มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2016 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                    อสย 26:1-6
    วันนั้น ทุกคนในแผ่นดินยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ “พวกเรามีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึ่ง พระองค์ทรงสร้างกำแพงและเชิงเทินไว้เพื่อปกป้อง จงเปิดประตูเมืองเถิด ประชาชาติที่ชอบธรรมซึ่งรักษาความซื่อสัตย์ไว้จะได้เข้ามา พระองค์ทรงรักษาชนชาติที่มีใจมั่นคงให้อยู่ในสันติ เขาอยู่ในสันติ เพราะวางใจในพระองค์ จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร เพราะพระองค์ทรงกดผู้อยู่บนที่สูงให้ต่ำลง ทรงทำลายเมืองบนที่สูงให้ราบถึงพื้นดิน กลายเป็นฝุ่นดิน เท้าที่เหยียบเมืองนั้นคือเท้าของผู้ถูกกดขี่ คนยากจนจะเดินเหยียบย่ำเมืองนั้น”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                       มธ 7:21,24-27
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “คนที่กล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้
    ผู้ใดฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน ฝนจะตก น้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน
ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตามก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก น้ำไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มันก็พังทลายลงและเสียหายมาก”

 

ข้อคิด
    ความคิดเห็นช่างมากมายในสังคมของมนุษย์ แต่อันใดเล่าเป็นของพระผู้เป็นเจ้า? ท่านเลือกถูกอันไหม? และจะไปหาได้ที่ไหนกัน? ความหลากหลายนั้นเป็นมาจากความแตกต่างในหมู่มนุษย์มิใช่หรือ เขาเป็นและคิดอย่างไร เขาก็แสดงความคิดเห็นไปตามนั้น ไว้ใจได้บ้าง ไว้ใจไม่ได้บ้าง ที่แน่นอนมั่นคงและเป็นหลักประกันได้ว่าจะไม่ผิดหลง คือความคิดเห็นที่มาจากพระเจ้าผู้เป็นศิลานิรันดรยังไงเล่า หาได้ในวัด ในการสวดภาวนาเพื่อหาน้ำพระทัยจะได้ปฏิบัติตาม เราจึงจะเลือกได้ถูกอัน หาได้ในพระวาจาของพระเจ้าที่อ่านและฟังด้วยความเชื่อ มีรอเราอยู่เสมอในพิธีมิสซา ให้เราสร้างบ้านแห่งชีวิตไว้บนนั้นเถิด คุณๆที่รักทั้งหลาย

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2016 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                    อสย 29:17-24
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ในไม่ช้า เลบานอนจะเปลี่ยนเป็นสวนผลไม้ และสวนผลไม้จะกลายเป็นป่ามิใช่หรือ วันนั้น คนหูหนวกจะได้ยินถ้อยคำของหนังสือ ตาของคนตาบอดจะหายมืดมัวกลับมองเห็นได้ คนถ่อมตนจะยินดียิ่งขึ้นอีกในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ยากจนจะชื่นชมในพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล เพราะจะไม่มีทรราชอีก คนชอบเยาะเย้ยจะสูญหายไป คนทั้งหลายที่หาโอกาสทำความชั่วจะถูกกำจัด คือผู้พูดใส่ความคนอื่น ผู้วางบ่วงไว้ดักผู้พิพากษาที่ประตูเมืองและปั้นเรื่องขึ้นทำลายผู้ชอบธรรม”
     ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่อับราฮัมตรัสกับเชื้อสายของยาโคบดังนี้ “ตั้งแต่นี้ไป ยาโคบจะไม่ต้องอับอายอีก ใบหน้าของเขาจะไม่ซีดลงอีกต่อไป เพราะเมื่อเขาเห็นลูกหลานของตน ซึ่งเป็นผลงานจากมือของเรากลับมาอยู่กับเขาอีก เขาจะยอมรับว่านามของเราศักดิ์สิทธิ์ เขาทั้งหลายจะยอมรับว่าพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของยาโคบทรงความศักดิ์สิทธิ์ และจะยำเกรงพระเจ้าแห่งอิสราเอล จิตใจที่หลงผิดจะได้รับความเข้าใจ และผู้ที่เคยบ่นจะยอมรับคำสั่งสอน”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 9:27-31
      ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จออกจากที่นั่น คนตาบอดสองคนตามพระองค์ไป ร้องตะโกนว่า “โอรสของกษัตริย์ดาวิด โปรดเมตตาเราเถิด” เมื่อเสด็จมาถึงบ้าน คนตาบอดเข้ามาเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสถามว่า “ท่านเชื่อว่าเราทำเช่นนั้นได้หรือ” เขาทั้งสองคนตอบว่า “เชื่อ พระเจ้าข้า”
พระองค์จึงทรงสัมผัสตาของเขา ตรัสว่า “จงเป็นไปตามที่ท่านเชื่อเถิด” แล้วตาของเขาทั้งสองคนก็เริ่มมองเห็น พระเยซูเจ้าทรงกำชับเขาอย่างเข้มงวดว่า “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เรื่องนี้” แต่เมื่อทั้งสองคนออกไปก็ประกาศเรื่องของพระองค์ทั่วแคว้นนั้น

 

ข้อคิด
     พฤติกรรมของคนที่ชอบทำตัวเป็นทรราชย์ล้วนเป็นเรื่องการผิดต่อความยุติธรรม ผิดต่อความรักและความเมตตา ชอบโกงความดีของคนอื่น....ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พระเป็นเจ้าไม่ชอบทั้งสิ้น และกิจการของเขาตามบทเรียนในประวัติศาสตร์ล้วนเป็นการเดินเข้าไปสู่การทำลายตัวเองทั้งสิ้น แต่สองข้างทางของเขาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา หยาดเหงื่อ และชีวิตของผู้เสียหายจากการกระทำของเขามากมายก่ายกอง ภาพเหล่านี้พระเป็นเจ้าจะทรงอยู่เฉยได้หรือ? ท่านจงวางใจในพระเป็นเจ้าเถิดนะ อย่าไปแสวงหาการแก้แค้น แต่จงให้อภัย เมื่อท่านทำดังนี้ได้ พระเป็นเจ้าจะเป็นผู้ทรงให้ความยุติธรรมแทนท่าน กุญแจแก้ไขปัญหาจึงอยู่ที่ท่านมีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าทรงบังคับการอยู่เสมอในครอบจักรวาลนี้ทีเดียว

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2016 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                    อสย 11:1-10
     หน่อหนึ่งจะแตกออกจากตอของเจสซี กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นจากรากของเขา พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะพำนักอยู่เหนือเขา คือจิตแห่งปรีชาญาณและความเข้าใจ จิตแห่งความคิดอ่านและอานุภาพ จิตแห่งความรู้และความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะพอใจยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า จะไม่พิพากษาตามที่ตาเห็น จะไม่ตัดสินตามที่หูได้ยิน แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความชอบธรรม จะตัดสินอย่างเที่ยงธรรมเพื่อผู้ถูกข่มเหงในแผ่นดิน คำพูดของเขาจะเป็นเหมือนไม้เรียวที่เฆี่ยนตีผู้คนบนแผ่นดิน ลมปากของเขาจะประหารชีวิตคนอธรรม
ความชอบธรรมจะเป็นดังผ้าคาดสะเอว ความซื่อสัตย์จะเป็นเหมือนเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ เสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคและลูกสิงโตจะหากินอยู่ด้วยกัน เด็กคนหนึ่งก็ยังนำมันไปได้ แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูกของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนโคเพศผู้ ทารกที่ยังไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า เด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางที่รังของงูพิษ จะไม่มีผู้ใดทำร้ายหรือทำลาย ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะแผ่นดินจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสมบูรณ์ ดั่งน้ำปกคลุมทะเล
วันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายสำหรับประชาชนทั้งหลาย จะเป็นที่แสวงหาของนานาชาติ และจะมีที่พำนักอย่างรุ่งโรจน์

เพลงสดุดี                                                                             สดด 72:1,7-8,12-13,17
     ก) ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานวิจารณญาณของพระองค์แด่พระราชา
และประทานความเที่ยงธรรมของพระองค์แก่พระโอรสของพระราชาด้วย
     ข) ในรัชสมัยของพระราชา ขอให้ความชอบธรรมเจริญงอกงาม
และมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งตราบสิ้นแสงจันทร์
ขอให้พระอาณาจักรแผ่ขยายจากทะเลจรดทะเล
จากแม่น้ำจนสุดปลายแผ่นดิน
     ค) ขอพระราชาทรงปลดปล่อยผู้ขัดสนที่ร้องหาพระองค์
และทรงช่วยคนยากจนที่ไม่มีผู้ช่วยให้รอดพ้น
ขอทรงสงสารผู้อ่อนแอและผู้ขัดสน
ทรงช่วยผู้ขาดแคลนให้รอดจากความตาย
     ง) ขอพระนามของพระราชาคงอยู่ตลอดไป
ขอพระนามพระองค์คงอยู่ตราบสิ้นแสงตะวัน
ขอให้ชนทุกเผ่าพันธุ์ในโลกนี้ได้รับพรเดชะพระองค์
และนานาชาติประกาศว่าพระราชาทรงเกษมสุข

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม          รม 15:4-9
     พี่น้อง สิ่งที่เขียนไว้ก่อนนั้นก็เขียนไว้สำหรับสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังอาศัยความอดทนพากเพียรและการปลอบใจที่มาจากพระคัมภีร์ ขอให้พระเจ้าผู้ประทานความพากเพียรและการปลอบใจ โปรดให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู เพื่อท่านจะได้พร้อมใจกันและเปล่งวาจาเป็นเสียงเดียวกัน ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงเป็นบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ดังนั้น ท่านจงยอมรับกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงยอมรับท่านเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า พระคริสตเจ้าทรงยอมเป็นผู้รับใช้พวกที่เข้าสุหนัต เพราะทรงเห็นแก่ความสัตย์จริงของพระเจ้า เพื่อยืนยันพระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรพบุรุษ ส่วนคนต่างชาตินั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้าเพราะพระเมตตาของพระองค์ ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางนานาชาติ ร่วมขับร้องสดุดีพระนามพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 3:1-12
    ในครั้งนั้น ยอห์นผู้ทำพิธีล้างมาประกาศสอนในถิ่นทุรกันดารแห่งยูเดีย ยอห์นกล่าวว่า “จงกลับใจเถิด อาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” ยอห์นผู้นี้คือผู้ที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวถึงว่า
คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด”
     ยอห์นนุ่งห่มด้วยผ้าขนอูฐ มีสายหนังรัดเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร ประชาชนจากกรุงเยรูซาเล็ม จากทั่วแคว้นยูเดีย และจากทั่วเขตแม่น้ำจอร์แดนพากันไปพบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่น้ำจอร์แดนโดยสารภาพบาปของตน
     เมื่อยอห์นเห็นชาวฟาริสีและสะดูสีหลายคนมารับพิธีล้าง จึงกล่าวว่า “เจ้าสัญชาติงูร้าย ผู้ใดแนะนำเจ้าให้หนีการลงโทษที่กำลังจะมาถึง จงประพฤติตนให้สมกับที่ได้กลับใจแล้วเถิด อย่าอวดอ้างเองว่า “เรามีอับราฮัมเป็นบิดา” ข้าพเจ้าบอกท่านทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ก้อนหินเหล่านี้กลายเป็นลูกของอับราฮัมได้ บัดนี้ขวานกำลังจ่ออยู่ที่รากของต้นไม้แล้ว ต้นไม้ต้นใดที่ไม่เกิดผลดีจะถูกโค่นและโยนใส่ไฟ ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย เพื่อให้กลับใจ แต่ผู้ที่จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะถือรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและไฟ เขากำลังถือพลั่วอยู่แล้ว จะชำระลานนวดข้าวให้สะอาด จะรวบรวมข้าวใส่ยุ้ง ส่วนฟางนั้นเขาจะเผาทิ้งในไฟที่ไม่รู้ดับ”


ข้อคิด
     ให้เราพิจารณาถึงเรื่อง ความเชื่อ กับ วันเวลา พระคัมภีร์บันทึกเรื่องแผนการณ์ไถ่บาปที่มาจากพระเจ้า แต่มันกินเวลายาวนานเกินกว่าอายุของผู้บันทึกหลายเท่านัก ชีวิตหนึ่งผ่านพ้นไปแล้ว และอีกหลายชีวิตก็ผ่านพ้นตามกันไป นับเป็นหลายๆสิบศตวรรษ แต่...สังเกตหรือไม่ว่า แม้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่พระสัญญาที่เราต้องรับด้วยความเชื่อของเราเท่านั้น กลับยังคงอยู่ที่นั่นอย่างเด่นชัด ไม่คลอนแคลน แผนการณ์ของพระช่างต่อเนื่องไม่เคยขาด และเป็นเอกภาพอยู่เสมอ เชื่อได้ตลอดมา เราจึงสามารถสืบย้อนได้ว่า ในโลกนี้ใครเป็นใครในชีวิตของเรากันแน่? “จงกลับใจเถิด พระอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว”

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2016 ฉลอง น.ฟรังซิสเซเวียร์ พระสงฆ์ องค์อุปถมภ์ของมิสซัง

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง          1 คร 9:16-19,22-23
     พี่น้อง ในการประกาศข่าวดีข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำเป็นต้องประกาศอยู่แล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ เพราะถ้าข้าพเจ้าสมัครใจทำเอง ข้าพเจ้าก็จะได้รับค่าจ้าง แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้สมัครใจทำก็หมายความว่า ข้าพเจ้าเพียงแต่ทำงานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รางวัลใดเล่า รางวัลสำหรับข้าพเจ้าก็คือความภูมิใจที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีโดยไม่ใช้สิทธิ์ต่างๆ จากการประกาศข่าวดีนั้น แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใช้ทุกคน เพื่อเอาชนะใจผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
     ข้าพเจ้าทำตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ใช้ทุกวิถีทางช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับพระพรจากข่าวดีนี้ร่วมกับเขาเหล่านั้นด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                                 มก 16:15-20
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์กับอัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคนตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย”
     เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา


ข้อคิด
     เมื่อท่านไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ลืมตัวเองไป แล้วสนใจในการทำเพื่อสังคมหรือคนอื่นที่เดือดร้อน หรือทำเพื่อการประกาศพระเป็นเจ้า นั่นก็หมายความว่า ท่านมิได้หวังเอาอะไรจากโลกนี้มากนักแล้ว แรงจูงใจของท่านเลยไปถึงชีวิตหน้านิรันดรแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะดูแลคุ้มครองเรื่องของท่านในโลกนี้แทนท่าน

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2016 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                    อสย 35:1-10
     ถิ่นทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุ่งเวิ้งว้างจงเปรมปรีดิ์และผลิดอกเหมือนต้นดอกดิน สถานที่นี้จงผลิดอกอย่างอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยความยินดี เพราะได้รับสิริรุ่งโรจน์แห่งเลบานอน ได้รับความรุ่งเรืองแห่งภูเขาคารเมลและที่ราบชาโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา จงทำให้มือที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น จงทำให้หัวเข่าที่ซวนเซมีความมั่นคง
    จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมาเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะน้ำจะพุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร และลำธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง พื้นดินแห้งผากจะกลายเป็นสระน้ำ และดินที่ถูกแดดเผาจะกลายเป็นพุน้ำ รังที่อาศัยของหมาในจะกลายเป็นพงอ้อและป่าต้นกก ที่นั่นจะมีทางหลวงซึ่งจะเรียกว่า “มรรคาศักดิ์สิทธิ์” ผู้มีมลทินจะไม่เดินตามทางนี้ และคนโง่เขลาจะไม่หลงทางที่นั่น ที่นั่นจะไม่มีสิงโตอีกต่อไป จะไม่มีใครพบสัตว์ร้ายเดินตามทางนั้น แต่ผู้ที่ได้รับความรอดพ้นจะเดินที่นั่น ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมายังศิโยน พลางโห่ร้องด้วยความชื่นชม ความยินดีจะอยู่บนศีรษะของเขาตลอดไป ความชื่นบานและความยินดีจะติดตามเขา ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากเขา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                         ลก 5:17-26
     วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังทรงสั่งสอน บรรดาชาวฟาริสีและนักกฎหมายซึ่งมาจากทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลีและจากกรุงเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระอานุภาพให้พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคได้ ขณะนั้น มีผู้หามคนอัมพาตนอนบนแคร่เข้ามา พยายามหาช่องนำคนอัมพาตมาวางไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่เมื่อหาช่องนำคนอัมพาตเข้ามาไม่ได้เพราะมีคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนหลังคา แล้วหย่อนคนอัมพาตนั้นพร้อมทั้งที่นอนลงมาตามช่องกระเบื้องตรงกลางห้องเฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้า
     เมื่อพระองค์ทรงเห็นความเชื่อของเขาเหล่านั้น จึงตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่า “คนนี้เป็นใครกัน จึงกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัยบาปได้ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น” พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่าบุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้ พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า ‘เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่กลับไปบ้านเถิด’” ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง แบกแคร่ที่ตนนอนอยู่ กลับไปบ้านพลางสรรเสริญพระเจ้า ทุกคนต่างประหลาดใจถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและมีความกลัวมาก พูดกันว่า “วันนี้ เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง”

 

ข้อคิด
    คำสัญญาของพระเจ้าทุกคำจะเป็นจริง อุปสรรคอันเดียวที่ทำให้ผู้คนไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง ก็คือการที่ความเป็นมนุษย์ต้องอาศัยอยู่ในช่วงเวลายุคสมัยอยู่เสมอ เขาจึงไม่เห็นผลตามพระสัญญา เพราะเขาต้องตายไปก่อนเวลานั้นจะมาถึง แต่อย่างไรก็ตาม คำสัญญาของพระเจ้าจะเป็นจริงอย่างแน่นอน แม้กระทั่งวันนี้ วันที่คำสัญญายังไม่เป็นจริงในช่วงอายุของเขา ทั้งนี้เพราะเขาสามารถเข้าใจได้แล้วว่า ความยินดีนิรันดรนั้น เขาสามารถหาพบและครอบครองได้จริงในทุกอย่างที่เขาทนทุกข์เพื่อพระสิริมงคลของพระเจ้า เขาเอาชนะวันเวลาด้วยสิ่งเดียวกันกับที่พระเยซูคริสตเจ้าใช้บนไม้กางเขน

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown