มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2020 ระลึกถึง น.อัลฟองโซ เดลิกวอรี พระสังฆราชและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                               ยรม 26:11-16,24
     บรรดาสมณะและประกาศกจึงพูดกับเจ้านายและประชากรทุกคนว่า “ชายคนนี้ควรถูกประหารชีวิต เพราะเขาประกาศพระวาจากล่าวโทษเมืองนี้ ดังที่ท่านทั้งหลายได้ยินกับหูแล้ว” ประกาศกเยเรมีย์จึงตอบเจ้านายทุกคนและประชากรทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามาประกาศพระวาจากล่าวโทษพระวิหารและเมืองนี้ตามถ้อยคำทุกคำที่ท่านได้ยิน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงปรับปรุงความประพฤติและการกระทำของท่าน จงฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ลงโทษท่านดังที่เคยตรัสไว้ ส่วนข้าพเจ้า ท่านก็เห็นแล้วว่าข้าพเจ้าอยู่ในมือของท่าน ท่านจงทำกับข้าพเจ้าตามที่ท่านเห็นดีเห็นชอบเถิด แต่จงรู้ไว้เถิดว่าถ้าท่านประหารชีวิตข้าพเจ้า ท่าน เมืองนี้ และชาวเมืองนี้ทุกคนจะต้องรับผิดชอบต่อโลหิตของผู้บริสุทธิ์ เพราะโดยแท้จริงแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามาพูดถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดให้ท่านฟัง”
     บรรดาเจ้านายและประชากรทุกคนจึงพูดกับบรรดาสมณะและประกาศกว่า “ชายผู้นี้ไม่ควรถูกตัดสินประหารชีวิต เพราะเขาได้พูดกับเราในพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา”
แต่ประกาศกเยเรมีย์ได้รับการปกป้องจากอาคิคัมบุตรของชาฟาน จึงไม่ถูกมอบให้ประชาชนนำไปประหารชีวิต

 

สดด 69:14-15,29-30,32-33

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 14:1-12
      เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า จึงตรัสกับข้าราชบริพารว่า “คนนี้คือยอห์นผู้ทำพิธีล้างที่กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังนั้นเขาจึงมีอำนาจทำอัศจรรย์ได้”
     กษัตริย์เฮโรดทรงสั่งให้จับกุมยอห์นล่ามโซ่และขังคุกไว้ เพราะเรื่องของนางเฮโรเดียส ภรรยาของ ฟีลิปพระอนุชา ยอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับนางมาเป็นมเหสี” กษัตริย์เฮโรดต้องการจะฆ่ายอห์น แต่ทรงเกรงประชาชน เพราะประชาชนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก 6ในวันคล้ายวันประสูติของกษัตริย์เฮโรด บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสได้เต้นรำต่อหน้าแขกรับเชิญ เป็นที่พอพระทัยกษัตริย์เฮโรดอย่างยิ่ง พระองค์จึงทรงสัญญาและทรงสาบานจะประทานทุกสิ่งที่นางทูลขอ
     นางจึงทูลตามคำแนะนำที่ได้รับจากมารดาว่า “โปรดประทานศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้างใส่ถาดมาให้หม่อมฉันที่นี่เถิด” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์ แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะเห็นแก่ผู้รับเชิญ จึงทรงสั่งให้จัดการตามที่นางขอ กษัตริย์เฮโรดทรงส่งคนไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก เขาจึงนำศีรษะของยอห์นใส่ถาดมาส่งให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำไปให้มารดา บรรดาศิษย์ของยอห์นได้มารับศพไปฝัง แล้วแจ้งข่าวให้พระเยซูเจ้าทรงทราบ

 

ข้อคิด
     ผู้นำและประชากรอิสราเอลได้เปิดใจฟังประกาศกเยเรมีย์ และเห็นว่า ประกาศกเยเรมีย์ไม่ควรถูกตัดสินประหารชีวิต เพราะท่านพูดกับประชาชนอย่างจริงใจในพระนามของพระเจ้ากษัตริย์เฮโรดจับยอห์นผู้ทำพิธีล้างขังคุกเพราะทนพูดความจริงว่า เป็นการไม่ถูกต้องที่ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็นภรรยาของตน กษัตริย์เฮโรดไม่ได้ฟังยอห์นอย่างจริงใจและได้สั่งตัดศีรษะของท่านยอห์น เมื่อยอห์นถูกขังคุก พระเยซูเจ้าทรงเริ่มพันธกิจประกาศข่าวดี "จงกลับใจเถิดเพราะอาณาจักรพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว"(มธ4:17) น.อัลฟอนโซทนายความหนุ่ม ครั้งหนึ่งท่านแพ้คดีนำสู่การกลับใจ ละโลกบวชเป็นพระสงฆ์ ตั้งคณะนักบวชเพื่อรับใช้พระเจ้า พระเจ้าทรงเรียกทุกคนให้มีประสบการณ์กับพระเจ้าเพื่อเป็น "ศิษย์พระคริสต์ธรรมทูตในโลกปัจจุบัน"

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2020 สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                               อสย 55:1-3
     พระเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่กระหาย จงมาดื่มน้ำ แม้ผู้ไม่มีเงิน จงมาเถิด จงมาซื้อและกิน แม้ไม่มีเงิน จงมาซื้อเหล้าองุ่นและน้ำนม โดยไม่ต้องเสียเงิน ทำไมท่านต้องเสียเงินสำหรับสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร และใช้ค่าจ้างแรงงานเพื่อซื้อสิ่งที่ไม่ทำให้อิ่ม จงตั้งใจฟังเรา แล้วท่านจะได้กินสิ่งดี จะลิ้มอาหารรสอร่อย จงเงี่ยหูมาหาเราเถิด จงฟัง แล้วท่านจะมีชีวิต เราจะทำพันธสัญญานิรันดรกับท่าน ทำให้ความรักมั่นคงที่เราได้สัญญาไว้แก่ดาวิดเป็นความจริง”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม        รม 8:35,37-39
     พี่น้อง ใครจะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้ ความทุกข์ลำเค็ญหรือ ความคับแค้นใจหรือ การเบียดเบียนข่มเหงหรือ การขาดอาหารและเครื่องนุ่งห่มหรือ ภยันตรายและคมดาบหรือ
แต่ในการทดลองทั้งหมดนี้ เราชนะได้ง่ายอาศัยพระผู้ทรงรักเรา เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าความตายหรือชีวิต ไม่ว่าทูตสวรรค์หรือผู้มีอำนาจปกครอง ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต ไม่ว่าฤทธิ์อำนาจใดหรือความสูง ความลึก ไม่มีสรรพสิ่งใดๆ จะพรากเราได้จากความรักของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                  มธ 14:13-21
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบข่าวความตายของยอห์นบัป ได้เสด็จออกจากที่นั่น ลงเรือไปยังที่สงัดตามลำพัง เมื่อประชาชนรู้ต่างก็เดินเท้าจากเมืองต่างๆ มาเฝ้าพระองค์ เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือ ทรงเห็นประชาชนมากมายก็ทรงสงสาร และทรงรักษาผู้เจ็บป่วยให้หายจากโรค
     เมื่อถึงเวลาเย็น บรรดาศิษย์เข้ามาทูลพระองค์ว่า “สถานที่นี้เป็นที่เปลี่ยว และเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนไปตามหมู่บ้านเพื่อซื้ออาหารเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เขาไม่จำเป็นต้องไปจากที่นี่ ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลตอบว่า “ที่นี่เรามีขนมปังเพียงห้าก้อนกับปลาสองตัวเท่านั้น” พระองค์จึงตรัสว่า “เอามาให้เราที่นี่เถิด” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นหญ้า ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึ้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้ถึงสิบสองกระบุง จำนวนคนที่กินมีผู้ชายประมาณห้าพันคน ไม่นับผู้หญิงและเด็ก

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าทรงเศร้าพระทัยเพราะการจากไปของท่านยอห์น แต่พระองค์ทรงสงสารและทรงช่วยประชาชนที่มีความทุกข์ ทรงรักษาคนเจ็บป่วยให้หายจากโรค ทรงจัดงานเลี้ยงที่แตกต่างจากงานเลี้ยงของกษัตริย์เฮโรด สำหรับผู้คนจำนวนมาก ด้วยความรักและความวางใจในพระเจ้า ด้วย "ขนมปังเพียงห้าก้อนกับปลาสองตัว" ทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กได้กินจนอิ่ม พระเยซูคริสต์ทรงเลี้ยงดูเราด้วยอาหารฝ่ายกาย-จิต "ท่านทั้งหลายที่กระหาย จงมาดื่มน้ำ แม้ผู้ไม่มีเงินจงมาเถิด" ด้วยพระพรต่างๆ และ "ความรักแท้ของพระเจ้า ซึ่งปรากฎในพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา" "ใครจะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้" ข้าแต่พระคริสตเจ้าโปรดสอนข้าพเจ้าให้เรียนรู้ที่จะมีท่าทีและจิตใจใหม่ รู้จักแบ่งปันสิ่งที่มีหรือเป็นแก่ทุกคนที่อยู่รอบข้างตามแบบอย่างของพระองค์

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม 2020 ระลึกถึง น.ยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ พระสงฆ์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                               ยรม 30:1-2,12-15,18-22
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเยเรมีย์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ จงเขียนถ้อยคำทุกคำที่เราได้บอกท่านไว้ในหนังสือเพื่อจะอ่านในภายหลัง
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ บาดแผลของท่านรักษาไม่หาย รอยฟกช้ำของท่านก็สาหัส ไม่มีผู้ใดช่วยแก้คดีของท่าน ไม่มียารักษาบาดแผลของท่าน ท่านจะไม่มีวันหายเจ็บ คนรักทุกคนของท่านได้ลืมท่าน เขาไม่แสวงหาท่านอีกแล้ว เพราะเราเฆี่ยนตีท่านเหมือนศัตรูโบยตี เป็นการลงโทษอย่างที่คนโหดร้ายทำ เพราะความผิดของท่านใหญ่หลวง บาปของท่านมากมาย ทำไมท่านจึงร้องเพราะบาดแผล รอยฟกช้ำของท่านรักษาไม่ได้ เพราะความชั่วร้ายของท่านใหญ่หลวง บาปของท่านมากมาย เราได้ทำสิ่งเหล่านี้แก่ท่าน
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ เราจะตั้งกระโจมของยาโคบให้กลับดีเหมือนเดิม เราจะสงสารที่อาศัยของเขา เมืองจะถูกสร้างขึ้นอีกบนกองซากปรักหักพัง พระราชวังจะถูกตั้งขึ้นอีกในที่เดิม เพลงขอบพระคุณและเสียงของผู้ฉลองยินดีจะออกมาจากที่เหล่านั้น เราจะทวีจำนวนของเขา เขาจะไม่ลดจำนวนลง เราจะให้เกียรติเขา เขาจะไม่ถูกเหยียดหยาม ลูกหลานของเขาจะเป็นเหมือนเดิม ชุมชนของเขาจะมั่นคงอยู่ต่อหน้าเรา เราจะลงโทษทุกคนที่เบียดเบียนเขา เจ้านายจะเป็นคนหนึ่งจากหมู่ของเขา ผู้ปกครองจะมาจากหมู่ของเขา เราจะทำให้ผู้นั้นเข้ามาใกล้ และเขาจะเข้ามาใกล้เรา เพราะผู้ใดจะกล้าเสี่ยงชีวิตเข้ามาใกล้เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ท่านทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของท่าน

สดด 102:15-17,18-20,28 และ 21-22

ในปี A ให้อ่านพระวรสารตอนต่อไปนี้

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                    มธ 15:1-2,10-14
     เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์จากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ทำไมศิษย์ของท่านละเลยขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ เขาไม่ล้างมือเมื่อกินอาหาร”
พระเยซูเจ้าทรงเรียกประชาชนเข้ามา ตรัสว่า “จงฟังและเข้าใจเถิด สิ่งที่เข้าไปทางปากไม่ทำให้มนุษย์มีมลทิน แต่สิ่งที่ออกมาจากปากนั่นแหละทำให้มนุษย์มีมลทิน”
     บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่าพวกฟาริสีไม่พอใจเมื่อได้ยินคำนี้” พระองค์ทรงตอบว่า “ต้นไม้ทุกต้นที่พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์มิได้ทรงปลูกไว้ จะถูกถอนทิ้ง ปล่อยเขาเถิด เขาเป็นคนตาบอดที่นำทางคนตาบอดด้วยกัน ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองคนก็จะตกลงไปในคู”

 

ข้อคิด
     ในปี 537 ก่อน ค.ศ. พวกอิสราเอลได้รับอิสระเดินทางกลับประเทศอิสราเอล พวกอิสราเอลได้พบเมืองที่อยู่ในสภาพปรักหักพัง ต้องออกแรงสร้างเมืองใหม่ แต่พวกเขามีกำลังใจเพราะความเชื่อในพระเจ้า พวกเขาเป็นประชากรของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า ศาสนามิใช่เป็นรื่องกฎเกณฑ์ภายนอกแต่เป็นเรื่องของจิตใจ นักบุญยอห์น มารีย์เวียนเนย์ เจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอาร์ส เกิดในครอบครัวชาวนาคริสตชนที่ศรัทธา ในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ท่านผ่านอุปสรรคความยากลำบากมากมายจนได้บวชเป็นพระสงฆ์ ท่านได้ทำหน้าที่สงฆ์ของพระคริสตเจ้าอย่างดีทำให้วัดเป็นชุมชนแห่งความเชื่อที่ประกาศข่าวดีใหม่แห่งพระเมตตาของพระเจ้า

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2020 สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                               ยรม 28:1-17
     ปีเดียวกันนั้น เมื่อเริ่มรัชกาลของกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ในเดือนที่ห้า ปีที่สี่ ประกาศกฮานันยาห์ บุตรของอัสซูร์จากเมืองกิเบโอน พูดกับข้าพเจ้าในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าบรรดาสมณะและประชากรทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ ‘เราได้หักแอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลนแล้ว ภายในสองปี เราจะนำเครื่องใช้ทั้งหมดของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนริบจากที่นี่ขนไปยังกรุงบาบิโลน กลับมาที่นี่อีก เราจะนำเยโคนิยาห์ พระโอรสของกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ และบรรดาผู้ถูกกวาดต้อนจากยูดาห์ไปยังกรุงบาบิโลนกลับมา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เพราะเราจะหักแอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลน’”
     ประกาศกเยเรมีย์จึงตอบประกาศกฮานันยาห์ ต่อหน้าบรรดาสมณะและประชากรทั้งปวงซึ่งอยู่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ประกาศกเยเรมีย์พูดว่า “สาธุ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเช่นนี้เถิด ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ถ้อยคำที่ท่านได้ประกาศนั้นเป็นจริง ทรงนำเครื่องใช้ทั้งหมดของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และผู้ถูกกวาดต้อนทุกคนกลับจากกรุงบาบิโลนมายังสถานที่นี้เถิด แต่จงฟังถ้อยคำนี้ซึ่งข้าพเจ้ากำลังจะพูดให้ท่านและประชากรทั้งปวงได้ยิน บรรดาประกาศกซึ่งอยู่ก่อนข้าพเจ้าและก่อนท่านนานมาแล้ว ได้ประกาศพระวาจาเรื่องสงคราม การขาดแคลนอาหารและโรคระบาด ว่าจะเกิดขึ้นแก่หลายแผ่นดินและอาณาจักรยิ่งใหญ่ ส่วนประกาศกผู้ประกาศว่าจะมีสันติภาพ ถ้าถ้อยคำของประกาศกผู้นั้นเป็นความจริง ก็จะรู้กันว่าเขาเป็นประกาศกที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมาอย่างแท้จริง”
     ประกาศกฮานันยาห์จึงกระชากแอกออกจากบ่าของประกาศกเยเรมีย์และหักแอกนั้น แล้วฮานันยาห์ก็พูดต่อหน้าประชากรทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ เราจะหักแอกของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนออกจากบ่าของชนชาติทั้งหลายเช่นนี้ภายในสองปี” เมื่อได้ยินดังนี้ ประกาศกเยเรมีย์ก็เดินจากไป
     เมื่อประกาศกฮานันยาห์ได้หักแอกจากบ่าของประกาศกเยเรมีย์แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับประกาศกเยเรมีย์ว่า “จงไปบอกฮานันยาห์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘ท่านได้หักแอกไม้ แต่เราจะทำแอกเหล็กมาวางไว้แทน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ เราได้วางแอกเหล็กไว้บนบ่าของชนชาติทั้งหมดนี้ให้เป็นทาสรับใช้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน เขาทั้งหลายจะรับใช้พระองค์ เรายังได้มอบสัตว์ป่าต่างๆ แก่พระองค์ด้วย’”
     ประกาศกเยเรมีย์พูดกับประกาศกฮานันยาห์ว่า “ฮานันยาห์เอ๋ย จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงส่งท่านมา แต่ท่านได้ทำให้ประชากรนี้วางใจในการมุสา ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสดังนี้ว่า ‘ดูซิ เรากำลังจะขับไล่ท่านออกไปจากพื้นแผ่นดิน ในปีนี้เอง ท่านจะต้องตาย เพราะท่านได้ชักชวนประชากรให้เป็นกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า’”
ในปีนั้น เดือนที่เจ็ด ประกาศกฮานันยาห์ก็ตาย

 

สดด 118:29,43,79-80,95-96

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                  มธ 14:22-36
     ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามทะเลสาบล่วงหน้าพระองค์ไปในขณะที่พระองค์ทรงจัดให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนาตามลำพัง ครั้นเวลาค่ำ พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรืออยู่ห่างจากฝั่งหลายร้อยเมตร กำลังแล่นโต้คลื่นอย่างหนักเพราะทวนลม เมื่อถึงยามที่สี่ พระองค์ทรงดำเนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ เมื่อบรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงดำเนินอยู่บนทะเลดังนั้น ต่างตกใจมากกล่าวว่า “ผีมา” และส่งเสียงอื้ออึงด้วยความกลัว ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนน้ำไปหาพระองค์เถิด” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนน้ำไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็กลัวและเริ่มจมลง แล้วร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย” ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง สงสัยทำไมเล่า” เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นมาประทับในเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนที่อยู่ในเรือจึงเข้ามากราบนมัสการพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง”
พระเยซูเจ้าทรงข้ามฟากพร้อมกับบรรดาศิษย์มาขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเรท ผู้คนที่นั่นจำพระองค์ได้ จึงส่งข่าวต่อๆ กันไปทั่วบริเวณนั้น เขานำผู้เจ็บป่วยทุกคนมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอสัมผัสเพียงฉลองพระองค์เท่านั้น และทุกคนที่สัมผัสแล้ว ก็หายจากโรค


ข้อคิด
     พวกอิสราเอลถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนสองช่วงในปี 598-587 ก่อน ค.ศ. เป็นเวลาแห่งความยากลำบาก การทนทุกข์ การถูกทดลองต่างๆ แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกอิสราเอลเป็นทุกข์กลับใจและดำเนินชีวิตใหม่ตามพระวาจาของพระเจ้าและคำสอนของประกาศก ประกาศกฮานันยาห์ในปี 593 ก่อน ค.ศ. ทำนายว่าพระเจ้าจะช่วยอิสราเอลให้เป็นเชลยไม่นาน แต่ประกาศกเยเรมีย์บอกไม่ใช่ พระเจ้าจะช่วยในเวลาเหมาะสม พวกอิสราเอลเป็นอิสระในปี 537 ก่อน ค.ศ. เป็นเชลย 49-61ปีพระเยซูเจ้าทรงสงสาร ทรงรักษาผู้จ็บป่วยให้หายจากโรค และทรงเลี้ยงประชาชนทุกคนที่ติดตามพระองค์ด้วยอาหารทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิต ด้วยความรักและความวางใจในพระเจ้า

วันพุธที่ 5 สิงหาคม 2020 วันถวายพระวิหารแม่พระแห่งหิมะ

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                              ยรม 31:1-7
     วันนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะเป็นพระเจ้าของทุกเผ่าแห่งอิสราเอล และเขาจะเป็นประชากรของเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ประชากรที่รอดชีวิตจากดาบ ได้พบพระกรุณาในถิ่นทุรกันดาร ขณะที่อิสราเอลเดินไปหาที่พักผ่อน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่เขาจากที่ไกล ตรัสว่า เรารักท่านด้วยความรักนิรันดร ดังนั้น เราจึงมีความรักมั่นคงต่อท่านตลอดไป อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย เราจะสร้างท่านอีก และท่านจะถูกสร้างขึ้นใหม่ ท่านจะแต่งตัวงดงามถือรำมะนาอีก ออกไปเต้นรำกับผู้ที่ฉลองยินดี ท่านจะปลูกสวนองุ่นบนภูเขาของสะมาเรียอีก ผู้ปลูกจะปลูก และเก็บผลผลิต วันนั้นจะมาถึง เมื่อคนยามจะร้องเรียกบนภูเขาแห่งเอฟราอิมว่า ‘จงลุกขึ้นเถิด เราจงไปยังศิโยนกันเถิด ไปเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา’”
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “จงร้องเพลงด้วยความยินดีสำหรับยาโคบ และโห่ร้องต้อนรับผู้นำของนานาชาติ จงประกาศสรรเสริญร้องว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้น คือผู้ที่รอดชีวิตของอิสราเอล’”

 

ยรม 31:10,11-12ก,13-14ก

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 15:21-28
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่น มุ่งไปเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน ทันใดนั้น หญิงชาวคานาอันคนหนึ่งจากเขตแดนนี้ร้องว่า “โอรสกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด บุตรสาวของข้าพเจ้าถูกปีศาจสิงต้องทรมานมาก” แต่พระองค์มิได้ตรัสตอบประการใด บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลพระองค์ว่า “โปรดประทานตามที่นางทูลขอเถิด เพราะนางร้องตะโกนตามหลังพวกเรามา” พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่งมาเพื่อแกะที่พลัดหลงของวงศ์วานอิสราเอลเท่านั้น” แต่นางเข้ามากราบพระองค์ทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด” พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูก มาโยนให้ลูกสุนัขกิน” นางทูลว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่แม้แต่ลูกสุนัขก็ยังได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนาย” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย ความเชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่ จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด” และบุตรหญิงของนางก็หายเป็นปกติตั้งแต่บัดนั้น

 

ข้อคิด
     หญิงชาวคานาอันขอความเมตตาจากพระเยซูเจ้า แต่พระองค์มิได้ตอบ บรรดาศิษย์ต้องการให้พระเยซูเจ้าทำตามที่หญิงนั้นขอเพื่อตัดรำคาญแต่พระเยซูเจ้าต้องการปลุกความเชื่อในจิตใจของนาง เมื่อนางขอร้องพระองค์อีก พระองค์ใช้คำพูดที่ชาวยิวคุ้นเคยใช้เรียกคนต่างชาติหรือต่างความเชื่อ แต่พระองค์ลดการดูหมิ่นทรงใช้คำว่า "ลูกสุนัข" นางได้แสดงความเชื่ออย่างจริงใจ และละวางตัวตน ความรู้สึกอับอายว่างเปล่า อยู่ต่อหน้าและแสดงความเชื่อใจในพระองค์ พระองค์จึงตรัสว่า "นางเอ๋ยความเชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่ จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด" นางเป็นแบบอย่างของผู้มีความเชื่อ ผู้ภาวนาอย่างสิ้นสุดจิตใจเชื่อว่าพระเจ้าทรงเมตตากับทุกคน และนางก็ได้รับผลของความเชื่อนั้น

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown