มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 2016 น.อันเซลม์ พระสังฆราช นักปราชญ์

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                   กจ13:13-25
     เปาโลและเพื่อนร่วมทางแล่นเรือจากเมืองปาโฟสถึงเมืองเปอร์กาในแคว้นปัมฟีเลีย ที่นี่ยอห์นแยกจากเขากลับไปกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนคนอื่นๆ เดินทางจากเมืองเปอร์กาต่อไปถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย ครั้นถึงวันสับบาโตเขาเข้าไปนั่งในศาลาธรรม เมื่ออ่านธรรมบัญญัติและหนังสือประกาศกแล้ว บรรดาหัวหน้าศาลาธรรมก็ส่งคนไปเชิญเปาโลและบารนาบัส พูดว่า “พี่น้อง ถ้าท่านมีถ้อยคำเตือนใจประชาชน ก็จงพูดเถิด”
เปาโลยืนขึ้น โบกมือให้คนทั้งหลายเงียบแล้วพูดว่า “ชาวอิสราเอล และท่านทั้งหลายผู้ยำเกรงพระเจ้าจงฟังข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าของประชาชนอิสราเอลนี้ทรงเลือกบรรพบุรุษของเรา และทรงยกย่องประชาชนขณะที่ยังอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ พระองค์ทรงสำแดงพระอานุภาพยิ่งใหญ่นำเขาออกจากแผ่นดินนั้น และเอาพระทัยใส่ดูแลเขาในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาประมาณสี่สิบปี แล้วพระองค์ทรงทำลายชนชาติเจ็ดชาติในแผ่นดินคานาอันและประทานแผ่นดินนั้นให้เขาเป็นมรดก เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาประมาณสี่ร้อยห้าสิบปี
     หลังจากนั้น พระเจ้าประทานผู้วินิจฉัยให้ปกครองเขา จนถึงประกาศกซามูเอล เมื่อประชาชนขอให้มีกษัตริย์ พระองค์ก็ประทานซาอูลบุตรของคีช จากตระกูลเบนยามิน ให้เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่เป็นเวลาสี่สิบปี เมื่อทรงปลดกษัตริย์ซาอูลจากตำแหน่งแล้ว ก็ทรงแต่งตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองประชากรอิสราเอลดังที่มีคำยืนยันในพระคัมภีร์ว่า “เราพบดาวิดบุตรของเจสซี เขาเป็นคนที่เราพอใจ เขาจะทำตามความประสงค์ของเราทุกประการ” จากเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดนี้ พระเจ้าประทานพระเยซูเจ้าเป็นผู้ช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นตามพระสัญญา ยอห์นเตรียมรับเสด็จพระองค์ ประกาศพิธีล้างให้ประชาชนอิสราเอลทั้งปวงกลับใจ ขณะที่ยอห์นกำลังทำภารกิจของตนให้สำเร็จไป เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้ามิได้เป็นอย่างที่ท่านทั้งหลายคิดแต่บัดนี้ มีผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                    ยน13:16-20
     เมื่อพระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาอัครสาวกแล้ว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตนผู้ถูกส่งไปย่อมไม่เป็นใหญ่กว่าผู้ที่ส่งเขาไปบัดนี้ ท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านย่อมเป็นสุข เราไม่พูดเช่นนี้เพื่อท่านทุกคน เรารู้จักผู้ที่เราเลือกไว้แล้ว แต่พระคัมภีร์จะต้องเป็นความจริง ที่ว่า ‘ผู้ที่กินปังของเราได้ยกส้นเท้าใส่เรา’ เราบอกท่านทั้งหลายตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพื่อว่าเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วท่านจะได้เชื่อว่าเราเป็นเราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่าใครรับผู้ที่เราส่งไป ก็รับเราใครรับเรา ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา”

 

ข้อคิด
     แผนการแห่งความรอดพ้นเริ่มต้นจากการทรงเลือกทรงเรียกพระองค์จะทรงแผ้วถางเส้นทางทรงพระดำเนินเคียงข้างทรงพาออกจากเหตุเพทภัยนานัปการทรงเอาพระทัยใส่ดูแลทรงประทานทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อความรอดพ้นนี้.. ขึ้นอยู่กับการสนองรับเสียงเรียกด้วยความเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็น..ทั้งด้วยการปฏิบัติและการรับใช้อย่างสุภาพถ่อมใจของเรา..

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน 2016 สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                    กจ13:26-33
     ในครั้งนั้น เมื่อเปาโลมาถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย ท่านกล่าวในศาลาธรรมว่า “พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นบุตรจากเชื้อสายของอับราฮัมและท่านที่เคารพยำเกรงพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งข่าวเรื่องความรอดพ้นนี้แก่เราชาวเยรูซาเล็มและบรรดาหัวหน้าไม่ยอมรับพระเยซูเจ้า จึงตัดสินลงโทษพระองค์ ทำให้ข้อความของบรรดาประกาศกที่อ่านทุกวันสับบาโตเป็นจริง แม้ว่าเขาไม่พบเหตุผลที่จะประหารชีวิตพระองค์ได้เขาก็ยังขอปีลาตให้ประหารชีวิตพระองค์เมื่อทำให้ทุกสิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์เป็นจริงแล้วเขาจึงปลดพระองค์ลงจากไม้กางเขนและนำไปวางไว้ในพระคูหา แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระองค์กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ตลอดเวลาหลายวัน พระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ผู้ที่เดินทางจากแคว้นกาลิลีมายังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพระองค์ และบัดนี้เขาทั้งหลายเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ต่อหน้าประชาชน
     เราขอประกาศข่าวดีให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า พระสัญญาที่ประทานแก่บรรดาบรรพบุรุษนั้น พระเจ้าทรงกระทำให้เป็นจริงสำหรับเราทั้งหลายผู้เป็นลูกหลาน โดยทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังที่มีเขียนไว้ในเพลงสดุดีบทที่สองว่า‘ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำเนิดท่านในวันนี้’”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                     ยน14:1-6
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ใจของท่านทั้งหลายจงอย่าหวั่นไหวเลยจงเชื่อในพระเจ้า และเชื่อในเราด้วย ในบ้านพระบิดาของเรา มีที่พำนักมากมายถ้าไม่มี เราคงบอกท่านแล้วเรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน และเมื่อเราไป และเตรียมที่ให้ท่านแล้วเราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเราด้วยเพื่อว่าเราอยู่ที่ใด ท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย ที่ที่เราจะไปนั้น ท่านรู้จักหนทางแล้ว”
โทมัสทูลว่า “พระเจ้าข้า พวกเราไม่รู้ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ใด แล้วจะรู้จักหนทางได้อย่างไร”
พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิตไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา”

 

ข้อคิด
     นักบุญเปาโลประกาศข่าวดีแก่ชาวอันทิโอกว่าพระสัญญาที่ทรงประทานแก่บรรพบุรุษนั้นพระเจ้าทรงกระทำให้เป็นจริงสำหรับเราทั้งหลายผ่านการกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายของพระเยซูเจ้าในขณะที่พระเยซูคริสตเจ้าเองเมื่อทรงพระชนมอยู่ทรงตรัสกับเราผ่านทางบรรดาศิษย์ว่า..พระองค์อยู่ที่ใดเราก็อยู่กับพระองค์ที่นั่นหากเราดำเนินชีวิตติดตามพระองค์..ผู้ทรงเป็นหนทางความจริงและชีวิต

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2016 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                     กจ 14:20ข-27
     วันรุ่งขึ้นเปาโลก็ออกเดินทางกับบารนาบัสไปยังเมืองเดอร์บีทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่เมืองนั้น ได้ศิษย์เป็นจำนวนมาก แล้วจึงกลับไปเมืองลิสตรา เมืองอิโคนิยุมและเมืองอันทิโอกแห่งแคว้นปิสิเดีย เขาทั้งสองคนให้กำลังใจบรรดาศิษย์ตักเตือนให้มั่นคงอยู่ในความเชื่อ พูดว่า “พวกเราจำเป็นต้องฟันฝ่าความทุกข์ยากเป็นอันมากจึงจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าได้” เปาโลและบารนาบัสแต่งตั้งผู้อาวุโสในกลุ่มคริสตชนแต่ละกลุ่ม เขาอธิษฐานภาวนาพร้อมกับจำศีลอดอาหาร แล้วฝากบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเขาทั้งหลายมีความเชื่อ ทั้งสองคนเดินทางผ่านแคว้นปิสิเดีย มาถึงแคว้นปัมฟีเลีย ประกาศพระวาจาที่เมืองเปอร์กา แล้วจึงไปยังเมืองอัตตาเลีย
     จากนั้น เขาลงเรือกลับไปยังเมืองอันทิโอกแห่งซีเรีย ก่อนที่เขาทั้งสองคนจะออกเดินทางจากเมืองอันทิโอกบรรดาคริสตชนเคยฝากเขาไว้กับพระหรรษทานของพระเจ้าเพื่องานที่เขาเพิ่งทำสำเร็จ เมื่อไปถึง เปาโลและบารนาบัสก็เรียกประชุมกลุ่มคริสตชน เล่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำโดยผ่านตนว่าพระเจ้าทรงเปิดประตูแห่งความเชื่อให้คนต่างศาสนา

 

เพลงสดุดี                                                                            สดด 145:8-10,11-12,13ก
     ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานและทรงพระเมตตากรุณา
กริ้วช้าและทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระทัยดีต่อทุกคน
ความอ่อนโยนของพระองค์ครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งมวล
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้สิ่งสร้างทั้งมวลสรรเสริญพระองค์
ขอให้ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ถวายพระพรแด่พระองค์
     ข) เขาจะพูดถึงพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระอาณาจักรของพระองค์
และเล่าถึงพระอานุภาพของพระองค์
บุตรแห่งมนุษย์จะได้รู้ถึงพระอานุภาพของพระองค์
พระสิริรุ่งโรจน์และความรุ่งเรืองแห่งพระอาณาจักรของพระองค์
     ค) พระอาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรที่ดำรงอยู่ตลอดไป
อำนาจปกครองของพระองค์คงอยู่ทุกยุคทุกสมัย

 

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์                                                   วว 21:1-5ก
     แล้วข้าพเจ้าเห็นฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่เพราะฟ้าและแผ่นดินเดิมสูญหายไป ไม่มีทะเลอีกต่อไป ข้าพเจ้าเห็นนครศักดิ์สิทธิ์ คือนครเยรูซาเล็มใหม่ลงมาจากสวรรค์ ลงมาจากพระเจ้า เตรียมพร้อมเหมือนกับเจ้าสาวที่แต่งตัวรอเจ้าบ่าวข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระบัลลังก์ว่า “นี่คือที่พำนักของพระเจ้าในหมู่มนุษย์ พระองค์จะทรงพำนักอยู่ในหมู่เขาเขาจะเป็นประชากรของพระองค์ และพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของเขา ทรงเป็น “พระเจ้าสถิตกับเขา” พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา จะไม่มีความตายอีกต่อไป จะไม่มีการไว้ทุกข์ การร้องไห้ และความทุกข์อีกต่อไป เพราะโลกเดิมผ่านพ้นไปแล้ว
พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ตรัสว่า “ดูซิ เราทำทุกสิ่งขึ้นใหม่

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                      ยน 13:31-33ก,34-35
     เมื่อยูดาสออกไปแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสว่า“บัดนี้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์และพระเจ้าทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์ด้วยถ้าพระเจ้าทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์พระเจ้าจะทรงให้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระองค์ด้วยและจะทรงให้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ทันทีลูกทั้งหลายเอ๋ยเราจะอยู่กับท่านอีกไม่นานเราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลายให้ท่านรักกันเรารักท่านทั้งหลายอย่างไรท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิดถ้าท่านมีความรักต่อกันทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา”

 

ข้อคิด
     "องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานและทรงพระเมตตากรุณากริ้วช้าและทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยมทรงพระทัยดีต่อทุกคนความอ่อนโยนของพระองค์ครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งมวล.." (สดด145:8-10)เป็นพระเมตตาของพระเจ้าสำหรับงานประกาศข่าวดีและการเปิดประตูแห่งความเชื่อให้คนต่างศาสนาของนักบุญเปาโลและบารนาบัส... เป็นความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ทรงสถิตอยู่ทุกหนแห่งเพื่อเราทุกคนทีละคนเพื่อทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเราและจะไม่มีความตายอีกต่อไป...เป็นความอ่อนโยนของพระองค์ที่ทรงสอนบทบัญญัติใหม่ให้แก่เรา..ให้รักกันและกัน..พระองค์ทรงรักเราอย่างไรเราก็จงรักกันด้วยความรักเช่นเดียวกันนั้น..ด้วยเราเป็นศิษย์ของพระองค์

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2016 น.ยอร์จ มรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                    กจ13:44-52
     วันสับบาโตต่อมา ชาวเมืองเกือบทั้งหมดมาชุมนุมฟังพระวาจาของพระเจ้าเมื่อชาวยิวเห็นประชาชนจำนวนมากเช่นนี้ ก็เกิดความอิจฉาอย่างมาก จึงคัดค้านคำพูดของเปาโลและด่าว่าเขา
     เปาโลและบารนาบัสตอบเขาอย่างกล้าหาญว่า “จำเป็นที่เราจะต้องประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้ท่านฟังก่อนผู้อื่น แต่เมื่อท่านปฏิเสธไม่ยอมรับและไม่คิดว่าตนเหมาะสมจะรับชีวิตนิรันดร เราจึงหันไปหาคนต่างศาสนา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระบัญชาแก่เราดังนี้ว่า
“เราแต่งตั้งท่านให้เป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ
เพื่อท่านจะได้นำความรอดพ้นไปจนสุดปลายแผ่นดิน”
เมื่อคนต่างศาสนาได้ยินดังนี้ ก็มีความยินดีและสรรเสริญพระวาจาของพระเจ้าและทุกคนที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับชีวิตนิรันดรก็มีความเชื่อ
     พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าแผ่ไปทั่วแคว้นนั้น แต่ชาวยิวยุยงบรรดาสตรีชั้นสูงที่เลื่อมใสในศาสนายิวและบรรดาผู้นำของเมือง ให้เบียดเบียนเปาโลและบารนาบัส และขับไล่ทั้งสองคนออกไปจากดินแดนของตน เขาทั้งสองคนจึงสะบัดฝุ่นจากเท้าเป็นเครื่องหมายตัดความสัมพันธ์ แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองอิโคนิยุม บรรดาศิษย์ต่างมีความชื่นชมและได้รับพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                    ยน14:7-14
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเราท่านก็รู้จักพระบิดาของเราด้วยบัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว”ฟีลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราอยู่กับท่านมานานเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดทำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงดำรงอยู่ในเรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเราแต่พระบิดาผู้สถิตในเรา ทรงกระทำกิจการของพระองค์ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราดำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ทรงดำรงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะกิจการเหล่านี้เถิด เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำกิจการที่เรากำลังทำอยู่ด้วย และจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเรากำลังจะไปเฝ้าพระบิดาสิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระบุตรถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเราเราจะทำให้”

 

ข้อคิด
     เรามาชุมนุมกันฟังพระวาจาของพระเจ้าสม่ำเสมอเป็นประจำเราปรารถนานำแสงสว่างนี้ส่องไปยังนานาชาติดังเช่นที่ได้ส่องแสงลงในจิตใจของเราแล้ว..เรามุ่งมั่นเราทุ่มเทในขณะที่อาจมีความไม่เข้าใจหรือไม่เห็นด้วยโดยใครบางคนหรือบางกลุ่มเราจะยังชื่นชมยินดีได้ในท่ามกลางการเบียดเบียนเหล่านี้หรือไม่..เหตุว่าเราได้รับโอกาสให้เป็นเครื่องมือเล็กๆของพระเจ้าเพื่อจะนำความรอดพ้นที่พระองค์โปรดประทานให้ไปจนสุดปลายแผ่นดิน..ดังที่พระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า.."ผู้ที่เชื่อในเราก็จะทำกิจการที่เรากำลังทำอยู่ด้วยและจะทำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก...ถ้าท่านขอสิ่งใดในนามของเราเราจะทำให้"...เราจงวอนขอด้วยวางใจ

วันจันทร์ที่ 25เมษายน 2016 ฉลองนักบุญมาระโก ผู้นิพนธ์พระวรสาร

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง       1 ปต5:5ข-14
     ท่านที่รักยิ่งทั้งหลาย จงมีความถ่อมตนต่อกันเถิดเพราะพระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่งจองหองแต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตนดังนั้นจงถ่อมตนอยู่ใต้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อพระองค์จะได้ทรงยกย่องท่านเมื่อถึงเวลาอันควรจงละความกระวนกระวายทั้งมวลของท่านไว้กับพระองค์เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่านจงมีสติสัมปชัญญะและตื่นตัวอยู่เสมอเพราะศัตรูของท่านคือมารกำลังดักวนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงโตคำรามเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้จงต่อสู้กับมันด้วยใจมั่นคงในความเชื่อจงรู้ว่าบรรดาพี่น้องผู้มีความเชื่อทั่วโลกก็ประสบความทุกข์ลำบากเช่นเดียวกันและเมื่อท่านได้ทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วพระเจ้าผู้ประทานพระหรรษทานทุกประการผู้ทรงเรียกท่านให้มารับพระสิริรุ่งโรจน์นิรันดรในพระคริสตเจ้าจะทรงฟื้นฟูท่านให้มั่นคงมีกำลังเข้มแข็งและจะทรงพยุงท่านไว้ขอพระอานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดรอาเมน
     ข้าพเจ้าเขียนจดหมายสั้นๆฉบับนี้ด้วยความช่วยเหลือของสิลวานัสซึ่งข้าพเจ้านับถือว่าเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์ข้าพเจ้าเตือนสติท่านและยืนยันว่านี่เป็นพระหรรษทานแท้จริงของพระเจ้าจงยืนหยัดมั่นคงในพระหรรษทานนี้เถิดพระศาสนจักรที่กรุงบาบิโลนซึ่งพระเจ้าทรงเลือกสรรไว้เช่นเดียวกับที่ได้ทรงเลือกสรรท่านขอฝากความคิดถึงท่านมาระโกบุตรของข้าพเจ้าก็ฝากความคิดถึงท่านด้วย
     จงทักทายกันด้วยการจุมพิตแสดงความรักขอสันติสุขจงอยู่กับท่านทั้งหลายซึ่งดำรงอยู่ในพระคริสตเจ้าเทอญ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                                  มก16:15-20
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงสำแดงองค์แก่อัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคนตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวงผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้นผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเราจะพูดภาษาใหม่ๆได้จะจับงูได้และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตรายเขาจะปกมือเหนือคนเจ็บคนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย”
     เมื่อพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้วพระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ให้ประทับณเบื้องขวาบรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหนองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขาและทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา

 

ข้อคิด
     นักบุญมาระโกผู้นิพนธ์พระวรสารเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้าผ่านการประกาศข่าวดีของท่านนักบุญเปโตรและเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีด้วยความถ่อมตนท่านละความกระวนกระวายทั้งมวลไว้ในพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเป็นเจ้า..ท่านมีสติสัมปชัญญะและตื่นตัวเสมอต่อสู้ด้วยใจมั่นคงจวบจนวันสิ้นชีวิตเป็นมรณสักขีเพื่อยืนยันความเชื่อแม้ว่าท่านมิได้ร่วมอยู่ในเวลาดำรงพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้าก็ตาม..กระนั้นก็ดีโดยอาศัยพระจิตเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับท่านและทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์นานาที่ติดตามมา....

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown