มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2017 ระลึกถึง น.กลารา พรหมจารี

บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ                             ฉธบ 4:32-40
     จงดูอดีตก่อนที่ท่านทั้งหลายจะเกิด ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดิน จงตรวจตราจากปลายหนึ่งถึงอีกปลายหนึ่งของโลกว่ามีอะไรยิ่งใหญ่เท่านี้เคยเกิดขึ้นหรือไม่ มีใครเคยได้ยินเรื่องใดที่เหมือนเรื่องนี้หรือไม่ เคยมีประชากรใดบ้างที่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสจากกองไฟ ดังที่ท่านได้ยินและมีชีวิตรอดได้ หรือเคยมีพระเจ้าองค์ใดบ้างที่ทรงกล้าเลือกชนชาติหนึ่งออกจากอีกชนชาติหนึ่ง ทรงใช้การทดลองเครื่องหมายอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์และสงคราม ทรงใช้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์และพระอานุภาพยิ่งใหญ่บันดาลให้ทุกคนหวาดกลัว ดังที่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านทรงกระทำในอียิปต์ต่อหน้าท่าน
    พระองค์ทรงสำแดงปรากฏการณ์เหล่านี้ให้ท่านรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าและไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงให้ท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากสวรรค์เพื่อทรงสอนท่าน พระองค์ทรงให้ท่านเห็นกองไฟกองใหญ่บนแผ่นดิน และให้ท่านได้ฟังพระวาจาจากกลางกองไฟนั้น พระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของท่าน จึงทรงเลือกลูกหลานที่จะตามมาภายหลัง และทรงใช้พระอานุภาพยิ่งใหญ่นำท่านออกจากอียิปต์ด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงขับไล่ชนชาติที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากกว่าท่าน ออกไปต่อหน้าท่าน เพื่อทรงนำท่านเข้าสู่แผ่นดินและมอบให้เป็นมรดก ดังที่ยังคงเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้
    ดังนั้น ในวันนี้ จงรู้และจำใส่ใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้า ทั้งในสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่าง และไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก ท่านจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและบทบัญญัติของพระองค์ที่ข้าพเจ้ามอบให้ท่านในวันนี้ แล้วท่านกับลูกหลานที่จะตามมาในภายหลังจะอยู่อย่างมีความสุข จะอยู่เป็นเวลานานในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านทรงมอบให้เป็นของท่านตลอดไป

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 16:24-28
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวิต มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิต มนุษย์จะต้องให้สิ่งใดเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา”
“บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความประพฤติของเขา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์”

 

ข้อคิด
     กำไรสองอย่างที่มนุษย์มุ่งแสวงหา อย่างที่หนึ่งคือกำไรในทรัพย์สมบัติของโลก และอย่างที่สองคือกำไรในชีวิตนิรันดร กำไรในโลกอยู่ได้ชั่วชีวิตของเรา ส่วนกำไรสวรรค์นั้นจะอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ เรามนุษย์ฉลาดพอที่จะเลือกหรือไม่ “จะเป็นประโยชน์อันใดที่จะได้โลกทั้งโลก แต่เสียวิญญาณ”

วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2017 น.ฌาน ฟรังซัวส์ เดอ ชังตาล นักบวช

บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ                              ฉธบ 6:4-13
     อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นพระเจ้าของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้ามีเพียงพระองค์เดียว ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน สุดจิตใจ สุดวิญญาณ และสุดกำลังของท่าน ถ้อยคำเหล่านี้ที่ข้าพเจ้ามอบให้ท่านในวันนี้ จะต้องอยู่ในใจของท่าน ท่านจะต้องพร่ำสอนบรรดาบุตรของท่าน ด้วยถ้อยคำเหล่านี้ ทั้งเวลานั่งอยู่ในบ้าน และเดินตามถนน ทั้งเวลาไปนอนและตื่นนอน ท่านจะต้องผูกไว้ที่มือเป็นเครื่องหมาย คาดไว้ที่หน้าผาก ท่านจะต้องเขียนไว้ที่เสาประตูบ้านของท่านและที่ประตูเมือง
     องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านจะทรงนำท่านเข้าไปในแผ่นดินที่พระองค์ทรงสาบานไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบบรรพบุรุษของท่านว่าจะประทานให้ท่าน พระองค์จะทรงนำท่านเข้าไปในเมืองใหญ่และรุ่งเรืองที่ท่านไม่ได้สร้าง ในบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยของดีๆ ที่ท่านไม่ได้สะสมไว้ มีบ่อน้ำที่ท่านไม่ได้ขุด มีสวนองุ่นและสวนมะกอกเทศที่ท่านไม่ได้ปลูก เมื่อท่านได้กินจนอิ่มแล้ว จงจำใส่ใจ อย่าลืมองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ให้พ้นจากการเป็นทาส ท่านจะต้องยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ท่านจะต้องกราบไหว้พระองค์และสาบานโดยออกพระนามพระองค์เท่านั้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 17:14-20
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคนมาพบประชาชน ชายผู้หนึ่งเข้ามาเฝ้าพระองค์ คุกเข่าลงทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดสงสารลูกชายของข้าพเจ้าเถิด เขาเป็นโรคลมชัก ทนทรมานมาก เคยตกไฟตกน้ำหลายครั้ง ข้าพเจ้าพาเขามาหาศิษย์ของพระองค์ แต่เขารักษาให้หายไม่ได้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก และชั่วร้าย เราจะต้องอยู่กับพวกท่านอีกนานเท่าใด จะต้องทนพวกท่านอีกนานเท่าใด พาเด็กมาพบเราที่นี่เถิด” พระเยซูเจ้าทรงขู่ปีศาจ มันจึงออกไปจากเด็ก เด็กก็หายเป็นปกติตั้งแต่นั้น บรรดาศิษย์จึงเข้าเฝ้าพระเยซูเจ้าเป็นการส่วนตัว ทูลถามว่า “ทำไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้” พระองค์ตรัสว่า “เพราะท่านมีความเชื่อน้อย เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อสักเท่าเมล็ดมัสตาร์ด แล้วพูดกับภูเขานี้ว่า ‘จงย้ายจากที่นี่ ไปที่โน่น’ มันก็จะย้ายไป และไม่มีอะไรที่ท่านจะทำไม่ได้”

 

ข้อคิด
     โมเสสท่องบท”เชมาอิสราเอล” ซึ่งเริ่มต้นด้วย “จงรักพระเจ้าด้วยสุดดวงใจ” เป็นบทที่เด็กยิวทุกคนท่องขึ้นใจและเป็นบทสุดท้ายที่ชาวยิวเอ่ยก่อนตาย ถ้าเขายังรู้สึกตัวในหนังสือประกาศกมีคาห์ 6.8 “อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิดว่าพระเจ้าปรารถนาอะไรจากเจ้า สิ่งนั้นคือ เจ้าจะต้องมีพระเจ้าแต่ผู้เดียว เจ้าจะต้องรักพระองค์สุดดวงใจ รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง และจงเดินต่อหน้าพระเจ้าด้วยใจสุภาพ”
2 เมื่อพระเยซูเจ้าไล่ผีออกจากเด็กแล้ว พระองค์บอกว่า ถ้าเรามีความเชื่อเท่าเมล็ดงา เราก็จะสามารย้ายภูเขาได้. ทุกวันนี้ ความเชื่อของเราก็ทำอัศจรรย์หลายอย่าง เช่นอาศัยความเชื่อพาเราไปหาพระเจ้าทุกอาทิตย์เพื่อรับพลังจากพระองค์ ความเชื่อทำให้เรายอมรับคนอื่นเป็นพี่น้องเรา ฯลฯ

วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2017 ระลึกถึง น.มักซีมีเลียน มารีย์ กอลเบ พระสงฆ์และมรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ                             ฉธบ 10:12-22
     บัดนี้ อิสราเอลเอ๋ย องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านทรงประสงค์สิ่งใดจากท่าน พระองค์ทรงประสงค์ให้ท่านยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ให้เดินตามทุกวิถีทางของพระองค์ ให้รัก และรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจและสุดวิญญาณ ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและข้อกำหนดที่ข้าพเจ้ามอบให้ท่านในวันนี้ เพื่อความดีของท่าน
ดูซิ สวรรค์ และสวรรค์สูงสุด เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน แผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้นก็เป็นของพระองค์ด้วย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงรักบรรพบุรุษของท่านยิ่งกว่าผู้อื่น ทรงรักเขาและต่อมาทรงเลือกบุตรหลานของเขาคือท่านทั้งหลายจากชนชาติทั้งปวง ดังที่ทรงรักท่านจนถึงวันนี้ ดังนั้น จงเข้าสุหนัตในใจ และอย่าดื้อรั้นอีกต่อไป เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้าเหนือเทพเจ้าใดๆ ทั้งสิ้น ทรงเป็นเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งปวง ทรงเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่ ทรงพระอานุภาพและน่าสะพรึงกลัว พระองค์ไม่ทรงลำเอียง ไม่ทรงรับสินบน ทรงให้ความยุติธรรมแก่ลูกกำพร้าและหญิงม่าย ทรงรักคนต่างด้าว ประทานอาหารและเสื้อผ้าแก่เขา ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงรักคนต่างด้าวเถิด เพราะครั้งหนึ่ง ท่านก็เคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินอียิปต์ด้วย จงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์เพียงพระองค์เดียว จงซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และจงสาบานในพระนามพระองค์เท่านั้น จงสรรเสริญพระองค์เถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน พระองค์ทรงกระทำการยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวที่ท่านได้เห็นกับตา เมื่อบรรพบุรุษของท่านลงไปยังอียิปต์ มีจำนวนเพียงเจ็ดสิบคนเท่านั้น แต่บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้ทรงบันดาลให้ท่านทวีจำนวนมากมายดุจดวงดาวในท้องฟ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 17:22-27
     เวลานั้น เมื่อบรรดาศิษย์ชุมนุมอยู่กับพระเยซูเจ้าในแคว้นกาลิลี พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย และถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม บุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพ” บรรดาศิษย์รู้สึกเป็นทุกข์ยิ่งนัก
เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ ผู้เก็บภาษีบำรุงพระวิหารเข้ามาหาเปโตร ถามว่า “อาจารย์ของท่านไม่เสียเงินบำรุงพระวิหารหรือ”
เปโตรตอบว่า “เสียซิ” เมื่อเปโตรเข้าไปในบ้าน พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาก่อนว่า “ซีโมน ท่านมีความเห็นอย่างไร กษัตริย์ในโลกนี้ทรงเก็บภาษีจากใคร จากโอรสธิดาหรือจากคนอื่น” เปโตรทูลตอบว่า “จากคนอื่น” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ถ้าเช่นนั้นโอรสธิดาย่อมได้รับการยกเว้น แต่เพื่อมิให้ใครตำหนิเรา ท่านจงไปที่ทะเล หย่อนเบ็ดลงไป จับปลาตัวแรกที่ตกได้ เปิดปากปลา ท่านจะพบเงินหนึ่งเหรียญ จงนำเงินนั้นไปเสียภาษีเพื่อเราและท่านเถิด”

 

ข้อคิด
     พระเจ้าให้ดูอดีตว่า ยิวไปอยู่อียิปต์ครั้งแรก 70 คน แต่หลังจากนั้นพระองค์บันดาลให้ทวีจำนวนมากดุจดวงดาวในท้องฟ้า ทุกวันนี้ พระองค์ทรงสนใจและรักทุกชีวิต พระองค์ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง แต่ปรารถนาให้ทุกคนเลียนแบบอย่างพระองค์

2 คุณพ่อมักซีมีเลี่ยนเลียนแบบอย่างพระคริสตเจ้าได้ดีที่สุด ยอมแลกชีวิตของตนกับคนๆหนึ่งที่มีครอบครัว พ่อเดินเข้าห้องแก๊สโดยไม่สะทกสะท้านหรือเสียดายชีวิต พ่อเห็นพระบิดารอรับพ่อหลังห้องรมแก๊ส.

วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2017 สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่หนึ่ง                    1 พกษ 19:9ก, 11-13ก
     ที่นั่น เอลียาห์เข้าไปค้างคืนในถ้ำ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงออกไปยืนอยู่บนภูเขาเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เสด็จผ่านมา ทรงบันดาลให้เกิดลมพัดแรงกล้า ผ่าภูเขาทำให้หินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ประทับอยู่ในลมนั้น เมื่อลมหยุดก็เกิดแผ่นดินไหว แต่องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ประทับอยู่ในแผ่นดินไหว หลังจากแผ่นดินไหวก็เกิดไฟลุก แต่องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ประทับอยู่ในไฟนั้น หลังจากไฟก็มีเสียงกระซิบเบาๆ เมื่อเอลียาห์ได้ยิน ก็เอาเสื้อคลุมปิดหน้าไว้ ออกมายืนอยู่ที่ปากถ้ำ

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม      รม 9:1-5
     พี่น้อง ข้าพเจ้าพูดความจริงในพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าไม่มุสา มโนธรรมของข้าพเจ้าและพระจิตเจ้าร่วมเป็นพยานได้ว่า ข้าพเจ้ามีความเศร้าโศกใหญ่หลวง และมีความทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลา ข้าพเจ้ายินดีถูกสาปแช่ง ถูกตัดขาดจากพระคริสตเจ้า ถ้าหากจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องของข้าพเจ้าซึ่งมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน พี่น้องเหล่านี้คือชาวอิสราเอล ที่ได้เป็นบุตรบุญธรรม ได้รับเกียรติ พันธสัญญา ธรรมบัญญัติ รวมทั้งศาสนพิธีและพระสัญญาต่างๆ พวกเขามีบรรพบุรุษเป็นต้นตระกูลของพระคริสตเจ้าตามธรรมชาติมนุษย์ พระองค์ทรงอยู่เหนือสรรพสิ่ง เป็นพระเจ้าและทรงได้รับการถวายสดุดีตลอดนิรันดร อาเมน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 14:22-33
     ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามทะเลสาบล่วงหน้าพระองค์ไปในขณะที่พระองค์ทรงจัดให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนาตามลำพัง ครั้นเวลาค่ำ พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรืออยู่ห่างจากฝั่งหลายร้อยเมตร กำลังแล่นโต้คลื่นอย่างหนักเพราะทวนลม เมื่อถึงยามที่สี่พระองค์ทรงดำเนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ เมื่อบรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงดำเนินอยู่บนทะเลดังนั้น ต่างตกใจมากกล่าวว่า “ผีมา” และส่งเสียงอื้ออึงด้วยความกลัว
     ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตร ทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนน้ำไปหาพระองค์เถิด”
พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนน้ำไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็กลัวและเริ่มจมลง แล้วร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย”
     ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง สงสัยทำไมเล่า” เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นมาประทับในเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนที่อยู่ในเรือจึงเข้ามากราบนมัสการพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง”

 

ข้อคิด
     เราเห็นใจเด็ดเดียวของน.เปาโลกที่รักเพื่อนร่วมชาติจนถึงกับยอมถูกตัดขาดจากพระคริสต์เพื่อให้พี่น้องชาวยิวเอาตัวรอด เป็นการเสียสละที่เลียนแบบอย่างพระคริสต์
0 พระเจ้าประทับกับมนุษย์ในทุกสถานการณ์ของชีวิต. พระเจ้ารักเราและอยู่เคียงข้างเราเสมอ เวลามีปัญหา พระองค์ตรัสกับเราว่า “อย่ากลัว พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างแล้ว”

วันอังคารที่ 15 สิงหาคม 2017 สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ                             ฉธบ 31:1-8
     ในครั้งนั้น โมเสสกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้แก่ชาวอิสราเอลทุกคนว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้าอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีแล้ว ไม่อาจเป็นผู้นำท่านได้อีกต่อไป นอกจากนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้ายังตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ท่านจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้” องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะทรงนำหน้าท่านข้ามแม่น้ำนี้จะทรงทำลายชนชาติต่างๆ ที่อยู่ต่อหน้าท่านและท่านจะเข้าครอบครองแผ่นดินของเขา โยชูวาจะเป็นผู้นำท่านข้ามไป ดังที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำกับชนชาติเหล่านี้ ดังที่ได้เคยทรงกระทำกับสิโหนและโอก กษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ที่พระองค์ทรงทำลายพร้อมกับแผ่นดินของเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบชนชาติเหล่านี้ไว้ใต้อำนาจของท่าน ท่านจะต้องจัดการกับเขาตามคำสั่งทุกข้อที่ข้าพเจ้าสั่งท่านไว้ จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวเลย อย่าครั่นคร้ามเขาเลย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจะเสด็จไปกับท่าน พระองค์จะไม่ทรงทำให้ท่านผิดหวังหรือทอดทิ้งท่าน”
     แล้วโมเสสเรียกโยชูวามากล่าวกับเขาต่อหน้าชาวอิสราเอลทุกคนว่า “จงเข้มแข็ง และกล้าหาญเถิด ท่านจะเป็นผู้นำประชากรนี้เข้าไปในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสาบานไว้กับบรรดาบรรพบุรุษว่าจะประทานให้เขา ท่านจะต้องทำให้เขาได้ครอบครองแผ่นดิน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จนำหน้าท่าน พระองค์จะสถิตกับท่าน จะไม่ทรงทำให้ท่านผิดหวังหรือทอดทิ้งท่าน อย่ากลัวและอย่าท้อแท้เลย”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 18:1-5,10,12-14
     ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์” พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึ่งให้มายืนอยู่กลางกลุ่มพวกเขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์”
“ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา”
“จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นคนธรรมดาๆ เหล่านี้คนใดเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า ตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์ของเขาเฝ้าชมพระพักตร์ พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์”
“ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วแกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง เขาจะไม่ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ”
“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่ายินดีในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง”
“พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป”

 

ข้อคิด
     1 หลังจากที่พระเจ้าแจ้งว่า โมเสสจะไม่ได้เข้าดินแดนพระสัญญา ท่านให้กำลังใจชาวยิวว่า “อย่ากลัว พระเจ้าเดินไปกับพวกท่าน”
พระเยซูเจ้าตรัสกับศิษย์ว่า อย่ากลัว เราอยู่กับท่านเสมอไปจนสิ้นพิภพ
     2พระเยซูเจ้าบอกศิษย์ว่า “ท่านต้องเป็นเหมือนเด็กๆ” มีผู้เขียนบรรยายเรื่องของเด็กว่า “เด็กๆรู้จักพระหรรษทานของพระเจ้ามากกว่าผู้ใหญ่หลายคน. พวกเขามองเห็นโลกดังรุ่งอรุณนำความหวังมาให้เขา เป็นสิ่งใหม่ สดชื่น และน่าพิศวง” ซึ่งตรงกับที่พระเยซูเจ้าตรัสคือ “ถ้าท่านไม่เปลี่ยนเป็นเหมือนเด็กๆ ท่านจะเข้าสู่พระอาณาจักรสวรรค์มิได้เลย”

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown