพระนามของลูกแกะและพระนามพระบิดาของพระองค์เขียนไว้ที่หน้าผาก ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหนึ่งดังจากสวรรค์ เหมือนเสียงน้ำไหลเชี่ยว และเหมือนเสียงฟ้าร้องกึกก้อง เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินเหมือนเสียงพิณจำนวนมากที่นักเล่นพิณกำลังดีด เขาเหล่านั้นร้องเพลงบทใหม่หน้าพระบัลลังก์ ต่อหน้าผู้มีชีวิตทั้งสี่ตนและต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโส ไม่มีใครเรียนรู้บทเพลงนี้ได้ นอกจากคนบนแผ่นดินจำนวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนผู้ได้รับการไถ่กู้ เขาติดตามลูกแกะไปทุกแห่งที่พระองค์เสด็จ ในบรรดามนุษย์ทั้งหลาย คนเหล่านั้นเป็นผู้ได้รับการไถ่กู้ เป็นเหมือนผลแรกถวายแด่พระเจ้าและลูกแกะ ปากของเขาไม่เคยกล่าวคำเท็จ เขาไม่มีมลทิน
สดด 24:1-2,3-4,5-6
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 21:1-4
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีกำลังใส่เงินถวายลงในตู้ทาน ทรงเห็นหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งใส่เหรียญทองแดงสองเหรียญลงในตู้ทานด้วย จึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนี้ทำทานมากกว่าทุกคน เพราะทุกคนนำเงินที่เหลือใช้มาทำทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำเงินทั้งหมดสำหรับเลี้ยงชีพมาทำทาน”
ข้อคิด
วัตถุ เงินทอง เพชรนิลจินดา ทรัพย์สิ่งของในโลกนี้ก็เป็นสิ่งของในโลกนี้ มีค่าก็เฉพาะในโลกนี้ ทุกสิ่งล้วนไร้ค่าในพระอาณาจักรสวรรค์ เหรียญทองแดงสองเหรียญของหญิงม่ายยากจนที่ใส่ลงในตู้ทาน แม้ในสายตาของมนุษย์ มันมีค่าน้อยนิด
แต่ในสายพระเนตรของพระ มีค่ามากมาย เพราะนั่นเป็นการทำบุญจากหัวใจ และเจตนาที่แท้จริง เธอให้ทานจนหมดหัวใจ - หมดทุกสิ่งที่เธอมี เธอมอบให้กับพระเจ้าจนหมดสิ้น เป็นข้อคิดสำหรับเราทุกคน เราได้มอบอะไรแด่พระเจ้า ???
วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2020 น.กาทารีนา แห่งอเล็กซานเดรีย พรหมจารีและมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนพฤศจิกายน 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์, 14 สิงหาคม 2563 06:41
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1123
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 15:1-4
ข้าพเจ้าเห็นเครื่องหมายยิ่งใหญ่และน่าพิศวงอีกประการหนึ่งในสวรรค์ ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ถือภัยพิบัติเจ็ดประการสุดท้าย เพราะภัยพิบัติทั้งเจ็ดนี้จะทำให้ การลงโทษจากพระเจ้าสิ้นสุดลง ข้าพเจ้าเห็นสิ่งหนึ่งเหมือนทะเลแก้วปนไฟ เห็นบรรดาผู้มีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย ต่อรูปปั้นของมัน และต่อเลขชื่อของมันกำลังยืนอยู่ริมทะเลแก้วนั้น ถือพิณของพระเจ้า และขับร้องบทเพลงของโมเสสผู้รับใช้พระเจ้าและบทเพลงของลูกแกะว่าข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และน่าพิศวงยิ่งนัก ข้าแต่พระราชาแห่งนานาชาติ วิถีทางของพระองค์นั้นเที่ยงธรรมและสัตย์จริง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ใครเล่าจะไม่ยำเกรงพระองค์และจะไม่ถวายพระเกียรติแด่พระนามพระองค์ เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงศักดิ์สิทธิ์
ประชาชาติทั้งหลายจะมาและกราบนมัสการพระองค์ เพราะการพิพากษาเที่ยงธรรมของพระองค์ปรากฏชัดแจ้งแล้ว
สดด 98:1,2-3,7-8,9
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 21:12-19
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า“แต่ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เขาจะจับกุมท่าน จะเบียดเบียนท่าน จะนำท่านไปไต่สวนในศาลาธรรม และจะจองจำท่านในคุก เขาจะนำท่านไปยืนต่อหน้ากษัตริย์และผู้ว่าราชการเพราะนามของเรา และนี่จะเป็นโอกาสให้ท่านเป็นพยานถึงเรา 14จงตัดสินใจว่าท่านจะไม่หาคำแก้ตัวไว้ก่อน เราจะให้คำพูดและปรีชาญาณแก่ท่าน ซึ่งศัตรูของท่านจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้ บิดามารดา พี่น้อง ญาติและมิตรสหายจะทรยศต่อท่าน บางท่านจะต้องถูกประหารชีวิตด้วย ท่านทั้งหลายจะเป็นที่เกลียดชังของทุกคนเพราะนามของเรา แต่เส้นผมบนศีรษะของท่านจะไม่เสียไปแม้แต่เส้นเดียว 19 ด้วยการยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้”
ข้อคิด
นักบุญยอห์นเขียนย้ำในหนังสือวิวรณ์ของท่านอีกว่า"พระจ้านั้นยิ่งใหญ่ และทรงสรรพานุภาพ พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และน่าพิศวงยิ่งนัก วิถีทางของพระองค์นั้นเที่ยงธรรมและสัตย์จริง""จงยำเกรงพระองค์ และถวายเกียรติแด่พระนามของพระองค์ เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงศักดิ์สิทธิ์ จงกราบนมัสการพระองค์" "จงอย่าเกรงกลัว แม้เขาจะเบียดเบียนท่าน อย่ากลัวว่าจะต้องหาคำแก้ตัวไว้ก่อน อย่ากลัวว่าเขาจะเกลียดชัง" "จงยืนหยัดมั่นคงไว้ในพระเจ้า และพระเจ้าจะทรงรักษาท่านไว้ให้รอดได้"