มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 21 กันยายน 2016 ฉลองนักบุญมัทธิว อัครสาวก และผู้นิพนธ์พระวรสาร

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 4:1-7,11-13
      พี่น้อง ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ดำเนินชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียรอดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่งสันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการเดียว มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่งเดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำการผ่านทุกคน และสถิตในทุกคน
     เราแต่ละคนได้รับพระหรรษทานตามสัดส่วนที่พระคริสตเจ้าประทานให้ พระองค์ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไว้สำหรับงานรับใช้ เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตามมาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                   มธ 9:9-13
     ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงดำเนินไปจากที่นั่น ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว กำลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป
     ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษีและคนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เมื่อเห็นดังนี้ ชาวฟาริสีจึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ จงไปเรียนรู้ความหมายของพระวาจาที่ว่า ‘เราพอใจความเมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป”

 

ข้อคิด
     มัทธิวตอบรับคำเชิญของพระเยซูเจ้าและเปลี่ยนชีวิตของเขามาเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ การได้พบกับพระเยซูเจ้าในครั้งนี้ ทำให้มัทธิวมีชีวิตใหม่ เป็นคนใหม่ พบความหมายของชีวิตอย่างแท้จริง บทเรียนนี้เตือนใจเราว่า เมื่อเราได้พบกับพระเยซูเจ้าในชีวิตแล้ว ชีวิตเราเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร บทบาทของพระเยซูเจ้าคือผู้บรรเทา ผู้เยียวยารักษา พระองค์ช่วยให้คนบาปเปลี่ยนเป็นคนดี ช่วยคนป่วยให้เป็นปกติ ดังนั้นให้เราวอนขอพระองค์อยู่เสมอ เพื่อช่วยเยียวยาเราผู้ซึ่งเป็นคนบาปให้เกิดการกลับใจในทุก ๆ วันของชีวิต

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2016 สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปัญญาจารย์                                          ปญจ 1:2-11
     ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้ มีประโยชน์อะไรที่มนุษย์ทำงาน ลำบากตรากตรำอยู่กลางแดด ชั่วอายุคนรุ่นหนึ่งล่วงไป อีกรุ่นหนึ่งก็มา แต่แผ่นดินยังคงอยู่เหมือนเดิมเสมอ ดวงอาทิตย์ขึ้น ดวงอาทิตย์ตก แล้วรีบไปยังที่ซึ่งจะขึ้นมาอีก ลมพัดไปทางใต้ แล้วพัดกลับมาทางเหนือ ลมพัดหมุนเวียนไปมา พัดกลับมาและหมุนเวียนอยู่เช่นนั้น แม่น้ำทั้งหลายไหลลงสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เคยเต็มเลย แม่น้ำยังไหลต่อไปจากต้นน้ำ ทุกสิ่งน่าเบื่อหน่าย ไม่มีผู้ใดอธิบายเหตุผลได้ นัยน์ตาดูไม่อิ่ม หูก็ฟังไม่พอ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็จะเกิดขึ้นอีก สิ่งที่เคยทำแล้วก็จะทำอีก ไม่มีสิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ มีสิ่งใดบ้างที่จะพูดได้ว่า ‘ดูซิ สิ่งนี้ใหม่’ สิ่งนั้นเคยมีอยู่นานมาแล้วก่อนที่เราจะเกิด ไม่มีใครจดจำสิ่งต่างๆ ในอดีต แม้สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะถูกลืมจากผู้ที่จะมาในภายหลังด้วย”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                          ลก 9:7-9
     เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดทรงรู้สึกสับสน เพราะบางคนพูดว่ายอห์นได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย บางคนพูดว่าประกาศกเอลียาห์ได้ปรากฏแล้ว บางคนว่าประกาศกในอดีตคนหนึ่งได้กลับคืนชีพ แต่กษัตริย์เฮโรดตรัสว่า “ยอห์นนั้นเราได้ตัดศีรษะแล้ว คนที่เราได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นใคร” กษัตริย์เฮโรดจึงทรงหาโอกาสจะพบพระองค์

 

ข้อคิด
     บ่อยครั้งที่เราใช้ชีวิตเหมือนกับว่าจะไม่จากโลกนี้ไปในสักวัน การยึดติดกับผู้คนหรือสิ่งต่าง ๆ บนโลกนี้อาจเกิดขึ้นแบบเงียบ ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ความจริงจากหนังสือปํญญาจารย์ในวันนี้เตือนใจเราให้นึกถึงความไม่แน่นอนของโลกใบนี้อยู่เสมอ ความไม่แน่นอนคือความจริงหนึ่งที่เราควรใส่ใจและบอกตัวเองในทุก ๆ วัน เพื่อที่เราจะได้แสวงหาสิ่งที่แน่นอนสำหรับชีวิต นั่นก็คือชีวิตนิรันดรในพระอาณาจักรพระเจ้า

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2016 สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปัญญาจารย์                                          ปญจ 11:9-12:8
     หนุ่มเอ๋ย จงยินดีในวัยเยาว์ของท่าน ใจของท่านจงร่าเริงขณะที่ท่านยังเยาว์วัยอยู่ จงทำตามที่ใจของท่านชอบ และตามที่นัยน์ตาของท่านปรารถนา แต่จงรู้ว่าพระเจ้าจะทรงพิพากษาทุกสิ่งที่ท่านทำ จงขจัดความกังวลออกไปจากใจของท่าน จงขับไล่ความทุกข์ทรมานออกไปจากร่างกายของท่าน เพราะวัยเยาว์และรุ่งอรุณของชีวิตนั้นไม่เที่ยงแท้
     จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่านขณะที่ท่านยังเยาว์วัย ก่อนที่วันเลวร้ายจะมา และเวลาจะมาถึง เมื่อท่านจะต้องพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความสนุกเลย” เวลานั้นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลายจะอับแสงสำหรับท่าน และท้องฟ้าจะมีเมฆปกคลุมอยู่เสมอ เวลานั้นแขนของท่านที่ปกป้องท่านไว้จะสั่นสะท้าน ขาของท่านที่เคยค้ำจุนท่านจะอ่อนล้า ฟันจะลดจำนวนลงจนเคี้ยวอาหารไม่แหลก นัยน์ตาของท่านจะฝ้าฟางจนเห็นไม่ชัด หูของท่านจะตึงจนไม่ได้ยินเสียงอึกทึกจากถนน ท่านจะไม่ได้ยินเสียงโม่แป้ง เสียงนกร้องและเสียงของท่านจะอ่อนลงและสั่นเครือ ท่านจะกลัวที่สูง และแต่ละก้าวก็มีอันตรายที่จะหกล้ม ผมของท่านจะหงอกขาวเหมือนดอกอัลมอนด์ ท่านเดินแทบจะไม่ไหว และความปรารถนาใดๆ จะหมดสิ้นไป ท่านจะไปสู่ที่พำนักถาวร ขณะที่มีผู้ร้องไห้และไว้ทุกข์ตามถนน ก่อนที่สายเงินจะขาด ตะเกียงทองคำจะล้มแตก เหยือกน้ำจะแตกที่พุน้ำ ล้อเชือกตักน้ำจะตกลงไปในบ่อ ร่างกายของท่านจะกลายเป็นฝุ่นดินดังเดิม และลมปราณจะกลับไปหาพระเจ้าผู้ประทานลมปราณแก่ท่าน ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก 9:43ข-45
     เวลานั้น ขณะที่ทุกคนกำลังพิศวงในทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำอยู่นั้น พระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคำเหล่านี้ไว้ให้ดีเถิด บุตรแห่งมนุษย์กำลังจะถูกมอบในมือของคนทั้งหลาย” แต่บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจานี้ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ถูกปิดบังไว้มิให้เข้าใจความหมาย แต่เขาทั้งหลายก็ไม่กล้าทูลถามเรื่องนี้

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าได้ผ่านความไม่แน่นอนของชีวิตในโลกนี้เหมือนกับเราทุกคน วันหนึ่งผู้คนชื่นชมในสิ่งที่พระองค์ทำและสิ่งที่พระองค์สอน แต่อีกวันหนึ่งพวกเขากลับจ้องจับผิดและทำร้ายพระองค์ นี่คือความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น
การยึดความจริงที่เที่ยงแท้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลก พระเยซูเจ้ายึดความจริงของงานไถ่กู้และทำงานนั้นให้สำเร็จตามแผนการของพระบิดา เราเองก็ต้องยึดความจริงและความแน่นอนของชีวิตตามแนวทางของพระเยซูเจ้าเสมอ

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2016 น.ปีโอ แห่งปีเอเตรลชีนา พระสงฆ์

บทอ่านจากหนังสือปัญญาจารย์                                         ปญจ 3:1-11
     มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง มีเวลาสำหรับกิจการต่างๆ ภายใต้ท้องฟ้า มีเวลาเกิด และเวลาตาย เวลาปลูก และเวลาถอนสิ่งที่ปลูก เวลาฆ่า และเวลารักษาให้หาย เวลารื้อทำลาย และเวลาก่อสร้าง เวลาร้องไห้ และเวลาหัวเราะ เวลาไว้ทุกข์ และเวลาเต้นรำ เวลาโยนก้อนหินทิ้ง และเวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน เวลาสวมกอด และเวลาละเว้นการสวมกอด เวลาแสวงหา และเวลาสูญเสีย เวลาเก็บรักษา และเวลาโยนทิ้ง เวลาฉีก และเวลาเย็บ เวลานิ่งเงียบ และเวลาพูด เวลารัก และเวลาเกลียด เวลาทำสงคราม และเวลาสันติ
     คนทำงานได้ประโยชน์ใดจากงานยากลำบากของตน ข้าพเจ้าเห็นงานยากลำบากที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์มีงานทำ พระองค์ทรงกระทำให้ทุกสิ่งงดงามตามเวลา แต่ทรงใส่ความสำนึกถึงเวลาที่ผ่านไปไว้ในใจของมนุษย์ ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังไม่เข้าใจจุดเริ่มต้นและการสิ้นสุดของกิจการที่พระเจ้าทรงกระทำ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                       ลก 9:18-22
      วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่เพียงพระองค์เดียว บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้า พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “ประชาชนว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างว่าเป็นเอลียาห์ บ้างว่าเป็นประกาศกในอดีตคนหนึ่งซึ่งกลับคืนชีพ” พระเยซูเจ้าตรัสถามเขาว่า “ท่านล่ะว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้พูดเรื่องนี้แก่ผู้ใด
พระองค์ตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะและธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะกลับคืนชีพในวันที่สาม”

 

ข้อคิด
     การค้นหาคำตอบว่าพระเยซูเจ้าคือใครสำหรับเราอาจดูเหมือนง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่เราจะให้ใครสักคนมีความหมายต่อชีวิตของเรานั้น เราต้องรู้จักเขาเป็นอย่างดี เราต้องรักเรามากจนถึงกับให้เขามีบทบาทในชีวิตของเรา มุมมองและความเข้าใจต่อพระเยซูเจ้ามีมากมายหลากหลายในโลกนี้ แต่คนที่ใกล้ชิดและรักพระองค์ด้วยใจจริงถึงจะเข้าใจชัดเจนว่าพระองค์คือพระคริสต์ พระผู้ไถ่ของมนุษยชาติ

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2016 สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส                                     อมส 6:1ก,4-7
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่มีความสะดวกสบายอยู่ในศิโยน และบรรดาผู้ที่รู้สึกปลอดภัยบนภูเขาสะมาเรีย เขาทั้งหลายนอนบนเตียงงาช้าง เหยียดตัวอยู่บนเก้าอี้ยาว กินลูกแกะจากฝูงแพะแกะ กินลูกโคที่ขุนไว้ในคอก เขาร้องเพลงไร้สาระ ประสานเสียงพิณใหญ่ ประดิษฐ์เครื่องดนตรีใหม่ๆ สำหรับตนเหมือนกษัตริย์ดาวิด เขาใช้ชามใหญ่ดื่มเหล้าองุ่น ใช้น้ำมันอย่างดีชโลมตัว แต่ไม่เป็นห่วงถึงความพินาศของโยเซฟ เขาทั้งหลายจึงจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกจับเป็นเชลย และงานเลี้ยงอึกทึกของผู้ไม่มีอะไรทำก็จบลง

เพลงสดุดี                                                                            สดด 146:7,8-9ก,9ข-10
    ก) ประทานความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่
ประทานอาหารแก่ผู้หิวโหย
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปล่อยบรรดาผู้ถูกจองจำให้เป็นอิสระ
     ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานสายตาแก่คนตาบอด
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพยุงผู้ที่ล้มให้ลุกขึ้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ชอบธรรม
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์คนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่
     ค) ทรงค้ำจุนเด็กกำพร้าและหญิงม่าย
แต่ทรงขัดขวางหนทางของคนชั่วร้าย
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงครองราชย์ตลอดไป
ศิโยนเอ๋ย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงทิโมธี ฉบับที่หนึ่ง          1 ทธ 6:11-16
     ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกเลี่ยงเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จงมุ่งหน้าหาความชอบธรรม ความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทนและความอ่อนโยน จงต่อสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อ จงยึดมั่นในชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ดำเนินอยู่ เมื่อท่านได้ประกาศยืนยันความเชื่อต่อหน้าพยานจำนวนมาก บัดนี้ เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าผู้ประทานชีวิตแก่ทุกสิ่ง และเฉพาะพระพักตร์พระคริสตเยซู ผู้ยืนยันประกาศความเชื่อเป็นอย่างดีไว้ต่อหน้าปอนทิอัสปีลาต ข้าพเจ้าขอกำชับให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการโดยไม่บกพร่อง จนกว่าพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะทรงสำแดงพระองค์
     เมื่อถึงเวลากำหนด พระเจ้าจะทรงเปิดเผยพระคริสตเยซู พระเจ้าผู้ทรงเป็นความสุขแท้จริงและผู้ทรงสรรพานุภาพแต่พระองค์เดียว ทรงเป็นจอมกษัตริย์และเจ้านายสูงสุด ผู้ทรงเป็นอมตะแต่พระองค์เดียว ประทับอยู่ในแสงสว่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้ ไม่มีมนุษย์คนใดเคยเห็นหรืออาจเห็นพระองค์ได้ ขอพระองค์ทรงดำรงพระเกียรติและพระพลานุภาพตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก 16:19-31
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกฟาริสีว่า “เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน คนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี มีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา วันหนึ่ง คนยากจนผู้นี้ตาย ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ เศรษฐีซึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า ‘ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นให้ลูกสดชื่นขึ้นบ้าง เพราะลูกกำลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้’ แต่อับราฮัมตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย จงจำไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลวๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหวใหญ่ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย’
เศรษฐีจึงพูดว่า ‘ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพี่น้องอีกห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย’ อับราฮัมตอบว่า ‘พี่น้องของลูกมีโมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด’ แต่เศรษฐีพูดว่า ‘มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ’ อับราฮัมตอบว่า ‘ถ้าเขาไม่เชื่อฟังโมเสสและบรรดาประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ’”

 

ข้อคิด
     อิสรภาพที่พระเจ้าให้มนุษย์แต่ละคนนั้นยิ่งใหญ่มาก เพราะความรักที่ไม่มีขอบเขตของพระเจ้าทำให้เรามีอิสรภาพอย่างมากในการเลือกวิถีทางดำเนินชีวิต เรื่องราวของเศรษฐีและลาซาลัสเตือนใจเราให้ใช้ชีวิตด้วยความรอบคอบ แม้ว่าเราจะมีอิสรภาพอย่างเต็มที่ ก็ขอให้เราใช้อิสรภาพนั้นในหนทางที่ดีงามและเป็นประโยชน์ เพราะผลของชีวิตในโลกหน้าก็มาจากใช้ชีวิตในโลกนี้นั่นเอง ไม่มีใครสามารถบังคับและเปลี่ยนแปลงเราได้ หากเราไม่ต้องการ การเลือกใช้ชีวิตให้ดีนั้นจึงขึ้นอยู่กับตัวเราแต่ละคนจริง ๆ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown