www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2016 วันศุกร์ในอัฐมวารปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                   กจ4:1-12
     ขณะที่เปโตรและยอห์นกำลังปราศรัยกับประชาชนอยู่นั้น บรรดาสมณะพร้อมกับนายทหารรักษาพระวิหารและบรรดาชาวสะดูสีได้เข้ามาพบ เขาไม่พอใจมากที่ทั้งสองคนสั่งสอนประชาชนและประกาศว่าบรรดาผู้ตายจะกลับคืนชีพเพราะพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ เขาจับกุมเปโตรและยอห์นจองจำไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น เพราะเป็นเวลาเย็นแล้ว แต่หลายคนที่ฟังคำเทศน์สอนนั้นมีความเชื่อ และจำนวนของคนเหล่านี้เพิ่มขึ้นถึงประมาณห้าพันคน
วันรุ่งขึ้น บรรดาผู้ปกครอง ผู้อาวุโสและธรรมาจารย์มาประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม พร้อมกับอันนาสมหาสมณะ คายาฟาสยอห์นอเล็กซานเดอร์และสมาชิกทุกคนในครอบครัวมหาสมณะ เขานำเปโตรและยอห์นมาอยู่กลางที่ประชุม แล้วเริ่มซักถามว่า “ท่านทั้งสองคนทำการโดยอำนาจหรือในนามของผู้ใด”เปโตรเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้ากล่าวกับเขาว่า “ท่านผู้ปกครองประชาชน และผู้อาวุโสทั้งหลาย วันนี้เราทำความดีรักษาผู้ป่วยคนหนึ่ง เราจึงถูกสอบสวนว่าคนนี้หายจากโรคได้อย่างไร ท่านทั้งหลายและประชาชนอิสราเอลทุกคนจงรู้เถิดว่าชายคนนี้หายจากโรคมายืนอยู่ต่อหน้าท่านทั้งหลาย ก็เพราะพระนามพระเยซูคริสตเจ้าชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านนำไปตรึงกางเขน แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระเยซูเจ้าองค์นี้ทรงเป็นศิลาซึ่งท่านทั้งหลายผู้เป็นช่างก่อสร้างขว้างทิ้ง แต่ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม ไม่มีผู้ใดช่วยให้เรารอดพ้น เพราะใต้ฟ้านี้พระเจ้ามิได้ประทานนามอื่นแก่มนุษย์นอกจากนามนี้ที่ช่วยเราให้รอดพ้นได้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                     ยน21:1-14
    หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์อีกครั้งหนึ่งที่ฝั่งทะเลสาบทีเบเรียส เรื่องราวเป็นดังนี้ ศิษย์บางคนอยู่พร้อมกันที่นั่น คือซีโมน เปโตร กับโทมัสที่เรียกกันว่า “ฝาแฝด” นาธานาเอล ซึ่งมาจากหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี บุตรทั้งสองคนของเศเบดีและศิษย์อีกสองคน ซีโมนเปโตรบอกคนอื่นว่า “ข้าพเจ้าจะไปจับปลา” ศิษย์คนอื่นตอบว่า “พวกเราจะไปกับท่านด้วย” เขาทั้งหลายออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นทั้งคืนเขาจับปลาไม่ได้เลย
     พอรุ่งสาง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่ง แต่บรรดาศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงร้องถามว่า “ลูกเอ๋ย มีอะไรกินบ้างไหม” เขาตอบว่า “ไม่มี” พระองค์จึงตรัสว่า “จงเหวี่ยงแหไปทางกราบเรือด้านขวาซิ แล้วจะได้ปลา” บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงแหออกไป แต่ดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจำนวนมากศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักกล่าวกับเปโตรว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้านี่” เมื่อซีโมนเปโตรได้ยินว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็หยิบเสื้อมาสวม เพราะเขาไม่ได้สวมเสื้ออยู่ แล้วกระโดดลงไปในทะเล ศิษย์คนอื่นเข้าฝั่งมากับเรือ ลากแหที่ติดปลาเข้ามาด้วย เพราะอยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก ประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น
    เมื่อบรรดาศิษย์ขึ้นมาบนฝั่ง ก็เห็นถ่านติดไฟลุกอยู่ มีปลาและขนมปังวางอยู่บนไฟ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเอาปลาที่เพิ่งจับได้มาบ้างซิ” ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือ แล้วลากแหขึ้นฝั่งมีปลาตัวใหญ่ติดอยู่เต็ม นับได้หนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว แต่ทั้งๆ ที่ติดปลามากเช่นนั้น แหก็ไม่ขาด พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “มากินอาหารกันเถิด” ไม่มีศิษย์คนใดกล้าถามว่า “ท่านเป็นใคร” เพราะรู้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้าทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา แล้วทรงแจกปลาให้เช่นเดียวกัน นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย

 

ข้อคิด
    บางครั้ง สถานการณ์ที่ดูเหมือนสิ้นหวัง พระเยซูเจ้าเองเป็นผู้ที่เข้ามาชี้หนทาง บรรดาศิษย์ที่เหน็ดเหนื่อย ท้อแท้ เพราะหาปลาไม่ได้เลย ได้พบกับความสำเร็จ สมหวัง จับปลาได้เป็นจำนวนมาก เมื่อพวกเขาฟังคำแนะนำของพระเยซูเจ้าและปฎิบัติตามบางทีในชีวิตคิดอะไรไม่ออกไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรในสถานการณ์ที่ยากลำบากการเปิดใจแล้วฟังเสียงรอบข้างก็อาจพบทางออกที่ดีที่สุดเหมือนกับสถานการณ์ของเปโตรและยอห์นท่ามกลางสถานการณ์ของการถูกไต่สวนเมื่อพวกเขาเปิดใจฟังเสียงของพระจิตเจ้าพวกเขาสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายทั้งยังสามารถประกาศยืนยันความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าได้อย่างกล้าหาญ

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2016 วันเสาร์ในอัฐมวารปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                   กจ4:13-21
     เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นว่าเปโตรและยอห์นพูดอย่างกล้าหาญ ทั้งรู้ว่าทั้งสองคนไม่เคยได้รับการศึกษา และไม่มีความรู้พิเศษใดๆก็ประหลาดใจและระลึกได้ว่าทั้งสองคนเคยอยู่กับพระเยซูเจ้า เมื่อเห็นคนที่หายจากโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์นเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรจึงสั่งให้ทั้งสองคนออกไปนอกห้องประชุม แล้วเริ่มปรึกษากันว่า“เราจะทำอย่างไรกับทั้งสองคนนี้ดี” เพราะเขาทำการอัศจรรย์เด่นชัด ทุกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มรู้ว่าเขาทำเครื่องหมายอัศจรรย์นี้อย่างเปิดเผย เราไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เราต้องขู่เขา อย่าให้กล่าวถึงนามนั้นแก่ผู้ใด เพื่อเรื่องนี้จะได้ไม่เล่าลือแพร่หลายไปในหมู่ประชาชนมากยิ่งขึ้น”
     เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นเข้ามา สั่งอย่างเด็ดขาดมิให้พูดหรือสอนในพระนามพระเยซูเจ้าอีก เปโตรและยอห์นย้อนถามว่า “ท่านทั้งหลายจงตัดสินเถิดว่าอะไรเป็นการถูกต้องเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าจะฟังท่านหรือจะฟังพระเจ้า เราจำเป็นต้องพูดถึงสิ่งที่เราได้เห็นและได้ยินมา” ที่ประชุมขู่สำทับทั้งสองคนอีกครั้งหนึ่งแล้วปล่อยไป เพราะไม่พบสาเหตุที่จะลงโทษและเพราะกลัวประชาชน ทุกคนต่างถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                                    มก16:9-15
     หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพตอนเช้าตรู่วันต้นสัปดาห์แล้วพระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนแรกนางคือผู้ที่พระองค์เคยทรงไล่ปีศาจเจ็ดตนออกไปนางจึงไปบอกผู้ที่กำลังร้องไห้เป็นทุกข์ซึ่งเคยอยู่กับพระองค์เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินนางพูดว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่และนางเห็นพระองค์แล้วเขาก็ไม่เชื่อ
     หลังจากนั้นพระองค์ทรงสำแดงพระองค์ในรูปแตกต่างไปกับศิษย์สองคนซึ่งกำลังเดินทางไปชนบทเขาทั้งสองคนกลับมาเล่าให้คนอื่นฟังแต่คนเหล่านั้นก็ไม่เชื่อเช่นเดียวกัน
     ในที่สุดพระองค์ทรงสำแดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบเอ็ดคนขณะที่เขากำลังร่วมโต๊ะกินอาหารอยู่ทรงตำหนิพวกเขาที่ไม่ยอมเชื่อและมีใจแข็งกระด้างเพราะไม่ยอมเชื่อผู้ที่เห็นพระองค์เมื่อทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง

 

ข้อคิด
     ใครก็ตามที่ยอมรับพระเยซูเจ้า พระองค์สามารถเปลี่ยนความคิด ชีวิต และจิตใจของเขา การใช้เวลาอยู่กับพระเยซูเจ้าสนทนากับพระองค์ทำให้มารีย์ชาวมักดาลาสามารถเปลี่ยนความคิดทัศนคติจากที่เคยปรารถนาจะให้พระเยซูผู้ที่ตนรักอยู่ด้วยนานๆไปสู่การยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นและพร้อมที่จะทำตามความต้องการของบุคคลที่ตนรักเหมือนกับเปโตรและยอห์นที่สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาสมาชิกสภาซันเฮดรินในสิ่งที่พวกเขาได้พูดอย่างฉลาดทั้งๆที่ไม่เคยได้รับการศึกษามาก่อนในที่สุดสมาชิกสภาก็ระลึกได้ว่าพวกเขาเคยอยู่กับพระเยซูเจ้าบางทีในชีวิตหากคิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบางสิ่งแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรก็ลอง“วางใจ”ให้เวลาอยู่กับพระดูบ้างอาจพบคำตอบ

วันจันทร์ที่ 4เมษายน 2016 สมโภชการแจ้งสารเรื่องพระวจนาตถ์ทรงรับสภาพมนุษย์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                   อสย7:10-14
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกษัตริย์อาคัสอีกว่า “จงขอองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพระองค์ ให้ทรงส่งเครื่องหมายจากที่ลึกของแดนผู้ตาย หรือจากที่สูงเบื้องบนเถิด”แต่กษัตริย์อาคัสตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทูลขอ เราจะไม่ทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า”ประกาศกอิสยาห์จึงทูลว่า “ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทำให้มนุษย์เอือมระอายังไม่พออีกหรือ ทำไมท่านจึงทำให้พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเอือมระอาอีกเล่า ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายและนางจะเรียกเขาว่า ‘อิมมานูเอล’ แปลว่า ‘พระเจ้าสถิตกับเรา’”

 

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                         ฮบ10:4-10
     เพราะเลือดโคเพศผู้และเลือดแพะชำระบาปให้หมดสิ้นไปไม่ได้ดังนั้นเมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จมาในโลกจึงตรัสว่า “พระองค์ไม่มีพระประสงค์เครื่องบูชาและของถวายอื่นใดพระองค์จึงทรงเตรียมร่างกายไว้ให้ข้าพเจ้าพระองค์ไม่พอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป ข้าพเจ้าจึงทูลว่าข้าแต่พระเจ้าข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ในม้วนหนังสือมีข้อความเขียนเกี่ยวกับข้าพเจ้าไว้ว่า ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์”
พระคริสตเจ้าตรัสเป็นอันดับแรกว่าพระเจ้าไม่มีพระประสงค์และไม่พอพระทัยในเครื่องบูชาของถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาปทั้งๆที่มีกำหนดไว้ในธรรมบัญญัติแล้วจึงตรัสต่อไปว่าข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์พระคริสตเจ้าจึงทรงยกเลิกการถวายบูชาแบบเดิมและทรงตั้งการถวายบูชาแบบใหม่ขึ้นแทนโดยพระประสงค์นี้เองเราทั้งหลายได้รับความศักดิ์สิทธิ์เดชะการถวายพระวรกายของพระองค์เป็นการบูชาที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงกระทำแต่เพียงครั้งเดียวโดยมีผลตลอดไป

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                       ลก1:26-38
     เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิดท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร
     แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย”
     พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้นบุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป

 

ข้อคิด
    ชีวิตของนิโคเดมัสเปลี่ยนไปหลังจากที่เขาแสวงหาโอกาสวิธีการที่จะได้พบกับพระเยซูเมื่อได้พบก็เปิดใจสนทนากับพระองค์ที่สุดท่านได้เกิดเป็นบุคคลใหม่ที่มีใจรักในความยุติธรรมเช่นเดียวกับประสบการณ์ของบรรดาศิษย์ที่มีความกลัวการเบียดเบียนแต่ปรารถนาจะให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จไปพวกเขาจึงอธิษฐานภาวนาขอพลังพระจิตแห่งความกล้าหาญจากพระเจ้าหลังจากนั้นพวกเขาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมและเริ่มออกไปประกาศพระวาจาของพระเจ้าอย่างกล้าหาญดังนั้นเป็นการดีสำหรับเราคริสตชนไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตามพยายามที่จะแสวงหาพระเจ้าก่อนว่าพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน 2016 สัปดาห์ที่ 2เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                    กจ 5:12-16
     บรรดาอัครสาวกทำเครื่องหมายอัศจรรย์และปาฏิหาริย์หลายประการในหมู่ประชาชน ผู้มีความเชื่อทุกคนมักจะมาชุมนุมกันที่เฉลียงซาโลมอน ไม่มีผู้อื่นกล้าเข้ามารวมกลุ่มกับเขา แต่ประชาชนต่างยกย่องเขาอย่างมาก ผู้มีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งชายและหญิง ประชาชนนำผู้ป่วยมาที่ลานสาธารณะ วางไว้บนที่นอนและแคร่ อย่างน้อยเพื่อให้เงาของเปโตรที่เดินผ่านมาทอดปกคลุมผู้ป่วยบางคน ประชาชนจากเมืองต่างๆ รอบกรุงเยรูซาเล็มมาชุมนุมกัน นำผู้ป่วยและผู้ที่ถูกปีศาจชั่วร้ายทรมานมาที่นั่นด้วย ทุกคนได้รับการรักษาให้หาย

 

เพลงสดุดี                                                                           สดด 118:2 และ 4,22-24,25-27
     ก) เผ่าพันธุ์อิสราเอลจงกล่าวว่า
"ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์"
ผู้ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าจงกล่าวว่า
"ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์"
     ข) ศิลาซึ่งช่างก่อสร้างทิ้งไป
กลายเป็นศิลาหัวมุม
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำการนี้
เป็นสิ่งมหัศจรรย์แก่ตาของเรา
นี่คือวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้าง
เราจงยินดีและมีความสุขเถิด
     ค) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงช่วยให้รอดพ้น
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานชัยชนะเถิด
ท่านผู้มาในพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าจงได้รับพระพร
เราอวยพรท่านทั้งหลายจากบ้านขององค์พระผู้เป็นเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้า
พระองค์ประทานความสว่างแก่ชาวเรา
จงถือกิ่งไม้จัดขบวนแห่เถิด
จงเดินไปจนถึงเชิงงอนของพระแท่นบูชา

 

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์                                                     วว 1:9-11ก,12-13,17-19
     ข้าพเจ้าคือยอห์น พี่น้องผู้ร่วมทุกข์ในการถูกเบียดเบียนกับท่านทั้งหลาย ผู้ร่วมในพระอาณาจักรและในการเพียรทนเดชะพระเยซูเจ้า ข้าพเจ้ามาอยู่ที่เกาะชื่อ ปัทมอส เพราะพระวาจาของพระเจ้าและเพราะการเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้า ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าวันหนึ่ง พระจิตเจ้าทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าตกอยู่ในภวังค์ และได้ยินเสียงดังดุจเสียงแตรอยู่เบื้องหลังข้าพเจ้า เสียงนั้นกล่าวว่า “จงเขียนสิ่งที่ท่านเห็นไว้ในม้วนหนังสือ และส่งไปให้พระศาสนจักรทั้งเจ็ดแห่ง” ข้าพเจ้าหันไปดูว่าผู้ใดกำลังพูดกับข้าพเจ้า เมื่อหันไปแล้ว ข้าพเจ้าก็เห็นเชิงตะเกียงทองคำเจ็ดเชิง ในกลุ่มเชิงตะเกียงเหล่านั้นข้าพเจ้าเห็นผู้หนึ่งคล้ายบุตรแห่งมนุษย์สวมเสื้อยาวกรอมเท้า มีผ้าทองคาดที่อก
     เมื่อเห็นเขา ข้าพเจ้าล้มลงแทบเท้าของเขาเหมือนคนตาย แต่เขาวางมือขวาบนตัวข้าพเจ้า กล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นทั้งเบื้องต้นและบั้นปลาย เราเป็นผู้มีชีวิตเราตายไปแล้ว แต่บัดนี้เรามีชีวิตอยู่ตลอดนิรันดร เรามีอำนาจเหนือความตายและเหนือแดนผู้ตายดังนั้นจงเขียนสิ่งที่ท่านได้เห็น คือ สิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                     ยน 20:19-31
     ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่ เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิดพระบิดาทรงส่งเรามาฉันใดเราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น”
     ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า“จงรับพระจิตเจ้าเถิดท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใดบาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัยท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใดบาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”
โทมัส ซึ่งเรียกกันว่า “ฝาแฝด” เป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ไม่ได้อยู่กับอัครสาวกคนอื่นๆ เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมา ศิษย์คนอื่นบอกเขาว่า “พวกเราเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” แต่เขาตอบว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ และไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปู และไม่ได้เอามือคลำที่ด้านข้างพระวรกาย ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด” แปดวันต่อมา บรรดาศิษย์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก โทมัสก็อยู่กับเขาด้วย พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลางทั้งๆ ที่ประตูปิดอยู่ ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” แล้วตรัสกับโทมัสว่า “จงเอานิ้วมาที่นี่ และดูมือของเราเถิด จงเอามือมาที่นี่ คลำที่สีข้างของเราอย่าสงสัยอีกต่อไป แต่จงเชื่อเถิด” โทมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า”
พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า“ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเราผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็น ก็เป็นสุข”
พระเยซูเจ้ายังทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์อื่นอีกหลายประการให้บรรดาศิษย์เห็น แต่ไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ เรื่องราวเหล่านี้ถูกบันทึกไว้เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อนี้แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะมีชีวิตเดชะพระนามพระองค์

 

ข้อคิด
     ใครที่เปิดใจให้กับพระเจ้า“ความกลัว”จะถูกขจัดไปด้วยสันติสุขที่พระเจ้านำมาแทนที่เหมือนกับบรรดาอัครสาวกที่ไม่กล้าออกไปทำหน้าที่แต่เมื่อพวกเขาเปิดใจให้กับพระเยซูผู้มาประทับอยู่ด้วยพระองค์ทรงประทานพระจิตเจ้าให้กับพวกเขาเช่นเดียวประสบการณ์ของกลุ่มผู้มีความเชื่ออื่นๆที่ไม่กล้าเข้าร่วมกลุ่มกับบรรดาอัครสาวกเพราะกลัวการถูกเบียดเบียนแต่เมื่อพวกเขาเปิดใจมองดูเครื่องหมายอัศจรรย์แห่งความรักที่เกิดขึ้นในกลุ่มไม่ว่าจะเป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ความซื่อสัตย์จริงใจในหน้าที่ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสมาชิกในกลุ่มของพวกเขาทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตัวอย่างของนักบุญยอห์นในวิวรณ์ก็สอนเราเช่นเดียวกันที่แม้ท่านจะตกใจกลัวในเครื่องหมายที่ได้เห็นแต่เมื่อท่านเปิดใจฟังเสียงของพระเจ้าและปฎิบัติตามด้วยการบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นมรดกล้ำค่าที่ท่านได้เขียนจึงตกทอดมาถึงเราผู้อ่านทุกคน

วันอังคารที่ 5 เมษายน 2016 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                     กจ4:32-37
     เวลานั้น กลุ่มผู้มีความเชื่อดำเนินชีวิตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนมีเป็นกรรมสิทธิ์ของตน แต่ทุกสิ่งเป็นของส่วนรวม
     บรรดาอัครสาวกยังคงเป็นพยานยืนยันถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเครื่องหมายอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ และทุกคนได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง
ในกลุ่มของเขาไม่มีใครขัดสน ผู้ใดมีที่ดินหรือบ้านก็ขายและมอบเงินที่ได้ให้บรรดาอัครสาวก เพื่อแจกจ่ายให้ผู้มีความเชื่อแต่ละคนตามความต้องการ
     ชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ บรรดาอัครสาวกเรียกเขาว่า บารนาบัส ซึ่งแปลว่า บุตรแห่งการให้กำลังใจเขาเป็นคนเผ่าเลวีชาวเกาะไซปรัส เขามีที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งเขาขาย นำเงินมามอบให้บรรดาอัครสาวกด้วย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                     ยน3:7-15
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “อย่าประหลาดใจถ้าเราบอกท่านว่าท่านทั้งหลายจำเป็นต้องเกิดใหม่จากเบื้องบน ลมย่อมพัดไปในที่ที่ลมต้องการ ท่านได้ยินเสียงลมพัดแต่ไม่รู้ว่า ลมพัดมาจากไหน และจะพัดไปไหน ทุกคนที่เกิดจากพระจิตเจ้าก็เป็นเช่นนี้” นิโคเดมัสทูลถามพระองค์ว่า “เหตุการณ์เช่นนี้จะเป็นไปได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านเป็นอาจารย์ของชาวอิสราเอล ท่านไม่รู้เรื่องเหล่านี้หรือเราบอกความจริงแก่ท่านว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องที่เรารู้และเป็นพยานถึงเรื่องที่เราเห็น แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมรับคำยืนยันของเราถ้าท่านทั้งหลายไม่เชื่อเมื่อเราพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับโลกนี้ ท่านจะเชื่อได้อย่างไรเมื่อเราจะพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับสวรรค์
ไม่มีใครเคยขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจากผู้ที่ลงมาจากสวรรค์คือบุตรแห่งมนุษย์เท่านั้นโมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้นเพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร”

 

ข้อคิด
     “ความจริงใจ”เป็นสิ่งที่ใครๆก็ต้องการพระเยซูเจ้าสามารถเปลี่ยนความคิดของนิโคเดมัสจากที่เคยมีท่าทีของการเป็นศัตรูมาสู่การเป็นมิตรแท้เพราะพระองค์ทรงพูดในสิ่งที่รู้ยืนยันในสิ่งที่พระองค์เห็นเป็นพยานด้วยการดำเนินชีวิตของพระองค์เองศิษย์ของพระเยซูเจ้าก็เลียนแบบในสิ่งที่พระองค์สอนและกลุ่มของพวกเขาได้รับความเคารพนับถือไม่มีใครขัดสนเพราะพวกเขาจริงใจต่อกันเป็นพยานด้วยการดำเนินชีวิตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ยึดติดกับสิ่งที่ตนมีแต่พร้อมแบ่งปันให้กับคนที่ต้องการ .....อย่าลืมว่าผู้คนจะยอมรับในสิ่งที่เรารู้และพูดเมื่อพวกเขาเห็นในสิ่งที่เราปฎิบัติ