มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2020 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 14:5-18
     เมื่อคนต่างศาสนาและชาวยิวร่วมกับบรรดาผู้ปกครองเมืองวางแผนจะทำร้ายและใช้ก้อนหินขว้างเปาโลและบารนาบัส ทั้งสองคนรู้เรื่อง จึงหลบหนีไปที่เมืองลิสตรา เมืองเดอร์บีและชนบทรอบๆ ในแคว้นลิคาโอเนีย ทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่นั่นด้วย
     ที่เมืองลิสตรา ชายคนหนึ่งยืนไม่ได้ เพราะเป็นง่อยมาแต่กำเนิด เขานั่งอยู่กับที่ไม่เคยเดินเลย เขากำลังฟังเปาโลพูด เปาโลจ้องมองดูเขา เห็นว่าเขามีความเชื่อพอจะรับการรักษาให้หายจากโรคได้ จึงพูดเสียงดังว่า “จงลุกขึ้นยืนเถิด” ชายคนนั้นก็กระโดดขึ้นและเริ่มเดินไป
     เมื่อประชาชนเห็นสิ่งที่เปาโลทำ จึงร้องเป็นภาษาลิคาโอเนียว่า “พระเจ้าทรงแปลงเป็นมนุษย์เสด็จลงมาหาเราแล้ว” เขาเรียกบารนาบัสว่า “พระซุส” และเรียกเปาโลว่า “พระเฮอร์เมส” เพราะเปาโลเป็นคนพูดเก่งกว่า สมณะจากพระวิหารของพระซุสที่อยู่ใกล้ประตูเมือง จูงวัวหลายตัวประดับพวงมาลัยมาที่ประตูเมือง และพร้อมใจกับประชาชนต้องการถวายบูชาแก่เปาโลและบารนาบัส
     เมื่ออัครสาวกบารนาบัสและเปาโลรู้เช่นนี้ ก็ฉีกเสื้อผ้าของตนวิ่งผลุนผลันเข้าไปกลางกลุ่มชนร้องว่า “เพื่อนเอ๋ย ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้ เราทั้งสองคนเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนท่านทั้งหลาย เรากำลังประกาศข่าวดีให้ท่านทั้งหลายละทิ้งสิ่งที่ไร้สาระเหล่านี้หันมาหาพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ผู้ทรงสร้างฟ้า สร้างแผ่นดิน สร้างทะเล และสร้างทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น ในอดีต พระเจ้าทรงยอมให้นานาชาติดำเนินไปตามทางของตน พระองค์ทรงแสดงพระองค์ทรงกระทำดีอยู่เสมอ ประทานฝนจากฟ้าและประทานพืชผลตามฤดูกาลแก่ท่าน ประทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์และทรงบันดาลให้ใจของท่านเปี่ยมด้วยความยินดี” ทั้งๆ ที่พูดเช่นนี้ บารนาบัสและเปาโลก็ห้ามประชาชนถวายเครื่องบูชาแก่ตนเกือบไม่ได้

 

สดด 115:1-2,3-4,15-17

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 14:21-26
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“ผู้ที่มีบทบัญญัติของเรา และปฏิบัติตาม ผู้นั้นรักเรา และผู้ที่รักเรา พระบิดาของเราก็จะทรงรักเขา และเราเองก็จะรักเขา และจะแสดงตนแก่เขา”ยูดาส มิใช่ยูดาสอิสคาริโอท ทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า ทำไมพระองค์ทรงต้องการแสดงพระองค์แก่พวกเรา แต่ไม่แสดงพระองค์แก่โลก”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ปฏิบัติตามวาจาของเรา วาจาที่ท่านได้ยินนี้ ไม่ใช่วาจาของเรา แต่เป็นของพระบิดา ผู้ทรงส่งเรามา เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟัง ขณะที่เรายังอยู่กับท่าน แต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน”

 

ข้อคิด
     ความคิดของมนุษย์ที่ติดกับวัตถุธาตุหรือค่านิยมประสาโลก อาจทำให้ผู้ประกาศพระวาจาหรือผู้รับฟังพระวาจาหลงทางที่จะคิดถึงความจริงที่ถูกต้องได้ นักบุญเปาโลจึงพยายามตัดตอนความคิดผิดหลง และกล้าประกาศสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ฟังอยู่ในทางความจริงขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้าจึงตรัสสอนศิษย์ว่า "ผู้ใดรักเรา จะปฏิบัติตามวาจาของเรา โดยมีพระจิตเจ้าคอยช่วยเหลือมิให้หลงทาง"

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม 2020 น.เนเรโอ อาคิลเล และเพื่อนมรณสักขี น.ปันกราส มรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 14:19-28
     ในเวลานั้น ชาวยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอกและเมืองอิโคนิยุม เกลี้ยกล่อมประชาชนให้เป็นฝ่ายของตนได้ เขาเหล่านั้นใช้ก้อนหินขว้างเปาโลแล้วลากออกไปนอกเมืองเพราะคิดว่าเปาโลตายแล้ว บรรดาศิษย์มาห้อมล้อมเขา เปาโลลุกขึ้น เข้าไปในเมือง วันรุ่งขึ้นเปาโลก็ออกเดินทางกับบารนาบัสไปยังเมืองเดอร์บี
     ทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่เมืองนั้น ได้ศิษย์เป็นจำนวนมาก แล้วจึงกลับไปเมืองลิสตรา เมืองอิโคนิยุมและเมืองอันทิโอกแห่งแคว้นปิสิเดีย เขาทั้งสองคนให้กำลังใจบรรดาศิษย์ ตักเตือนให้มั่นคงอยู่ในความเชื่อ พูดว่า “พวกเราจำเป็นต้องฟันฝ่าความทุกข์ยากเป็นอันมากจึงจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าได้” เปาโลและบารนาบัสแต่งตั้งผู้อาวุโสในกลุ่มคริสตชนแต่ละกลุ่ม เขาอธิษฐานภาวนาพร้อมกับจำศีลอดอาหาร แล้วฝากบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเขาทั้งหลายมีความเชื่อ ทั้งสองคนเดินทางผ่านแคว้นปิสิเดีย มาถึงแคว้นปัมฟีเลีย ประกาศพระวาจาที่เมืองเปอร์กา แล้วจึงไปยังเมืองอัตตาเลีย
     จากนั้น เขาลงเรือกลับไปยังเมืองอันทิโอกแห่งซีเรีย ก่อนที่เขาทั้งสองคนจะออกเดินทางจากเมืองอันทิโอก บรรดาคริสตชนเคยฝากเขาไว้กับพระหรรษทานของพระเจ้าเพื่องานที่เขาเพิ่งทำสำเร็จ เมื่อไปถึง เปาโลและบารนาบัสก็เรียกประชุมกลุ่มคริสตชน เล่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำโดยผ่านตนว่าพระเจ้าทรงเปิดประตูแห่งความเชื่อให้คนต่างศาสนา เขาทั้งสองคนพักอยู่กับบรรดาศิษย์เป็นเวลานาน

 

สดด 145:10-11,12-13กข,21

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 14:27-31ก
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเราแก่ท่าน เราให้สันติสุขแก่ท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย ท่านได้ยินที่เราบอกกับท่านแล้วว่า เรากำลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำลังไปเฝ้าพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา และบัดนี้เราได้บอกท่านทั้งหลายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเชื่อ เราจะพูดกับท่านต่อไปอีกไม่นาน เพราะซาตานเจ้านายแห่งโลกนี้กำลังมา มันไม่มีอำนาจใดเหนือเรา แต่โลกจะต้องรู้ว่าเรารักพระบิดา และรู้ว่าพระบิดาทรงบัญชาให้เราทำอย่างไร เราก็ทำอย่างนั้น”

 

ข้อคิด
      ท่ามกลางความทุกข์ยากลำบากและอุปสรรคจากมนุษย์ที่มีอคติหรืออิจฉาริษยา นักบุญเปาโลและเพื่อนร่วมงานยังคงมั่นใจว่า พันธกิจการประกาศข่าวดีต้องถูกพิสูจน์ กล้าที่จะประกาศพระวาจาให้ผู้อื่นรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยพระเยซูเจ้าย้ำในพระวรสาร สิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้ เป็นสันติสุขที่ไม่เหมือนกับโลกให้ กล่าวคือการทำงานกับพระองค์ แม้มีความทุกข์ แต่ผลเป็นความสุขเพราะทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ซื่อตรง และมั่นคงในความจริงตลอดเวลา

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม 2020 ฉลองนักบุญมัทธีอัส อัครสาวก

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 1:15-17,20-26
     ในระหว่างนั้น เปโตรยืนขึ้นในหมู่พี่น้องที่ชุมนุมกันอยู่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบคน กล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย จำเป็นที่พระคัมภีร์จะต้องเป็นจริงตามที่พระจิตเจ้าทรงใช้พระโอษฐ์ของกษัตริย์ดาวิดตรัสล่วงหน้าถึงยูดาส ผู้นำคนมาจับกุมพระเยซูเจ้า ยูดาสผู้นี้เคยเป็นคนหนึ่งในคณะของเราและร่วมภารกิจกับเรา
     เพราะมีเขียนไว้ในหนังสือเพลงสดุดีว่า ‘ขอให้ที่อยู่ของเขาถูกทิ้งร้าง อย่าให้มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย’
และอีกตอนหนึ่งว่า ‘ขอให้ผู้อื่นรับหน้าที่แทนเขา’
     ดังนั้น ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่กับเรา เริ่มตั้งแต่พิธีล้างของยอห์นจนถึงวันที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์นั้น จำเป็นที่คนหนึ่งจะต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์”
     ผู้ที่มาชุมนุมกันเสนอชื่อชายสองคน คือโยเซฟที่เรียกว่าบารซับบาสหรือยุสทัส และอีกคนหนึ่งชื่อมัทธีอัส เขาทั้งหลายอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงแสดงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พระองค์ทรงเลือกคนใดในสองคนนี้ ให้รับหน้าที่รับใช้เป็นอัครสาวกแทนยูดาสที่ละทิ้งหน้าที่นี้เพื่อไปยังที่ของตน” เขาจึงจับสลากระหว่างสองคนนี้ และจับสลากได้มัทธีอัส มัทธีอัสจึงได้เข้าร่วมคณะกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน

 

สดด 113:1-3,4-6,7-8

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                ยน 15:9-17
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน”

 

ข้อคิด
     แผนการขององค์พระผู้เป็นเจ้ามนุษย์ไม่สามารถหยั่งรู้ได้ตลอดเวลา แต่หากเป็นพระประสงค์และทรงเผยแสดงให้มนุษย์รู้ ทุกอย่างย่อมเกิดผลดี การเลือกนักบุญมัทธีอัสเป็นอัครสาวกแทนยูดาสผู้ทรยศเป็นการสอนให้รู้ว่าผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรเป็นบุตรของพระองค์ ถ้าผู้นั้นไม่รักษาฐานะบุตรไว้ด้วยการนำพระธรรมคำสอนเข้าสู่ชีวิต การหันเหจากพระองค์ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น การภาวนา การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ การรำพึงพระวาจาเสมอ จึงเป็นดั่งยาบำรุงชีวิตคริสชนให้เจริญเติบโตในพระองค์ตลอดไป

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2020 พระนางมารีย์พรหมจารีแห่งฟาติมา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 15:1-6
     เวลานั้น คริสตชนชาวยิวบางคนลงมาจากแคว้นยูเดีย และสอนบรรดาพี่น้องว่า “ถ้าท่านทั้งหลายมิได้เข้าสุหนัตตามธรรมประเพณีของโมเสส ท่านจะรอดพ้นไม่ได้” เปาโลและบารนาบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขาเหล่านั้นอย่างรุนแรง มีการตกลงกันให้เปาโลและบารนาบัสพร้อมกับพี่น้องบางคนขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อปรึกษาปัญหานี้กับบรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส เมื่อพระศาสนจักรจัดให้เขาเหล่านั้นออกเดินทางไปแล้ว เขาเดินทางผ่านแคว้นฟีนีเซียและสะมาเรีย เล่าเรื่องการกลับใจของคนต่างศาสนา ทำให้พี่น้องทุกคนชื่นชมอย่างยิ่ง เมื่อมาถึงกรุงเยรูซาเล็มเขาได้รับการต้อนรับจากพระศาสนจักร บรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส บารนาบัสและเปาโลเล่าเรื่องต่างๆ ที่พระเจ้าทรงกระทำโดยผ่านตน
     ผู้มีความเชื่อบางคนที่เคยอยู่ในกลุ่มชาวฟาริสีลุกขึ้นกล่าวว่า “ต้องให้คนต่างศาสนาเข้าสุหนัตและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสส”
     บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสจึงประชุมกันเพื่อพิจารณาปัญหานี้

 

สดด 122:1-2,3-5

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                  ยน 15:1-8
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้ง กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิด เพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้ว เพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้าน และจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อท่านเกิดผลมาก และกลายเป็นศิษย์ของเรา”

 

ข้อคิด

     ความขัดแย้งในความคิดและประเพณีนิยมที่นักบุญเปาโลพบในหมู่คริสตชนที่เป็นเชื้อสายยิวเดิมทำให้งานแพร่ธรรมของท่านมีอุปสรรคบ้าง แต่ความเชื่อในการเจริญชีวิตใหม่รับศีลล้างบาปแล้ว ทำให้ประเพณีนิยมกลายเป็นเรื่องรอง เพราะทุกคนเกิดใหม่ในความเชื่อขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วจึงต้องกล้าพิสูจน์ว่า "บัดนี้ไม่ใช่ ข้าพเจ้าที่เจริญชีวิต แต่เป็นพระคริสต์เจริญชีวิตในข้าพเจ้า"

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2020 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                              กจ 15:22-31
     ในครั้งนั้น บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสพร้อมกับคริสตชนทุกคนที่ชุมนุมกันตกลงใจเลือกสมาชิกบางคน เพื่อส่งไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส คือยูดาส ที่เรียกกันว่า บารซับบัสกับสิลาส ทั้งสองคนนี้เป็นคนเด่นในบรรดาพี่น้อง ที่ประชุมเขียนจดหมายมอบให้คนเหล่านี้ถือไปใจความว่า
“จาก บรรดาอัครสาวก ผู้อาวุโส และบรรดาพี่น้อง
ถึง บรรดาพี่น้องซึ่งเคยเป็นคนต่างศาสนาอยู่ที่เมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และแคว้นซีลีเซีย ขอให้ท่านมีความสุขเถิด
     เนื่องจากเรารู้ว่า พวกเราบางคนกล่าวถ้อยคำที่ทำให้ท่านสับสนและวุ่นวายใจ โดยไม่ได้รับคำสั่งจากเราเลย เราจึงตกลงกันเป็นเอกฉันท์เลือกบุรุษบางคนส่งมาพบท่านพร้อมกับบารนาบัสและเปาโลที่รักยิ่งของเรา ผู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น เราจึงส่งยูดาสและสิลาสมาเล่าเรื่องที่เขียนนี้ให้ท่านฟังโดยตรง พระจิตเจ้าและพวกเราตกลงที่จะไม่บังคับให้ท่านแบกภาระอื่นอีก นอกจากสิ่งที่จำเป็นต่อไปนี้ คืองดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายให้รูปเคารพแล้ว งดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และงดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าท่านทั้งหลายงดเว้นการกระทำเหล่านี้ ก็จะเป็นการดี จงเจริญสุขเถิด”
     เมื่อร่ำลากันแล้ว คณะผู้แทนก็เดินทางมาถึงเมืองอันทิโอก เขาเรียกบรรดาคริสตชนมาประชุมกันและมอบจดหมายให้ เมื่ออ่านจดหมายนั้นแล้ว ทุกคนต่างยินดีเพราะได้รับกำลังใจ

 

สดด 57:8-9,10-11

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                              ยน 15:12-17
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน”

 

ข้อคิด
    ความบกพร่องหรือผิดพลาดเป็นวิสัยของมนุษย์ แต่การแก้ไขหรือปรับปรุงความบกพร่องหรือความผิดพลาดเป็นวิสัยของผู้มีความเชื่อและวางใจในพระเมตตา หรือพระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเยซูเจ้าตรัสให้บรรดาศิษย์ทราบว่าคุณสมบัติของการเป็นศิษย์ไม่ใช่ฟังพระวาจาและนำไปปฏิบัติในชีวิตเท่านั้น แต่ยังยกฐานะจากศิษย์สู่ฐานะมิตรสหายซึ่งรู้ว่าต้องทำอะไร ทำไปทำไม และทำแล้วได้อะไรตอบแทน ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเลือกเราและส่งเราไปประกาศข่าวดี เพื่อทุกคนจะรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกัน มีพระบิดาเจ้าองค์เดียวกัน

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown