ผู้นำพระศาสนจักรในฟิลิปปินส์เรียกร้องให้มีการคุ้มครอง "แอมะซอนแห่งมหาสมุทร" (Church leaders in Philippines call for protected status of the "Amazon of Oceans")

     [แอมะซอนที่รัก (QUERIDA AMAZONIA) เป็นสมณลิขิตเตือนใจหลังสมัชชาของบรรดาบิชอป เกี่ยวกับสังคม วัฒนธรรม นิเวศวิทยา และพระศาสนจักร ออกโดยพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2020]

     [ทางเดินเกาะเวิร์ด (Verde Island Passage) เป็นช่องแคบที่กั้นระหว่างเกาะลูซอนและมินโดโรซึ่งเชื่อมระหว่างทะเลจีนใต้กับอ่าวทายาบัสและทะเลซิบูยันที่อยู่ถัดออกไป มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางด้านชีวภาพเป็นอย่างมาก และเป็นเส้นทางเดินเรือที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งในฟิลิปปินส์จากอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน]

     ผู้ประสานงานโครงการ "เลาดาโต ซี" ของสภาบิชอปแห่งฟิลิปปินส์ เรียกร้องให้มีการคุ้มครองทางทะเลเป็นพิเศษของ "ทางเดินเกาะเวิร์ด" นอกชายฝั่งเกาะมินโดโร (Mindoro) ในฟิลิปปินส์ หรือที่รู้จักในชื่อ "แอมะซอนแห่งมหาสมุทร" ซึ่งเป็นสถานที่เกิดการรั่วไหลของน้ำมันจำนวนมากเมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา บิชอปเกราร์โด อัลมินาซาแห่งซานคาร์ลอส (Bishop Gerardo Alminaza of San Carlos) ในฟิลิปปินส์เรียกร้อง "ความยุติธรรมสำหรับเหยื่อ"

     จากเหตุน้ำมันรั่วนอกชายฝั่งเกาะมินโดโร โศกนาฏกรรมที่ทำให้ชาวประมงท้องถิ่นหลายพันคนต้องสูญเสียวิถีชีวิตและทำลายสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่ปีแรกที่เกิดภัยพิบัติ บิชอปอัลมินาซาในฐานะผู้ประสานงานสูงสุดของโครงการ "เลาดาโต ซี" ของสภาบิชอปแห่งฟิลิปปินส์ พร้อมด้วยผู้นำคนอื่น ๆ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีความพยายามในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และเพื่อให้แน่ใจว่าภัยพิบัติดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น

ปกป้องอเมซอนแห่งมหาสมุทร (Protecting the "Amazon of Oceans")

     ความพยายามในการจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษรอบ ๆ "ทางเดินเกาะเวิร์ด" กำลังดำเนินการอยู่ และได้ประกาศให้เป็น "ภูมิทัศน์ทางทะเลที่ได้รับการคุ้มครอง" ตามกฎหมายของฟิลิปปินส์ที่กำหนดเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ บาทหลวงเอ็ดวิน การิเกซ (Edwin Gariguez) อดีตผู้อำนวยการคาริตัส (Caritas) ในฟิลิปปินส์เป็นโฆษกของกลุ่มสมาคมและชุมชนท้องถิ่นและระดับชาติ ที่ทำงานเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่นี้ และช่วยเหลือประชากรประมงชายฝั่งที่ต้องอาศัยและยังชีพ พื้นที่ที่รู้จักกันในชื่อ "อเมซอนแห่งมหาสมุทร" ประสบภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ เมื่อเรือบรรทุกน้ำมันที่บรรทุกน้ำมันอุตสาหกรรมจำนวน 900,000 ลิตรจมลงและทำน้ำมันหกรั่วไหลเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2023

     ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟีเดส (Fides News) บาทหลวงการิเกซกล่าวว่า "คุณภาพน้ำในทางเดินไม่เป็นไปตามมาตรฐานสำหรับน้ำที่ได้รับการคุ้มครอง" และผลกระทบร้ายแรงยังคงส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมประมงและเศรษฐกิจในท้องถิ่น นอกเหนือจากการทำให้สุขภาพตกอยู่ในความเสี่ยงแล้ว ควรจะมี "การคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเป็นทางการ" ของพื้นที่ดังกล่าว เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพก่อนที่จะสายเกินไป และเพื่อช่วยเหลือชุมชนประมงที่เปราะบาง

     ผู้นำพระศาสนจักรในฟิลิปปินส์เรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบต่อภัยพิบัติน้ำมัน ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ต้องทำ และ "ค่าชดเชยที่เพียงพอและทันเวลา โดยคำนึงถึงความเสียหายที่ชุมชนชาวประมงยังคงประสบอยู่อย่างแท้จริง" ชุมชนท้องถิ่นได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงอีกประการหนึ่งต่อพื้นที่เกี่ยวกับโครงการการขุดลอกพื้นที่ และการก่อสร้างสถานที่จัดเก็บก๊าซธรรมชาติ ผู้นำโครงการเลาดาโตซี ได้ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลฟิลิปปินส์พิจารณาโครงการเหล่านี้อีกครั้ง และให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ และการคุ้มครองชนเผ่าพื้นเมืองเป็นอันดับแรก

ความหวังผ่านทางความเป็นปึกแผ่น (Hope through solidarity)

     ในเวลาเดียวกัน สำนักข่าวฟีเดสรายงานว่า ภัยพิบัติดังกล่าวส่งผลให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกบางประการ เนื่องจากสภาบิชอปฟิลิปปินส์ตั้งข้อสังเกตว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากชุมชนในพื้นที่