มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2016 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง         1 คร 3:18-23
     พี่น้อง จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จงยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ในโลกนี้เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยอุบายของเขาเอง” และยังมีเขียนไว้อีกว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบว่าความคิดของคนฉลาดเป็นสิ่งไร้ประโยชน์” ฉะนั้น อย่าให้ใครยกเอามนุษย์มาอวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน เปาโลก็ดี อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งปัจจุบัน หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ดี ทุกสิ่งล้วนเป็นของท่าน แต่ท่านเป็นของพระคริสต์และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                         ลก 5:1-11
     วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะที่ประชาชนเบียดเสียดรอบพระองค์เพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำจอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมงกำลังซักอวนอยู่นอกเรือ พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝั่งเล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอนประชาชนจากเรือนั้น
     เมื่อตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซีโมนว่า “จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและลงอวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มีพระดำรัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อทำดังนี้แล้ว พวกเขาจับปลาได้จำนวนมากจนอวนเกือบขาด เขาจึงส่งสัญญาณเรียกเพื่อนในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย พวกนั้นก็มาและนำปลาใส่เรือเต็มทั้งสองลำ จนเรือเกือบจม
     เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลาได้มากเช่นนั้น ยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมน ก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขานำเรือกลับถึงฝั่งแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป

 

ข้อคิด
     มนุษย์เราทุกวันนี้ มักจะหลอกตัวเอง คิดว่าตัวเองเก่ง ฉลาด ทำได้ทุกสิ่ง แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ซีมอนเปโตร ทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำงานหนักมาทั้งคืน จับปลาไม่ได้เลย...ฯลฯ” แต่เมื่อพวกเขา ทำตามที่พระเยซูเจ้าทรงมีดำรัส พวกเขาจับปลาได้จำนวนมาก เหตุการณ์นี้บ่งบอกให้เราทราบและต้องตระหนักไว้เสมอว่า ลำพังมนุษย์ไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย เป็นพระเป็นเจ้าซึ่งทรงกระทำทุกสิ่ง เรามนุษย์เป็นแต่เพียงผู้ร่วมมือกับพระเจ้าเท่านั้น อย่าหลงตัวเอง อย่าหยิ่งพยองลำพองตน แต่จงมีใจสุภาพถ่อมตน และระลึกเสมอว่า ปราศจากพระเจ้าเราทำอะไรไม่ได้เลย จงทำตามและเดินในหนทางของพระเจ้าทุกวันเวลา

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2016 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง        1 คร 4:1-5
     พี่น้อง คนทั้งหลายจงยึดถือว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า เป็นผู้จัดการดูแลธรรมล้ำลึกของพระเจ้า คุณสมบัติที่เขาแสวงหาในผู้จัดการก็คือ ต้องเป็นผู้ที่วางใจได้ ส่วนข้าพเจ้าการที่ท่านหรือมนุษย์คนใดจะตัดสินข้าพเจ้านั้น เป็นเรื่องไม่สำคัญ แม้ข้าพเจ้าก็ยังไม่ตัดสินตนเอง จริงอยู่ มโนธรรมไม่ได้ตำหนิอะไรข้าพเจ้าเลย แต่นี่ไม่หมายความว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม ผู้ตัดสินข้าพเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น จงอย่าตัดสินเรื่องใดๆ ก่อนจะถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา พระองค์จะทรงฉายแสงให้ความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดจะปรากฏชัด และจะทรงเปิดเผยความในใจของทุกคนให้ปรากฏ เมื่อนั้น ทุกคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้าตามสมควร

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                       ลก 5:33-39
     เวลานั้น มีผู้ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ศิษย์ของยอห์นจำศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนาบ่อยๆ ศิษย์ของชาวฟาริสีก็ทำเช่นเดียวกัน ส่วนศิษย์ของท่านกินและดื่ม” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านจะให้ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจำศีลอดอาหารได้หรือขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่ด้วย แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวถูกแยกจากไป วันนั้นผู้รับเชิญจะจำศีลอดอาหาร”
พระองค์ยังตรัสอุปมาให้เขาฟังอีกว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะเสื้อใหม่จะขาด และผ้าจากเสื้อใหม่จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าอีกด้วย
     ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าใหม่จะทำให้ถุงหนังขาด เหล้าจะรั่ว และถุงหนังก็จะเสีย แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่ ไม่มีใครที่ดื่มเหล้าองุ่นเก่าแล้วอยากดื่มเหล้าใหม่ เพราะเขาย่อมกล่าวว่า “เหล้าเก่านั้นดีกว่า’”

 

ข้อคิด
     นักบุญเปาโล สอนเราในวันนี้ว่า เราเป็นแต่เพียงผู้รับใช้ของพระเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องของพระเจ้า เรามีหน้าที่เดินในหนทางของพระเจ้า ที่จัดเตรียมไว้สำหรับเรา เราไม่มีหน้าที่ตัดสินสิ่งใดๆเลย แม้กระทั่งตัวเราเอง เป็นพระเจ้าซึ่งทรงกระทำทุกสิ่งในตัวเรา เมื่อเราอยู่กับพระองค์ ก็จงกระทำตัวเองให้สมกับที่พระองค์ทรงเรียกและ เลือกเรา พระเจ้าทรงล่วงรู้สารพัดทุกประการ และทรงทราบดีว่า อะไรเหมาะสมและเป็นประโยชน์สำหรับเรา อย่ากังวลเมื่อเราอยู่กับพระองค์

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2016 สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ                                            ปชญ 9:13-18
     มนุษย์ใดจะรู้จักพระประสงค์ของพระเจ้าได้ ผู้ใดจะเข้าใจได้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์สิ่งใด มนุษย์ผู้รู้ตายใช้เหตุผลอย่างไม่มั่นใจ ความคิดของเราก็ไม่แน่นอน เพราะร่างกายที่เสื่อมสลายได้นี้ถ่วงวิญญาณ และร่างกายซึ่งเป็นเสมือนที่พำนักทำด้วยดินของวิญญาณ ก็ถ่วงจิตใจที่มีความคิดหนักอยู่แล้ว การจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ของโลกนี้ยากมาก การจะพบสิ่งที่อยู่แค่เอื้อมก็ยากนักหนา แล้วผู้ใดจะค้นพบสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ได้ ผู้ใดจะล่วงรู้พระประสงค์ของพระองค์ได้ ถ้าพระองค์ไม่ประทานพระปรีชาญาณให้เขา ถ้าพระองค์ไม่ทรงส่งพระจิตศักดิ์สิทธิ์ลงมาจากเบื้องบน วิถีทางของชาวโลกถูกดัดให้ตรงเช่นนี้ มนุษย์ได้รับการสั่งสอนให้รู้ถึงสิ่งที่พอพระทัย เขาได้รับความรอดพ้นก็อาศัยพระปรีชาญาณนี้เอง”

 

เพลงสดุดี                                                                            สดด 90:2-4,5-7,12-13,14 และ 17
     ก) ก่อนภูเขาจะเกิด ก่อนแผ่นดินและโลกจะถือกำเนิดขึ้นมา
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ทรงดำรงอยู่ตลอดไป
พระองค์ทรงให้มนุษย์กลับเป็นฝุ่นดิน
โดยตรัสว่า "บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงกลับไปเถิด"
ใช่แล้ว หนึ่งพันปีสำหรับพระองค์
ก็เหมือนวันวานที่เพิ่งผ่านไป
เหมือนการเฝ้ายามเพียงยามเดียวเวลากลางคืน
     ข) พระองค์ทรงบันดาลให้ชีวิตจบลงเหมือนจมน้ำ
สั้นเหมือนความฝันในยามเช้า
เหมือนต้นหญ้าที่งอกขึ้น
ในยามเช้าต้นหญ้าเติบโตขึ้นและออกดอก
ในยามเย็นก็ร่วงโรยและเหี่ยวแห้ง
ข้าพเจ้าทั้งหลายถูกพระพิโรธของพระองค์ทำลาย
มีความหวาดกลัวเพราะความกริ้วของพระองค์
     ค) โปรดทรงสอนข้าพเจ้าทั้งหลายให้รู้จักนับวันแห่งชีวิตได้ถูกต้อง
เพื่อจะได้มีจิตใจปรีชาฉลาด
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดเสด็จกลับมาเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องรอคอยอีกนานเพียงใด
โปรดทรงสงสารบรรดาผู้รับใช้พระองค์เถิด
     ง) ทุกยามเช้าโปรดประทานความรักมั่นคงของพระองค์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายอย่างเต็มเปี่ยม
ข้าพเจ้าทั้งหลายจะได้โห่ร้องด้วยความเบิกบานและยินดีตลอดชีวิต
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดปรานข้าพเจ้า
ขอพระองค์ประทานให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายทำสำเร็จไป
ขอให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายทำมีความมั่นคง

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงฟีเลโมน            ฟม 9ข-10,12-17
     ผู้ที่ขอร้องนี้คือข้าพเจ้า เปาโล ซึ่งเป็นคนชราและขณะนี้เป็นนักโทษเนื่องจากพระคริสตเยซูด้วย ข้าพเจ้าขอร้องท่านเพื่อบุตรคนหนึ่งของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้ให้กำเนิด ขณะที่ถูกจองจำคือโอเนสิมัส
     ข้าพเจ้ากำลังส่งเขากลับมาหาท่าน นั่นคือข้าพเจ้าส่งดวงใจของข้าพเจ้ามาด้วย อันที่จริงแล้ว ข้าพเจ้าต้องการให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าที่นี่ เขาจะได้รับใช้ข้าพเจ้าแทนท่านขณะที่ข้าพเจ้าถูกจองจำเพราะข่าวดี แต่ข้าพเจ้าไม่ต้องการทำสิ่งใดโดยท่านไม่เห็นชอบ เพื่อมิให้ท่านทำความดีเพราะถูกบังคับ แต่ทำด้วยความสมัครใจ ข้าพเจ้าคิดว่า เขาถูกพรากไปจากท่านระยะหนึ่ง เพื่อจะกลับมาอยู่กับท่านตลอดไป มิใช่ในฐานะทาส แต่ในฐานะที่ดีกว่ามาก คือเป็นน้องชายที่รัก ถ้าเขาเป็นที่รักอย่างยิ่งของข้าพเจ้า เขาจะต้องเป็นที่รักของท่านมากกว่าสักเท่าใดเล่า ทั้งในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์และในฐานะที่เป็นพี่น้องในองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าท่านยังยอมรับว่าข้าพเจ้าเป็นมิตรกับท่าน ก็จงต้อนรับเขาเช่นเดียวกับที่ท่านจะต้อนรับข้าพเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                       ลก 14:25-33
      เวลานั้น ประชาชนจำนวนมากกำลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้
      ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้เสร็จหรือไม่ มิฉะนั้นเมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำเร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะเยาะเขา พูดว่า ‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้’ หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำนวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำลังพลหนึ่งหมื่นคน จะเผชิญกับศัตรูที่มีกำลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยังอยู่ห่างไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ ดังนั้น ทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

 

ข้อคิด

      มนุษย์ผู้ใดจะรู้พระประสงค์ของพระเจ้าได้ มนุษย์ผู้ใดจะเข้าใจได้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์สิ่งใด แม้มนุษย์จะถูกสร้างมาตามพระฉายาของพระเจ้า มนุษย์ทุกคนมีขอบเขต มนุษย์ทุกคนยังต้องตาย แม้มนุษย์ จะรู้จักใช้เหตุผล ใช้สติปัญญา แต่ถ้าพระเจ้าไม่ทรงค้ำจุน มนุษย์ก็ไม่อาจทำสิ่งใดๆได้เลย ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงต้องยอมมอบตนแด่พระเจ้าทั้งครบ ต้องรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่บิดามารดา พี่น้องชายหญิง และแม้แต่ชีวิตของตนเอง และดังนี้สำหรับผู้ที่ยอมมอบตัวเองทั้งครบแด่พระเจ้า ผู้นั้นก็สมเป็นศิษย์-เป็นบุตรของพระเจ้าแท้จริง

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2016 ระลึกถึง น.เกรโกรี พระสันตะปาปาและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 4:6-15
     พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ายกเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับตนเองและอปอลโลเป็นตัวอย่างเพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านเรียนรู้จากเราถึงความหมายของคำพูดที่ว่า “อย่าก้าวเกินขอบเขตที่เขียนไว้” เพื่อมิให้ใครหยิ่งผยอง เข้าข้างคนหนึ่งและต่อต้านอีกคนหนึ่ง ใครเล่าตัดสินว่าท่านดีกว่าผู้อื่น ท่านมีอะไรบ้างที่ไม่ได้รับจากพระเจ้า ถ้าท่านได้รับแล้ว ท่านจะโอ้อวดประหนึ่งว่าไม่ได้รับทำไม ท่านมีทุกสิ่งที่ต้องการแล้วหรือ ท่านร่ำรวยแล้วใช่ไหม ท่านครองราชย์เป็นกษัตริย์โดยไม่ต้องมีเราแล้วก็ได้ เราอยากให้ท่านครองราชย์เป็นกษัตริย์จริงๆ เพราะเราจะได้เป็นกษัตริย์ครองราชย์พร้อมกับท่านด้วย ข้าพเจ้าคิดว่าพระเจ้าทรงจัดตั้งเราซึ่งเป็นอัครสาวกไว้ตรงที่สุดท้าย เหมือนกับผู้ที่ถูกตัดสินปรับโทษถึงตาย เรากลายเป็นเป้าสายตาของโลก ทั้งของทูตสวรรค์และของมนุษย์ เราเป็นคนโง่เขลาเพราะเห็นแก่พระคริสตเจ้า ส่วนท่านเป็นคนเฉลียวฉลาดในพระคริสตเจ้าใช่ไหม เราอ่อนแอ ส่วนท่านเข้มแข็งใช่หรือไม่ ท่านมีเกียรติ ส่วนเราไร้เกียรติใช่ไหม จนกระทั่งบัดนี้เราก็ยังหิวและกระหาย ไม่มีเสื้อผ้านุ่งห่ม ถูกตบตี และไร้ที่อยู่อาศัย เราเหน็ดเหนื่อยทำงานหนักด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง เมื่อถูกด่าว่า เราให้พร เมื่อถูกเบียดเบียน เราก็อดทน เมื่อถูกใส่ร้าย เราก็พูดดีด้วย เราเป็นเสมือนขยะมูลฝอยของโลก เป็นสิ่งปฏิกูลของทุกคนจนกระทั่งบัดนี้
     ข้าพเจ้าเขียนเรื่องเหล่านี้มิใช่เพื่อทำให้ท่านอับอาย แต่เขียนเพื่อตักเตือนในฐานะที่ท่านเป็นลูกรักของข้าพเจ้า แม้ว่าท่านจะมีครูพี่เลี้ยงนับหมื่นคนในพระคริสตเจ้า แต่ก็มีบิดาเพียงคนเดียว เพราะข้าพเจ้าให้กำเนิดท่านในพระคริสตเยซู โดยการประกาศข่าวดี

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                       ลก 6:1-5
     วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลี บรรดาศิษย์เด็ดรวงข้าวมาขยี้กิน ชาวฟาริสีบางคนจึงถามว่า “ทำไมท่านทำสิ่งต้องห้ามในวันสับบาโตเล่า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านหรือว่ากษัตริย์ดาวิดและผู้ติดตามได้ทำอะไรเมื่อหิวโหย พระองค์เสด็จเข้าในพระนิเวศของพระเจ้า ทรงหยิบขนมปังที่ตั้งถวายมาเสวยและประทานแก่ผู้ติดตาม ขนมปังนี้ใครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น” แล้วพระเยซูเจ้าทรงเสริมว่า “บุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต”

 

ข้อคิด
      นักบุญเปาโล สอนต่ออีกว่า “อย่าก้าวเกินขอบเขต อย่าให้ใครหยิ่งผยอง อย่าให้ใครโอ้อวดเลย เราควรยอมรับเสมอว่า เราเป็นเพียงฝุ่นดิน เป็นเพียงคนโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เราไม่มีคุณค่าสักนิด ถ้าพระเจ้าไม่โปรดประทานพระพรแก่เรา นักบุญเปาโลเองกล่าวว่า ท่านเองเป็นเสมือนขยะมูลฝอยของโลก เป็นดังปฏิกูลของทุกคน มิใช่เป็นเรื่องอับอายที่จะต้องมองดูตัวเองว่าเป็นเช่นนั้น เพราะนั่นคือความจริง เป็นพระเจ้าเท่านั้น พระองค์ทรงเป็น พระบุตรของพระเจ้า พระองค์มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2016 สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง           1 คร 5:1-8
     พี่น้อง ข่าวร่ำลือกันมากว่า มีการผิดประเวณีเกิดขึ้นในหมู่ท่าน เป็นการผิดประเวณีชนิดที่ไม่เคยพบเห็นแม้ในหมู่คนต่างศาสนา กล่าวคือมีคนหนึ่งได้แม่เลี้ยงของตน มาเป็นภรรยา และท่านยังภูมิใจ แทนที่จะเป็นทุกข์เศร้าโศก จงขับไล่คนที่ทำผิดเช่นนี้ไปเสีย ส่วนข้าพเจ้านั้น แม้ว่ากายจะอยู่ห่าง แต่ใจนั้นอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าก็ตัดสินลงโทษผู้ที่ทำผิดนั้นแล้วประหนึ่งว่าข้าพเจ้าอยู่ด้วย เมื่อท่านทั้งหลายร่วมชุมนุมกันในพระนามพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าก็อยู่ร่วมด้วยพร้อมกับพระอานุภาพของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงมอบคนประเภทนี้ให้ซาตาน ให้เขามีชีวิตที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อจิตของเขาจะรอดพ้นในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า
การโอ้อวดนั้นไม่ดีเลย ท่านไม่รู้หรือว่า เชื้อแป้งเพียงเล็กน้อยก็ทำให้แป้งดิบทั้งก้อนฟูขึ้นได้ จงชำระเชื้อแป้งเก่าเสียเพื่อท่านจะเป็นแป้งดิบก้อนใหม่ ดังที่ท่านก็เป็นแป้งไร้เชื้ออยู่แล้ว เพราะพระคริสตเจ้าองค์ปัสกาของเราถูกฆ่าบูชาแล้ว เราจงฉลองกันเถิด มิใช่ด้วยเชื้อแป้งเก่าคือความชั่วร้ายเลวทราม แต่ด้วยแป้งไร้เชื้อคือความจริงใจและสัจจะ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก 6:6-11
     วันสับบาโตอีกวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมและทรงสั่งสอนที่นั่น มีชายคนหนึ่งมือขวาลีบ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคอยจ้องดูว่าพระองค์จะทรงรักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ แต่พระองค์ทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสกับชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” เขาก็ลุกขึ้นยืน พระเยซูเจ้าตรัสกับคนทั้งหลายว่า “เราถามท่านว่า ในวันสับบาโต ควรทำความดี หรือทำความชั่ว ควรช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต” แล้วพระองค์ทอดพระเนตรเขาทุกคนและตรัสกับชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือออกซิ” เขาก็ทำตามและมือของเขาก็หายเป็นปกติ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีรู้สึกโกรธแค้นมาก จึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกับพระเยซูเจ้า

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าถามคนทั้งหลายว่า ในวันสับบาโต ควรทำความดีหรือทำความชั่ว ควรช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต แน่ละ คำตอบที่ทุกคนควรจะตอบก็คือ จะต้องทำความดี จะต้องช่วยชีวิต และไม่เพียงในวันสับบาโต แต่ต้องกระทำความดี-ต้องช่วยชีวิตทุกๆวัน และจงละเว้นความชั่วลามก ความดีของเราจะต้องเป็นดั่งเชื้อแป้งใหม่ ที่ทำให้ แป้งดิบ หรือโลกทั้งก้อนฟูขึ้น เราจะต้องชำระเชื้อแป้งเก่า กล่าวคือความชั่วเลวทรามให้หมดไป จงกระทำความดี จงกระทำการช่วยชีวิต ซึ่งเปรียบเสมือนเชื้อแป้งใหม่ ที่จะทำให้โลกมีชีวิตใหม่ในพระองค์

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown