มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2020 สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส                                อมส 5:14-15,21-24
     องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส “จงแสวงหาความดี อย่าแสวงหาความชั่ว แล้วท่านจะมีชีวิต องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลจะสถิตกับท่านดังที่ท่านอ้าง จงเกลียดชังความชั่ว จงรักความดี จงตั้งความยุติธรรมไว้ที่ประตูเมือง บางทีองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล จะทรงสงสารพงศ์พันธุ์โยเซฟที่เหลืออยู่
เราเกลียด เรารังเกียจเทศกาลฉลองของท่าน เราไม่พอใจการประชุมสง่างามของท่าน แม้ท่านทั้งหลายถวายเครื่องเผาบูชา เราก็ไม่พอใจธัญบูชาของท่าน เราไม่มองสัตว์อ้วนพีที่ท่านถวายเป็นศานติบูชา จงให้เสียงอึกทึกของบทเพลงของท่านอยู่ห่างจากเรา เราทนฟังเสียงพิณใหญ่ของท่านไม่ได้ แต่จงให้ความยุติธรรมหลั่งไหลลงเหมือนน้ำ และให้ความชอบธรรมเป็นเหมือนธารน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง

 

สดด 50:7-10,11-13,16-18

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 8:28-34
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามฟากมาถึงดินแดนของชาวกาดารา ผู้ถูกปีศาจสิงสองคน ออกจากบริเวณหลุมศพมาเฝ้าพระองค์ ทั้งสองคนดุร้ายมากจนไม่มีใครเดินผ่านทางนั้นได้ ทันใดนั้น ทั้งสองคนร้องตะโกนว่า “ข้าแต่บุตรของพระเจ้า ท่านมายุ่งกับเราทำไม ท่านมาที่นี่เพื่อทรมานเราก่อนเวลาหรือ” ไม่ไกลจากที่นั่นมีหมูฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่
      พวกปีศาจจึงอ้อนวอนพระองค์ว่า “ถ้าท่านขับไล่พวกเรา ขอได้ส่งเราเข้าไปในหมูฝูงนั้นเถิด” พระองค์ตรัสกับมันว่า “จงไปเถิด” พวกปีศาจจึงออกไปสิงในหมู หมูทั้งฝูงต่างวิ่งกระโจนจากหน้าผาลงไปในทะเลสาบ จมน้ำตาย คนเลี้ยงหมูหนีเข้าไปในเมืองเล่าเรื่องทั้งหมดนี้และเรื่องผู้ถูกปีศาจสิงด้วย คนทั้งเมืองต่างออกมาเฝ้าพระเยซูเจ้า เมื่อเห็นพระองค์ ก็ทูลขอพระองค์ให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา


ข้อคิด
     นักบุญมัทธิวผู้นิพนธ์พระวรสารอยากจะสื่อให้ผู้อ่านเห็นว่าพระเยซูเจ้ามิใช่คนธรรมดา พระองค์มีอานุภาพขับไล่จิตชั่วร้าย จิตมีมลทินได้ คำว่า ปีศาจ หมายถึงภาวะของจิตซึ่งไม่ปกติ รังเกียจความบริสุทธิ์ รังเกียจความดีงาม รังเกียจคำว่าพระเจ้า...เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้ มันจึงรู้ได้ทันทีว่ามันอยู่ไม่ได้แล้ว เหมือนจิตคนดีกับจิตคนไม่ดีย่อมอยู่ด้วยกันยาก จิตของพระเยซูเจ้าสูงกว่าจิตของปีศาจตรงที่ว่าจิตของพระองค์เป็นจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตา บริสุทธิ์ เหตุนี้เอง พระองค์จึงอนุญาตให้ตามที่มันขอ คือขอไปอยู่ในฝูงหมู พระองค์ไม่ได้ทำลายจิตนั้น จิตของฉันล่ะอยู่ในภาวะใด??

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม 2020 สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส                                อมส 7:10-17
      อามาซิยาห์สมณะที่เมืองเบธเอลส่งคนไปทูลกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอลว่า “อาโมสได้คิดกบฏต่อพระองค์ในหมู่พงศ์พันธุ์อิสราเอล แผ่นดินทนฟังถ้อยคำของเขาไม่ได้ เพราะอาโมสพูดว่า ‘กษัตริย์เยโรโบอัมจะสิ้นพระชนม์ด้วยดาบ และอิสราเอลจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยห่างจากแผ่นดินของตน’”
     สมณะอามาซิยาห์กล่าวแก่ประกาศกอาโมสว่า “ท่านผู้ทำนาย ไปเสียเถอะ จงกลับไปอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ ไปทำมาหากินที่นั่น และประกาศพระวาจาที่นั่นเถิด แต่อย่าประกาศพระวาจาที่เบธเอลอีกต่อไป เพราะที่นี่เป็นสักการสถานของกษัตริย์ และเป็นพระวิหารของราชอาณาจักร” อาโมสจึงตอบสมณะอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นประกาศก หรือเป็นสมาชิกของกลุ่มประกาศก ข้าพเจ้าเคยเป็นคนเลี้ยงสัตว์และเป็นคนแต่งต้นมะเดื่อเทศ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ข้าพเจ้าเลิกต้อนฝูงแพะแกะ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ไปเถอะ จงไปประกาศพระวาจาแก่อิสราเอล ประชากรของเรา’ บัดนี้ จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด
     ท่านพูดว่า ‘อย่าประกาศพระวาจากล่าวโทษอิสราเอล อย่าเทศน์สอนกล่าวโทษพงศ์พันธุ์อิสอัค’ ดีแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘ภรรยาของท่านจะเป็นหญิงโสเภณีในเมือง บุตรชายหญิงของท่านจะล้มลงด้วยดาบ เขาจะขึงเชือกแบ่งที่ดินของท่าน ท่านจะตายในแผ่นดินที่มีมลทิน และอิสราเอลจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ห่างจากแผ่นดินของตนอย่างแน่นอน’”

 

สดด 19:7,8-10

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 9:1-8
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฝั่งกลับมายังเมืองของพระองค์ ทันใดนั้น มีผู้หามคนอัมพาตคนหนึ่งนอนบนแคร่มาเฝ้าพระองค์ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชื่อของเขา จึงตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ทำใจดีๆ ไว้เถิด ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” ธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า “คนนี้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสว่า “ท่านคิดร้ายในใจทำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้น เดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านทราบว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้” พระองค์จึงตรัสสั่งคนอัมพาตว่า “จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้นกลับไปบ้าน เมื่อประชาชนเห็นดังนี้ ต่างมีความกลัว ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ผู้ประทานอำนาจเช่นนี้ให้แก่มนุษย์

 

ข้อคิด

     พระวรสารวันนี้สะท้อนถึงความจริงที่คนทุกวันนี้ส่วนใหญ่มองข้ามไปคือ ความชั่วร้ายทั้งหลายล้วนมีรากเหง้ามาจากบาปทั้งสิ้น บางคนจะแย้งว่าคนป่วยไม่ได้ทำบาปอะไรนี่...แต่ความจริงคือ ผลของบาปร้ายแรงเกินกว่าที่คนๆ นั้นจะยอมรับได้ บาปเมื่อเกิดขึ้นมันมีผลกระทบกับทุกคน ทั้งคนที่กระทำและคนที่อยู่ข้างเคียง รวมทั้งคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับบาปนั้นด้วย นักเทววิทยาเรียกว่าบาปสังคม ผลของบาปคือความชั่วร้ายและความตาย พระเยซูเจ้ารักษาคนอัมพาตด้วยการอภัยบาป อภัยรากเหง้าของปัญหาเหตุนี้พระองค์จึงตรัสว่า บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว ท่านผู้อ่านล่ะ ท่านเชื่อหรือไม่ว่า บาปมีผลร้ายทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น?

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม 2020 น.เอลีซาเบ็ธ ราชินีแห่งปอร์ตุเกส

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส                                 อมส 9:11-15
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “วันนั้น เราจะตั้งเพิงที่ล้มลงแล้วของดาวิดขึ้นใหม่ จะซ่อมแซมช่องโหว่ จะตั้งซากปรักหักพังขึ้นใหม่ จะสร้างเพิงขึ้นใหม่ให้เหมือนในสมัยนานมาแล้ว เขาจะได้ยึดคนที่เหลือของเอโดม และยึดชนชาติทั้งหลายที่เคยเป็นของเราเป็นกรรมสิทธิ์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส และจะทรงกระทำเช่นนี้
     “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อคนไถจะตามทันคนเกี่ยว ผู้ย่ำผลองุ่นจะตามทันผู้หว่านเมล็ด เหล้าองุ่นใหม่จะไหลจากภูเขา ไหลลงมาตามเนินเขาทุกแห่ง เราตั้งใจจะนำอิสราเอลประชากรของเราที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยกลับมา เขาจะสร้างเมืองที่ถูกทำลายแล้วขึ้นใหม่และจะเข้าไปอาศัยอยู่ เขาจะปลูกสวนองุ่นและดื่มเหล้าองุ่นของสวนนั้น เขาจะทำสวนผลไม้และจะกินผลจากสวนนั้น เราจะปลูกเขาไว้ในแผ่นดินของเขา เขาจะไม่ถูกถอนออกไปอีกเลย จากแผ่นดินซึ่งเราได้มอบแก่เขา องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านตรัสไว้”

 

สดด 85:8,10,11-13

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 9:14-17
     วันหนึ่งบรรดาศิษย์ของยอห์นเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำไมพวกเราและพวกฟาริสีจำศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จำศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือ ขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำศีลอดอาหาร ไม่มีใครนำผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะผ้าใหม่ที่นำมาปะเสื้อเก่านั้นจะหดตัว ทำให้รอยขาดมากกว่าเดิม ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะรั่วและถุงหนังจะเสียหายไปด้วย แต่เขาย่อมใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังใหม่และทั้งสองอย่างจะไม่เสียหาย”

 

ข้อคิด

     คำสอนของพระองค์ในวันนี้แบ่งเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกเกี่ยวกับความหมายของความเศร้าและความทุกข์กับความยินดีพระองค์ต้องการปลุกจิตของบรรดาศิษย์ว่าการอยู่กับพระองค์เป็นความสุขและยินดียิ่ง อย่าให้จิตตกไปติดอยู่กับสิ่งอื่นรวมทั้งเรื่องการอดอาหาร การจำศีลต่างๆ ของชาวยิวด้วย เรื่องที่สองพระองค์อยากสอนเรื่องความคิดที่ต่างของคนแต่ละช่วงวัย การคิดแบบเก่ากับคิดแนวใหม่มักจะไปกันไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความลงตัว หลักการประนีประนอมและยอมรับในคุณค่าที่แตกต่างจะช่วยได้ ท่าทีที่แข็งและยึดมั่นเกินไปมักจะนำมาซึ่งบาดแผลและความเจ็บปวดในจิตใจ จนเกิดเป็นความเสียหาย การเอาใจเขามาใส่ใจเราจะช่วยได้

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม 2020 ฉลองนักบุญโทมัส อัครสาวก

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกชาวเอเฟซัส       อฟ 2:19-22
     พี่น้อง ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้มาขออาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดยมีบรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระคริสตเจ้าทรงทำให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันกำลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้นเป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า

 

สดด 117:1,2

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 20:24-29
     เวลานั้น โทมัส ซึ่งเรียกกันว่า “ฝาแฝด” เป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ไม่ได้อยู่กับอัครสาวกคนอื่นๆ เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมา ศิษย์คนอื่นบอกเขาว่า “พวกเราเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” แต่เขาตอบว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ และไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปู และไม่ได้เอามือคลำที่ด้านข้างพระวรกาย ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด” แปดวันต่อมา บรรดาศิษย์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก โทมัสก็อยู่กับเขาด้วย พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลางทั้งๆ ที่ประตูปิดอยู่ ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” แล้วตรัสกับโทมัสว่า “จงเอานิ้วมาที่นี่ และดูมือของเราเถิด จงเอามือมาที่นี่ คลำที่สีข้างของเรา อย่าสงสัยอีกต่อไป แต่จงเชื่อเถิด” โทมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า”
พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรา ผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็น ก็เป็นสุข”

 

ข้อคิด
     มนุษย์ทั่วไปมักจะใช้สายตาเป็นบรรทัดฐานบอกว่าสิ่งนั้นหรือสิ่งนี้มีอยู่จริงหรือไม่มี แต่สายตาไม่อาจยืนยันความถูกต้องได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นต้นความจริงที่ละเอียดจนเกินที่สายตาจะจับภาพได้ ความจริงของพระเจ้าที่ทำให้พระเยซูฟื้นคืนชีพก็เช่นกัน มนุษย์จะเข้าถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าได้ก็โดยอาศัยความเชื่อว่าไม่มีอะไรที่พระเจ้าจะทำไม่ได้ ความเชื่อของมนุษย์จะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อเขามีประสบการณ์ตรงกับพระเยซูเจ้า การอธิษฐานภาวนาต่อพระ การรื้อฟื้นความเชื่อในพระเจ้า การอุทิศตนเพื่อรับใช้พระ ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยให้ทุกคนมีประสบการณ์ตรงกับพระเจ้าทั้งสิ้น และเมื่อเชื่อแล้วก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีก

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2020 สมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล อัครสาวก

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                 กจ 12:1-11
     เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเริ่มเบียดเบียนสมาชิกบางคนของพระศาสนจักร พระองค์ทรงประหารยากอบพี่ชายของยอห์นโดยตัดศีรษะ เมื่อทรงเห็นว่าชาวยิวพอใจ จึงทรงจับกุมเปโตรด้วย ขณะนั้น อยู่ในระหว่างเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เมื่อทรงจับกุมเปโตรแล้ว ก็ทรงจองจำเขาไว้ในคุก ให้ทหารสี่หมู่ หมู่ละสี่คนควบคุมไว้ ตั้งพระทัยว่าเมื่อสิ้นเทศกาลปัสกาแล้วจะทรงนำไปพิจารณาคดีต่อหน้าประชาชน
ขณะที่เปโตรถูกจองจำอยู่ในคุก พระศาสนจักรอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อเขาตลอดเวลา
     คืนก่อนที่กษัตริย์เฮโรดจะทรงนำเปโตรไปพิจารณาคดี เปโตรนอนหลับอยู่ระหว่างทหารสองคน มีโซ่สองเส้นล่ามไว้ และมีทหารยามเฝ้าหน้าประตูคุก ทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้ามาใกล้ มีแสงสว่างจ้าในห้องขัง ทูตสวรรค์สะกิดข้างกายเปโตรปลุกให้ตื่นขึ้น แล้วสั่งว่า “เร็วเข้า ลุกขึ้นเถอะ” โซ่ก็หลุดไปจากมือของเปโตร
ทูตสวรรค์สั่งเปโตรว่า “จงคาดสะเอวและสวมรองเท้า” เปโตรก็ทำตาม ทูตสวรรค์สั่ง
     อีกว่า “จงสวมเสื้อคลุม แล้วตามข้าพเจ้ามาเถิด” เปโตรจึงตามทูตสวรรค์ออกไป ไม่รู้สึกตัวว่าสิ่งที่ทูตสวรรค์กำลังทำให้ตนนั้นเกิดขึ้นจริง คิดว่ากำลังเห็นนิมิต ทูตสวรรค์และเปโตรผ่านยามชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สอง มาถึงประตูเหล็กที่เป็นทางผ่านเข้าไปในเมือง ประตูนั้นก็เปิดได้เอง ทูตสวรรค์และเปโตรจึงออกไปเดินตามถนนสายหนึ่ง แล้วทูตสวรรค์ก็หายไปในทันที
เปโตรรู้สึกตัว พูดว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แน่แล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์เฮโรดและจากความมุ่งร้ายทั้งหลายของประชาชนชาวยิว”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง       2 ทธ 4:6-8,17-18
     พี่น้อง ชีวิตของข้าพเจ้ากำลังจะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดี วิ่งมาถึงเส้นชัย และรักษาความเชื่อไว้แล้ว ยังเหลืออยู่ก็เพียงมงกุฎแห่งความชอบธรรม ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมจะประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่เพียงให้ข้าพเจ้าเท่านั้น แต่จะประทานให้ทุกคนที่มีความรักเฝ้ารอคอยการแสดงพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน
มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงยืนอยู่เคียงข้างและประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้สำเร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหลายจะได้ฟังข่าวดี ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พ้นจากปากสิงโตมาได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประทุษร้ายทั้งสิ้น และจะทรงนำข้าพเจ้าไปสู่พระอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์อย่างปลอดภัย ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                    มธ 16:13-19
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิปและตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง”
     พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านคือศิลาและบนศิลานี้ เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย”

 


ข้อคิด
     วันสมโภชวันนี้เราได้ข้อคิดจากท่านนักบุญเปโตรคือ พระเจ้าต้องการจิตใจที่ซื่อๆ รักพระองค์แบบไม่มีเงื่อนไข เปโตรเกิดความรักในพระอาจารย์อย่างลึกซึ้งเมื่อพระเยซูเจ้ามองข้ามจุดบกพร่องของเขาที่เป็นเพียงคนหาปลาเลี้ยงชีพไปวันๆ และนอกนั้นคำสอนของพระองค์ทำให้เปโตรมั่นใจว่าเขาได้พบผู้ที่เขาแสวงหาแล้ว ส่วนนักบุญเปาโล ผู้มีภูมิหลังต่างจากนักบุญเปโตรมาก เขามีการศึกษา เขามีฐานะทางสังคมคนเช่นนี้จะเปลี่ยนใจได้จำเป็นต้องมีประสบการณ์ตรงกับพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงประจักษ์แก่เขาและสอนความจริงในระดับสูงให้เขา สรุปแล้วทั้งนักบุญเปโตรและเปาโลได้กลายเป็นศิษย์เอกของพระเยซูเจ้าก็เพราะพระวาจานั่นเอง

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown