มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

6. พระทรมาน (บทที่22-23)

6. พระทรมาน

การวางแผนกำจัดพระเยซูเจ้า ยูดาสทรยศต่อพระองค์

บทที่22
22 1เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อที่เรียกว่าปัสกากำลังจะมาถึง

2บรรดาสมณะและธรรมาจารย์คิดหาหนทางเพื่อกำจัดพระองค์ แต่ยังเกรงกลัวประชาชนอยู่b

3เวลานั้นซาตานได้เข้าสิงยูดาสที่เรียกกันว่าอิสคาริโอท และเป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสองคน

4ยูดาสได้เข้าไปเจรจากับบรรดามหาสมณะและนายทหารรักษาพระวิหารcว่าจะมอบพระองค์ได้อย่างไร 5คนเหล่านั้นมีความยินดีและตกลงจ่ายเงินให้

6ยูดาสยอมรับและพยายามหาโอกาสเหมาะเพื่อมอบพระองค์ให้แก่พวกเขาโดยที่ประชาชนไม่ทราบเรื่องนี้

 

การเตรียมงานเลี้ยงปัสกา

7ก่อนจะถึงเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อที่ต้องฆ่าลูกแกะปัสกา

8พระเยซูเจ้าตรัสใช้เปโตรและยอห์นว่า ‘จงไปจัดเตรียมการเลี้ยงปัสกาให้เราเถิด’

9เขาทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์ทรงพระประสงค์ให้เราจัดเตรียมที่ไหน?’

10พระองค์ตรัสตอบว่า ‘เมื่อท่านเข้าไปในกรุง ชายคนหนึ่งกำลังเดินแบกหม้อน้ำอยู่จะมาพบท่าน จงตามเขาไปในบ้านที่เขาจะเข้าไป

11และจงถามเจ้าของบ้านว่า “พระอาจารย์ถามว่าห้องที่เราจะกินปัสกากับบรรดาศิษย์นั้นอยู่ที่ไหน?”

12เขาจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบน มีพรมปูไว้ จงจัดเตรียมปัสกาที่นั่น’ 13ศิษย์ทั้งสองคนได้ออกไปและพบทุกสิ่งดังที่พระองค์ทรงบอกไว้ จึงได้เตรียมปัสกา

 

อาหารค่ำมื้อสุดท้าย

14เมื่อถึงเวลา พระเยซูเจ้าทรงเข้านั่งโต๊ะพร้อมกับบรรดาอัครสาวก

15พระองค์ตรัสกับเขาว่าd ‘เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะกินปัสกาครั้งนี้ร่วมกับท่านก่อนจะรับทรมาน

16เราบอกท่านทั้งหลายว่าเราจะไม่กินปัสกาอีกจนกว่าปัสกานี้จะเป็นความจริงeในพระอาณาจักรของพระเจ้า’

17พระองค์ทรงหยิบถ้วยขึ้นf ทรงขอบพระคุณตรัสว่า ‘จงรับถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่มเถิด

18เราบอกท่านทั้งหลายว่าตั้งแต่นี้ไปเราจะไม่ดื่มเหล้าจากผลองุ่นอีกจนกว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง’

 

การตั้งศีลมหาสนิทg
19พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ทรงขอบพระคุณ ทรงบิขนมปังประทานให้บรรดาศิษย์ตรัสว่า ‘นี่เป็นกายของเราที่ถูกมอบเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด’

20ในทำนองเดียวกัน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยตรัสว่า ‘ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเราซึ่งถูกหลั่งเพื่อท่านทั้งหลาย’h

 

พระเยซูเจ้าตรัสถึงการทรยศของยูดาส
21‘แต่ผู้ทรยศต่อเราอยู่ที่นี่ ร่วมโต๊ะกับเราด้วย

22บุตรแห่งมนุษย์กำลังจะจากไปตามที่มีกำหนดไว้ วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่ทรยศต่อบุตรแห่งมนุษย์!

23บรรดาศิษย์จึงถามกันว่าผู้ใดหรือจะทำการนี้

ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุด?i

24บรรดาศิษย์โต้เถียงกันว่า ในกลุ่มของตนผู้ใดควรได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุด

25พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า ‘กษัตริย์ของคนต่างชาติย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ที่มีอำนาจย่อมได้รับนามว่าผู้มีบุญคุณ

26แต่ท่านทั้งหลายจงอย่าเป็นเช่นนั้น ท่านที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดจงทำตนเป็นผู้น้อยที่สุด ผู้ที่เป็นผู้นำจงเป็นผู้รับใช้

27ใครเล่ายิ่งใหญ่กว่ากัน ผู้ที่นั่งโต๊ะหรือผู้รับใช้? มิใช่ผู้ที่นั่งโต๊ะดอกหรือ? แต่เราอยู่ท่ามกลางท่านเหมือนกับผู้รับใช้จริงๆ!”

พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะประทานรางวัลแก่บรรดาอัครสาวก

28‘ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่ได้ยืนหยัดอยู่กับเราในการทดลองที่เราได้รับ

29เราจัดพระอาณาจักรให้ท่านทั้งหลายดังที่พระบิดาทรงจัดไว้ให้เรา 30ท่านจะได้กินและดื่มร่วมโต๊ะกับเราในพระอาณาจักรและจะนั่งบนบัลลังก์พิพากษาอิสราเอลทั้งสิบสองตระกูล

พระเยซูเจ้าทรงทำนายว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์

31j‘ซีโมน ซีโมน! จงฟังเถิด ซาตานได้ขอและพระเจ้าทรงอนุญาตให้ซาตานทดสอบท่านทั้งหลายเหมือนฝัดข้าวสาลี

32แต่เราได้อธิษฐานอ้อนวอนเพื่อท่านให้ความเชื่อของท่านมั่นคงตลอดไป และเมื่อท่านกลับใจแล้ว จงช่วยค้ำจุนพี่น้องของท่านเถิด’k

33เปโตรทูลตอบว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าพร้อมแล้วที่จะอยู่กับพระองค์แม้จะต้องเข้าคุกหรือจะต้องไปตายพร้อมกับพระองค์’

34พระองค์ตรัสว่า ‘เปโตรเอ๋ย เราบอกท่านว่า วันนี้ไก่ยังไม่ทันขัน ท่านจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง’

 

วิกฤตการณ์ที่จะมาถึง
35พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า ‘เมื่อเราได้ส่งท่านทั้งหลายไปโดยไม่มีถุงเงิน ไม่มีย่าม ไม่มีรองเท้า ท่านขาดสิ่งใดบ้าง?’

36เขาเหล่านั้นตอบว่า ‘ไม่ขาดสิ่งใดเลย’ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า ‘แต่บัดนี้ ผู้ใดมีถุงเงิน จงนำไปด้วย ผู้ใดมีย่ามก็จงนำไปเช่นเดียวกัน ผู้ใดไม่มีดาบ ก็จงขายเสื้อคลุมเพื่อซื้อดาบเถิดl

37เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้อยคำที่พระคัมภีร์กล่าวถึงเราว่า “เขาจะถูกนับอยู่ในหมู่คนอธรรม” จะต้องเป็นความจริง’

38บรรดาศิษย์ทูลว่า “พระเจ้าข้า ที่นี่มีดาบสองเล่ม” พระองค์ตรัสว่า ‘พอแล้ว!’

ภูเขามะกอกเทศm

39พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่นไปยังภูเขามะกอกเทศเช่นเคย บรรดาศิษย์ตามเสด็จไปด้วย

40เมื่อเสด็จถึงที่นั่นแล้ว พระองค์ตรัสกับเขาเหล่านั้นว่า ‘จงอธิษฐานภาวนาเถิด เพื่อจะไม่ถูกทดลอง’

41แล้วพระองค์เสด็จห่างออกไปจากบรรดาศิษย์ประมาณระยะปาก้อนหิน ทรงคุกเข่าลงnอธิษฐานภาวนาว่า

42‘พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ โปรดทรงนำถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด กระนั้นก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์เถิด’

43ทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏมาถวายพละกำลังแด่พระองค์

44พระองค์ทรงอยู่ในความทุกข์กังวลอย่างสาหัส จึงทรงอธิษฐานอย่างมุ่งมั่นยิ่งขึ้น พระเสโทตกลงบนพื้นดินประดุจหยดโลหิตo

45พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการอธิษฐานภาวนา เสด็จไปพบบรรดาศิษย์ซึ่งหลับอยู่ด้วยความโศกเศร้า

46พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า ‘นอนหลับทำไม? จงลุกขึ้นอธิษฐานภาวนาเถิดเพื่อจะไม่ถูกทดลอง’

 

พระเยซูเจ้าทรงถูกจับกุม
47ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสอยู่นั้น คนหมู่หนึ่งก็มาถึง ยูดาสหนึ่งในบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสองคนเป็นผู้นำ ยูดาสเข้ามาใกล้พระเยซูเจ้าเพื่อจุมพิตพระองค์

48พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘ยูดาส ท่านใช้การจุมพิตเพื่อทรยศบุตรแห่งมนุษย์หรือ?’

49เมื่อบรรดาศิษย์ที่อยู่กับพระองค์เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็ทูลว่า ‘พระเจ้าข้า พวกเราใช้ดาบฟันได้ไหม?’

50แล้วศิษย์คนหนึ่งได้ฟันผู้รับใช้ของมหาสมณะ ตัดใบหูข้างขวาของเขา

51แต่พระเยซูเจ้าตรัสว่า ‘หยุดเถิด พอแล้ว’ ทรงสัมผัสหูและทรงรักษาเขา

52พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดามหาสมณะ นายทหารผู้รักษาพระวิหารและบรรดาผู้อาวุโสซึ่งมาจับกุมพระองค์ว่า ‘เราเป็นโจรหรือ ท่านทั้งหลายจึงถือดาบ ถือไม้ตะบองมาจับเรา”

53เราอยู่กับท่านทุกวันในพระวิหาร ท่านก็ไม่จับกุมเราเลย แต่นี่เป็นเวลาของท่าน เป็นอำนาจของความมืด’

 

เปโตรปฏิเสธพระเยซูเจ้า

54เขาทั้งหลายได้จับกุมพระเยซูเจ้าp และนำพระองค์เข้าไปในบ้านของมหาสมณะ เปโตรติดตามไปห่างๆ

55คนในบ้านมหาสมณะจุดไฟขึ้นที่กลางลานบ้าน เปโตรจึงเข้าไปนั่งรวมอยู่กับคนเหล่านั้นด้วย

56หญิงรับใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งข้างกองไฟ จึงจ้องหน้า พูดว่า ‘คนนี้อยู่กับเขาด้วย’

57แต่เปโตรปฏิเสธว่า ‘นางเอ๋ย ข้าพเจ้าไม่รู้จักเขา’

58ต่อมาไม่นาน อีกคนหนึ่งเห็นเปโตร จึงพูดว่า ‘ท่านเป็นคนหนึ่งในพวกเขาด้วย’ แต่เปโตรตอบว่า ‘ไม่ใช่ดอก เพื่อนเอ๋ย’q

59หนึ่งชั่วโมงต่อมา อีกคนหนึ่งกล่าวย้ำว่า ‘แน่ทีเดียว คนคนนี้อยู่กับเขาด้วย เพราะเป็นชาวกาลิลี’

60แต่เปโตรตอบว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านกำลังพูดอะไร’ เปโตรพูดยังไม่ทันขาดคำ ไก่ก็ขัน

61องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวมามองเปโตร เปโตรจึงระลึกถึงพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสกับเขาว่า ‘วันนี้ ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง’ 62เปโตรจึงออกไปข้างนอก และร้องไห้อย่างขมขื่น

 

บรรดาทหารเยาะเย้ยพระเยซูเจ้าr

63ผู้ที่ควบคุมพระเยซูเจ้าสบประมาทเยาะเย้ยและทุบตีพระองค์

64เอาผ้าปิดพระเนตรและถามพระองค์ว่า ‘ทายซิว่า! ใครตีเจ้า?’

65เขายังได้พูดกล่าวร้ายพระองค์อีกมากมาย

 

พระเยซูเจ้าทรงถูกพิพากษาคดีในสภาสูงของชาวยิวs

66ครั้นรุ่งเช้า บรรดาผู้อาวุโสt มหาสมณะและธรรมาจารย์ร่วมประชุมกัน สั่งให้นำพระองค์มาอยู่ต่อหน้าสภาสูง

67และกล่าวว่า ‘ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ จงบอกเราเถิด’ พระองค์ตรัสตอบว่า ‘ถ้าเราบอกท่าน ท่านก็ไม่เชื่อ

68ถ้าเราถามท่าน ท่านก็ไม่ตอบ

69ตั้งแต่บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์จะประทับu ณ เบื้องขวาพระอานุภาพของพระเจ้า

70ทุกคนจึงกล่าวว่า ‘ดังนั้น ท่านเป็นบุตรของพระเจ้าใช่ไหม?’v พระองค์ตรัสตอบว่า ‘ท่านพูดเองนะว่าเราเป็น’

71คนเหล่านั้นจึงกล่าวว่า ‘เราจะต้องการพยานอะไรอีก? เราได้ยินจากปากของเขาแล้ว’w

 

บทที่23

23 1ทุกคนในที่ประชุมได้ลุกขึ้น นำพระองค์ไปมอบให้ปิลาต

พระเยซูเจ้าต่อหน้าปิลาตa
2เขาเหล่านั้นได้ตั้งข้อกล่าวหาพระองค์โดยกล่าวว่า “เราได้พบคนคนนี้ยุยงประชาชนของเรา ห้ามเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิ และอ้างว่าตนเป็นพระคริสต์ กษัตริย์”

3ปิลาตจึงถามพระองค์ว่า ‘ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?’ พระองค์ตรัสตอบว่า ‘ท่านพูดเองนะ’

4ปิลาตจึงกล่าวแก่บรรดามหาสมณะและประชาชนว่า ‘เราไม่พบความผิดข้อใดในคนคนนี้’

5แต่พวกเขาย้ำอีกว่า ‘เขาก่อกวนประชาชน เที่ยวสั่งสอนทั่วแคว้นยูเดีย โดยเริ่มตั้งแต่แคว้นกาลิลีจนถึงที่นี่’

6เมื่อปิลาตได้ยินดังนี้จึงถามว่า “คนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือไม่?”

7เมื่อทราบว่าพระองค์ทรงอยู่ในอาณัติของกษัตริย์เฮโรด จึงส่งพระองค์ไปให้กษัตริย์เฮโรด ซึ่งในขณะนั้นประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มด้วย

 

พระเยซูเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของกษัตริย์เฮโรดb

8เมื่อกษัตริย์เฮโรดทอดพระเนตรเห็นพระเยซูเจ้า ก็ทรงยินดีมาก เพราะทรงได้ยินกิตติศัพท์เกี่ยวกับพระเยซูเจ้า ทรงประสงค์จะเห็นพระองค์มานานแล้ว และทรงหวังจะได้เห็นอัศจรรย์จากพระเยซูเจ้าบ้าง

9กษัตริย์เฮโรดทรงถามพระเยซูเจ้าหลายเรื่อง แต่พระเยซูเจ้ามิได้ทรงตอบแต่ประการใด

10บรรดามหาสมณะและธรรมาจารย์ซึ่งอยู่ที่นั่นร่วมกันกล่าวหาพระเยซูเจ้าอย่างรุนแรง

11กษัตริย์เฮโรดพร้อมกับบรรดาทหารสบประมาทเยาะเย้ยพระเยซูเจ้า ให้พระองค์สวมเสื้อสีฉูดฉาดc และส่งกลับไปมอบให้แก่ปิลาต

12กษัตริย์เฮโรดและปิลาตซึ่งแต่ก่อนเป็นศัตรูกัน ก็กลับกลายเป็นเพื่อนกัน

 

พระเยซูเจ้าต่อหน้าปิลาตอีกครั้งหนึ่ง

13ปิลาตได้เรียกประชุมบรรดามหาสมณะ บรรดาผู้นำและประชาชน

14แล้วกล่าวแก่เขาว่า ‘ท่านทั้งหลายได้นำชายผู้นี้มาหาเราในฐานะเป็นผู้ยุยงประชาชนให้กบฏ เราไต่สวนเขาต่อหน้าท่านทั้งหลายแล้ว แต่ไม่พบว่าเขามีความผิดประการใดตามที่ท่านกล่าวหา

15กษัตริย์เฮโรดก็ไม่ทรงพบความผิดประการใดด้วย จึงทรงส่งเขากลับมาให้เราอีก ท่านก็เห็นแล้วว่า เขาไม่ได้ทำผิดที่ควรจะมีโทษถึงตาย

16เพราะฉะนั้น เราจะสั่งให้เฆี่ยนเขา แล้วปล่อยไป’d (17)

18แต่ประชาชนร้องตะโกนพร้อมกันว่า ‘ฆ่าเขาเสีย! ปล่อยบารับบัสให้เรา’

19(บารับบัสผู้นี้ถูกจำคุกเพราะได้ก่อการจลาจลขึ้นในเมืองและได้ฆ่าคน)

20ปิลาตปรารถนาที่จะปล่อยพระเยซูเจ้า จึงพูดกับประชาชนอีก

21แต่คนเหล่านั้นร้องตะโกนกลับมาว่า ‘เอาไปตรึงกางเขน’ เอาเขาไปตรึงกางเขน!’

22ปิลาตได้กล่าวแก่ประชาชนเป็นครั้งที่สามeว่า ‘เขาทำผิดอะไร? เราไม่พบว่าเขาทำผิดอะไรที่ควรจะมีโทษถึงตาย เพราะฉะนั้น เราจะให้เฆี่ยนเขาและปล่อยไป’f

23แต่ประชาชนยังคงตะโกนเสียงดังต่อไป ขอให้เอาพระองค์ไปตรึงกางเขน และเสียงของประชาชนดังขึ้นๆ

24ปิลาตจึงตัดสินให้เป็นไปตามคำเรียกร้องของประชาชน

25ปล่อยคนที่ถูกจำคุกเพราะก่อการจลาจลและฆ่าคน และมอบพระเยซูเจ้าให้เขาจัดการตามความพอใจ

 

ทางไปสู่ที่ประหาร
26ขณะที่บรรดาทหารกำลังนำพระองค์ออกไป ได้เกณฑ์ชายคนหนึ่งชื่อซีโมนชาวไซรีนซึ่งกำลังกลับจากชนบท วางไม้กางเขนบนบ่าของเขาให้แบกตามพระเยซูเจ้า

27ประชาชนจำนวนมากติดตามพระองค์ไปด้วยรวมทั้งสตรีกลุ่มหนึ่งgซึ่งข้อน-อกคร่ำครวญถึงพระองค์

28พระเยซูเจ้าทรงผินพระพักตร์มาทางสตรีเหล่านี้ ตรัสว่า ‘ธิดาเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้สงสารเราเลย แต่จงร้องไห้สงสารตนเองและลูกๆเถิด

29เพราะวันนั้นจะมาถึง เมื่อประชาชนจะกล่าวว่า “หญิงที่เป็นหมัน ครรภ์ที่มิได้ให้กำเนิดบุตร และนมที่มิได้เลี้ยงลูกก็เป็นสุข!”

30เวลานั้นประชาชนจะพูดกับภูเขาว่า “จงถล่มลงมาทับเราเถิด!” และพูดกับเนินเขาว่า “จงกลบเราไว้เถิด!”

31เพราะถ้าเขาทำกับไม้สดเช่นนี้ อะไรจะเกิดขึ้นกับไม้แห้งเล่า?’h

32บรรดาทหารนำผู้ร้ายสองคนไปประหารพร้อมกับพระองค์ด้วย

 

พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนi

33เมื่อมาถึงสถานที่ที่เรียกว่าเนินหัวกระโหลก บรรดาทหารได้ตรึงพระองค์ที่นั่นพร้อมกับผู้ร้ายสองคน คนหนึ่งอยู่ข้างขวาและอีกคนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย

34jพระเยซูเจ้าตรัสว่า ‘พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่’k ทหารได้นำเสื้อผ้าของพระองค์ไปจับสลากแบ่งกัน

 

พระคริสตเจ้าบนไม้กางเขนทรงถูกเยาะเย้ย

35ประชาชนยืนดูอยู่ที่นั่น ส่วนบรรดาผู้นำเยาะเย้ยพระองค์ว่า ‘เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ ก็ให้เขาช่วยตนเองซิ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร’

36แม้แต่บรรดาทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย เขานำน้ำส้มเข้ามาถวาย 37พลางกล่าวว่า ‘ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตนเองให้รอดพ้นซิ’

38มีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า ‘ผู้นี้คือกษัตริย์ของชาวยิว’

 

ผู้ร้ายที่กลับใจ

39ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พูดกล่าวร้ายพระองค์ว่า ‘แกเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ?l จงช่วยตนเองและช่วยเราให้รอดพ้นด้วยซิ’

40แต่อีกคนหนึ่งดุเขากล่าวว่า ‘แกไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือที่มารับโทษเดียวกัน?

41สำหรับพวกเราก็ยุติธรรมแล้ว เพราะเรารับโทษสมกับการกระทำของเรา แต่ท่านผู้นี้มิได้ทำผิดเลย’

42แล้วเขาทูลว่า ‘ข้าแต่พระเยซู โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์จะเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระองค์’m

43พระองค์ตรัสตอบเขาว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์’

 

พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์
44ขณะนั้น เป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน ทั่วแผ่นดินมืดไปจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายสามโมงn

45เพราะดวงอาทิตย์มืดลง ม่านในพระวิหารฉีกขาดตรงกลาง 46พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า ‘พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์’ เมื่อตรัสดังนี้แล้ว ก็สิ้นพระชนม์

 

หลังจากสิ้นพระชนม์
47เมื่อนายร้อยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า กล่าวว่า ‘ชายคนนี้เป็นผู้ชอบธรรมแน่ทีเดียว’

48ประชาชนที่มาชุมนุมกันดูเหตุการณ์นี้ เมื่อเห็นว่าได้เกิดอะไรขึ้น ก็ข้อน-อก พากันกลับไป

49ทุกคนที่รู้จักคุ้นเคยพระองค์ รวมทั้งบรรดาสตรีที่ติดตามพระองค์มาจากแคว้นกาลิลีต่างยืนอยู่ห่างๆ คอยดูเหตุการณ์นี้

การฝังพระศพของพระเยซูเจ้า

50ชายคนหนึ่งชื่อ โยเซฟเป็นสมาชิกในสภาสูงของชาวยิว เป็นคนดีและชอบธรรม

51เขาไม่เห็นด้วยกับมติและการกระทำของสภา เขามาจากเมืองอาริมาเธีย เมืองหนึ่งของชาวยิวและรอคอยพระอาณาจักรของพระเจ้า

52ชายผู้นี้ไปหาปิลาต ขอพระศพของพระเยซูเจ้า

53เขาเชิญพระศพลงมา เอาผ้าป่านห่อไว้ นำไปวางไว้ในคูหาซึ่งขุดไว้ในหิน คูหานั้นยังไม่เคยบรรจุศพผู้ใดเลย

54วันนั้นเป็นวันเตรียมสมโภช และวันสับบาโตกำลังเริ่มแล้วo

55บรรดาสตรีที่มากับพระองค์จากแคว้นกาลิลี ได้ตามโยเซฟไปด้วย ได้เห็นพระคูหา และสังเกตดูว่าพระศพถูกวางไว้อย่างไร

56บรรดาสตรีจึงกลับไป จัดเตรียมเครื่องหอมและน้ำมันหอม แต่ในวันสับบาโต เขาได้หยุดพักตามบทบัญญัติ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown