มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 1 มกราคม 2020 สมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเป็นเจ้า

บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี                                          กดว 6:22-27
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกอาโรนและบรรดาบุตรว่า “ท่านทั้งหลายจะต้องอวยพรชาวอิสราเอลดังนี้ ท่านจะต้องกล่าวว่า
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่านและพิทักษ์รักษาท่าน
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระพักตร์แจ่มใสต่อท่านและโปรดปรานท่าน
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงผินพระพักตร์มายังท่านและประทานสันติแก่ท่านด้วยเทอญ”
สมณะจะต้องเรียกขานนามของเราให้ลงมาเหนือชาวอิสราเอลเช่นนี้ แล้วเราจะอวยพรเขาทั้งหลาย

 

สดด 67:1-2,3-7

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย      กท 4:4-7
     พี่น้อง เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม ข้อพิสูจน์ว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรก็คือพระเจ้าทรงส่งพระจิตของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงดังว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า” ดังนั้น ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรก็ย่อมเป็นทายาทตามพระประสงค์ของพระเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 2:16-21
     เมื่อบรรดาทูตสวรรค์จากเขากลับสู่สวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะจึงรีบไปและพบพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า เมื่อคนเลี้ยงแกะเห็น ก็เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่องที่คนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง ส่วนพระนางมารีย์ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัยและยังทรงคำนึงถึงอยู่ คนเลี้ยงแกะกลับไปโดยถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้าในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้
เมื่อครบกำหนดแปดวัน ถึงเวลาที่พระกุมารจะต้องทรงเข้าสุหนัต เขาถวายพระนามพระองค์ว่าเยซู เป็นพระนามที่ทูตสวรรค์ให้ไว้ก่อนที่พระองค์จะทรงปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระมารดา

 

ข้อคิด
     เพื่อจะไถ่มนุษย์ให้พ้นจากบาปตามพระประสงค์นั้น พระเจ้าได้ทรงส่งพระบุตรเพื่อมารับสภาพมนุษย์ เป็นบุตรของมารีย์ ซึ่งหลังจากการไตร่ตรองประสบการณ์ของตนกับพระเจ้า แม่พระได้ตั้งชื่อบุตรของตนว่า "เยซู" ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ที่ตรัสผ่านทางทูตสวรรค์ และเรื่องราวการบังเกิดของพระเยซูเจ้าในเมืองเบธเลเฮม ผู้ซึ่งจะเป็นพระผู้ไถ่ ถูกเล่าต่อโดยปากของบรรดาผู้เลี้ยงแกะ ซึ่งชื่นชมยินดีในสิ่งที่พวกเขาได้เห็นได้ยิน ได้ถวายพระพรสรรเสริญพระเจ้าตามคำแนะนำของทูตสวรรค์ ดังนั้นไม่ว่าชีวิตมนุษย์จะจบสิ้น เริ่มต้นใหม่อย่างไร พระเจ้าทรงทราบ และทรงมีพระประสงค์สำหรับมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกันตามที่ทรงพอพระทัย

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2020 ระลึกถึง น.บาซิลและเกรโกรีแห่งเมืองนาซีอันเซน พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง    1 ยน 2:22-28
     ลูกที่รักทั้งหลาย ใครเป็นคนพูดคำเท็จ ถ้าไม่ใช่คนที่พูดว่า พระเยซูไม่ใช่พระคริสตเจ้า ผู้นี้คือปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า เขาปฏิเสธทั้งพระบิดาและพระบุตร ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตรก็ไม่มีพระบิดา คนที่ยอมรับพระบุตรย่อมมีพระบิดาด้วย ขอให้สิ่งที่ท่านทั้งหลายฟังมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ถ้าสิ่งที่ท่านฟังมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ท่านก็ดำรงอยู่ในพระบุตร และในพระบิดา พระสัญญาที่พระองค์ประทานไว้ก็คือชีวิตนิรันดร ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายแล้ว เกี่ยวกับบุคคลที่พยายามชักนำให้หลงผิด แต่สำหรับท่าน การได้รับเจิมจากพระองค์ยังคงอยู่ในท่าน และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสอนท่านอีก เพราะการเจิมของพระองค์นั้นสอนทุกสิ่งให้ท่าน และเพราะการเจิมนั้นเป็นจริงและไม่หลอกลวง จงดำรงอยู่ในพระองค์ตามคำสั่งสอนที่ท่านได้รับมา ลูกที่รักทั้งหลาย บัดนี้จงดำรงอยู่ในพระองค์ เพื่อเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจ ไม่ต้องหลบเลี่ยงไปจากพระองค์ด้วยความอับอายในวันที่พระองค์เสด็จมา

 

สดด 98:1-2,3-4

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                   ยน 1:19-28
     ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมื่อชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มส่งบรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใคร” เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นประกาศกหรือ” เขาตอบอีกว่า “ไม่ใช่” เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร เราจะได้นำคำตอบไปให้ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึงตนเองอย่างไร” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า จงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้
     ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า “ทำไมท่านจึงทำพิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก” ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก ผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งยอห์นกำลังทำพิธีล้างอยู่

 

ข้อคิด
     สำหรับคริสตชนผู้ได้รับการเจิม เขามีโอกาสเรียนรู้มากมายจากการฟัง อ่าน รำพึง ไตร่ตรองหากสิ่งเหล่านั้นคงอยู่ในจิตใจ นำไปปฏิบัติ ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถชักนำให้เขาหลงผิดได้ แม้อยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน มีอันตรายเสี่ยงต่อชีวิตก็ตาม เช่นเดียวกับนักบุญยอห์น เลือกที่จะยืนยันในสิ่งที่ถูกต้อง ปฏิเสธในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง และร้องเตือนให้ดำเนินชีวิตในทางตรงที่มุ่งสู่องค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น เมื่อจำเป็นต้องเลือก จงพร้อมที่จะเลือก ยืนยันความจริง ความถูกต้องเสมอในชีวิต

วันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2020 เทศกาลพระคริสตสมภพ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง   1 ยน 3:7-10
     ลูกที่รักทั้งหลาย จงอย่าให้ใครชักนำท่านให้หลงผิด ผู้ประพฤติชอบย่อมเป็นผู้ชอบธรรมดังที่พระองค์ ทรงเป็นผู้เที่ยงธรรม ผู้ที่ทำบาปย่อมมาจากปีศาจ เพราะปีศาจนั้นทำบาปมาตั้งแต่แรกเริ่ม พระบุตรของพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ เพื่อทรงทำลายงานของปีศาจ ทุกคนที่บังเกิดจากพระเจ้าย่อมไม่ทำบาป เพราะเชื้อชีวิต ของพระเจ้าดำรงอยู่ในตัวเขา และเขาไม่อาจทำบาปได้ เพราะเขาบังเกิดจากพระเจ้า เราจำแนกบุตรของพระเจ้าจากบุตรของปีศาจได้โดยวิธีนี้ คือทุกคนที่ไม่ประพฤติชอบ และไม่รักพี่น้องของตน ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า

 

สดด 98:1-2,7-8,9

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                               ยน 1:35-42
     วันรุ่งขึ้น ยอห์นกำลังยืนอยู่ที่นั่นกับศิษย์สองคน เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไป จึงพูดว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า” เมื่อศิษย์ทั้งสองคนได้ยินยอห์นพูดดังนี้จึงติดตามพระเยซูเจ้าไป พระเยซูเจ้าทรงหันพระพักตร์มาทอดพระเนตรเห็นเขากำลังติดตามพระองค์ จึงตรัสถามว่า “ท่านทั้งหลายแสวงหาอะไร” เขาทูลตอบว่า “รับบี” แปลว่า พระอาจารย์ “พระองค์ทรงพำนักอยู่ที่ไหน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มาดูซิ” เขาจึงไปดู เห็นที่ประทับของพระองค์ และพักอยู่กับพระองค์ในวันนั้น ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายสี่โมง
     อันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร เป็นคนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินคำพูดของยอห์น และตามพระเยซูเจ้าไป อันดรูว์พบซีโมนพี่ชายเป็นคนแรก จึงพูดว่า “เราพบพระเมสสิยาห์แล้ว” พระเมสสิยาห์ หรือพระคริสตเจ้า แปลว่า ผู้รับเจิม เขาพาพี่ชายไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขา จึงตรัสว่า “ท่านคือซีโมนบุตรของยอห์น ท่านจะมีชื่อว่า ‘เคฟาส’ แปลว่า ‘เปโตร’ หรือ ‘ศิลา’”

 

ข้อคิด
     ในฐานะบุคคลที่เคารพรักยำเกรงพระเจ้า ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระในจิตใจ นักบุญยอห์นเตือนว่า อย่าให้ใครชักนำให้หลงผิด เพราะผู้ประพฤติดี จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชอบธรรม คนที่ไม่ประพฤติดี และไม่ได้รักพี่น้องของตน ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า เมื่อยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าได้แนะนำศิษย์สองคนว่า "นี่คือลูกแกะของพระเจ้า" ศิษย์สองคนจึงติดตาม เพราะได้ยินยอห์นพูดยืนยัน เมื่ออันดรูว์ได้มีประสบการณ์ของการพบและอยู่กับพระเยซูเจ้า กลับมาพบพี่ชายเป็นคนแรก จึงแนะนำและพาไปหาพระเยซูเจ้า ประสบการณ์ของการได้พบความสุข ความชื่นชมยินดี เมื่อได้แบ่งปัน ทั้งด้วยการบอกเล่า แนะนำ พาไปสัมผัส มีประสบการณ์ เป็นคุณค่าที่น่าจดจำ นำความสุขสู่ผู้ที่ได้ทำเป็นประจำ

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม 2020 พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง    1 ยน 2:29-3:6
     ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าท่านรู้ว่า พระองค์ทรงเที่ยงธรรม ท่านก็ต้องยอมรับว่าทุกคนที่ประพฤติชอบ ย่อมบังเกิดจากพระองค์
จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดาประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำให้เราได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จักพระองค์ ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นยังไม่ปรากฏชัดแจ้ง เราตระหนักดีว่า เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะได้เห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น
     ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำระใจของตนให้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์ ทุกคนที่ทำบาป ย่อมฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ เพราะบาปเป็นการฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ ท่านทั้งหลายตระหนักดีแล้วว่า พระองค์ทรงปรากฏเพื่อทรงลบล้างบาปให้สิ้นไป และไม่มีบาปใดในพระองค์ ทุกคนที่ดำรงอยู่ในพระองค์ย่อมไม่ทำบาป และทุกคนที่ทำบาป ย่อมไม่เคยเห็นและไม่รู้จักพระองค์

 

สดด 98:1-2,3-4,5-6

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 1:29-34
     วันรุ่งขึ้น ยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาตน จึงกล่าวว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก ผู้นี้คือผู้ที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงว่า ‘บุรุษผู้หนึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า แต่นำหน้าข้าพเจ้า เพราะอยู่มาก่อนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพเจ้าถูกส่งมาให้ทำพิธีล้าง เพื่อทำให้พระองค์เป็นที่รู้จักแก่อิสราเอล’” ยอห์นยังยืนยันอีกว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบ และทรงอยู่เหนือพระองค์ ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ผู้ที่ทรงส่งข้าพเจ้ามาใช้น้ำทำพิธีล้าง ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ท่านเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยู่เหนือผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่ทำพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า’ ข้าพเจ้าเห็นและเป็นพยานยืนยันว่าท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”


ข้อคิด
     แม้ยอห์นจะไม่เคยพบ ไม่รู้จักพระเยซูเจ้า แต่หน้าที่ของท่านคือ ทำให้พระเยซูเจ้าเป็นที่รู้จักด้วยใจที่บริสุทธิ์ของท่าน โดยการเชื่อฟังผู้ที่ส่งท่านมา เมื่อยอห์นเห็นพระเยซูเจ้า จึงสามารถเป็นพยานยืนยันได้อย่างมั่นใจว่า พระเยซูเจ้า "คือลูกแกะของพระเจ้า" นักบุญยอห์นเตือนว่า ผู้ที่มีความหวังในพระเจ้า ย่อมชำระใจของต้นให้บริสุทธิ์ ไม่ประพฤติตนให้ตกในบาป ข้าแต่พระเจ้า เมื่อข้าพเจ้าทั้งหลายได้เห็นความรักของพระองค์ผ่านทางการมอบชีวิตของพระเยซูเจ้า โปรดทรงสอนข้าพเจ้าทั้งหลายให้รู้จักที่จะเลียนแบบด้วยการปฏิบัติความรักนั้นต่อบุคคลรอบข้างด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2020 สมโภชพระคริสตเจ้าทรงสำแดงองค์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                              อสย 60:1-6
     เยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด จงฉายแสงเจิดจ้า เพราะความสว่างของเจ้ามาแล้ว พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทอแสงเหนือเจ้า ดูซิ ความมืดปกคลุมแผ่นดิน และความมืดทึบปกคลุมประชาชาติทั้งหลาย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทอแสงเหนือเจ้า ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์เหนือเจ้า นานาชาติจะเดินมาหาความสว่างของเจ้า บรรดากษัตริย์จะทรงพระดำเนินมาสู่ความสดใสที่ทอแสงเหนือเจ้า จงเงยหน้าขึ้นมองไปโดยรอบเถิด เขาเหล่านั้นทุกคนมาชุมนุมกันและเดินมาพบเจ้า บุตรชายทั้งหลายของเจ้ามาจากที่ไกล บุตรหญิงของเจ้าก็ถูกอุ้มมาด้วย เมื่อเจ้าเห็นดังนี้ก็จะปลาบปลื้ม ใจของเจ้าจะตื่นเต้นและยินดี เพราะความมั่งคั่งของทะเลจะกลับมาหาเจ้า ทรัพย์สมบัติของนานาชาติจะมายังเจ้า ฝูงอูฐจะมาอยู่เต็มถนนของเจ้า รวมทั้งคาราวานอูฐจากมีเดียนและเอฟาห์ ทุกคนจะมาจากเชบา นำทองคำและกำยานมาด้วย และจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าคนทั้งหลาย

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส      อฟ 3:2-3ก,5-6
     พี่น้อง ท่านคงรู้แล้วถึงพระหรรษทาน ซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบพันธกิจเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้ารู้ธรรมล้ำลึกนี้เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผย ธรรมล้ำลึกนี้พระองค์มิได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รู้ว่า คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 2:1-12
     ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออก เดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า
     เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า จะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”
     ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น

 

ข้อคิด
     เพียงได้เห็น "ดาว" สัญลักษณ์ของกษัตริย์ที่เฝ้ารอ...โหราจารย์ออกเดินทางจากดินแดนห่างไกล ตามหาเพื่อจะพบและนมัสการ เมื่อแสงสว่างจาก"ดาว" ดวงนั้น นำทางโหราจารย์จนได้พบพระกุมารผู้เป็นความสุขแห่งความชื่นชมยินดีของการพบเจอ บรรดาโหราจารย์แสดงออกด้วยการนำสิ่งที่มีค่าที่สุด"ถวายมอบ" แด่พระกุมารนักบุญเปาโลยืนยันว่า เมื่อพระเจ้าได้ทรงเลือกสรรผู้ที่ทรงพอพระทัย พระองค์ได้ประทานพระหรรษหาน เพื่อประกอบภารกิจ มิใช่เพื่อประโยชน์ของตนเอง แต่สำหรับเพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้างทุกคน ในท่ามกลางที่มืดมิดของความขัดแย้ง ขอทรงโปรดให้ประชากรเลือกสรรของพระองค์ พร้อมที่จะเป็นเครื่องมือที่ฉายแสงแห่งรัก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เพื่อนำผู้คนที่ตกอยู่ในความมืด ให้ได้พบกับแสงสว่างแท้จริงในองค์พระคริสตเจ้า

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown