วันอังคารที่ 21 มกราคม 2020 ระลึกถึง น.อักแนส พรหมจารีและมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนมกราคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันอังคาร, 17 ธันวาคม 2562 10:49
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 978
บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่หนึ่ง 1 ซมอ 16:1-13
ในครั้งนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่ซามูเอลว่า “ท่านจะเป็นทุกข์ใจถึงซาอูลต่อไปอีกนานเท่าใด บัดนี้เราละทิ้งเขาไม่ยอมให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลอีกแล้ว จงเอาน้ำมันมะกอกเทศบรรจุใส่ขวดเขาสัตว์จนเต็ม และออกเดินทาง เราส่งท่านไปที่เมืองเบธเลเฮม ไปหาเจสซี เพราะเราเลือกบุตรคนหนึ่งของเขาเป็นกษัตริย์” ซามูเอลทูลถามว่า “ข้าพเจ้าจะไปได้อย่างไร ถ้ากษัตริย์ซาอูลทรงทราบเรื่อง ก็จะทรงฆ่าข้าพเจ้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงเอาลูกโคเพศเมียตัวหนึ่งไปด้วย แล้วจงบอกว่า ‘ข้าพเจ้ามาถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า’ ท่านจะเชิญเจสซีมาร่วมถวายบูชาด้วย แล้วเราจะบอกท่านว่าจะต้องทำอะไร ท่านจะต้องเจิมผู้ที่เราจะบอกนั้นให้เป็นกษัตริย์’”
ซามูเอลก็ทำตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาไปที่เมืองเบธเลเฮม บรรดาผู้อาวุโสของเมืองออกมาพบเขาด้วยความหวาดกลัว ถามว่า “ท่านผู้ทำนาย ท่านมาดีหรือ” ซามูเอลตอบว่า “ข้าพเจ้ามาดี ข้าพเจ้ามาเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านทั้งหลายจงชำระตนให้บริสุทธิ์ แล้วมาร่วมถวายบูชากับข้าพเจ้าเถิด” ซามูเอลให้เจสซี กับบุตรทำพิธีชำระตน แล้วเชิญให้มาถวายเครื่องบูชา
เมื่อเจสซีกับบุตรมาถึง ซามูเอลเห็นเอลีอับ ก็คิดว่า “ผู้ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้นี้คือผู้ที่จะต้องรับเจิม” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า “อย่าสนใจมองแต่รูปร่างหน้าตา หรือความสูงของเขา เพราะเราไม่เลือกเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงมองอย่างมนุษย์มอง มนุษย์มองแต่รูปร่างภายนอก แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมองจิตใจ” แล้วเจสซีเรียกอาบีนาดับมาพบซามูเอล ซามูเอลก็ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเลือกคนนี้ด้วย” เจสซีพาชัมมาห์เข้ามา แต่ซามูเอลก็กล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเลือกคนนี้เช่นเดียวกัน” เจสซีพาบุตรทั้งเจ็ดคนมาพบซามูเอลทีละคน แต่ซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเลือกคนเหล่านี้คนใดเลย” ซามูเอลถามเจสซีว่า “บุตรชายของท่านมาหมดแล้วหรือ” เจสซีตอบว่า “ยังมีคนสุดท้องอีกคนหนึ่ง แต่ขณะนี้เขากำลังเลี้ยงแกะอยู่” ซามูเอลสั่งเจสซีว่า “จงส่งคนไปตามเขามาเถิด เราจะไม่นั่งกินอาหารจนกว่าเขาจะมา” เจสซีจึงส่งคนไปตามมา เด็กหนุ่มนั้นมีผมแดง ดวงตางดงาม และรูปร่างดี องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงลุกขึ้น เจิมเขาเถอะ เป็นคนนี้แหละ” ซามูเอลก็เอาขวดเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำมันมะกอกเทศมาเจิมดาวิดต่อหน้าบรรดาพี่ชาย พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับดาวิด ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ส่วนซามูเอลก็ออกเดินทางกลับไปที่เมืองรามาห์
สดด 89:19-20,21,26-27
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 2:23-28
วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลี บรรดาศิษย์ที่เดินทางอยู่ด้วยเด็ดรวงข้าว ชาวฟาริสีทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมศิษย์ของท่านทำสิ่งต้องห้ามในวันสับบาโต” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านพระคัมภีร์หรือว่า กษัตริย์ดาวิดทรงทำสิ่งใดในยามที่มีความจำเป็นและความหิวโหยทั้งพระองค์และผู้ติดตาม พระองค์เสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้าเมื่ออาบียาธาร์เป็นมหาสมณะ เสวยขนมปังที่ตั้งถวาย ซึ่งใครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น พระองค์ยังทรงให้ผู้ติดตามกินอีกด้วย”
แล้วพระเยซูเจ้าทรงเสริมว่า “วันสับบาโตมีไว้เพื่อมนุษย์ มิใช่มนุษย์มีไว้เพื่อวันสับบาโต ดังนั้น บุตรแห่งมนุษย์จึงเป็นนายเหนือแม้กระทั่งวันสับบาโตด้วย”
ข้อคิด
ทุกๆ วันในชีวิตของเราคริสตชนจะต้องเป็นวันของพระเจ้าพระองค์เป็นส่วนสำคัญในชีวิตเราเราดำเนินชีวิตปราศจากพระองค์ไม่ได้ การที่เราจะเอาตัวรอดไปสวรรค์ได้ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามบทบัญญัติแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องแสดงออกมาจากความรัก ความมตตา ที่มาจากพระเจ้าเช่นกันเพราะพระองค์เป็นผู้เดียวที่ประทานความรอดให้เรามนุษย์
วันพุธที่ 22 มกราคม 2020 น.วินเซนต์ สังฆานุกรและมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนมกราคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันอังคาร, 17 ธันวาคม 2562 10:47
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1385
บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่หนึ่ง 1 ซมอ 17:32-33,37,40-51
ในครั้งนั้น ดาวิดทูลกษัตริย์ซาอูลว่า “อย่าให้ใครหมดกำลังใจเพราะชาวฟีลิสเตียผู้นี้ ผู้รับใช้ของพระองค์จะไปต่อสู้กับเขาเอง” ซาอูลตรัสกับดาวิดว่า “เจ้าจะไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตียคนนี้ไม่ได้ เจ้ายังเป็นเด็ก ส่วนเขาเป็นนักรบมาตั้งแต่วัยหนุ่ม”
ดาวิดเสริมว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากเล็บของสิงโตและหมีมาแล้ว จะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตียผู้นี้ด้วย” ซาอูลตรัสตอบดาวิดว่า “ไปเถิด ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า”
ดาวิดหยิบไม้เท้ามาถือไว้ แล้วเก็บก้อนหินเกลี้ยงห้าก้อนจากท้องห้วยใส่ย่ามที่ผู้เลี้ยงแกะใช้ ถือสลิง เดินเข้าไปหาชาวฟีลิสเตียคนนั้น ชาวฟีลิสเตียค่อยๆ เดินเข้ามาหาดาวิด มีคนถือโล่เดินนำหน้า เมื่อชาวฟีลิสเตียมองดูดาวิดเห็นถนัดแล้ว ก็นึกดูถูก เพราะดาวิดเป็นเพียงเด็กหนุ่ม ผมแดงมีรูปร่างหน้าตาดี ชาวฟีลิสเตียตะโกนถามดาวิดว่า “เจ้าเห็นข้าเป็นสุนัขหรือจึงถือไม้เท้าเข้ามาหา” ชาวฟีลิสเตียออกนามเทพเจ้าของตนสาปแช่งดาวิด แล้วร้องท้าดาวิดว่า “เข้ามาซิ ข้าจะเอาร่างของเจ้าให้นกและสัตว์ป่ากิน” ดาวิดตอบชาวฟีลิสเตียว่า “ท่านถือดาบ หอก และแหลนมาสู้กับข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้ามาสู้กับท่าน เดชะพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอล ที่ท่านดูหมิ่น วันนี้แหละ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบท่านให้อยู่ในมือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะฆ่าและตัดศีรษะของท่าน เอาร่างของบรรดาทหารชาวฟีลิสเตีย ให้นกในอากาศและสัตว์ป่ากิน แล้วทั่วแผ่นดินจะรู้ว่าอิสราเอลมีพระเจ้า ทุกคนที่ชุมนุมกันที่นี่จะรู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงต้องใช้ดาบหรือหอก เพื่อทรงช่วยให้รอดพ้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดว่าใครจะชนะในสงคราม และจะทรงมอบท่านทั้งหลายไว้ในมือของเรา”
ชาวฟีลิสเตียเดินตรงเข้ามาหาดาวิดอีก ดาวิดวิ่งลงสู่สนามรบ ไปต่อสู้ชาวฟีลิสเตีย ดาวิดล้วงลงไปในย่าม หยิบหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง ใส่สลิงเหวี่ยงไปถูกหน้าผากของชาวฟีลิสเตีย ก้อนหินเจาะหน้าผากเข้าไป เขาล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นดิน ดาวิดพิชิตชาวฟีลิสเตียโดยใช้สลิงและก้อนหิน เขาปราบและฆ่าชาวฟีลิสเตียได้ทั้งๆ ที่ตนไม่มีดาบในมือ ดาวิดวิ่งไปยืนคร่อมร่างชาวฟีลิสเตียไว้ เขาชักดาบของชาวฟีลิสเตียออกจากฝัก ฆ่าเขา และตัดศีรษะออกจากร่าง
เมื่อบรรดาชาวฟีลิสเตียเห็นว่านักรบของตนตายแล้ว ต่างก็ออกวิ่งหนีไป
สดด 144:1-2,9-11ก
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 3:1-6
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมอีกครั้งหนึ่ง ที่นั่นมีชายมือลีบคนหนึ่ง ประชาชนบางคนคอยจ้องมองดูว่า พระองค์จะทรงรักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่ เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ พระองค์ตรัสสั่งชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” แล้วตรัสถามคนทั้งหลายว่า “ในวันสับบาโตนั้น ควรทำความดีหรือความชั่ว ควรจะช่วยชีวิตหรือปล่อยให้ตายไป” คนเหล่านั้นก็นิ่งอยู่ พระองค์จึงทอดพระเนตรเขาเหล่านั้นด้วยความกริ้ว เศร้าพระทัยเพราะจิตใจแข็งกระด้างของเขา แล้วตรัสสั่งชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือซิ” เขาก็เหยียดมือ มือนั้นก็หายลีบเป็นปกติ ชาวฟาริสีจึงออกไป และประชุมกับผู้นิยมกษัตริย์เฮโรดทันที เพื่อปรึกษาว่าจะกำจัดพระองค์ได้อย่างไร
ข้อคิด
พระเมตตาของพระองค์อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของมนุษย์ พระองค์เสด็จไปที่ใดก็ทรงกระทำแต่ความดี นี่เป็นคุณลักษณะพระเจ้าของเรา จึงทำให้หลายคนไม่พอใจต่อการกระทำของพระองค์ แต่พระองค์ทรงท้าทายคนที่ต่อต้านพระองค์ โดยอาศัยหลักคำสอนแห่งความจริงที่พระองค์ทรงนำมาประกาศ เน้นการดำเนินชีวิตตามวีถีทางของพระองค์ ฉะนั้น เราก็จะต้องผชิญชะตากรรมเดียวกับพระองค์ เราพร้อมหรือไม่
วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2020 ระลึกถึง น.ฟรังซิส เดอซาลส์ พระสังฆราชและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนมกราคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันอังคาร, 17 ธันวาคม 2562 10:43
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1071
บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่หนึ่ง 1 ซมอ 24:2-21
เมื่อกษัตริย์ซาอูลเสด็จกลับจากการรบกับชาวฟีลิสเตีย ก็ทรงทราบว่าดาวิดอยู่ในถิ่นทุรกันดารใกล้เอนเกดี กษัตริย์ซาอูลทรงเลือกทหารฝีมือเยี่ยมสามพันคนจากทั่วอิสราเอล เสด็จไปค้นหาดาวิดและพรรคพวกทางด้านตะวันออกของหินแพะป่า พระองค์เสด็จมาถึงคอกแกะริมทาง ที่นั่นมีถ้ำแห่งหนึ่ง จึงเสด็จเข้าไปเพื่อทรงบังคนหนัก ดาวิดกับพรรคพวกแอบอยู่ลึกในถ้ำเดียวกันนั้น พรรคพวกจึงกล่าวแก่ดาวิดว่า “นี่เป็นโอกาสของท่านแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่ท่านว่า ‘เราจะมอบศัตรูไว้ในมือของท่าน ท่านจะทำกับเขาอย่างไรก็ได้ตามใจชอบ’” ดาวิดจึงลุกขึ้นเข้าไปลอบตัดชายเสื้อคลุมของซาอูล แต่แล้วดาวิดก็รู้สึกไม่สบายใจที่ไปตัดชายเสื้อคลุมของซาอูล จึงกล่าวแก่พรรคพวกว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงห้ามข้าพเจ้ามิให้ทำสิ่งนี้แก่ผู้รับเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือมิให้ทำร้ายพระองค์แต่ประการใด เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้รับเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ดาวิดกล่าวเช่นนี้ ทำให้พรรคพวกเปลี่ยนความคิด ไม่ทำร้ายกษัตริย์ซาอูล
กษัตริย์ซาอูลเสด็จออกจากถ้ำและทรงพระดำเนินต่อไป ดาวิดก็ออกจากถ้ำตามมาและทูลเรียกกษัตริย์ซาอูลว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพเจ้า” กษัตริย์ซาอูลทรงเหลียวมา ดาวิดก็กราบลงหน้าจรดพื้นด้วยความเคารพ ทูลว่า “ทำไมพระองค์จึงทรงเชื่อฟังผู้ที่ใส่ความว่าข้าพเจ้าจะทำร้ายพระองค์ พระองค์ทรงเห็นกับตาในวันนี้แล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพระองค์ไว้ในมือของข้าพเจ้าในถ้ำ มีคนยุให้ข้าพเจ้าฆ่าพระองค์ แต่ข้าพเจ้าไว้ชีวิตพระองค์กล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าจะไม่ทำร้ายเจ้านายของข้าพเจ้าแต่ประการใด เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้รับเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ พระบิดาของข้าพเจ้า ดูนี่ซิ โปรดทอดพระเนตรดูชายเสื้อคลุมในมือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตัดมาจากเสื้อคลุมของพระองค์ แต่ไม่ได้ฆ่าพระองค์ ขอพระองค์ทรงยอมรับเถิดว่า ข้าพเจ้าไม่เคยคิดกบฏต่อพระองค์หรือคิดทำร้ายพระองค์เลย ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพระองค์ แต่พระองค์กลับทรงตามล่าจะเอาชีวิตของข้าพเจ้า ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ตัดสินระหว่างข้าพเจ้าและพระองค์เถิด ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า ส่วนข้าพเจ้าจะไม่ทำร้ายพระองค์เป็นอันขาด ดังที่สุภาษิตโบราณเคยกล่าวว่า ‘ความชั่วย่อมมาจากคนชั่ว’ แต่ข้าพเจ้าจะไม่ทำร้ายพระองค์เลย กษัตริย์แห่งอิสราเอลกำลังทรงไล่ตามใครอยู่ พระองค์กำลังทรงไล่ตามผู้ใด ทำไมพระองค์จึงทรงไล่ตามสุนัขตาย หรือตัวหมัดอยู่เล่า ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตัดสินชี้ขาดระหว่างข้าพเจ้ากับพระองค์ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรพิจารณาคดีของข้าพเจ้า ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงป้องกันข้าพเจ้าจากพระหัตถ์ของพระองค์เถิด”
เมื่อดาวิดกล่าวถ้อยคำเหล่านี้จบแล้ว กษัตริย์ซาอูลตรัสว่า “ดาวิดลูกเอ๋ย นั่นเป็นเสียงของเจ้าหรือ” กษัตริย์ซาอูลทรงกันแสงเสียงดัง แล้วตรัสแก่ดาวิดต่อไปว่า “เจ้าเป็นผู้ชอบธรรมมากกว่าเรา เพราะเจ้าทำดีต่อเรา ขณะที่เราทำร้ายเจ้า วันนี้เจ้าแสดงให้เห็นแล้วว่า เจ้าดีต่อเราเพียงไร เพราะเจ้าไว้ชีวิตเรา ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบเราไว้ในมือของเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดพบศัตรู แล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปโดยปลอดภัย ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนความดีที่เจ้าได้ทำกับเราในวันนี้เถิด บัดนี้ เรารู้แล้วว่าเจ้าจะเป็นกษัตริย์ และอาณาจักรอิสราเอลจะตั้งมั่นในมือของเจ้า”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 3:13-19
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปบนภูเขา ทรงเรียกผู้ที่พระองค์ทรงต้องการให้มาพบ เขาเหล่านั้นก็มาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคนให้อยู่กับพระองค์ และเพื่อจะทรงส่งเขาออกไปเทศน์สอน โดยให้มีอำนาจขับไล่ปีศาจด้วย อัครสาวกสิบสองคนที่ทรงแต่งตั้ง คือ ซีโมน พระองค์ทรงตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า “เปโตร” ยากอบบุตรของเศเบดี และยอห์น น้องชายของยากอบ พระองค์ทรงตั้งชื่อให้สองพี่น้องนี้ว่า “โบอาแนรเกส” ซึ่งแปลว่า “ลูกฟ้าร้อง” อันดรูว์ ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ธัดเดอัส ซีโมนจากกลุ่มชาตินิยม และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้ได้ทรยศต่อพระองค์
ข้อคิด
เราแต่ละคนได้รับการเชื้อเชิญให้มาติดตามและร่วมงานกับพระองค์ มาสานต่อภารกิจของพระองค์ ทุกวันนี้พระองค์ยังคงเรียกเราทั้งหลายอย่างต่อเนื่องให้ร่วมงานในพระศาสนจักร และทรงส่งเราออกไปเป็นประจักษ์พยานถึงคำสอนของพระองค์
วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม 2020 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนมกราคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันอังคาร, 17 ธันวาคม 2562 10:45
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1051
บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่หนึ่ง 1 ซมอ 18:6-9,และ 19:1-7
ในครั้งนั้น เมื่อบรรดาทหารกลับไปบ้านหลังจากที่ดาวิดฆ่าชาวฟีลิสเตียผู้นั้นแล้ว บรรดาสตรีได้ออกจากทุกเมืองของอิสราเอลมารับเสด็จกษัตริย์ซาอูล เขาร้องเพลงเริงระบำ เล่นรำมะนา ส่งเสียงร้องด้วยความยินดีและเล่นเครื่องดนตรีอื่นๆ บรรดาสตรีพากันเต้นรำและขับร้องรับกันว่า
“ซาอูลฆ่าศัตรูเป็นพัน
ดาวิดฆ่าศัตรูเป็นหมื่น”
กษัตริย์ซาอูลทรงได้ยินบทเพลงนี้ก็ไม่พอพระทัย กริ้วมาก ตรัสว่า “เขายกย่องดาวิดว่าฆ่าศัตรูหลายหมื่น ส่วนเรา เขาว่าฆ่าศัตรูหลายพันเท่านั้น เขาจะให้อะไรแก่ดาวิด นอกจากจะให้ราชสมบัติ” ตั้งแต่วันนั้น กษัตริย์ซาอูลทรงอิจฉาดาวิดเรื่อยมา
กษัตริย์ซาอูลทรงแจ้งให้โยนาธานพระโอรส และข้าราชบริพารทุกคนรู้ว่าพระองค์ตั้งพระทัยจะฆ่าดาวิด แต่โยนาธานพระโอรสของกษัตริย์ซาอูลทรงรักดาวิดมาก โยนาธานจึงทรงนำข่าวไปบอกดาวิดว่า “ซาอูลพระบิดาทรงพยายามจะฆ่าท่าน พรุ่งนี้เช้าจงระวังตัวให้ดี จงไปซ่อนให้ลับตาและคอยอยู่ที่นั่น ฉันจะพาพระบิดาออกไปยืนในทุ่งที่ท่านซ่อนอยู่ แล้วฉันจะถามพระบิดาเรื่องท่าน เมื่อฉันรู้อะไรแล้ว ก็จะบอกให้ท่านรู้”
โยนาธานตรัสยกย่องดาวิดให้ซาอูลพระบิดาฟังว่า “ขอกษัตริย์อย่าทำร้ายดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์เลย เขาไม่เคยทำผิดอย่างใดต่อพระองค์ ตรงกันข้ามเขากลับทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อพระองค์อย่างมาก เขาเสี่ยงชีวิต เมื่อฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนั้น และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ชาวอิสราเอลมีชัยชนะยิ่งใหญ่ พระบิดาทรงเห็น ก็ยังทรงยินดี แล้วพระองค์จะยังทรงทำผิดต่อโลหิตของผู้บริสุทธิ์ ฆ่าดาวิดโดยไม่มีเหตุผลอีกหรือ” กษัตริย์ซาอูลทรงฟังโยนาธานพูดแล้วทรงสาบานว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนมชีพอยู่ฉันใด เราจะไม่ฆ่าดาวิดฉันนั้น” โยนาธานจึงทรงเรียกดาวิด มาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แล้วทรงพาดาวิดไปเฝ้าซาอูล ดาวิดก็รับราชการตามเดิม
สดด 56:1-3,8-9,11,12-13
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 3:7-12
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปยังทะเลสาบกับบรรดาศิษย์ ผู้คนหมู่ใหญ่จากแคว้นกาลิลีติดตามพระองค์ ผู้คนจากแคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากแคว้นอิดูเมอา จากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน และจากบริเวณเมืองไทระและไซดอนเป็นหมู่ใหญ่ ได้ยินสิ่งที่ทรงกระทำก็มาเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสสั่งบรรดาศิษย์ให้จัดเรือไว้ลำหนึ่ง เพื่อประชาชนจะได้ไม่เบียดเสียดพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก จนบรรดาผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆ เบียดเสียดกันเข้ามาเพื่อสัมผัสพระองค์ เมื่อปีศาจทั้งหลายเห็นพระองค์ ก็กราบลง พลางตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงกำชับอย่างแข็งขันมิให้มันแพร่งพรายว่าพระองค์เป็นใคร
ข้อคิด
มีผู้คนจำนวนมากติดตามพระองค์ จนกระทั่งพระองค์และบรรดาศิษย์แทบไม่มีเวลาในการพักผ่อน เพราะพระองค์ทรงรักษาคนเป็นจำนวนมาก ทุกคนที่เข้ามาสัมผัสพระองค์ ได้รับการรักษาให้หายเราคริสตชนทุกคนก็เช่นเดียวกันจะต้องไม่ละสายตาไปจากพระองค์ เพื่อเราแต่ละคนจะได้รับการเยียวยารักษา และจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ทางพระวาจาที่เราได้มีโอกาสรับฟังและอ่านแต่ละวันเสมอ
วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2020 ฉลองการกลับใจของนักบุญเปาโล อัครสาวก
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนมกราคม 2020
- เผยแพร่เมื่อ วันอังคาร, 17 ธันวาคม 2562 10:41
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 989
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 22:3-16
เวลานั้น เปาโลจึงกล่าวกับประชาชนว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิว เกิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซีลีเซีย แต่เติบโตในเมืองนี้ กามาลิเอลเป็นอาจารย์สอนข้าพเจ้าให้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้าด้วยความกระตือรือร้นอยู่เสมอเช่นเดียวกับที่ท่านทั้งหลายปฏิบัติอยู่ในวันนี้ ผู้ที่ดำเนินตามวิถีทางนี้ เคยถูกข้าพเจ้าเบียดเบียนถึงตาย ข้าพเจ้าจับกุมทั้งชายและหญิงจองจำไว้ในคุก ดังที่มหาสมณะและสภาผู้อาวุโสทุกคนเป็นพยานยืนยันได้ เพราะเขามอบจดหมายให้ข้าพเจ้านำไปให้แก่บรรดาพี่น้องชาวยิวที่เมืองดามัสกัส ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางเพื่อไปจับกุมบรรดาคริสตชนซึ่งอยู่ที่นั่น นำกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อลงโทษ
เวลาประมาณเที่ยงวัน ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม’
ข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร’
พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธ ซึ่งเจ้ากำลังเบียดเบียนอยู่’ คนที่อยู่กับข้าพเจ้าเห็นแสงสว่าง แต่ไม่ได้ยินเสียงคนที่พูดกับข้าพเจ้า
แล้วข้าพเจ้าถามอีกว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไร’
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึ้น เข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นจะมีคนบอกทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดให้เจ้าทำ’ แสงนั้นสว่างจ้าจนข้าพเจ้ามองไม่เห็นสิ่งใด ผู้ร่วมเดินทางกับข้าพเจ้าจึงจูงมือข้าพเจ้าเข้าไปในเมืองดามัสกัส
ชายคนหนึ่งชื่ออานาเนีย เป็นผู้ยำเกรงพระเจ้าและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ เป็นที่เคารพนับถือของชาวยิวทุกคนซึ่งอยู่ที่นั่น เขามาพบข้าพเจ้า ยืนใกล้ๆ พูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล น้องเอ๋ย จงกลับมองเห็นเถิด’ และในเวลานั้นเองข้าพเจ้าก็มองเห็นเขา
อานาเนียบอกข้าพเจ้าว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงเลือกสรรท่านให้รู้พระประสงค์ของพระองค์ ให้เห็นพระคริสตเจ้าผู้ทรงชอบธรรมและได้ยินพระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพราะท่านจะเป็นพยานของพระองค์ยืนยันสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยินแก่มนุษย์ทุกคน บัดนี้ท่านรออะไรอยู่อีก จงลุกขึ้น รับศีลล้างบาปและเรียกขานพระนามพระองค์ชำระล้างบาปของท่านเถิด’”
สดด 117:1-2
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 16:15-18
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์กับอัครสาวกสิบเอ็ดคน ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย”
ข้อคิด
พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับเราเช่นกัน เหมือนกับที่ตรัสกับบรรดาอัครสาวกของพระองค์ ให้เราประกาศข่าวดีของพระองค์ ด้วยการแสดงออกจากคำพูดและการกระทำ การเอาใจใส่ทุกๆ คน มีส่วนร่วมในความทุกข์ยาก ความโดดเดี่ยว และบุคคลที่ถูกทอดทิ้ง โดยนำพระวาจาของพระองค์ ในการขับไล่ปลดปล่อยให้เราหลุดพ้นจากพันธนาการต่างๆในโลกนี้เหมือนกับท่านนักบุญเปาโลที่ได้พบปะกับพระเยซูเจ้า และทำให้ท่านได้หลุดพ้นจากพันธนาการของโลก และดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น