มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2016 น.เปโตร คานีซีอัส พระสงฆ์และนักปราชญ์

บทอ่านจากหนังสือเพลงซาโลมอน                                      พซม 2:8-14
     ฟังซิ เสียงที่รักของดิฉัน เขากำลังมา กำลังกระโดดอยู่บนภูเขา กำลังกระโดดข้ามเนินเขา ที่รักของดิฉันเป็นเหมือนละมั่งหรือเหมือนลูกกวาง ดูซิ เขากำลังยืนอยู่หลังกำแพงของเรา มองเข้ามาทางหน้าต่าง ลอบมองผ่านลูกกรงเข้ามา ที่รักของดิฉันเริ่มพูดกับดิฉันว่า “ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถอะ คนสวยของฉันเอ๋ย จงมาเถิด ดูซิ ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว ฝนก็วายและจบสิ้นไปแล้ว
     ดอกไม้ต่างๆ ปรากฏขึ้นมาบนแผ่นดิน เวลาสำหรับร้องเพลงมาถึงแล้ว เสียงคูของนกเขาก็ได้ยินในแผ่นดินของเรา ต้นมะเดื่อเทศกำลังผลิผล เถาองุ่นผลิดอกบานส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด คนสวยของฉันเอ๋ย จงมาเถิด นกพิราบของฉันเอ๋ย เธอซ่อนตัวอยู่ในซอกผา ในซอกลึกของหน้าผา ขอให้ฉันได้ยินเสียงของเธอสักหน่อยเถิด เพราะเสียงของเธอนั้นไพเราะ และใบหน้าของเธอก็งดงาม”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก 1:39-45
หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”

 

ข้อคิด
     การถ่ายทอดท่าทีแห่งความรัก แห่งความสุข แห่งความยินดี จากบทกวีเพลงซาโลมอน...สอนให้เรารับรู้ว่า “ใครก็แล้วแต่ที่รักพระเป็นเจ้า” เขาผู้นั้นจะมีความสุข ความยินดีในชีวิตอย่างที่สุด และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดตัวสู่เพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้างอย่างแท้จริง โดยพร้อมเอาใจใส่ พร้อมรักและรับใช้ และพร้อมร่วมทุกข์ร่วมสุขในทุกกรณีไป เฉกเช่นเดียวกันกับ “พระนางมารีย์” ที่ออกเดินทางไปหา “นางเอลีซาเบธ” เข้าไปในบ้าน ทักทายสายสัมพันธ์ฉันพี่น้อง มองเห็นพระและสัมผัสชีวิตพระ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตภายในที่เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขความยินดีต่อกันและกัน “ฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2016 สัปดาห์ที่ เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่หนึ่ง                              1 ซมอ 1:24-28
      ในครั้งนั้น เมื่อเด็กหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปที่วิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เมืองชิโลห์ นำโคหนุ่มอายุสามปีตัวหนึ่ง แป้งประมาณสองถังและเหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนังไปด้วย ขณะนั้นเขายังเด็กมาก บิดามารดาฆ่าโคถวายบูชาและพาเด็กไปพบเอลี นางฮันนาห์กล่าวแก่เอลีว่า “นายเจ้าขา จำดิฉันได้ไหม ดิฉันเป็นหญิงที่เคยยืนอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นี่ต่อหน้าท่าน ดิฉันทูลขอเด็กคนนี้ และองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ประทานให้ดิฉันตามคำทูลขอ บัดนี้ ดิฉันจึงขอถวายเขาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่เขามีชีวิต” แล้วบิดามารดาก็นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก 1:46-56
     เวลานั้น พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้า พระนามพระองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระกรุณาต่อผู้ยำเกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงยกพระกรแสดงพระอานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป ทรงคว่ำผู้ทรงอำนาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอล ผู้รับใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป 56พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ

ข้อคิด
     มื่อเรารำพึงไตร่ตรองความรู้สึกลึกๆ ในใจของนางฮันนาห์ที่กล่าวกับเอลี และ พระนางมารีย์ที่ตรัสกับเอลีซาเบธ ซึ่งจะช่วยให้พวกเราเข้าใจท่านทั้งสองมากขึ้นถึงการได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่ แล้วทำให้จิตใจของผู้รับใช้ต่ำต้อยอย่างท่านทั้งสองมีความชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้นางฮันนาห์จากความทุกข์ระทม และทรงทอดพระเนตรพระนางมารีย์ผู้รับใช้ต่ำต้อย ...ยิ่งกว่านั้นยังช่วยให้พวกเราเรียนรู้มากขึ้นว่า รากเง้าของความสุขคือกิจการยิ่งใหญ่ที่พระผู้ทรงกระทำให้เกิดขึ้นกับท่านทั้งสอง โดยการเกิดมาของ “ซามูแอล” ลูกชายของนางฮันนาห์ และการมาบังเกิดมาของ “เยซู” บุตรชายของพระนางมารีย์

วันที่เสาร์ 24 ธันวาคม 2016 สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่สอง                                 2 ซมอ 7:1-5,8-12,14ก,16
     เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวังและองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความสงบจากศัตรูโดยรอบ กษัตริย์ตรัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เราอยู่ในวังสร้างด้วยไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูลตอบว่า “พระองค์ทรงคิดจะทำอะไร ก็โปรดทำเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพระองค์”
     แต่ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ท่านจะไม่เป็นผู้สร้างวิหารให้เราอยู่ บัดนี้ ท่านจงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า จอมจักรวาลตรัสดังนี้ เราให้ท่านเลิกเลี้ยงแกะในทุ่งหญ้ามาเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา เราอยู่กับท่านไม่ว่าท่านไปที่ใด เรากำจัดศัตรูทั้งปวงที่ท่านเผชิญหน้า เราจะทำให้ท่านมีชื่อเสียงเหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน เราจะเลือกที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลประชากรของเราตั้งหลักแหล่ง เขาจะอยู่ที่นั่นโดยไม่มีใครรบกวน จะไม่มีคนชั่วคอยกดขี่ข่มเหงเขาเหมือนในอดีต เมื่อเราเคยแต่งตั้งผู้วินิจฉัยให้ปกครองอิสราเอลประชากรของเรา เราจะให้ท่านได้พักจากศัตรูทั้งหลายของท่าน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่ท่านว่า เราจะสร้างราชวงศ์ให้ท่าน เมื่อท่านสิ้นชีวิตในวัยชรา และถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษแล้ว เราจะตั้งเชื้อสายคนหนึ่งของท่าน ซึ่งเป็นบุตรของท่าน ให้เป็นกษัตริย์ต่อจากท่าน เราจะพิทักษ์รักษาอาณาจักรของเขาให้มั่นคง
     เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา ราชวงศ์และอาณาจักรของท่านจะมั่นคงอยู่ต่อหน้าเราตลอดไป อำนาจปกครองของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป’”

 


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                          ลก 1:67-79
     เวลานั้น เศคาริยาห์ ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จึงกล่าวพยากรณ์ดังนี้ “ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะพระองค์เสด็จเยี่ยม และทรงกอบกู้ประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงบันดาลให้พระผู้ทรงอำนาจ เกิดจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผู้รับใช้พระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ โดยปากของบรรดาประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ตั้งแต่โบราณกาลว่า จะให้เรารอดพ้นจากศัตรู จากเงื้อมมือของผู้ที่เกลียดชังเรา ทรงสัญญาว่าจะทรงแสดงพระกรุณาแก่บรรพบุรุษของเรา ทรงระลึกถึงพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อับราฮัม บรรพบุรุษของเรา ว่าจะทรงช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู เพื่อรับใช้พระองค์โดยปราศจากความหวาดกลัวใดๆ ให้เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระองค์ตลอดชีวิตของเรา ส่วนเจ้า ทารกเอ๋ย เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นประกาศกของพระผู้สูงสุด เจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเตรียมทางสำหรับพระองค์ เพื่อให้ประชากรของพระองค์รู้ว่า เขาจะรอดพ้น เพราะบาปของเขาได้รับการอภัย เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบนดังแสงอรุโณทัย ส่องแสงสว่างให้ทุกคนที่อยู่ในความมืดและในเงาแห่งความตาย เพื่อจะนำเท้าของเราให้ดำเนินไปตามทางแห่งสันติสุข

 

ข้อคิด
      สิ่งที่น่าสนใจและประทับใจในพระวาจาประจำวันนี้ คือว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ความสว่างแห่งความเข้าใจกับประกาศกนาธัน และดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์” ถึงพระสัญญาที่ว่า “เราจะตั้งเชื้อสายคนหนึ่งของท่าน ซึ่งเป็นบุตรของท่าน ให้เป็นกษัตริย์ต่อจากท่าน เราจะพิทักษ์รักษาอาณาจักรของเขาให้มั่นคง เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา” เช่นเดียวกับที่ “พระจิตเจ้าทรงส่องสว่างให้กับเศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาของทารกน้อยที่จะได้ชื่อว่าประกาศกของพระผู้สูงสุด เจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเตรียมทางสำหรับพระองค์” โดยกล่าวพยากรณ์ว่า “พระองค์ทรงบันดาลให้พระผู้ทรงอำนาจ เกิดจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผู้รับใช้ของพระองค์”

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2016 น.ยอห์น แห่งเคนตี้ พระสงฆ์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกมาลาคี                                  มลค 3:1-4,23-24
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เราจะส่งผู้ถือสารของเราเพื่อเตรียมทางไว้ต่อหน้าเรา ทันใดนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ท่านแสวงหาจะเสด็จเข้ามาในพระวิหารของพระองค์ ทูตแห่งพันธสัญญาซึ่งท่านปรารถนา ดูซิ กำลังมาแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส ใครจะทนวันที่เขามาได้ และใครจะยืนหยัดอยู่ได้เมื่อเขาปรากฏ เพราะเขาจะเป็นเหมือนไฟของช่างถลุงโลหะ และเหมือนสบู่ของคนซักฟอก เขาจะนั่งลงเหมือนช่างหลอมและช่างถลุงเงิน เขาจะชำระบุตรหลานของเลวีให้บริสุทธิ์ จะถลุงเขาเหมือนถลุงทองคำและถลุงเงิน เพื่อเขาจะถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความชอบธรรม เครื่องบูชาของยูดาห์และเยรูซาเล็มจะเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนในสมัยโบราณ เหมือนในปีก่อนๆ โน้น
     ดูซิ เราจะส่งประกาศกเอลียาห์มาหาท่าน ก่อนที่วันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึง เขาจะทำให้ใจของพ่อกลับมาหาลูก และใจของลูกกลับไปหาพ่อ เพื่อเราจะไม่ต้องมาทำลายล้างแผ่นดิน”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก 1:57-66
     เมื่อครบกำหนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนาง เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำพิธีสุหนัตให้ เขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มีญาติคนใดมีชื่อนี้” เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา

 

ข้อคิด
     การเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลที่พวกเรารอคอยและแสวงหา...ช่างยิ่งใหญ่นัก และด้วยความยิ่งใหญ่นี้ มักจะเป็นเหตุที่จะทำให้มนุษย์เข้าใจและคาดการณ์ได้ยาก ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตระเตรียมความพร้อมทั้งครบของประชากรให้ดีในระดับหนึ่งเสียก่อน ซึ่งในตอนนี้พระวาจาของพระเจ้าแสดงให้เห็นชัดเจนว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมการ โดยส่ง “ผู้ถือสารมาเตรียมทางของพระองค์” มาช่วยอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่น ทรงส่ง “ประกาศกเอลียาห์” ผู้เผยพระวจนะและการกลับใจ และทรงส่ง “ยอห์น ประกาศกผู้ยิ่งใหญ่” “ท่านทั้งหลาย จงใช้โทษบาปและกลับใจเถิด เหตุว่า พระราชัยสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว ข้าพเจ้าเป็นเสียงร้องในที่เปลี่ยว จงเตรียมทางให้ตรงเพื่อรับเสด็จพระคริสตเจ้า”

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม 2016 วันสมโภชพระคริสตสมภพ

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                    อสย 52:7-10
     เท้าของผู้นำข่าวดีมาประกาศบนภูเขาช่างงามยิ่งนัก เขาประกาศสันติภาพ นำข่าวดี ประกาศความรอดพ้น กล่าวแก่ศิโยนว่า “พระเจ้าของท่านทรงเป็นกษัตริย์ปกครอง” บรรดาทหารยามของท่านร้องเสียงดัง ร้องตะโกนพร้อมกันด้วยความยินดี เพราะเขาได้เห็นกับตาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับสู่ศิโยน ซากปรักหักพังแห่งกรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องเพลงยินดีพร้อมกันเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลอบโยนประชากรของพระองค์ และทรงไถ่กู้กรุงเยรูซาเล็มแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระอานุภาพต่อหน้าประชาชาติทั้งปวง ชนชาติทั้งหลายจากสุดปลายแผ่นดินจะได้เห็นว่า พระเจ้าของเราประทานความรอดพ้นให้แก่เรา

 

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                          ฮบ 1:1-6
     ในอดีต พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและหลายวิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวาระสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเราโดยทางพระบุตร พระเจ้าทรงสถาปนาพระบุตรให้เป็นทายาทครอบครองทุกสิ่ง พระองค์ทรงสร้างจักรวาล เดชะพระบุตรนี้ พระบุตรทรงเป็นรังสีแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ทรงเป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์ขององค์พระเจ้า พระบุตรทรงผดุงจักรวาลไว้ด้วยพระวาจาทรงฤทธิ์ บัดนี้ พระบุตรทรงลบล้างมลทินแห่งบาปเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จสู่สวรรค์ ประทับ ณ เบื้องขวาแห่งพระมหิทธานุภาพ ดังนั้น พระบุตรทรงอยู่เหนือบรรดาทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับพระนามที่ทรงได้รับนั้นประเสริฐกว่านามของบรรดาทูตสวรรค์
พระเจ้าเคยตรัสแก่ทูตสวรรค์องค์ใดบ้างว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำเนิดท่านในวันนี้” หรือว่า “เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา”
หรืออีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระเจ้าทรงส่งพระโอรสองค์แรกมาสู่โลกมนุษย์ พระองค์ตรัสว่า “ให้ทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระเจ้ากราบนมัสการพระองค์เถิด”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                      ยน 1:1-5,9-14
     เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า พระองค์ประทับอยู่กับพระเจ้าแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้าง โดยทางพระวจนาตถ์ ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำหรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืด และความมืดชนะแสงสว่างนั้นไม่ได้
     แสงสว่างแท้จริง ซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคนกำลังจะมาสู่โลก พระวจนาตถ์ประทับอยู่ในโลก และโลกถูกสร้างโดยอาศัยพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์ คือผู้ที่เชื่อในพระนามพระองค์ พระองค์ประทานอำนาจให้ผู้นั้นกลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขามิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง

 

ข้อคิด
     วันนี้เป็นวันสมโภชพระคริสตสมภพ ซึ่งเป็นวันที่มีความหมายสำหรับพวกเรา ตามที่พระเจ้าได้ตรัสกับบรรพบุรุษของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและหลายวิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวาะสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเราโดยทาง “พระบุตร” พระผู้ทรงประกาศสันติภาพ นำข่าวดี และความรอดพ้นให้แก่เรา “พระองค์ทรงเกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา” เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง ดังนี้ “พี่น้อง” ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์ คือผู้ที่เชื่อในพระนามพระองค์ พระองค์จะประทานอำนาจให้ผู้นั้น “กลายเป็นบุตรของพระเจ้า”

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown