มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2016 สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย         กท 5:1-6
     พี่น้อง พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย
     จงฟังเถิด ข้าพเจ้า เปาโลขอบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านเข้าสุหนัต พระคริสตเจ้าก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกับท่าน ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งกับทุกคนที่เข้าสุหนัตว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติทุกข้อด้วย ท่านที่คิดว่าเป็นผู้ชอบธรรมอาศัยธรรมบัญญัติ ก็แยกตัวออกไปจากพระคริสตเจ้า และขาดจากพระหรรษทาน ส่วนเรานั้น พระจิตเจ้าทรงนำเราให้รอคอยความชอบธรรมที่หวังจะได้รับจากความเชื่อ เพราะในพระคริสตเยซูนั้น การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตนั้นไม่สำคัญ เรื่องที่สำคัญก็คือมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำอาศัยความรัก

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก 11:37-41
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสจบแล้ว ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารที่บ้าน พระองค์จึงเสด็จเข้าไปประทับที่โต๊ะ ชาวฟาริสีคนนั้นประหลาดใจเมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ทรงล้างพระหัตถ์ตามธรรมเนียมก่อนเสวยพระกระยาหาร องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ชาวฟาริสีเอ๋ย ท่านล้างถ้วยชามด้านนอก แต่ใจของท่านเต็มไปด้วยของที่ขโมยมาและความชั่วร้าย คนโง่เอ๋ย พระเจ้าผู้ทรงสร้างภายนอก มิได้ทรงสร้างภายในด้วยหรือ ถ้าจะให้ดีแล้ว จงให้สิ่งที่อยู่ภายในเป็นทานเถิด แล้วทุกสิ่งก็จะสะอาดสำหรับท่าน”

 

ข้อคิด
     ประโยคสุดท้ายของนักบุญเปาโลในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้สำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องเข้าหรือไม่เข้าสุหนัตแบบชาวยิว แต่เป็นเรื่องการปฎิบัติความรักต่อกันและกัน และในการจะรักผู้อื่นได้นั้นก็เพราะเห็นแก่พระคริสตเจ้าที่เราเชื่อเป็นพระหรรษทานให้แก่เราทำได้ในเรื่องนี้ ศาสนาคริสต์เลยข้ามเรื่องบัญญัติของชาวยิวที่มีข้อปลีกย่อยซึ่งเอามาถกเถียงกันโดยไม่เกี่ยวกับการลงมือรักเพื่อพี่น้องไปหมดแล้วข้อปลีกย่อยที่บางทีเอามาเป็นเครื่องมือกดคนอื่นให้ต่ำกว่าตน หรือเพื่อวางภาระบนบ่าบางคนให้แบกรับไม่ไหวจะได้ดูแย่กว่าตนเหลือเพียงบัญญัติที่ออกมาจากภายในคือบัญญัติแห่งความรักพระเจ้าสุดจิตใจสุดสติปัญญาและกำลังและรักเพื่อนพี่น้องเหมือนรักตนเองที่ต้องปฏิบัติให้ได้ในชีวิตจริง

วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2016 สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย             กท 5:18-25
     พี่น้อง ถ้าท่านมีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ ท่านก็ไม่อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติ กิจการของธรรมชาติมนุษย์นั้นปรากฏชัดแจ้ง คือ การผิดประเวณี ความลามกโสมม การปล่อยตัวตามราคตัณหา การกราบไหว้รูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา การเป็นศัตรูกัน การทะเลาะวิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การแตกแยก การแบ่งพรรคแบ่งพวก การเมามาย การสำมะเลเทเมา และอีกหลายประการในทำนองเดียวกันนี้ ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งดังที่เคยเตือนมาแล้วว่า ผู้ที่ประพฤติตนเช่นนี้จะไม่ได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก ส่วนผลของพระจิตเจ้าก็คือความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง เรื่องเหล่านี้ไม่มีธรรมบัญญัติใดห้ามไว้เลย ผู้ที่เป็นของพระคริสตเยซู ก็ตรึงธรรมชาติของตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กับไม้กางเขนแล้วถ้าเรามีชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแล้ว เราจงดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้าด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                       ลก 11:42-46
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึ่งในสิบของสะระแหน่ สมุนไพรและผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัติเหล่านี้จำเป็นต้องปฏิบัติโดยไม่ละเว้นบทบัญญัติอื่นๆ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านชอบนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม และชอบให้ผู้คนคำนับตามลานสาธารณะ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ท่านเป็นเหมือนหลุมศพที่มองไม่เห็น คนจะเดินเหยียบไปโดยไม่รู้’
นักกฎหมายคนหนึ่งจึงทูลพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ ท่านพูดเช่นนี้ ท่านก็สบประมาทพวกเราด้วย’ พระองค์ตรัสตอบว่า ‘ท่านนักกฎหมายทั้งหลาย วิบัติจงเกิดแก่ท่านด้วย ท่านให้ผู้อื่นแบกสัมภาระหนักเกินกำลัง แต่ท่านไม่ยอมแม้แต่จะใช้นิ้วแตะต้องสัมภาระนั้น’”

 

ข้อคิด
     ผลของพระจิตที่นักบุญเปาโลยกมามี 9 ประการสำคัญต่อบุคลิกภาพของผู้ที่จะประสบความสุขในชีวิตทั้งสิ้น ความสงบ ความอดทนเป็นสิ่งที่เราทุกคนอยากได้มากๆท่ามกลางชีวิตที่วุ่นวาย สิ่งที่เรามักพลาดกันไปอย่างมากคือเราไม่รู้จักชื่นชม เราไม่มีเวลานั่งเงียบๆหยุดพักชื่นชมการงานของเรา เราไม่รู้จักชื่นชมเพื่อนคนอื่นที่มีความสามารถพิเศษแต่กลับอิจฉา เราไม่รู้จักไปยืนชื่นชมท้องฟ้าสวยงามยามเย็น เราไม่รู้จักชื่นชมงานฝีมือชาวบ้านที่ทำของออกมาขายแล้วไปต่อราคาสินค้าของเขาอย่างไม่เห็นคุณค่า เมื่อเราไม่รู้จักชื่นชมของดีทำมือจากใจเราก็เลยไปชื่นชมของโหลผลิตจากโรงงานด้วยการซื้อของเหล่านั้นในราคาแสนแพงเกินจริงโดยไม่ต่อสักคำเพียงเพราะมีแบรนด์ตามสมัยนิยม เราต้องการพระจิตเจ้ามากเพียงใดในการมีผลความดีงามต่างๆเหล่านี้ เพื่อจะมีศิลปะเชี่ยวชาญในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2016 น.กัลลิสตัสที่ 1 พระสันตะปาปาและมรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส           อฟ 1:11-14
     พี่น้อง ในองค์พระคริสตเจ้านี้ เราได้รับเลือกเป็นพิเศษไว้ล่วงหน้าตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งให้เป็นไปตามแผนการนั้น เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เพราะเราเป็นคนแรกที่มีความหวังในพระคริสตเจ้า
     ในองค์พระคริสตเจ้านี้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันได้ฟังพระวาจาแห่งความจริง คือข่าวดีอันนำความรอดพ้นมาให้ ท่านได้เชื่อแล้ว จึงได้รับพระจิตเจ้า ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้นั้น เป็นตราประทับ และเป็นประกันของมรดกที่เราจะได้รับเพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก 12:1-7
     เวลานั้น ขณะที่ประชาชนนับพันๆ คนพากันเบียดเสียดจนเกือบจะเหยียบกัน พระเยซูเจ้าทรงเริ่มตรัสกับบรรดาศิษย์ก่อนว่า “จงระวังเชื้อแป้งของบรรดาชาวฟาริสี คือความหน้าซื่อใจคดของเขา ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้นจะไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ท่านกล่าวในที่มืดจะมีผู้ได้ยินในที่แจ้ง สิ่งที่ท่านกระซิบที่หูภายในห้องจะถูกประกาศบนดาดฟ้าของบ้าน
     เรากล่าวแก่ท่านที่เป็นมิตรของเราว่า อย่าเกรงกลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กายและหลังจากนั้นก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก เราจะชี้ให้ท่านเห็นว่าท่านต้องเกรงกลัวผู้ใด จงเกรงกลัวผู้ที่ฆ่าแล้วยังมีอำนาจโยนท่านลงไปในนรกด้วย ใช่แล้ว เราบอกท่านทั้งหลาย จงเกรงกลัวผู้นี้เถิด นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ แม้กระนั้นไม่มีนกสักตัวเดียวที่พระเจ้าทรงลืม ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว อย่าเกรงกลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก”

 

ข้อคิด
     บุคคลใดเป็นคนไม่ดีแม้จะมีหน้ากากหรือเปลือกห่อหุ้มไว้ดูสวยงามแต่ที่สุดทุกคนก็จะสัมผัสถึงความใจร้ายอมหิตของคนไม่ดีผู้นั้นได้ พระเยซูเจ้าทรงสอนว่าอยากรู้จักลำต้นก็ดูที่ผลของมัน ไม่มีสิ่งใดที่หลบซ่อนไว้จะไม่ถูกเปิดเผย พระองค์ทรงสอนเราว่าอย่าไปติดเชื้อแป้งของความหน้าซื่อใจคดหรือการแอบซ่อนความชั่วร้ายแบบนี้มาเพราะมันจะเหมือนเชื้อแป้งที่ทำให้ขนมปังฟูทวีความชั่วให้มากขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งมันจะเปิดเผยความชั่วร้ายออกมา แต่ความดีต้องมาจากภายในจิตใจที่บริสุทธิ์ มิใช่เอาแต่ฟูว่าขนาดใหญ่แต่ภายในมีเพียงฟองอากาศ เราไปติดเชื่อแป้งร้ายแบบนั้นมาเมื่อใด? ก็ตอนที่เราหลงผิดมีค่านิยมคิดว่าความดีมีอยู่ที่ตำแหน่งรูปแบบภายนอก

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2016 สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส      อฟ 1:1-10
จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซู ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ถึงบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีความเชื่อในพระคริสตเยซู
     ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้า พระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับท่านทั้งหลายเถิด
     ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความรัก พระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามพระประสงค์ที่พอพระทัย เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์ ซึ่งโปรดประทานให้เราเดชะพระบุตรผู้ทรงเป็นที่รัก ในองค์พระคริสตเจ้าเราได้รับการไถ่กู้เดชะพระโลหิต คือได้รับการอภัยบาป นี่คือพระหรรษทานอันอุดมซึ่งพระเจ้าประทานแก่เราอย่างล้นเหลือ ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง พระองค์ทรงเผยให้เรารู้ถึงพระประสงค์เร้นลับของพระองค์ ซึ่งพอพระทัยดำริไว้ล่วงหน้าในพระคริสตเจ้า พระองค์จะทรงกระทำตามแผนการนี้เมื่อถึงเวลากำหนด โดยทรงนำทุกสิ่งทั้งที่อยู่บนสวรรค์และบนแผ่นดิน ให้มารวมกันอยู่ใต้ปกครองของพระคริสตเจ้าพระประมุขแต่เพียงพระองค์เดียว

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                         ลก 11:47-54
     เวลานั้น พระคริสตเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่ท่านทั้งหลาย ท่านสร้างหลุมฝังศพของบรรดาประกาศกที่บรรพบุรุษของท่านฆ่า จึงแสดงว่าท่านเห็นด้วยกับการกระทำของบรรพบุรุษ บรรพบุรุษของท่านฆ่าบรรดาประกาศกและท่านก็สร้างหลุมฝังศพให้”
     พระปรีชาญาณของพระเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งประกาศกและทูตไปพบเขา เขาจะฆ่าประกาศกและทูตบางคนและเบียดเบียนบางคน คนรุ่นนี้ต้องรับผิดชอบต่อโลหิตของบรรดาประกาศกทุกคน โลหิตที่ได้หลั่งตั้งแต่สร้างโลกเป็นต้นมา นับตั้งแต่โลหิตของอาแบลจนถึงโลหิตของเศคาริยาห์ซึ่งถูกประหารระหว่างแท่นบูชากับพระวิหาร” ถูกแล้ว เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่าคนรุ่นนี้จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำนี้
     วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดานักกฎหมาย ท่านนำกุญแจไขความรู้ไป ท่านไม่เข้าไปแล้วยังขัดขวางคนที่ต้องการจะเข้าไปด้วย”
     ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จออกจากที่นั่น บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีเริ่มแสดงตนเป็นศัตรูซักถามพระองค์ถึงเรื่องต่างๆ วางกับดักพระองค์เพื่อจับผิดพระวาจา

 

ข้อคิด
     จดหมายนักบุญเปโลถึงชาวเอเฟซัสไม่ต้องอ่านเพื่อจะเข้าใจก็ได้เพราะเขาเอาไว้อ่านเพื่อสวดภาวนาสรรเสริญพระเป็นเจ้า แต่ละคำแต่ละประโยคใช้เป็นบทสวดทำวัตรประจำวันของคริสตชนได้ อะไรที่เป็นสิ่งดีก็ย่อมดีโดยตัวของสิ่งนั้นเองไม่จำเป็นต้องมีใครมาอธิบายและพยายามหาเหตุผลมาบอกว่าสิ่งนั้นดี แม้วันเวลาผ่านไปสิ่งนั้นก็ยังคงเป็นสิ่งดี ธรรมาจารย์และฟาริสีดูเหมือนต้องพยายามบอกกับสังคมทุกยุคทุกสมัยว่าพวกเขาเป็นคนดี และหนึ่งในความพยายามนั้นก็คือการพูดว่าคนอื่นไม่ได้ หรือดีสู้พวกตนไม่ได้ พวกเขาต้องทำให้พระเยซูเจ้าดูไม่ดี พวกเขาจะได้เป็นคนดี อะไรเป็นกุญแจไขความจริงให้ทุกคนได้เป็นคนดีไปสู่ความกระจ่างชัดแจ้งในสัจธรรม ก็ต้องเก็บซ่อนกุญแจเหล่านั้นเอาไว้ ไม่ให้คนอื่นได้รู้ความจริง พวกเขาจึงเป็นคนดีที่ต้องพยายามอธิบายว่าตัวเองเป็นคนดีอย่างน่าสงสาร

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2016 ระลึกถึง น.เทเรซา แห่งอาวีลา พรหมจารีและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส              อฟ 1:15-23
     พี่น้อง เมื่อข้าพเจ้ารู้ถึงความเชื่อของท่านทั้งหลายในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และรู้ถึงความรักที่ท่านมีต่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคน ข้าพเจ้าจึงขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อท่าน และระลึกถึงท่านทั้งหลายในคำอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ประทานพระพรแห่งปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ท่านเดชะพระจิตเจ้า เพื่อท่านจะได้รู้ซึ้งถึงพระองค์ยิ่งๆ ขึ้น ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงใด อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นล้ำเลิศเพียงใด พระอานุภาพและพละกำลังนี้ พระองค์ทรงแสดงในองค์พระคริสตเจ้า เมื่อทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ในสวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำนาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกรนายและเหนือนามทั้งปวงที่อาจเรียกขานได้ทั้งในยุคนี้และในยุคหน้า พระเจ้าทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระวรกายของพระองค์ เป็นความบริบูรณ์ของพระผู้ทรงอยู่ในทุกสิ่งและทรงกระทำให้ทุกสิ่งบริบูรณ์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                         ลก 12:8-12
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่าทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรแห่งมนุษย์จะยอมรับผู้นั้นต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่ผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ จะถูกปฏิเสธไม่ยอมรับต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน
     ทุกคนที่กล่าวร้ายต่อบุตรแห่งมนุษย์จะได้รับการอภัย แต่ผู้ที่กล่าวร้ายต่อพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย
เมื่อเขาจะนำท่านไปยังศาลาธรรมต่อหน้าผู้ปกครองและผู้ทรงอำนาจ ท่านทั้งหลายอย่าวิตกกังวลว่าจะหาเหตุผลป้องกันตัวอย่างไรหรือจะพูดอะไร เพราะพระจิตเจ้าจะทรงสอนท่านในเวลานั้นว่าจะต้องพูดอะไร”

 

ข้อคิด
     ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการใด บางทีเรามองไม่ออกว่าการได้มารู้จักพระเยซูเจ้าและอยู่ในพระศาสนจักรของพระองค์มีคุณค่าสูงส่งมากเพียงใด คุณค่าของการได้เข้ามาร่วมพิธีมิสซา คุณค่าของการได้รับเชิญเข้ามารับศีลมหาสนิท คุณค่าของการได้สวดสายประคำ คุณค่าของการได้ไปรับศีลอภัยบาป คุณค่าของการได้อ่านพระคัมภีร์ประจำวัน คุณค่าของการได้รับศีลกำลัง คุณค่าพระวินัยได้ถวายตัวเป็นนักบวช ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆทุกคนจะได้มีโอกาสได้สวดภาวนา นั่งฟังพระคัมภีร์ในชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข บางคนแม้เกษียณแล้วหรือมีเวลาว่าง ก็ยังทำไม่ได้เลย สิ่งเหล่านนี้ไม่ใช่ทุกคนจะได้ ต้องมีบุญจริงๆถึงจะได้รับความสุขสงบเหล่านี้ จงเก็บเกี่ยววันเวลาแห่งพระพรและของขวัญเหล่านี้จากพระเจ้าเถิด

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown